Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปีกหิมพานต์ ตอนที่ 2 ติดต่อทีมงาน

2 ฝันที่เป็นจริง

"ปัง!"

พนักงานเวรเปลยกเตียงลงจากรถพยาบาล แรงกระแทกของเตียงฉุกเฉินกับพื้นทำให้พลอยเจ็บแปลบที่หัว เธอลืมตาที่หนักอึ้งขึ้นช้าๆ อย่างยากเย็น แม้พอจะมองเห็นภาพต่างๆ แต่ก็เลือนรางไม่ชัดเจนนัก เสียงตะโกนวุ่นวายด้วยประโยคอันคุ้นเคยของคนทำงานห้องอีอาร์ทำให้เธอรู้ว่าขณะนี้ เธอมาถึงโรงพยาบาลแล้ว

อย่างนั้น...สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ก็คือความฝันทั้งหมดใช่ไหม ป่าดงดิบ น้ำตกใหญ่ งูยักษ์ นาคราช หรือกระทั่งปลาที่เธอกินลงไป ทุกอย่างเป็นความฝันถึงแม้จะเหมือนจริงมากก็ตาม

"รถชนค่ะ หัวกระแทกเข้ากับขอบฟุตบาท ตามลำตัวไม่มีบาดแผลมีแต่รอยฟกช้ำ ตอนอยู่บนรถไม่รู้สึกตัวเลยเพิ่งจะมาลืมตาเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าสภาพ ณ ที่เกิดเหตุ สลบไปทันทีหลังถูกชนแต่ไม่มีการหยุดหายใจ" เสียงพยาบาลรายงานกับหมอดึงความคิดพลอยกลับมาสู่โลกแห่งความจริง

"อืม...ดี ผลอีเคจีไม่แย่มาก(1) เอาไปทำซีที สแกนก่อน(2)" เสียงหมอสั่งพยาบาลให้ทำการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดก่อนเดินจากไปอย่างรีบเร่ง "มีหมอศัลย์คนไหนเข้าเวรคืนนี้บ้าง" เสียงตะโกนของหมอยังแว่วมาเข้าหู

"อะไรกัน!" พลอยตกใจ นี่เธออาการหนักขนาดต้องทำซีที สแกนเลยหรือ แล้วที่ถามหาศัลยแพทย์นั้นอีก อย่าบอกนะว่าเธอมีอาการintracranial bleeding หรือ epidural hematoma(3) รุนแรงถึงขั้นต้องเข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน

"เวรเปล! ทางนี้จ้าเวรเปล!" เสียงพยาบาลคนเดิมส่งเสียง ก่อนเงาดำของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นด้านข้างขอบเตียง

"พลอย...อย่าเป็นอะไรไปนะลูก" เสียงสั่นเครือของแม่ดังขึ้นด้านข้างก่อนจับมือเธอไปกุมไว้แน่น ต่อจากนั้นพลอยก็ได้ยินเสียงแม่ร้องไห้โฮ

แม่จ้า...ดังหยาดน้ำทิพย์ชโลมใจ คนถูกรถชนรู้สึกยินดีที่มีมารดามายืนอยู่ใกล้ๆ พยายามส่งเสียงร้องเรียกแม่แต่ทำไม่ได้เลย หญิงสาวรู้สึกหายใจไม่ออก เพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้ได้หนอ เรี่ยวแรงของเธอสูญหายไปไหนหมด พยายามจับมือตอบแม่ก็ทำไม่ได้อีก

"ญาติคนไข้ เชิญทางนี้ค่ะ" ใครคนหนึ่งพูดขึ้น ผ่านไปสักครู่เสียงนั้นก็เรียกซ้ำอีกรอบ "คุณเป็นแม่คนไข้ใช่ไหมคะ พยาบาลขอถามประวัติคนไข้หน่อยค่ะ"

"ดะ เดี๋ยวแม่มา นะ นะลูก" มือที่ถูกกุมไว้ของพลอยถูกแม่บีบแรงขึ้นอีกก่อนคลายออกเพื่อวางลงบนเตียงเบาๆ แต่เสียงสะอื้นไห้ของแม่ไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงเลย

ผู้ที่ถูกเรียกว่าคนไข้ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง นึกเห็นภาพปลาตัวใหญ่ที่เธอกินในความฝันดิ้นแถทุรนทุรายไปตามพื้นเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดแวบผ่านเข้ามา บางอย่างซึ่งพลอยไม่เข้าใจทำให้มีลางสังหรณ์แปลกๆ เธอรู้สึกกลัวว่าการจากไปของแม่ครั้งนี้จะกลายเป็นการจากกันที่ยาวนาน เธอไม่อยากให้แม่ปล่อยมือเลย แต่ถึงพยายามยื้อมือข้างนั้นของแม่เอาไว้สุดฤทธิ์ก็ทำไม่ได้ ใจหายวูบเมื่อมือแม่หลุดไป น้ำตาแห่งความเสียใจเอ่อล้นออกมา

"แม่...แม่อย่าทิ้งพลอยไปนะ อย่านะ อย่าไป..."

พลอยได้ยินเสียงร้องไห้ถอนใจสะท้อนดังเป็นระยะๆ ของมารดาห่างออกไปทีละน้อยๆ พยายามเค้นแรงทั้งหมดที่เหลือร้องเรียกแม่แต่กลายเป็นว่า ความเจ็บปวดที่ศีรษะถาโถมเข้ามาอีกครั้ง

"เจ็บ...ทำไมถึงเจ็บขนาดนี้...ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยพลอยที แม่..."

