ตอนที่ 6
เมื่อแยกกันกับโตมรแล้วอาทิตยะก็ขับรถออกจากสถานบันเทิงเพื่อตรงกลับบ้าน ซึ่งขณะนี้เวลาประมาณตีสองกว่าๆ ทำให้ถนนโล่งแทบจะไม่ค่อยมีรถวิ่งให้เห็นมากนัก ชายหนุ่มนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ด้วยอาการกรึ่มๆ ถึงเมาเป๋เลยทีเดียว เพราะทุกครั้งที่สองหนุ่มได้เที่ยวดื่มด้วยกันเมื่อไหร่ เป็นไม่มีใครเตือนใครได้เลย นอกจากจะดื่มกันไม่ยั้ง
เขาพยายามพารถมาจนถึงหน้าประตูรั้วบ้านคุณหญิง ชายหนุ่มบีบแตรอยู่หลายครั้งกว่าที่ตาแป๊ะคนสวนที่มีที่พักอยู่ด้านหน้าใกล้รั้วจะตื่นขึ้นมาเปิดให้ ตาแป๊ะเปิดประตูรั้วให้หลังจากเห็นว่าเป็นรถของใครด้วยท่าทางงัวเงีย
อาทิตยะเปิดกระจกรถก่อนจะยื่นหน้าออกมากล่าวกับคนสวนเก่าแก่
ขอบจายน้า ตาแป๊ะ อึก เขาพูดกับคนสวนด้วยเสียงยานคางลักษณะคนเมา
ตาแป๊ะเกาหัวตัวเองก่อนจะตอบ เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เมื่อรถของอาทิตยะผ่านหน้าไปแล้ว ตาแป๊ะมองตามหลังรถไปก่อนจะพูดกับตัวเอง ท่าจะเมามาก เฮ้อออ
**######################**
เสียงกุกกัก กุกกัก ดังมาแว่วๆจากทางบานประตูห้องของเธอ ทำให้รัตติกาลสดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อยๆพยายามเงี่ยหูฟังเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงนั้นดังมาจากทิศใด
เสียงนั้นยังดังอยู่เป็นระยะๆ จนเธอต้องทำหน้าขมวดคิ้วด้วยคาวมสงสัยปนหวาดๆ เพราะเสียงมันเหมือนกับว่ามีคนพยายามที่จะดันประตูห้องของเธอเข้ามา
รัตติกาลพยายามตั้งสติ ก่อนจะค่อยๆเปิดมุ้งและ ก้าวเท้าลงจากเตียงนอนด้วยเสียงที่เบากริบ หญิงสาวค่อยๆเอื้อมมือไปคว้าแจกันใบหย่อมที่วางอยู่ติดกับเตียงก่อนจะเดินย่องๆโดยใช้ปลายเท้าค่อยๆแตะพื้นเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง
รัตติกาลเดินมาจนเกือบจะถึงบานประตูที่มีลักษณะเป็นบานพับสองบานปิดเข้าหากัน เธอพยายามเพ่งมองลอดช่องเล็กๆที่มีแสงไฟจากหัวเสาด้านนอกที่เปิดไว้ในเวลากลางคืน
เธอมองเห็นเงาคนตะคุ่มๆลางๆ เหมือนพยายามผลักประตูอยู่เป็นระยะๆ เป็นเพราะแสงไฟส่องมาจากด้านหลังของคนที่พยายามดันประตูทำให้เธอมองเห็นหน้าไม่ถนัด หญิงสาวกำมือที่ถือแจกันไว้จนแน่นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น เพราะตอนนี้อาวุธที่จะป้องกันตัวได้ก็เห็นจะมีแต่แจกันที่อยู่ในมือของเธอเท่านั้น
หญิงสาวแทบจะกลั้นหายใจเมื่อทั้งเสียงและแรงที่พยายามดันประตูมีมากขึ้นจนเธอ แทบจะร้องไห้ เพราะตั้งแต่เธอเกิดมายังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน อีกทั้งประตูไม้ที่มีเพียงไม้ท่อนเล็กเสียบไว้มันก็เริ่มขยับเขยือนจนเกือบจะหลุดเพราะแรงผลักนั้น
รัตติกาลสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ก่อนจะตั้งท่าเตรียมสู้
