เชืญทุกท่านอ่าน แด่เธอผู้เป็นดวงใจ ตอนที่5 ผิดแผน[นิยายพีเรียด]
|
 |
1-4 เชิญที่ บล๊อค [http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lady2555&month=08-2011&date=28&group=1&gblog=5 ] ตอนที่ห้า ‘
ที่บ้านของนางเกด และบังตอง ในเวลายามพลบค่ำ นางเกด เดือนมาหาลูกเลี้ยงอย่างเอาเรื่อง หลังทราบว่า เมื่อเช้านี้หล่อนมิได้ไปขายผักที่ตลาดจากขาในวงไพ่ จึงคิดสั่งสอนลูกเลี้ยง “นี่ๆ แม่คู้น แม่มหาจำเริญ ได้ข่าวไม่ไปขายของยะ หายหัวไปไหนแต่เช้า” นางเกด “คือ ผักมันเกือบเสียหายหมด ก้ออีตาผู้ชาย ที่ผิวขาวๆ ตาคมซึ่งมานอนบ้านเรา เมื่อคืนวาน หนูเอาปาใส่ตานั่น ยิ้มกวนโมโห ไม่ชอบหน้า” บัวตองปด “ต้าย นั่นเค้าเป็นถึงคุณหลวง ข้าบอกแกแล้วมิใช่เรอะ” นางเกดตกใจ แล้วด่าต่อ“แล้วแกปาผักทิ้งทำไมฉันจะฟาดแก พรุ่งนี้จะเอาเบี้ย เอาหอยที่ไหนกรอกหม้อย่ะ” “น้าจ๊ะ นี่เงิน 1 อัฐ ฉันเก็บเงินค่าผักจากคุณหลวงของน้าอ่ะ ตาแหยนั่น ถ้าทางจะไม่เอาการถึงผิวขาวเป็นหยวก” บัวตองแก้บ่น “ตั้งอัฐหนึ่งเชียวรึ ไอ้บ่าวรับใช้ มันให้ข้าค่าอาหารที่พัก หนึ่งโสฬสเอง” นางเกดทำตาลุกวาว “ท่านราวเทวดามหาเศรษฐี อีนี่ไปแรกท่านว่าตาแหย เดี๋ยวเถอะ” “น้าเกด แน่ใจรึ ว่าอีตาผิวขาวราวหยวกเป็นถึงหลวง ฉันขู่เอาค่าเสียหายนิดเดียวก็ให้มาตั้งอัฐ”บัวตองถามลองใจ “แกมิเห็น ผ้าสมปักปูมรึ นั่นนะผ้าผืนนั้นดิ้นทอง เชียวนะนังลาวตาถั่ว ต้องข้าสิตาถึง” นางเกดคุย “ ไผ๋ง่าวกั๋นแน่” บัวตองบ่นอุบอิบ “นี่แกพูดอะไร บอกกี่หนแล้ว อย่าพูดภาษาลาวในบ้านหลังนี้ อย่างแต่งกายหรือทำตัวแบบผิดแปลกคนบ้านนี้”นางเกดเงื้อมือขึ้นจะตบ “น้าทานข้าวมารึยัง นี่มีผักบุ้งลวกราดกะทิ แกงสายบัว ที่ยังสวยฉันเอามาแกงยังร้อนๆ น้ำพริกปลาร้าปลากระดี่ เมื่อวาน” บัวตองเอารอด “เออๆๆๆ เดี๋ยวข้าจะไปเสี่ยงโชค แกก็เฝ้าไข้พ่อแกด้วยนะ ไม่ต้องรอ “ นางเกดสั่งก่อนทานข้าว เพราะได้เงินมาต่อทุน ทำให้บัวตองรอดหวุดหวิด