ปลาตัวนั้นผ่านเข้ามาในความคิดอีกครั้ง นี่เธอกำลังเป็นเหมือนมันใช่ไหม ต่อให้ดิ้นรนทุรนทุรายเท่าไหร่ ก็สายเกินไปเสียแล้ว





เสียงน้ำตกใหญ่ยังก้องดังกังวานอยู่ในโสตประสาท พระอาทิตย์ยามบ่าย ซ่อนตัวอยู่หลังม่านหมองสีขาวของไอน้ำ คนที่เพื่อนๆ คอยเป็นห่วงอยู่เสมอรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งเพราะใครคนหนึ่งกำลังเขย่าเธอเข้าที่แขน ศตรรฆนั้นเอง

“เจ้า...เจ้าเป็นอะไรไปอีก เหตุใดนอนหลับแล้วร้องไห้แบบนี้ เจ้าฝันร้ายหรือ”

ผู้ที่สามารถร้องไห้ได้ทั้งหลับอยู่เอามือปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นนั่ง มาตอนนี้พลอยรู้สึกกลัวว่าสิ่งที่เธอเห็นทั้งหมดนี่ไม่ใช่ความฝัน แต่มันเป็นความจริง เธอถูกรถชนขณะเดินทางกับหอพักหลังจากไปเอาหนังสือกันุช หรือเธอตายแล้ว วิญญาณจึงได้เดินทางมาที่นี่ ที่ๆ คนตรงหน้าบอกเธอว่าคือป่าหิมพานต์

"แม่...แม่จ๋า" ผู้ที่ถูกเรียกว่าลูกมนุษย์คร่ำครวญ น้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจซึ่งไหลรินออกมาอย่างหยุดไม่ได้ทำให้เธอไม่สนใจว่ามีใครกำลังจ้องมองอยู่ สมมุติว่าเธอตายไปแล้วจริงๆ แล้วแม่เล่า...เธอจะมีโอกาสได้เห็นแม่อีกไหม ดวงใจเหมือนดิ่งหายลงสู่เหวลึก

เจ้าหนุ่มผิวสีเห็นตนทำอะไรไม่ได้จึงถอยออกมานั่งเอาหลังพิงต้นไม้รอให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์

ปล่อยร้องไห้อยู่พักใหญ่จนดูเหมือนเริ่มดีขึ้น ผู้อ้างตนว่าเป็นนาคราชจึงเอ่ยถาม “ตกลงเจ้าเป็นอะไรกันแน่ เหตุใดจึงร้องไห้เป็นเผาเต่าแบบนี้”

พลอยสะอึกสะอื้นส่ายหน้าไปมา รู้สึกสับสนด้วยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไปดีจึงตอบไปอย่างเศร้าๆ ว่า "ไม่รู้เหมือนกัน...พี่ ไม่ซิ ฉัน ฉันถูกรถชน ฉัน...คงตายไปแล้วมั๊ง"

ครั้นอีกฝ่ายได้ยินสรรพนามแปลกๆ ก็ถามอีก "สิ่งใดคือฉัน สิ่งใดคือรถชน"

คำของศตรรฆทำให้พลอยได้คิด จริงซินะ หากที่นี่คือป่าหิมพานต์จริง ผู้คนที่นี่จะรู้จักรถยนต์ได้อย่างไร นักศึกษาพยาบาลจึงนึกหาคำใหม่มาอธิบายให้คู่สนทนาฟัง

"ฉัน ก็คือตัวข้า" เธอเอานิ้วชี้ใส่ตัวเอง "ฉันถูกรถยนต์ สิ่งที่พวกมนุษย์ใช้สำหรับเดินทางกระแทกเอาน่ะ คล้ายตกจากที่สูงกระแทกพื้น"

"สิ่งที่ใช้เดินทางอย่างม้าหรือช้างใช่ไหม ข้าไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เจ้าบอกดอกนะ แต่หากเจ้าถูกช้างชน ก็อาจสิ้นชีวิตได้"

"อะ...อืม" พลอยพยักหน้ารับ ถึงจะหยุดร้องไห้มาสักครู่แล้วแต่เธอก็ยังคงอาการถอนใจสะท้อนอยู่เป็นระยะๆ

"แปลกมากๆ หากเจ้าตายไปแล้วจริง ความดียังไม่ถึงขั้นขึ้นสวรรค์ความชั่วยังไม่ถึงขั้นลงนรกแต่ต้องมาเกิดอยู่ยังป่าหิมพานต์ก็น่าจะมาแบบปกติ เพราะเหตุใดเจ้าจึงผุดขึ้นมาแบบจำเรื่องราวในอดีตชาติของตนได้เล่า นี่แปลว่าเจ้าต้องไม่ใช่พวกโอปปาติก(4) อย่างพวกเทวดา มาร พรหมดอก" ศตรรฆหยุดใคร่ครวญก้มหน้าเอามือจับคางอย่างใช้ความคิดอีกครั้ง "ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของพวกมนุษย์ที่เข้ามายังป่าหิมพานต์อยู่บ้างเช่นกัน แต่มนุษย์พวกนั้นเป็นพวกอริยบุคคล เป็นสงฆ์สาวกพระพุทธเจ้า เป็นพวกกิเลสใกล้หมดจึงสามารถถอดจิตข้ามภพมาได้ อย่างเจ้า...เอาแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่รู้จักสงบสติอารมณ์เช่นนี้ ไม่มีทางเป็นมนุษย์ประเภทที่ข้ากล่าวมาแล้วนั่นดอก"

ถูกกัดด้วยวาจาตลอดแบบนี้ ลูกมนุษย์อย่างเธอก็ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเจ้าพญานาคปากดีนี่แล้ว

"เฮ้อ! ถามอะไรก็ไม่ตอบ แล้วนี่เจ้าจะทำอย่างไรต่อไปกัน" เขายังเซ้าซี้

"ไม่รู้! ไม่รู้! ไม่รู้อะไรทั้งนั้น! อย่ามาถามได้ไหม!" พลอยตะโกนใส่ศตรรฆ รู้สึกคับแค้นและไม่เข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอ ก่อนเริ่มต้นร้องไห้โฮอีกรอบ

ฝ่ายผู้ซักถามเห็นไม่ได้ความอะไรแล้วก็กลับนั่งลงที่เดิม รอการสงบสติอารมณ์ครั้งใหม่