อีกด้านของประตู อาทิตยะใช้มือทั้งสองข้างจับที่จับประตูเขาทั้งเขย่าทั้งผลักทั้งดันอยู่นานด้วยอาการและแรงของคนเมา คือรวบรวมกำลังได้ก็พยายามจะเปิดประตูให้ได้ พอหมดแรงก็เอาตัวพิงกับประตูไว้ เป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้ง จนครั้งสุดท้ายเขาพิงประตูอยู่นานก่อนจะรวบรวมแรงที่มีผลักประตูจนสุดแรง
ด้วยความเมาบวกกับที่ใช้แรงไปเยอะ อีกทั้งธรณีประตูที่ขวางไว้อีก ทำให้อาทิตยะที่ผลักประตูอย่างแรงถึงกับหน้าคะมำตามแรงหลังจากบานประตูที่เขาผลักเปิดออก เป็นจังหวะเดียวกันกับ รัตติกาลที่รอจะจัดการกับคนที่เธอนึกว่าเป็นขโมย หญิงสาวชูมือที่ถือแจกันเอาไว้ทั้งสองมือฝาดลงมายังบุคคลตรงหน้าสุดแรง แต่ด้วยท่าทางและจังหวะที่ผิดพลาด ทำให้แจกันในมือเธอได้แค่เฉียดไปที่ศรีษะของชายหนุ่ม ถึงแม้จะไม่โดนจังๆแต่มันก็ทำให้ชายตรงหน้าเธอ ถึงกับร้องเสียงหลงออกมา
โอ้ย!!! เอ้ย!!
โครม! เสียงร้องบวกกับเสียงดังโครมครามตามมา
อาทิตยะล้มลงมา ทำให้รัตติกาลเซเสียหลักล้มลงตามลงมาด้วย ชายหนุ่มทั้งเจ็บทั้งหมดแรงจนไม่มีแรงขยับเขยื้อนตัว ที่ทาบทับลงมาบนตัวของหญิงสาว ผิดกับรัตติกาลที่ทั้งดันทั้งผลักทั้งดิ้นรนสุดแรงเกิดเพื่อให้ตัวหลุดออกมาจากการล้มทับของเขา จนในที่สุดเธอก็โวยวายออกมา
ช่วยด้วย!! ช่วยด้วยค่ะ! ใครก็ได้ช่วยฟ้าด้วย เอ้ยยย อือ เฮ้ย! ออกไปนะ ช่วยด้วย
มีอะไรลูก!! ฟ้าเป็นอะไร คุณหญิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของตัวบ้านตะโกนถามและไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปเปิดไฟ หญิงชราเดินอย่างเร็วตามกำลังของเธอ และเปิดไฟทุกดวงที่เธอเดินผ่าน
ขณะเดียวกันแม่บ้านและสาวใช้ทีพักอยู่ห้องด้านล่างของตัวบ้านก็รีบวิ่งขึ้นมาสมทบ ด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ โดยเฉพาะหล้าสาวใช้วัยเกือบ 20 ปี เธอถือไม้กวาดติดมือขึ้นมาด้วยในลักษณะเตรียมพร้อม เมื่อ หญิงสาววัยต่างกันทั้งสามคน มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องที่เกิดเหตุ และภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ทุกคนที่ก่อนหน้านี้มีสีหน้าตกใจ เปลี่ยนมาเป็นสงสัยกับแปลกใจแทน
เพราะภาพตรงหน้าคือหลานชายของเธอนอนคว่ำหน้าทับมาบนตัวของหญิงสาวที่คุณหญิงเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก และที่พื้นก็มีแจกันกับดอกไม้กระจัดกระจายอยู่ เมื่อรัตติกาลเห็นคนมาช่วยเธอก็รีบพูดออกไป
คุณยาย!! ช่วยฟ้าด้วยค่ะ หญิงสาวตะโกนพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจแต่มือก็พยายามจะดันตัวคนที่ทับเธออยู่ด้วยความยากเย็น
คุณหญิงหันไปบอกให้หล้าไปช่วยดึงอาทิตยะให้ออกจากตัวรัตติกาล หล้าทิ้งไม้กวาดลงพื้นก่อนจะรีบเดินเข้าไปช่วยยกตัวชายหนุ่มขึ้นมา
เช้าวันรุ่งขึ้น