ทางฝ่ายคุณหลวงวาณิชากรนุรักษ์กำลังถูกพิษรักเล่นงาน ทำเอานอนไม่หลับ จึงออกมานั่งมองดวงจันทร์ข้างข้น ก็นึกถึงใบหน้าของ บัวตอง หญิงสางคนรัก ในยามที่ก้อมหน้างุด หลังจากถูกคุณหลวงประทับตราจองที่หน้าผากกลมมน “คุณหลวงอย่ารักแกบัวตองเลยนะจ๊ะ”หญิงสาวเอ่ยอย่วแผ่วเบา “พี่มิคิด รังแกเจ้าให้มากกว่านี้เลย แค่ขอกอดเจ้า อยู่กับเจ้าเช้านี้” คุณหลวง “แล้วของที่เก็บมาล่ะจ๊ะ ถ้าไม่ได้อัฐ บัวตองคงถูกน้าเกดดุ” สาวเจ้าอุธรณ์ “นี่เงิน หนึ่งอัฐ พอรึไม่ สำหรับค่าผัก” คุณหลวงถาม แล้วเหวี่ยงผักส่วนใหญ่ลงน้ำอย่างใจร้อน “อุ๊ยมากไป เงินเท่านี้ใช้ไปเกือบเดือนเจ้าค่ะ” หญิงสาวไม่รับแต่ พยายามจะคืนเข้าไปในอกเสื้อจึงขยับเข้าใกล้ ชายหนุ่มเอนตัวหนี ทำให้เสียหลักจะตกน้ำ จึงต้องขยับเข้าหาทรงตัวทำให้จมูกโด่งได้รูปของชายหนุ่มสัมผัสถูกแก้มสาว ทำให้บัวตองชะงัก แล้วหน้าแดงเป็นลูกตำลึง เสียงของคุณพลับพลึงเรียกบุตร ก็เข้ามาทำลายความทรงจำอันแสนหวานของคุณหลวงวาณิชากรนุรักษ์ผู้เป็นบุตร “ดึกแล้ว ลูกออกมาตากน้ำค้าง จะมาสบายนะ” “พ่อเสือๆๆ”คุณพลับพลึง เรียกบุตรที่นั่งใจลอย อมยิ้ม “อะไรคะ คุณแม่ของลูก แจ้งอีกหน ลูกมิทันฟัง” ลูกชาย “ดึกแล้วมานั่งตากน้ำค้าง เหม่อยิ้มน้อยยอ้มใหญ่คนเดียว เป็นอะไร”แม่ถามด้วยความห่วง “มิเป็นอะไร แม่จ๋า แม่พบรักคุณเตี่ยอย่างไร” ลูกชายถามด้วยความอยากรู้ ดวงตาเปล่งประกาย คุณพลับพลึงรู้ว่าบุตรถามเช่นนี้เพราะกำลังมีความรัก จึงเล่าให้ฟัง...“ปลายแผ่นดินที่สอง คุณเตี่ยของลูกตามเจ้านาย แม่คาดว่า จะเป็นเจ้าคุณโชดกฯ มาบ้านท่านเจ้าพระยา แม่กำลังริ้วมะปราง คุณเตี่ยเห็นแม่ก่อน แม่ก้อเคยถามพ่อเจ้าเหมือนกันว่าชอบแม่ตรงไหน พ่อของเจ้าบอกว่า ชอบแม่ที่ตาคมสวยแต่ทำไมถึงดูโศก น่าค้นหาและน่าทะนุถนอม ตอนนั้นแม่ยังเด็ก มิคิดอะไร อยากออกไปจากบ้านสมเด็จเจ้าพระยา อยากเป็นผู้ใหญ่ พอผู้ใหญ่ถามจะออกเรือน แม่มีความต้องการเงื่อนไขพิเศษอะไร แม่บอกคำเดียว ต้องเป็นเมียเอก แต่แม่แต่งมาเป็นเมียคนที่หกแต่เป็นเมียเอก ตลกไหมลูก แม่รู้ความลับนี้ หลังจากเป็นเมียเอกได้สองวัน แม่เกลียดพ่อเจ้า พอลูกเกิด คุณเตี่ยของลูกดีใจเอาใจแม่ตลอด เจ้าคลอดยาก หลานชายคนที่สามของตระกูล คุณย่ารับขวัญหลานให้เงินทองข้าวมากมาย