ณ ก้นหุบของเหวลึก

หลังจากผู้ที่อยากออกตามหานางอันเป็นที่รักจัดการซากนกอินทรีทั้งตัวแทบไม่เหลือขน แม้กำลังจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหากแต่ยังไม่สามรถใช้พลังอสูรเพื่อแปลงกลายได้ เมื่อลองใช้ดอกศรนาคบาศปักลงบนผนังหุบซึ่งเป็นหินแล้วโหนกายดู ปรากฏว่ามันสามารถรับน้ำหนักของร่างเขาได้ เขาจึงใช้ดอกศรปักหน้าผาแล้วปีนตามขึ้นไป แม้จะเหนื่อยจนแทบขาดใจจวนเจียนปล่อยร่างตกสู่ก้นเหว แต่ท้ายที่สุดเขาก็สามารถขึ้นมายืนอยู่กลางลานหิมะบนยอดเขาสูงอันเคยเป็นสถานที่ต่อสู้ระหว่างพญากุมภัณฑ์และเหล่าครุฑ

เป็นเวลาเย็นแล้ว อกิญจน์เหลียวมองรอบกายเพื่อเสาะหาเส้นทางลงจากเขา แสงสีส้มแดงของอาทิตย์ยามอัสดงย้อมอาบไกรลาสสีเงินยวงให้เปลี่ยนสี ช่างเหมือนกับวันนั้นเหลือเกิน วันที่เขาต้องสูญเสียนาง ความห่วงใยโหยหาหวนกลับมาบีบรัดใจรุนแรงขึ้น ผู้มีสายเลือดยักษ์ครึ่งกายไม่รอช้า ทิ้งร่างให้ลื่นไถลไปกับหิมะตามยถากรรม แต่มีหลายครั้งจวนเจียนจะชนเข้ากับก้อนหินที่ขว้างทางอยู่ เขาก็สามารถใช้คันศรดีดร่างออกมาได้จนรดพ้น แต่สิ่งไม่คาดคิดย่อมเกิดขึ้น

ครืน!!! เสียงกึกก้องกัมปนาทดังกระหึ่มทั่วทั้งเทือกเขา

เพราะความรีบร้อนเคลื่อนกายเกินไปทำให้หิมะตามร่องเขาทรุดตัวตามมา ฝุ่นควันแห่งคลื่นหิมะถาโถมถล่มลงสู่พื้นเบื้องล่างซัดเอาร่างบางปลิวลมติดม้วนลงมาด้วย แรงอัดกระแทกทำให้เจ้ายักษ์กระอักเลือดจนแทบหมดร่าง และก่อนที่สติสุดท้ายจะดับลง อกิญจน์ดึงศรนาคบาศมากอดไว้แนบกาย





ในเวลาเดียวกัน ณ ลานหินริมแอ่งกว้างเหนือน้ำตกใหญ่ พระอาทิตย์ที่ดูหม่นหมองด้วยหมอกแห่งละอองน้ำเคลื่อนคล้อยต่ำลงมาหลบอยู่หลังแนวต้นไม้สูง แสงสลัวๆ ของบรรยากาศโดยรอบช่วยขับกองไฟสีแดงแห่งพิษพญานาคให้ดูอบอุ่นและปลอดภัยขึ้นมาก ศตรรฆปล่อยให้พลอยร้องไห้จนพอใจก่อนออกไปจับปลามาให้อีกตัว

ปลาตัวใหญ่ถูกโยนลงมาดิ้นเร่าๆ ข้างหญิงสาวที่นั่งกอดอกชันเข่าก้มหน้าอยู่บนพื้น

"นายไปจับปลามาทำไมกัน! เอาไปปล่อยเถอะ สงสารมัน" นักเรียนพยาบาลตกใจที่เห็นปลา รีบลุกขึ้นพยายามเข้าไปจับเพื่อเอาไปปล่อยคืนที่น้ำตก แต่ปลาตัวโตและดิ้นแรงมาก เธอจึงร้องขอให้ผู้จับปลาเข้ามาช่วย "เร็วๆ เข้า เดี๋ยวมันตาย"

"ข้าไม่ได้เป็นนายเจ้า" เจ้านาคไม่เพียงไม่ช่วย เอาแต่ยืนมองแถมทำหน้าเซ็งๆ "ปลาตัวนี้ถูกข้ากัดไปแล้วต่อให้โยนลงน้ำก็ต้องตายอยู่ดี เจ้าไม่อยากกินข้าก็ไม่ต้องกินด้วยหรืออย่างไร"

หญิงสาวจนด้วยเหตุผล ยอมให้ปลาตัวนั้นดิ้นตายไปในที่สุด ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าชีวิตนั้นช่างมีค่านัก ชีวิตใครใครก็รัก บางทีปลาตัวนั้นอาจมีแม่รอคอยอยู่เหมือนเธอก็ได้ เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่จึงทานมังสวิรัติเพราะท่านไม่ต้องการพรากชีวิตใครเพื่อมาต่อชีวิตท่าน ต่อไปนี้เธอจะขออธิษฐานจิต จะไม่ขอพรากชีวิตใครมาต่อชีวิตของเธออีกแล้ว แต่ป่าบริเวณนี้มีระกำกอโตขึ้นอยู่มากมาย บางทีอาจหาผลระกำมากินแก้หิวได้ จริงดังคาด เดินเข้าป่าไปได้หน่อยเดียวก็เจอระกำสีแดงสดพวงโต ถึงจะเจ็บเพราะถูกหนามระกำแทงมือตอนเข้าไปเก็บแต่ก็ดีกว่าต้องกินปลาเป็นไหนๆ

เดินออกห่างกองไฟไม่นานก็รู้สึกหนาว หมอกเริ่มจับตัวหนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้มองเห็นทางไม่ชัด สาวน้อยรีบเดินกลับมายังกองไฟ ไม่ลืมหอบผลระกำกลับมาฝากเพื่อนนาคราชของเธอด้วย