อาทิตยะยกมือขึ้นมากุมที่ศรีษะตัวเองพร้อมกับทำหน้าตาเหยเกด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา เขากระพริบตาอยู่สองสามครั้งก่อนจะเอื้อมมือไปที่โต๊ะหัวเตียงโดยไม่มองด้วยความเคยชินเพื่อหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา ชายหนุ่มควานมือไปทั่วๆได้ไม่นานก็หันมามอง พอไม่เห็นนาฬิกาเขาก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองให้ลูกขึ้นนั่ง
ชายหนุ่มใช้สายตากวาดไปรอบๆตัว อย่างช้าๆด้วยความมึนงง พลันสายตาก็ไปสดุดกับสิ่งหนึ่ง นั้นคือโต๊ะเครื่องแป้งไม้สักตัวขนาดไม่ใหญ่มากที่ตั้งอยู่ติดกับฝาไม้ด้านขวามือของเขา บนนั้นมีลิปสติกและข้าวของเครื่องใช้ซึ่งเขาแน่ใจว่ามันไม่ใช่ของของเขาแน่นอน
อาทิตยะขมวดคิ้วอีกครั้งพร้อมกับพยายามใช้ความคิด และยกมือขึ้นมากุมศรีษะตัวเองแล้วก็ต้องแปลกใจอีกรอบ ชายหนุ่มลูบหน้าผากข้างซ้ายของตัวเองหลังจากมือไปสัมผัสโดนอะไรบางอย่าง
เอ้ย! อูยย เขาอุทานออกมาเบาๆอย่างลืมตัว แต่ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออกเสียงเคาะประตูก็ดังมาก่อนที่มันจะเปิดออก
อาทิตยะมองไปที่ประตูก็พบหญิงสาวร่างบางหน้าตาบอกบุญไม่รับกำลังก้าวข้ามธรณีประตูเพื่อเข้ามา ชายหนุ่มขยับตัวนิดนึงพร้อมทั้งทำสีหน้าประหลาดใจแต่ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยอะไร เสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังของหญิงสาว
ตื่นแล้วใช่ไหมลูก เสียงของคุณย่าของเขานั้นเอง คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นหลานชายนั่งทำตาปริบๆอยู่บนเตียง
รัตติกาลเบี่ยงตัวหลบนิดนึงเพื่อให้คุณหญิงเดินเข้ามานั่งที่ปลายเตียง เมื่อคุณหญิงนั่งลงแล้วเธอก็เอ่ยถามหลานชายอีกครั้งด้วยน้ำเสียงห่วงใยกับสีหน้าที่เป็นกังวล
เป็นไงบ้างลูก
ชายหนุ่มทำหน้าสงสัยกับคำถามของผู้เป็นย่า ทำให้คุณหญิงต้องพูดต่อ
ที่หัวเราน่ะ เป็นไงบ้างเจ็บมากมั้ย
อาทิตยะยกมือขึ้นจับที่ศีรษะตัวเองอีกครั้งก่อนจะตอบ
อ๋อ! ก็...ครับเจ็บครับ แต่...เอ่อ...คุณย่าครับ..แล้ว..ผมไปโดนอะไรมาเหรอครับ..ผมจำไม่ได้จริงๆ
ชายหนุ่มถามผู้เป็นย่าด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาของหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่พื้นข้างๆคุณย่าของเขา เขารู้สึกว่าสายตาของเธอนั้นมันเหมือนกำลังยิ้มเยาะสมน้ำหน้าเขายังไงบอกไม่ถูก
ก็เรานะสิ เมาจนไม่รู้เรื่อง มาพังประตูห้องยายฟ้าเขา ดีน้า...โดนแค่เฉียดๆ คุณหญิงอธิบายให้หลานชายฟัง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะถามต่อ โดน โดนอะไรเหรอครับ
คุณหญิงยิ้มบางๆก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา และในระหว่างที่เธอเล่านั้นคุณหญิงก็วานให้รัตติกาลช่วยดูแผลที่ศรีษะของชายหนุ่ม
แม้ใจจริงรัตติกาลจะไม่อยากทำแผลหรือต้องทำอะไรให้กับเขา แต่เพราะคุณหญิงเอ่ยปากเธอจึงจำใจที่จะต้องทำ
รัตติกาลขยับตัวลุกขึ้นมานั่งลงบนเตียงโดยนั่งในลักษณะเผชิญหน้ากับชายหนุ่มโดยมีคุณหญิงนั่งอยู่ทางด้านหลังไปทางปลายเตียง