แม่มารู้ว่า แม่รักพ่อของเจ้า ก็เมื่อทราบข่าวพ่อของเจ้า เอาชีวิตไปทิ้งในสงครามกับลาว...” คุณพลับพลึงหยุดซับน้ำตา “แม่ทนอยู่ในเรือน ที่มีแต่ภาพความทรงจำเหล่านั้นไม่ไหว หากไม่มีคุณหลวงลูกแม่ แม่อาจจะทำอะไรโง่ไปแล้ว หลังจากนั้นก็อย่างที่ลูกรู้แล้ว” “โถ พระของลูก แล้วแม่ออกมาทำอะไรรึนี่”ลูกชายถาม “แม่หิวน้ำ จะเอาเหยือกออกมาเติม กลับมา ก็มาพบเจ้านั่งเหม่อยิ้มน้อยยอ้มใหญ่คนเดียว” มารดาตอบ พร้อมชูเหยือกน้ำที่มีน้ำบรรจุเต็มข้างตัว “แม่จ๋า พรุ่งนี้ลูกจะพาแม่ไป แอบดูว่าที่สะใภ้แม่นะ”ลูกชายอ้อน “เอาจริงๆรึ แม่หญิงลาวคนนี้” แม่ “ลาวล้านนา ลาวเหนือนะแม่ ไปนะขอรับ” คุณหลวงลงทุนนอนหนุนตัก “ต่อไปจะนอนหนุนตักเมียแทนนะซิ”คุณพลับพลึงบอกด้วยน้ำเสียงน้อยใจ “อะพิโธ่ คุณแม่ขอรับ ชีวิตนี้กระผมมีแม่ได้คนเดียว และเรามีกันแค่สองคนมาตลอด กระผมอยากให้คุณแม่เมตตาคนที่ผมรัก” “ไปก็ไป ดูเฉยนะ” คุณพลับพลึงใจอ่อน “งั้นพรุ่งนี้เช้าตรู่ กระผมจะพาไป เราไปนอนกันเถอะขอรับ” ลูกชายลุกขึ้นพาแม่เข้านอน ด้วยใจที่อยากถึงพรุ่งนี้เร็ว อยากเจอหญิงนามว่าบัวตอง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากนางพลับพลึงตักบาตรเสร็จ ก็พบคุณหลวงลูกชายเดินมาหาที่ท่าน้ำ วันนี้คุณหลวใส่เสื้อผ้าไหมสีฟ้าอ่อน นุ่งผ้าสมปักปูม แถมคล้อคอด้วยผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ทำให้ดูมีสว่าราศี โดดเด่น พร้อมเอ่ยปากว่า “วันนี้ลูกตั้งใจมาใส่บาตร แต่ไม่ทันซะแล้ว” “แล้วเมื่อคืนไม่บอกเล่า ร้อยวันพันปีมิเห็นมาตัก” พลับพลึงบอกลูก “มิเป็นไรดอกจ๊ะ แม่รีบไปแต่งตัวเถิด สายแล้วจะร้อน และลูกจะไปสาย” คุณหลวง หลังจากคุณพลับพลึงหายไปซักพัก ก็กลับมาพร้อม นางปริก กับนางแมว บ่าวแก่ๆถือร่มลูกไม้และหีบหมาก ในครานี้คุณพลับพลึงนุ่งผ้าไหมจีบหน้านางสีตะกัว ห่มสะไบเฉียงสีจำปา ประโคบเครื่อประดับ อันมีสายสร้องคอทองคำเส้นใหญ่ กำไลลายเครือวัลย์ประดับอัญมณีนพเก้า คาดเข็มขัดทอง ทำให้ลูกชายอดกระเซ้าแม่ไม่ได้ว่า “แม่จะเข้าวังไปเยี่ยมคุณจอม หรือจะไปงานขุนนางผู้ใหญ่บ้านใดด้วยจ๊ะ” “ก็ว่าจะไปดูหน้าผู้หญิงให้มาเป็นชิ้นลูกชาย