"กินไหม"

"ไม่ละ ข้าไม่ใช่ลูกมนุษย์อย่างเจ้านี่ จะได้กินของพวกนี้เป็น" เจ้านาคตอบ

จริงซิ เธอลืมเสียสนิท เขาเป็นพวกรับประทานเนื้อนี่นา

"เจ้าร้องไห้มาทั้งวันจนตาขาวกลายเป็นตาแดงเหมือนพวกพญามารแล้ว ข้าละสงสารลูกมนุษย์อย่างเจ้านัก เอาอย่างนี้ดีไหม ข้าจะยอมเสียสละความสุขส่วนตน ยอมเดินทางไปหาปู่ฤาษีเร็วขึ้นเพื่อพาเจ้าไปพบท่าน ปู่ฤาษีของข้ามีฤทธิ์และเก่งมาก บางทีท่านอาจช่วยเจ้าได้"

สิ้นคำศตรรฆ พลอยถึงกับตาโต กระตือรือร้นสดชื่นขึ้นมาทันใด ดวงใจที่มืดมนเหมือนมีลำแสงน้อยๆ แวบส่องสว่างผ่านเข้ามา

"จริงหรือ แล้วทำไมไม่ยอมบอกกันตั้งแต่แรกนะ"

"ก็กำลังบอกอยู่" เขาตอบกวนๆ อย่างเคย

"ไปกันเถอะ" พลอยรีบชวน เธอไม่อยากเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว

"ไม่ได้! ไม่ได้! ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้ว จงนอนพักเอาแรงเถิด เดินทางตอนกลางคืนอันตรายยิ่ง เจ้าไม่รู้ฤๅ"

แม้นึกเสียใจที่ไม่สามารถออกเดินทางได้ทันทีแต่พลอยก็เห็นด้วยในเรื่องความปลอดภัย เธอไม่เคยใช้ชีวิตอยู่กลางป่าเขาแบบนี้มาก่อน ป่าดงดิบอันอุดมสมบูรณ์แบบนี้ต้องมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่มากมายแน่นอน

"เอ้า! เอานี่ไป" เชือกกลมๆ ที่คล้องคอศตรรฆถูกดึงยืดออกให้ยาวขึ้น ก่อนถูกโยนข้ามหัวสาวน้อยมาตกลงบนพื้น

คนที่ถูกเรียกว่าลูกมนุษย์ต้องแปลกใจอีกครั้งที่เห็นเชือกกลมๆ หน้าตาธรรมดา ยืดได้ง่ายดายแบบนี้

"ข้านี่ช่างดีกับเจ้าแท้ๆ ยอมเสียสละความสุขส่วนตนไม่พอ ยังยอมเสียสละเกราะแก้วขดนี้ให้เจ้าอีก" เขาเดินวนไปรอบๆ เพื่อดึงและจัดแนวเชือกให้เป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสามเมตร

"นอนในนี้ดีๆ นา อย่ากลิ้งออกมาข้างนอกเด็ดขาด ตายไปคราวนี้ข้าคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้แล้ว" ผู้มีผิวเป็นเกล็ดสั่งก่อนเดินจากไป

ถึงไม่ค่อยเข้าใจในคำสั่ง แต่พลอยก็ไม่คิดจะเคลื่อนย้ายออกจากวงเชือกแน่นอนเพราะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก

"แล้วนายละ" เธออดถามไม่ได้

"นี่ตกลง เจ้าเรียกข้าว่านายหรือ ดีๆ ข้าชอบ นายอย่างข้าก็ต้องกลับลงไปนอนในน้ำ หรือเจ้าอยากให้ข้านอนอยู่เป็นเพื่อนเจ้ากัน ฮาๆ"

พลอยแลบลิ้นย่นจมูกตอบไปให้ นึกในใจว่า "เอาอีกแล้วตานี่ ทำไมถึงชอบพูดกวนอารมณ์กันนักก็ไม่รู้"

"ขอให้เจ้าหลับให้สบายภายในเชือกเกราะแก้วของข้าเถิด" ศตรรฆหันมาพูดเสียงราบเรียบ เพียงสิ้นคำ นักศึกษาพยาบาลผูมาจากโลกมนุษย์ก็รู้สึกง่วงขึ้นมาในทันใด เปลือกตาเริ่มหนัก สมองรู้สึกมึนๆ เธอจึงค่อยๆ เอนกายนอนลงช้าๆ และหลับไปอย่างรวดเร็ว

คืนแรกของการมาเยือนหิมพานต์ ผู้ซึ่งนอนหลับอย่างไม่รู้ตัวในวงเชือกหารู้ไม่ว่า รอบๆ ลานโล่งของกองไฟพิษนั้น ได้มีเหล่านักล่ายามราตรีวนเวียนไปมาหมายสังหารมนุษย์อย่างเธอ บาปบุญหรือวาสนาใดหนอ อันทำให้ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว พญานาคเกล็ดนิลตนนี้ได้อธิษฐานขอพบเจอเธอผู้นี้เอาไว้ เธอจึงได้รับการปกป้องจากเขาจนสามารถพ้นภัยของการตกเป็นเหยื่อเป็นโอชะได้





มืด...ความมืดมิดและความเหน็บหนาว สองสิ่งอันคุ้นเคยซึ่งได้แทรกซึมไหลวนอยู่ในทุกอณูของร่างกาย วันนี้กลับมีแสงสว่างน้อยๆ อันอบอุ่นฉายแววขึ้นมาแทนที่ มันคือสิ่งใดกัน หลังจากพยายามเพ่งมองดูสักครู่ สิ่งนั้นก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นที่ละน้อยๆ และสว่างขึ้นทุกทีๆ นกกระสากระดาษนั่นเอง

"ข้าเขียนกลอนไว้ให้เจ้า" เสียงนางผู้มอบนกน้อยอันพับจากกระดาษที่เก็บคำกลอนไว้ดังขึ้นในห้วงแห่งความคิด