เธอเอื้อมมือไปจับผ้าก๊อตที่ปิดอยู่ที่หน้าผากของชายหนุ่มด้วยท่าทางคล่องแคล่ว โดยสายตาก็จับจ้องไปที่แผลนั่นโดยไม่ใส่ใจกับสายตาของชายหนุ่มที่เหลือบมองมายังเธอ
หญิงสาวเปิดผ้าออกมาก็พบว่ารอยแผลที่เธอได้ฝากเอาไว้เมื่อคืน คือมันบวมแดงมีรอยถลอกเป็นทางไม่ยาวมากนักแต่ก็มีเลือดซึมออกมาหน่อยๆ ซึ่งเธอเองนึกเสียดายอยู่ว่าถ้าเธอแม่นกว่านี้อีกสักหน่อย แผลนี้คงได้เย็บกันบ้างไม่มากก็น้อย
ระหว่างที่คุณหญิงเล่า รัตติกาลก็ทำแผลให้เขาใหม่ซึ่งเธอเองทำแบบไม่นุ่มนวลออกจะใส่แรงลงไปบ้างในบางจังหวะ ทำให้ชายหนุ่มต้องเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่เขาก็ไม่กล้าบ่นเพราะหลังจากทราบเรื่องทั้งหมด ชายหนุ่มได้แต่แอบมองเธอด้วยสายตาที่จะว่าสำนึกผิดก็ไม่เชิง เพราะเขาก็ยังคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุเขาไม่ได้มีเจตนาจะเข้าห้องของเธอ แต่เป็นเพราะเขาเมามาก
เสร็จแล้วเหรอลูก
คุณหญิงทักหลังจากเห็นรัตติกาลเก็บเครื่องมือทำแผลลงกล่อง
ค่ะ คุณยาย
รัตติกาลตอบพร้อมกับหยิบยาแก้ปวดส่งให้กับชายหนุ่ม เธอยื่นยาให้กับเขาแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ ชายหนุ่มยกมือขึ้นมารับยาก่อนจะรับน้ำจากเธอที่ส่งมาตามหลัง เมื่อจัดการทำแผลให้ยาชายหนุ่มแล้ว รัตติกาลก็ลุกขึ้นเดินกลับมานั่งลงที่พื้นตามเดิม
กินยาแก้ปวด ก่อนนะลูก แล้วนี่จะไปทำงานไหวมั้ยเนี่ย คุณหญิงถามหลานชายหลังจากเห็นเขากินยาแล้ว
อือ..สงสัยคงต้องหยุดสักวันครับ ชายหนุ่มตอบ
แล้ว จะลุกกลับไปนอนที่ห้องตัวเองไหวมั้ย
ครับ ไหวครับ อาทิตยะตอบพร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง แต่พอจะยืนขึ้นเต็มตัว ชายหนุ่มก็ทรุดลงไปนั่งที่เตียงอีกครั้งเหมือนคนยังไม่หายทั้งเมาทั้งมึน จนคุณหญิงที่ยืนมองอยู่ต้องหันมาวานให้ รัตติกาลช่วย
ฟ้า ฟ้าช่วยประคองพี่เขาหน่อยลูก
รัตติกาลทำหน้าเหวอนิดนึง ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียง เธอหยุดยืนเฉยๆโดยไม่ทำอะไร จนสบสายตาสงสัยของคุณหญิง รัตติกาลจึงจำใจต้องก้มตัวลงไปพร้อมทั้งยื่มมือไปจับแขนชายหนุ่มเพื่อช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้น
อาทิตยะเหลือบตามองหญิงสาวนิดนึงก่อนจะใช้มืออีกข้างยันให้ตัวเองลุกขึ้นอีกแรง เมื่อชายหนุ่มยืนขึ้นได้แล้วเขาก็ทำท่าจะเซ รัตติกาลจึงต้องยกแขนของเขาขึ้นมาพาดที่คอของเธอและมืออีกข้างของเธอก็เอื้อมไปโอบเอวของเขาเอาไว้
รัตติกาลพยายามจะไม่มองหน้าเขา เธอค่อยๆประคองชายหนุ่มให้เดินมาห้องนอนของเขา โดยมีคุณหญิงเดินตามมาทางด้านหลัง เมื่อถึงหน้าประตูห้อง
เดี๋ยวฟ้า พาพี่เขาเข้าไปก่อนนะ ยายจะเรียกให้หล้ามันยกข้าวขึ้นมาให้
ค่ะ คุณยาย รัตติกาลรับคำก่อนจะประคองพาชายหนุ่มก้าวข้ามธรณีประตูไป