แต่จะมิไปแล้ว” คุณพลับพลึงกล่าวอย่างมีงอน “คุณแม่ขอรับกระผม ผิดไปแล้ว”ลูกชาบตบปากตนเองไม่แรงแต่รัวๆ คุณพลับพลึงตกใจรับมาจับมือห้าม “กระผมอยากให้คุณแม่ถอดเครื่องประดับเถิด ไปตลาดหายไปจะเสียดาย อีกทั้งลูกก็เป็นห่วง ต้องเกณฑ์บ่าวไพร่ไปเป็นโขยง ราวแห่นางพญาชมตลาด” ลูกชายพูดด้วยสีหน้าจริงจัง จนมารดาต้องกลับไปใส่สร้อยคอเส้นที่ใส่เป็นประจำ และใส่สร้อยข้อมือทองเส้นเล็กๆมี ทองรูหอยสังข์เล็กๆ หกเม็ดเป็นตุ้งติ้ง โดยลูกชายแอบอ้อนแม่ว่า “คุณ:-)ามนัก แค่คุณแม่กรุณาเพียงเท่านี้ กระผมก็ซาบซึ้งยิ่งนัก”ลูกชายกล่าวก่อนพาแม่ลงเรือไปบ้านของนางเกดและ แม่บัวตอง แต่พอไปถึงบ้านนางเกดก็พบยายมอญบอกว่า หญิงสาวคนรักไปตลาดเสียแล้ว ขบวนแม่ลูก และบ่าวอีกหน้าคนจึงต้องมาตลาด พอดีคุณหลวงพบกับหมื่นกล้า สหายเมื่อครั้งไปรบญวน หมื่นกล้าจึงขอตัวคุณหลวงสักประเดี๋ยว โดยนางพลับพลึงบอกว่าจะออกไปหาซื้อสินต้าที่ตลาดระหว่างรอโดนนำ ยายแมว ยายปริก และ นายยง บ่าวคนใหม่และเป็นทนายคนสนิท โดยทั้งสามคนแยกออกไปชมตลาด แต่ทว่าในขณะนั้นเอง ก็มีโจรเป็นคนร่างเล็ก สวมเสื้อแขนกระบอกสีน้ำเงิน นุ่งโจงสีหมาก คลุมหน้าด้วยผ้าชมพู เข้ามากระชากสร้อยข้อมือ บ่าวของคุณพลับพลึง นางปริกมีสติดีแหกปากตะโกนขอความช่วยเหลือ พอดีตำรวจลูกน้องท่านหมื่นกล้า บางนายที่อยู่แถวนั้นกับไอ้ยงวิ่งไล่จับโจร ขณะที่โจรเห็นจวนตัวเพราะนายยงวิ่งไล่ทันก็ปาสร้อยข้อมือไปอีกทาง แล้ววิ่งไปอีกทาง ทำให้นายยงต้องแยกกับตำรวจมาหาสร้อย แต่ระหว่างนั้นนางชิดได้เดินมาผ่านมาและมีทองตกลงตรงหน้า เมื่อทราบว่าเป็นสร้อยทองจึงมีจิตคิดละโมบ แม้อ้ายยงจะตามมาทันและบอกสร้อยเป็นของนายตน แต่นางชิดกับเยื้อยุดฉุดกระชาก พอดีแม่บัวตองเดินผ่านมา นางชิดจึงร้องตะโกนออะไปว่า “นังตองเอ๊ย โจรมันจะแย่งสร้อยยาย มันจะทำร้ายยาย”บัวตองจึงเข้าช่วยนางชิด ซึ่งเป็นคนในพื้นที่นั้น และเป็นเพื่อนในวงอบายมุขของนางเกดแม่เลี้ยง นายยงเอาแต่ปัดป้องแต่ก็มิยิมปล่อยมือยายชิด ฟ้าไม่เข้าข้างคนผิด คุณพลับพลึงและบ่าวแก่ๆวิ่งนำตำรวจมาอีกสองนาย