"ปณารี..." อกิญจน์เพ้อ เขารู้สึกตัวค่อยๆ ลืมตาขึ้นเห็นลำแสงสีแดงของเช้าวันใหม่ แดดแม้ยังอ่อนอยู่ แต่ก็แรงพอที่จะทำให้ดวงตาของผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในความมืดมานานปวดแปลบได้ เขายกมือขึ้นปิดบังใบหน้าจากดวงอาทิตย์ ฝืนพยุงร่างอันเจ็บร้าวเพราะถูกหิมะพุ่งชนลุกขึ้นนั่ง นึกในใจว่าช่างโชคดีแท้ที่ไม่ถูกหิมะทับไว้ด้านล่าง หากเป็นเช่นนั้นเขาอาจจบชีวิตลงแล้วก็เป็นได้

หลังปล่อยให้ร่างกายอาบแสงแดดอันอบอุ่นซึ่งไม่เคยเห็นมานานอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มต้นมองหาศรนาคบาศ โอรสพญาขรแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าทั้งคันศรและกระบอกดอกศรได้วางอยู่ไม่ไกลนัก นึกอัศจรรย์ใจในพรของพระนารายณ์ว่าช่างประเสริฐแท้ หลังคว้าคันศรมาได้ก็ใช้ยันกายลุกยืน

ณ หุบเขาราบเรียบแห่งนี้ซึ่งเป็นปลายทางของหิมะที่ถล่มลงมา เบื้องล่างไกลออกไปสุดสายตาคือแนวป่าสนสีดำ ชายหนุ่มอุทานขึ้นอย่างดีใจ "ดีจริง! ถึงตีนเขาแล้ว!"

ผู้มีสองสายเลือดในกายสาวเท้าก้าวเดิน ไม่นึกเสียใจเลยที่ต้องเจ็บตัวเพราะอุบัติเหตุ ก็มันสามารถพาเขามาได้ไกลถึงเพียงนี้





ยามเช้ามาเยือน แสงแดดจากพระอาทิตย์ดวงเดียวกันส่องเป็นลำลอดผ่านยอดไม้ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้ว พลอยตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เธอไม่ได้หลับเต็มตื่นแต่หัวค่ำยันเช้าแบบนี้มานานแล้วด้วยว่าต้องขึ้นวอร์ดฝึกงานบ้าง อ่านตำราสอบบ้าง

ที่แอ่งน้ำใหญ่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ไอน้ำสีขาวค่อยๆ ลอยตัวขึ้นจากผืนน้ำอย่างอ้อยอิ่ง หญิงสาวอดตกใจไม่ได้ที่จู่ๆ ก็มีศีรษะงูขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา เจ้างูยักษ์หรือนาคราชที่ว่าเลื้อยขึ้นมาบนลานหิน ยกลำตัวช่วงบนขึ้นสูงก่อนจะหดลงกลายเป็นหัวคนพร้อมมีแขนขายืดออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ บอกไม่ถูกว่าเป็นภาพที่น่าดูหรือน่ากลัวดี

“หลับสบายไหม” ผู้ที่กำลังเดินเข้ามาเอ่ยทัก ว่าที่คุณพยาบาลพยักหน้าตอบกลับ

หนุ่มน้อยอายุมากเดินมาถึงวงเชือกก็ตวัดข้ามหัวพลอย ใช้มือสองข้างหดเชือกเข้าหากันอย่างง่ายดายจนเหลือเป็นวงเล็กนิดเดียวก่อนสวมเชือกไว้ที่คออย่างเดิม

“เฮ้อ...” เสียงเขาถอนหายใจหลังจ้องมองไปที่กองไฟ “หนึ่งคืนผ่านไปยังไม่หมดฤทธิ์อีกหรือ หวังว่าคงไม่มีครุฑตัวไหนบินผ่านมาเจอไฟกองนี้เข้าให้หรอกนะ” ว่าแล้วก็คืนร่างเลื้อยกับไปยังแอ่งน้ำ สูบของเหลวใส่พุงนำกลับมาพ่นลงบนกองไฟ

ฉู่!!! ฉู่!!! เสียงดังของไอน้ำแห่งความร้อนพวยพุ่งขึ้นมาอย่างแรง ผู้มีเกล็ดสีนิลเลื้อยไปมาอยู่สองรอบกว่ากองไฟน้ำลายพิษจะอ่อนกำลังลง

“เอาละ แค่นี้คงใช้ได้แล้วกระมัง ไปกันเถอะ” หลังกลายร่างเป็นหนุ่มผิวสีเข้มอีกครั้งแล้วเขาก็พาพลอยออกเดินทางขึ้นไปทางต้นน้ำ

ด้วยความหวังว่าอาจจะพอหาทางกลับโลกได้ ลูกมนุษย์หลงภพจึงเดินตามผู้นำทางไปอย่างไม่ย่อท้อ นึกดีใจอยู่ว่าดีแท้ที่เธอเปลี่ยนใส่รองเท้าผ้าใบหุ้มข้อตอนเดินลงจากวอร์ดเมื่อเช้าวานนี้

การเดินทางวันแรก ตลอดทางที่ต้องเดินเป็นป่ารกชัฏมีทั้งเดินขึ้นเดินลง พลอยสะดุดนั่นสะดุดนี่ล้มลงหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่ยอมปริปากบ่น โชคดีที่เป็นการเดินตามริมฝั่งแม่น้ำเธอจึงแวะดื่มน้ำได้เรื่อยๆ ศตรรฆก็ดูเหมือนรู้ว่าการเดินทางแบบนี้สำหรับคนอย่างเธอแล้วไม่ง่ายเลย เขาจึงหยุดพักทุกครั้งที่เห็นพลอยเหนื่อย เดินกันทั้งวันจนพลอยปวดขาปวดเท้าไปหมด ใกล้ค่ำเจ้านาคจึงหยุดพักที่ลานโล่งแห่งหนึ่งข้างแม่น้ำสายน้อย ตอนนี้จากแม่น้ำสายใหญ่เหนือน้ำตกเดินทวนกระแสน้ำขึ้นมาตามสาขาย่อยๆ กลายเป็นลำธารสายเล็กลงมาก ทั้งคู่ช่วยกันเดินหาก้อนหินมาก่อเป็นขอบกองไฟเพื่อให้สาวน้อยได้ใช้กันหนาวและกันภัยในตอนกลางคืน