เมื่อถึงเตียงรัตติกาลจงใจปล่อยตัวชายหนุ่มอย่างแรงทำให้เขาถึงกลับตกใจ ก่อนจะพูด
นี่เธอ
อะไร รัตติกาลลอยหน้าตอบทันทีก่อนจะพูดต่อเหมือนบ่นกับตัวเองด้วยความเสียดาย ไม่น่าพลาดเล้ยยย ให้ตายเถอะ
อาทิตยะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม ไม่น่าพลาดอะไร
ก็หัวคุณนะสิ ฉันไม่น่าพลาดเลยไม่งั้นนะ ฮึ! รัตติกาลทำน้ำเสียงหยันๆ
ไม่งั้นทำไม
ไม่งั้นคุณก็คงได้ไปนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องมานอนให้คนในบ้านต้องลำบากลำบนนะสิ
เหรอ ฮึ! เสียดายด้วยนะ แต่ยังไงมันก็พลาดไปแล้ว แล้วเธอคงต้องลำบากลำบนอีกเยอะ
อะไรของคุณ!! ใครจะลำบากลำบน
อาทิตยะค่อยๆขยับตัวจัดท่าทางตัวเองนอนลงอย่างสบายอารมณ์โดยไม่สนใจสายตาคาดคั้นกับคำถามที่จะเอาคำตอบของเธอ
รัตติกาลจ้องมองชายหนุ่มด้วยท่าทางโมโหแบบเอาเรื่อง จนอาทิตยะต้องหันมาสบตาเธอเขาทำท่าทางและสายตากรุ้มกริ่มเพื่อต้องการจะแกล้งเธอ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วๆ
ออกไปได้แล้ว ไม่ต้องเฝ้าหรอก หรือเธออยากจะเฝ้าฉัน งั้นก็หาที่นั่งป่ะ เอ่อ แล้วถ้าข้าวมาเรียกด้วยนะหิวแล้ว
อาทิตยะพูดจบก็หันหลังนอนตะแคง ชายหนุ่มยิ้มออกมาบางๆที่มุมปากด้วยความสนุกที่เขาสามารถแกล้งยั่วให้เธอโมโหได้ ชายหนุ่มได้ยินเสียงฟึดฟัดๆอยู่ครู่หนึ่งและตามมาด้วยเสียงปิดประตูออกจะดังอยู่สักหน่อยทำให้รู้ว่าผู้ปิดอยู่ในอารมณ์ไหน เมื่อเสียงเงียบลง ชายหนุ่มค่อยๆหันกลับมามองที่ประตูก่อนจะเผลอยิ้มออกมา และก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อนึกได้ บ้าไปแล้ว..แล้วเราจะยิ้มทำไมเนี่ย เฮ้อ
**##############################**
โอ้! โอ้! พอ พอแล้วครับ คุณฟ้า ลึกไปแล้ว ตาแป๊ะที่นั่งย่องๆ อยู่ใกล้ๆร้องทักหญิงสาวด้วยความตกใจกับขนาดของหลุมที่เธอกำลังขุดอยู่ ก่อนจะเอ่ยต่อ กุหลาบต้นเล็กนิดเดียวเองครับ ทำไมขุดดินซะลึกขนาดน้าน ชายแก่ที่เป็นทั้งครูที่สอนเธอเรื่องต้นไม้ทั้งเป็นคนสวนเก่าแก่ของบ้านร้องทักเมื่อเห็นหลุมดินที่หญิงสาวกำลังขุดด้วยความแปลกใจ รัตติกาลสดุ้งนิดนึงก่อนจะหันมายิ้มๆให้ตาแป๊ะ แหะแหะ โทษทีค่ะ ฟ้าลืมตัวไปหน่อย หึหึ
ตาแป๊ะมองหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดูก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงล้อๆ ไม่หน่อยแล้วละครับเนี่ย ดูสิขุดซะอย่างกับจะลงเสาเข็ม หึหึ
ด้วยความที่ชายแก่เห็นหญิงสาวมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ทำให้เขากล้าที่จะล้อเธอ
รัตติกาลได้แต่ยิ้มๆ ก่อนจะรับต้นกุหลาบจากตาแป๊ะมาปลูกและทำหลุมให้เหมาะกับขนาดของต้นไม้ด้วยความตั้งใจ และใช้เวลาอยู่ในสวนช่วยตาแป๊ะดูแลต้นไม้ตั้งแต่ตอนสายๆจนเกือบจะบ่าย
**#################################**
มีต่อ
จากคุณ |
:
เงาไทร
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ส.ค. 54 13:11:31
|
|
|
|