นางชิดปากไว “คุณตำรวจ ไอ้ขโมยมันอยากได้สร้อยข้อมือของอิฉัน”นางชิดชิงบอกก่อน “เปล่านะขอรับ สร้อยเส้นนี้เป็นของคุณพลับพลึง ที่โจรมันปามาทางนี้ ก่อนมันจะหนีไปอีกทาง ตำรวจกำลังตามจับอยู่”ทนายใหม่บอก “อิฉันจะมั่นใจได้อย่างใด ว่าท่านมิรังแกคนจนเข้าข้างคนมี”บัวตองเอ่ย “ป้า เอาสร้อยข้อมือเส้นนั้นมาพิสูจน์”นายตำรวจเวียงท่านหนึ่งสั่งนางชิด “ช่วยด้วยเจ้าค่า ตำรวจรังแกคนจน นางผู้ดีมันรวยจะตาย มันอยากได้สร้อยเท่าหนวดกุ้งของข้า” เสียงนางชิดตะโกน เริ่มมีคนให้ความสนใจเป็นไทยมุง “ใครบอกตำรวจจะรังแก แค่เอามาพิสูจน์” เสียงดังกังวาลของหมื่นกล้า หัวหน้าตำรวจเวียงในพื้นที่นี้ดังขึ้น ทำให้นางชิดหยุดชะงักเพราะ เคยถูกจับมาก่อน อาจเป็นเวรกรรมที่ทำให้นางปริกเพ่งดูแม่บัวตองพักหนึ่งก็เอะอ่ะ ขึ้นมาว่า “โจร โจรกระชากสร้อย”เพราะวันนี้บัวตองก็ใส่เสื้อแขนกระบอกสีน้ำเงิน นุ่งโจงสีหมาก บัวตองจึงเอ่ยว่า “อ้าว ยายพูดเช่นนี้ ทำเยี่ยงนี้ไม่ได้นะ มีหลักฐานอะไร จะมาหาว่าฉันเป็นโจร คนเป็นนายถือว่า ร่ำรวยรึจึงจะมาใส่ร้ายคนจน คนแถวนี้เค้าเป็นพยานให้ได้ว่าฉันอยู่ตรงนี้ตลอด แม่พยอม แม่เพาก็เพิ่งพูดจากับฉัน ฉันว่าพวกป้าน่ะแหละมีหลักฐานไหมว่าสร้อยเป็นของพวกป้า” “เดี๋ยวคุณหลวงกำลังตามมา พวกลูกน้องเข้าไปกระผม นี่แยกกันตรงทางแยก” หมื่นกล้าบอกคุณพลับพลึงที่นั่งตกใจและหอบเหนื่อย” แล้วหันไปรับสร้อยข้อมือเจ้าปัญหามาจากนางชิด “อ้าวยายชิดไหนบอกข้ามาสิ ว่าสร้อยของแกมีหลักฐานอะไร” “สร้อยทองก็เป็นสร้อยทอง ซื้อมาจากเจ๊ก มีหอยสังข์ห้อยทั่วเส้น เป็นพิเศษ “ นางชิดพูดตามความทรงจำ “แล้วของท่านล่ะ มีลักษณะอย่างไร มีอะไรพิเศษ” หมื่นกล้าถามคุณพลับพลึง “สร้อยข้อมือของอิฉัน เป็นสร้อยลายดอกพิกุล ปลายทั้งสองข้างลงยา มีตุ้งติ้งเป็นหอยสังข์ มีหอยสังข์นั้นทำเป็นพิเศษเพราะสลักอักษร ธิ ดา ม หา เส นา!!” เมื่อคุณพลับพลึงพูดจบ หมื่นกล้าก็ปล่อยสร้อยข้อมือ ให้ปรากฏ ก็พบสร้อยลายดอกพิกุล ปลายทั้งสองข้างลงยา และที่หอยสังข์มีลายนูน เป็นตัวอักษร ธิ ดา ม หา เส นา จริงๆ “สร้อยเส้นนี้ทำโดยฝีมือช่างทองวังหลวง