นักเรียนพยาบาลจึงเดินไปยังลำธาร เอาเท้าที่ระบมไปหมดไปแช่ในน้ำเย็นบรรเทาอาการปวด

“พรุ่งนี้จะถึงไหม” เธออดถามไม่ได้เพราะกลัวว่าพรุ่งนี้อาจเดินต่อไม่ไหว

“ไม่ถึง ถ้าเจ้ายังเดินช้าเป็นเต่าบนบกอยู่อย่างนี้นะ”

"เฮ้อ" คนฟังถอนหายใจ ช่างเป็นคำตอบที่ไม่ให้กำลังใจกันบ้างเลย

นั่งจุ่มเท้าในน้ำสักครู่ก็รู้สึกหิว เธอจึงออกไปหาผลไม้มาทานได้กล้วยป่ามานิดหน่อย คืนนั้นศตรรฆก็ให้พลอยนอนในวงกลมของเชือกอีกเช่นเคย คราวนี้เธอเผลอหลับไปเองด้วยความเหนื่อยจัด พลาดโอกาสได้เห็นดวงตาแดงกล่ำด้วยความหิวโหยของผู้ล่ายามรัตติกาลอีกครั้ง





ฟิ้ว...

สิ้นเสียงศร จามรีตัวใหญ่ก็ทรุดร่างลง ผู้ล่ารีบตรงเข้าไปปาดคอเหยื่อเพื่อปลดปล่อยให้มันพ้นทุกข์โดยไว

"อโหสิกรรมให้ข้าเถิด ข้าต้องแปลงร่าง" อกิญจน์ใช้มือลูบปิดเปลือกตาที่กำลังเหลือกถลน ก่อนลงมือถลกหนังซึ่งปกคลุมด้วยขนสีดำยาว

ขณะจัดการกับอาหาร ผู้เป็นลูกครึ่งยักษ์กับนางอัปสรสีหะก็คิดว่า นางที่เขาตามหาคงไม่กลับไปยังบ้านของตนที่เมืองกินรีแน่ ดังนั้นสถานที่ซึ่งเขาต้องการไปคือน้ำตกปักษ์สิรีเชิงเทือกเขาสุทัสสนะด้วยว่าปณารีและเขาพบกันครั้งแรกที่นั่น บางทีนางอาจกลับไปที่นั่นก็เป็นได้ แต่หากใช้ร่างปกติอันบาดเจ็บจวนพิการนี้เดินไปคงใช้เวลานาน เพราะความรีบร้อนต้องการออกตามหานางอันเป็นที่รักเขาจึงจำเป็นต้องเรียกพลังอสูรกลับคืนมาด้วยการกิน

จัดการจามรีไปหมดตัวแล้วก็ยังไม่มีวี่แววของพลังอสูรในร่าง สิ่งหนึ่งซึ่งผู้มีสายเลือดยักษ์เพียงครึ่งเดียวไม่เคยรู้คือ การอาศัยอยู่ในถ้ำน้ำแข็งที่อุณหภูมิต่ำกว่าลบสามสิบองศาตลอดเวลาสี่สิบปีนั้นทำให้เขาสูญเสียพลังอสูรทั้งหมดไป แม้จะกินอย่างไรพลังก็ไม่สามารถฟื้นคืนมาได้ในชั่วเวลาเพียงข้ามวัน





วันที่สองของการเดินทาง หลังจากดับกองไฟพิษแล้วทั้งคู่ก็ออกเดินทางอย่างไม่รอช้า พลอยเพิ่งสังเกตว่าสภาพของป่าเริ่มเปลี่ยนไปจากป่าดงดิบทึบกลายมาเป็นป่าโปร่ง แต่ก็ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้ป่านาๆ ชนิดอยู่ หญิงสาวแม้เจ็บเท้ามากเพราะถูกรองเท้ากัดแต่เธอก็ไม่ยอมบ่นเช่นเคย

แล้ววันที่สามก็ผ่านไป ล่วงมาถึงวันที่สี่ หลังจากเดินกันมาจนบ่ายแก่ พลอยจึงแวะนั่งลงจิบน้ำข้างลำธารสายน้อย เหนื่อยก็เหนื่อยหิวก็หิวแต่เกรงใจผู้นำทาง ไม่รู้จะเอ่ยปากขอพักว่าอย่างไรดี

“ใกล้ถึงแล้ว อย่าพักให้บ่อยนักเลย ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี” เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นสีหน้ากังวลใจของหนุ่มน้อยพญานาค

“อืม...” พลอยกัดฟันลุกขึ้น ทันใดนั้นเองศตรรฆก็ตะโกนร้องดังลั่น

“ซวยแล้ว เจ้าลูกมนุษย์!!!”

เสียงนั้นทำเอาคนได้ยินตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นี่เขาต่อว่าเธอหรือที่เธอหยุดพักแต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่ ศตรรฆรีบดึงเชือกให้ยืดออกจากคอแล้วครอบลงรอบตัวพลอย

“ฟังข้า! อย่าออกมานอกวงของเชือกเกราะแก้วเด็จขาด จำไว้!” เขาสั่งอย่างร้อนรนก่อนกลายร่างเป็นพญานาครีบเลื้อยลงน้ำไป

พลันท้องฟ้าสีครามสดใสที่ดูเงียบสงบเมื่อครู่ก็มีสายลมแรงพัดมา เศษฝุ่นเศษใบไม้ปลิวกระจายหมุนวนไปทั่วบริเวณก่อนเงาดำสองสายพุ่งตกลงมาอย่างรวดเร็ว

คนหลงภพมาแทบอยากจะร้องกรี้ดแต่ก็เอามืออุดปากตัวเองไว้ทัน ตัวอะไรสักอย่างที่รูปร่างคล้ายคนมีปีกโฉบแวบลงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ปีกขนาดใหญ่สีน้ำตาลดูแข็งแรงกระพือพรึบพรับอยู่กลางหลัง หัวเป็นนกมีลักษณะคล้ายอินทรีหันซ้ายทีขวาทีอย่างว่องไว ดวงตากลมโตแวววาวกับปากแหลมคมที่ยืนออกมาดูน่าขยะแขยงอย่างไรบอกไม่ถูก ช่วงเอวลงไปถึงขามีขนคล้ายนก ส่วนแข้งและเท้าเป็นนกดี ๆ นี่เอง

“จุ จุ จุ นี่คือตัวอะไรเอ่ย” เสียงแหบแห้งทำเป็นจุปากหยอกเย้าทำเอาคนฟังขนลุก

“โถ โถ โถ อย่าทำท่ากลัวพวกพี่อย่างนั้นซิจ๊ะ พี่หรืออุตสาห์บินตามน้องมาตั้งไกล นึกว่าจะเจอนาคแต่กลับเจอน้องเสียนี่ จะไม่จูบรับขวัญกันสักนิดหรือจ๊ะคนดี” ยิ่งฟังยิ่งอยากอ้วก ตัวอะไรก็ไม่รู้อัปลักษณ์ทั้งหน้าตาทั้งคำพูด ว่าแล้วมันก็หุบปีกลงทำท่าเยื้องย้ายค่อยๆ เดินเข้ามาหา

“อย่าเข้ามานะ!” คนอยู่ในวงเชือกตวาด จากคำพูดที่ผ่านมาทำให้เห็นได้ชัดว่าพวกนี้ไม่มาดีแน่ และเพราะกลัวถูกทำร้ายทำให้พลอยขยับถอยหลังโดยอัตโนมัติ ถอยไปได้สองก้าวก็นึกถึงคำศตรรฆ เธอจึงหยุดชะงักก่อนที่เท้าข้างหนึ่งจะก้าวข้ามออกนอกวงเชือก เธอไม่ได้ตาฝาดไปแน่ที่เห็นอาการแสยะยิ้มออกมาจากปากนกแหลมคมทั้งคู่นั้น

“ว่าง่ายๆ อย่างนี้ซิจ๊ะน้องคนสวย ลองมาอยู่กับพี่สักวัน รับรองว่าน้องจะไม่อยากจากพี่ไปไหนเลย” พูดจบก็หัวเราะรับกันเองอย่างมีเลศนัย

นักศึกษาพยาบาลกลัวจนตัวสั่น อยากหันหลังวิ่งหนีออกไปไกลๆ แต่ถึงแม้ทำอย่างนั้นเธอคงหนีไม่พ้นคนมีปีกบินได้แน่นอน เธอต้องเชื่อในเชือกเกราะแก้วที่ศตรรฆทิ้งไว้ให้ แต่พระเจ้าจอร์ท...เกราะแก้วที่ว่า มันก็แค่เชือกกลมๆ เส้นหนึ่ง ที่ยืดได้หดได้เท่านั้นเอง ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะสามารถป้องกันภัยอะไรให้เธอได้สักอย่างเลย พลอยจึงหลับตาปี๋ ทรุดตัวลงนั่งเมื่อมือข้างหนึ่งซึ่งมีเล็บดำๆ ยาวๆ ของผู้หวังร้ายยื่นเข้ามาใกล้

ฉับ! แกร็ก!

“เอ๊ะ!” เสียงหนึ่งในสองอุทานอย่างแปลกใจ “มีเกราะคุ้มครองหรือ”

เสียงตัดดังฉับของสิ่งมีคมตามมาด้วยเสียงขรูดกับแก้ว

พลอยลืมตาขึ้นมาทันเห็นเล็บยาวน่าเกลียดนั้น พุ่งทะลุพรวดออกมาเหมือนมีดที่กำปั้นของพระเอกหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่ง เล็บยาวคล้ายมีดทั้งสิบนิ้วนั้นตวัดตัดบางสิ่งที่มองไม่เห็นในอากาศไปมา

ฉับๆๆๆ แกร็กๆๆๆ

ในแนวตั้งขึ้นของวงเชือก รอยสีขาวจางๆ ปรากฏขึ้นในอากาศทันทีที่เล็บคมกริบพวกนั้นกรีดลงก่อนจะเลือนหายไป

“เกราะแก้ว! มีเกราะแก้วจริงๆ ด้วย!” คนหลงภพโห่ร้องในใจ ยิ้มอย่างยินดีเมื่อแนวเชือกรอบตัวเธอกลายเป็นเกราะแนวตั้งซึ่งมองไม่เห็น

“บัดซบจริง!” เสียงสบถอย่างโกรธเกรี้ยวของชายหัวนกทั้งสองดังออกมาตลอดเวลาที่พยายามทำลายเกราะแก้ว

“นังนี่มันต้องมากับพญานาคตนหนึ่งแน่เพราะมีรอยเท้าสองคู่” เสียงหนึ่งเสนอความเห็น

“งั้นเราไปจับนาคกันดีกว่า จับตัวผู้ได้แล้วมาดูกันว่าน้องคนสวยนี่จะยอมออกมาจากเกราะไหม” ทั้งสองหัวเราะรับกันก่อนสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณ ไม่นานก็พบร่องรอยศตรรฆ

“มาดูรอยเลี้อยตรงนี้ซิ! มันหนีลงน้ำไปแล้วแต่อยู่ไม่ไกลแน่”

จริงดังคำคาดการณ์ ด้วยความเป็นห่วงผู้ร่วมทางศตรรฆจึงซุ่มรออยู่ใต้ซอกหินข้างลำธารแถวนั้น แย่ตรงที่น้ำในลำธารไม่ลึกเลย สายตาแหลมคมดุจนกอินทรีจึงค้นเจอร่างจำแลงนาคราชอย่างง่ายดาย

“มันอยู่นั้น!” ทั้งคู่กระพือปีกยกตัวขึ้น บินพุ่งตรงไปเหนือลำธารอย่างรวดเร็ว

“ขวับ!” กรงเล็บใหญ่อันแข็งแรงดังเหล็กกล้าถูกกางขึ้นอย่างผยอง เสียงโฉบจับร่างยาวสีนิลขึ้นจากลำธารดังขึ้นทันที

“ฉี่ด!” พริบตานั่น ร่างศตรรฆในกรงเล็บอินทรีที่ลอยอยู่ในอากาศก็ยกหัวขึ้นหมุนขวับ ฉีดพ่นของเหลวสีดำมันวาวออกมาจากปากอย่างแรง

“ฉับ!” ไวเท่ากัน ผู้มีปีกเอียงตัวหลบน้ำสีดำ มือแห่งเล็บมีดถูกง้างขึ้นปาดลงเสียบตรงไปที่คอยาว

“อ๊าก!!!” เสียงร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวดกรีดขึ้นอย่างน่ากลัว

“ศตรรฆ!” พลอยร้องเรียกอย่างใจหาย

ควันสีดำและกลิ่นเหม็นเนื้อไหม้ลอยคละคลุ้งไปทั่ว ช่วงเวลาแห่งความเป็นตายนั้น ศตรรฆหดคอหลบกรงเล็บมีดได้ทัน พิษพญานาคแม้ไม่สามารถพ่นตรงสู่กลางอกศัตรูได้อย่างแม่นยำ แต่ก็พลาดไปโดนปลายปีกข้างหนึ่งเข้าให้ ของเหลวฤทธิ์ร้อนแรงปานไฟบรรลัยกัลป์แผดเผาปีกข้างนั้นทันที

“ตูม!!!” “ตูม!!!” ร่างสองร่างร่วงตกลงกลางน้ำแทบพร้อมกัน

ผู้ถูกพิษเจ็บเจียนใจจะขาด โผดิ่งลงน้ำเพื่ออาศัยน้ำดับไฟจึงเผลอปล่อยร่างยาวของผู้มีเกล็ดสีนิลร่วงลงน้ำไปด้วย

อยู่ในน้ำนาคได้เปรียบ ศตรรฆยกหัวผงาดขึ้นแผ่แม่เบี้ยพร้อมฉกคู่อาฆาต ดวงตาแดงกล่ำฉายแววแห่งความโกธรเกรี้ยว

“ขวับ!” ไวปานสายฟ้าฟาด กรงเล็บใหญ่ของอีกร่างกางโฉบลง ขยุ้มเข้าที่ตำแหน่งหัวด้านหลังของแม่เบี้ยอย่างแม่นยำก่อนยกเขาขึ้นฟ้า ทำเอาร่างยาวของศตรรฆบิดดิ้นเร่าๆ กลางอากาศอย่างเจ็บปวด

“อ๊ากกก!!!” คราวนี้เป็นเสียงร้องของศตรรฆแน่แล้ว

“ไม่นะ! ศตรรฆ!” พลอยใจหายร้องไห้ออกมาทันทีด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ถึงรู้จักกันได้เพียงห้าวันแต่ก็เป็นห้าวันแห่งมรสุมชีวิต หากไม่ได้เขาเข้าช่วยเหลือ บางที่เธออาจจะตายไปแล้วจริงๆ ก็ได้

“โฮกกก!!!”

ทันใดนั้น เสียงคำรามลั่นของสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ก็ดังขึ้นก้องไพร พลอยไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ที่รู้สึกว่าแม้แต่พื้นดินยังสั่นสะเทือน





เชิงอรรถ

EKG หรือ Electrocardiogram คือการบันทึกหน้าที่ของหัวใจ ซึ่งถูกบันทึกลงบนกระดาษ Ruled paper strip แสดงถึง Electrical impulses Polarized state เป็นภาวะที่เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ อยู่ในระยะพัก (Resting State ) จะมีประจุลบภายในเซลล์ และประจุบวกภายนอกเซลล์ (คัดลอกจาก เวบย์สภาการพยาบาล)

CT Scan เป็นการตรวจทางการแพทย์ด้วยคลื่นเอกซเรย์ สามารถสร้างภาพตามแนวตัดและแนวขวาง 3 มิติของอวัยวะที่ต้องการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ โดยใช้คอมพิวเตอร์ความละเอียดสูงในการแปลงสัญญาณภาพ คุณภาพของภาพจะชัดเจนกว่าการตรวจอัลตร้าซาวด์ แต่ด้อยกว่าการสร้างภาพด้วยเรโซแนนซ์แม่เหล็กหรือ เอ็ม อาร์ ไอ (MRI)

intracranial bleeding คืออาการเลือดออกในสมอง epidural hematoma คือเลือดที่ออกระหว่างชั้นดูรา กับกะโหลก เป็นเลือดที่ออกจากเส้นเลือดแดง http://www.narenthorn.or.th/node/44

โอปปาติก คือการเกิดโดยไม่ได้อาศัยครรภ์มารดา แต่เกิดโดยโผล่ขึ้นมาและโตใหญ่เต็มที่ในทันทีทันใด ตายก็ไม่ต้องมีเชื้อหรือซากปรากฏ เช่น มนุษย์สมัยต้นกัลป์ เทวดา มาร พรหม สัตว์เดรัจฉานบางจำพวก เปรต อสูรกาย สัตว์นรกเป็นต้น

ปีกหิมพานต์  บทนำ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10882301/W10882301.html
ติดตามต่อได้ที่ http://writer.dek-d.com/awawaw/writer/view.php?id=525495
ตอนต่อไป โพสวันที่ 1 กันยานี้ค่ะ

จากคุณ : amureen
เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 54 18:13:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com