อิฉันได้รับจากเจ้าคุณพ่อ สมุหพระกลาโหมของแผ่นดินกลาง เนื่องในโกนจุก มันหลวมมาก ในแผ่นดินนี้คงมิมีใครกล้าสั่งทำทองเช่นนี้ “ พอนางชิดเห็นว่ามีตัวอักษรก็ตกใจ อีกทั้งได้ยินคำว่า สมุหพระกลาโหม ก็เป็นลมหมดสติ “ท่านหมื่น จงจับนางสองคนนี้ไป มันขโมยของคุณของอิฉัน” นางปริกบอกทันที “เอ๊ะ ยาย ฉันมิใช่ขโมย” บัวตองเริ่มฉิว “แกสองคนต้องสมคบกัน ฉันได้ยินแกใส่ร้ายคุณท่านของฉัน”นางแมวเริ่มสนับสนุน ระหว่างนั้นเอง คุณหลวง ก็นำขโมยตัวจริงกลับมา แท้จริงโจรเป็นผู้หญิงผิวคล้ำใส่เสื้อแขนกระบอกสีน้ำเงิน นุ่งโจงสีหมาก ใส่ผ้าคลุมหน้าสีชมพูหมองๆเลอะฝุ่น เพราะเสียงยายปริก และยายแมวจึงทำให้คุณหลวง พาตำรวจ และบ่าว มาสมทบกับขบวนมารดา โดนแหวกไทยมุง ในวงไทยมุงที่ยืนดูนั้นพบ กลุ่มของมารดาอยู่ด้านหนึ่ง มีตำรวจกรมเวียงอยู่ตรงกลาง และมียายแก่นอนเป็นลม โดยมีหญิงสาวผมยาวยืนหลันหลังให้ “น้าหมื่น นี่โจรกระชากสร้อย พวกกระผมตามไปจับตัวมาได้”คุณหลวง “ขอบใจมาก คุณหลวง ฝีมือยังมิตก” หมื่นชม พร้อมให้ลูกน้องนำตัวขโมยไป “คุณแม่ขอรับ เป็นกระไรไหมขอรับ”คุณหลวงเข้าไปหา หันหลังให้หญิงสาว ถามมารดาด้วยเป็นห่วง “เจ็บกายน่ะมิมีดอก แต่เจ็บใจที่หมิ่นว่าอยากได้ของคนอื่นนะสิ”มารดาบอกลูกเสียงเย็น พร้อมปลายตาไปยังคู่กรณี ทำให้คุณหลวงวาณิชฯต้องหันกลับมามอง แล้วพบบัวตอง แวบแรกก็ดีใจ แล้วเปลี่ยนเป็นตกใจ ฝ่ายสาวเจ้าก็ตกใจที่คู่กรณีของตนคือ มารดาของชายที่ตนรัก ขณะนั้นเอง นางชิดรู้สึกตัวขึ้น จึงคลานตุ๊บตั๊บมาใกล้ แล้วกล่าวว่า “คุณท่านเจ้าขา อิฉันผิดไปแล้ว มิรู้ผีห่าอะไรสิง จึงโลภอยากได้สร้อยที่ลอยมาตกตรงหน้า อย่าเอาผิดอิฉัน กับ นางตองเลย นางตองพ่อมันป่วยอยู่ แม่มันก็เกลอของอิฉัน” นางชิดฟูมฟายไหว้ ประหลกๆ “เมื่อได้ของคืน โจรก็จับได้ คุณแม่โปรดแสดงน้ำใจอันประเสริฐให้พวกชาวบ้านเห็นดีกว่านะขอรับ”คุณหลวงเข้าไปพูดเสียงเบาๆกับมารดา พร้อมหันมองไทยมุง “ได้ อิฉันมิเอาความ สองคนนี้ค่ะ ท่านหมื่น” คุณพลับพลึงพูดกับหมื่นกล้า ยายปริก ยายแมวเสียดาย “ตามใจเถอะขอรับ “หมื่นกล้าบอกก่อนพาลูกน้องออกไปเพราะเหตุการณ์คลี่คลาย นางชิดกราบก้นกระดกแล้ววิ่ง ออกไปอย่างรวดเร็ว ไทยมุงเริ่มกระจาย “บัวตอง นี่คุณแม่ของฉัน กราบขอโทษท่านเสีย” คุณหลวงจูงหญิงสาวที่ยืนทำอะไรไม่ถูก มาใกล้ๆมารดา “คุณแม่ขอรับ คนนี้บัวตองขอรับ ที่ลูกจะพาแม่มาดู” คุณหลวงเอ่ยเสียงเบา เพราะเห็นสายตาตกใจของมารดา คุณพลับพลึงรู้สึกตกใจ และกลายเป็นโกรธหญิงสาวตรงหน้า รู้สึกชังน้ำหน้าเป็นที่สุด ที่บังอาจมาว่าเธอ อยากได้สร้อยเส้นเท่าหนวดกุ้ง ส่วนนางปริก และ นางแมวตกใจแทบสิ้นสติกว่า ระหว่างนั้นชายจีนไว้เปีย ศัตรูที่ขออาฆาตคุณหลวงตั้งแต่คราแม่ละมุน ก็โผ่มาเห็น ตอนแรกเขามิสนใจ แต่จำคุณหลวงติดตา จึงสอบถามลูกน้องจนรู้ว่า นางชิด และ นางเกด แม่เลี้ยงของสาวนามว่าบัวตอง เป็นลูกค้าขาประจำของโรงบ่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการตน ชายไว้เปียจึงยิ้มอย่างมีเลศนัย หลังคิดแผนล้างแค้นคุณหลวงได้ ฝ่ายคุณหลวงเมื่อเห็นสีหน้ามารดาตน ก็พยายามแก้สถาการณ์ “เราไปหาที่นั่งพูดกันที่อื่นเถอะนะ”คุณหลวงเข้าประคองแม่ “อิฉันต้องขายของเจ้าค่ะ สายมากแล้ว คนต่ำต้อยเยี่ยงโจรอย่างอิฉันขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” บัวตองเอ่ย เพราะน้อยใจ คุณหลวงที่ไม่หันมามอง “อวดดี ข้าต้องกราบขอโทษรึกระไร คุณหลวง แม่จะกลับบ้าน”คุณพลับพลึงบอก แล้วจูงบุตรตนลุกออกไปทันทีเจ็บใจ ทิ้งบัวตองไว้ตรงนั้น
__________________________________________________________________________________________________________
โปรดติดตามตอนที่หก
วิจารณ์ได้ตามสบายค่ะ คอมเม้นท์เยอะๆนะคะ ขอยืมรูปภาพ สร้อยข้อมือดอกลายพิกุล หากต้องการอ่านตัวโตๆๆ ไปที่ http://story.niyay.com/story-48922/
แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 54 19:45:51
แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 54 19:07:50
แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 54 18:59:15
จากคุณ |
:
Pancasila
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ส.ค. 54 18:57:03
|
|
|
|