โยมเชิด รบกวนมานั่งเป็นเพื่อนอาตมาก่อนได้ไหม
เจ้าอาวาสเรียกขานด้วยน้ำเสียงปรานี เมื่อพระอุปัฏฐากและพระลูกวัดกราบลาไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวของแต่ละรูป เชิดอยู่ช่วยเก็บข้าวของที่โยมนำมาถวายจนเสร็จเรียบร้อยและตั้งใจลากลับ พอดีกับที่แม่ชีวัยชราเข้ามาขอโอกาสพูดคุยกับเจ้าอาวาส พระภิกษุชราคร้านจะเรียกพระอุปัฏฐากกลับมานั่งเฝ้าให้เสียการเสียงานจึงออกปากไหว้วานเชิด
ขอรับ ได้ครับหลวงพ่อ
เชิดพนมมือรับคำด้วยรู้วินัยสงฆ์ ว่าพระจะไม่สามารถสนทนาเพียงลำพังกับอิสตรี เว้นแต่มีบุรุษที่สามที่เป็นเพศชายนั่งอยู่ด้วย ตนจึงคลานเข่าเข้าไปนั่งใกล้หลวงพ่อเพื่อเป็นตัวกั้นกลาง
มีอะไรรึแม่ชีน้อย
เชิดหันไปมองตามผู้ถูกเรียก หลวงพ่อวัย 60 พรรษา เรียกขานแม่ชีชราอายุราว 50 ปีกว่าๆ เหมือนพี่ชายเรียกน้องสาววัยสิบขวบ แม่ชีเองก็ประนมมือตอบอย่างน่าเอ็นดู
อิฉันขออนุญาต ขอโอกาสหลวงพ่อเจ้าค่ะ ขอพาคนๆนึงเข้ามาอยู่ด้วยที่วัดนี้เจ้าค่ะ
ไหนรึ
เอ่อ...
แม่ชีอึกอัก ด้วยเห็นเชิดเป็นคนนอก ได้แต่ก้มหน้าและเสมองไปทางขวา รสาอยู่ข้างแม่ชี ก้มลงกราบแล้วประนมมือมองเจ้าอาวาส น้ำตายังคลอตา
เอาล่ะ ไม่ต้องบอก อาตมาเห็นแล้วล่ะ น่าสงสารเหมือนกันนะ แม่หนูนี่
เชิดหันไปมองหาบ้าง ก็เห็นแต่ความว่างเปล่า เข้าใจว่าอาจจะเป็นลูกหลานของแม่ชีที่นั่งรออยู่ด้านนอก พอหันกลับไปดูหลวงพ่อเพื่อจะกวาดสายตาตามว่าท่านมองไปทางทิศไหน หลวงพ่อก็หลับตานิ่ง...นาน ก่อนจะลืมตาแล้วถอนหายใจ
ปล่อยไว้นานไม่ได้นะ ตอนวิญญาณออกจากร่าง โทสะจากความกลัวกับความเจ็บปวดของร่างกายมันแรงมาก จิตเลยไปสร้างกรงขังตัวเองขึ้นมา ถ้าอยู่เฉยๆ สักพักจิตก็จะกลับเข้าไปอยู่ในภพนั้นอีก
ถ้าปล่อยไว้นานๆ จะเป็นอย่างไรหรือเจ้าคะ
แม่ชีถามแทนให้
จะมองหาแสงสว่าง แล้วไปเกิดใหม่ในร่างอื่นแทน
รสารีบส่ายหน้า จะไปเกิดใหม่ได้อย่างไร แล้วใครจะดูแลแม่ ฝ่ายเชิดเริ่มเกาหัวแกรก พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวจากบทสนทนา ค้นหาด้วยตาไม่ได้ก็คงต้องใช้จินตนาการ
ชีน้อย เอาเป็นว่าอาตมาอนุญาตให้เอามาดูแลสักพักนึงก่อน แม่หนูมันไม่มีร่าง จะให้ทำสมาธิก็ลำบาก เหลือแต่จิตก็ให้ดูที่จิต ให้มันมีสติมีกำลังขึ้นมาค่อยหาทางเข้าร่าง พอไหวไหม
รสายังส่ายหน้า แต่แม่ชีรับคำและเริ่มกราบลาแล้ว ฝ่ายหลวงพ่อก็หันไปหาโยมเชิด
อย่าสงสัยไปเลยเชิด ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ภาวนาไป
ขอรับ
ชายชราก็รับคำหลวงพ่ออย่างว่าง่าย และเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติอื่นๆ แม่ชีกราบลาเป็นคำรบสาม รสาต้องรีบไหว้ตามประหลกๆ แล้วคลานเข่าตามแม่ชีออกมาด้านนอกศาลา
หญิงสาวยกมือบังแสงอาทิตย์จ้าที่สาดส่องเข้ามา ก็ยิ่งเห็นแขนและมือตัวเองพร่าเลือนลงไปอีก...
`.,¸,.*¯`.,¸,.*
ฟ้าใสรับแก้วน้ำจากผู้ช่วยพยาบาลที่นำยามาให้ หญิงสาวในชุดผู้ป่วยลุกขึ้นนั่งได้แล้ว แพทย์จึงสั่งให้เปลี่ยนจากยาฉีดมาเป็นยารับประทาน ฟ้าใสจิบน้ำลงไปอึกหนึ่ง เหลือบตามองเม็ดยาสีเหลืองแล้วส่ายหน้า
เม็ดนี้ใช่ไดเมน* หรือเปล่า
ใช่ค่ะพี่สา
เอาไปทิ้งไป
ฟ้าใสขัดเคืองใจอย่างไรบอกไม่ถูก
เอ๋ ทำไมล่ะคะ
ก็ฉัน เอ่อ พี่ไม่ได้เวียนหัวแล้ว แล้วตอนนี้ก็ยังไม่อยากทานยาที่มันง่วง
อุตส่าห์ตื่นมาพร้อมร่างกายสมประกอบแล้ว ร่างนี้ต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ฟ้าใสนึกอยู่ในใจโดยไม่ปริปากเอ่ย
แต่
ผู้ช่วยพยาบาลยังลังเล ฟ้าใสถอนใจแรง
อือๆ วางไว้แล้วไปไหนก็ไปปะ
ค่ะพี่
ผู้ช่วยพยาบาลถอยหลังจากไปอย่างว่าง่าย
เดี๋ยว
ฟ้าใสเรียกไม่มีหางเสียง แต่ผู้ช่วยพยาบาลคนเดิมก็หันกลับมาด้วยความเต็มใจ
"พี่เปลี่ยนใจล่ะ มานี่ก่อน"
ค่ะ พี่สามีอะไรให้ครีมช่วยอีกไหมคะ
เปลี่ยนน้ำให้หน่อยสิ พี่อยากดื่มน้ำเย็น
น้ำเสียงและท่าทีนั้นกึ่งอ้อนและแฝงคำสั่ง ... ท่าทางไม่เหมือนพี่รสาที่คุ้นตาเลยสักนิด
อารมณ์คนป่วยน่า...พอหายแล้วก็กลายเป็นพี่สาคนเดิมนั่นแหละ
ครีมบอกตัวเองในใจ
ค่ะพี่
ผู้ช่วยพยาบาลสาวรับแก้วน้ำใบเก่าไปเททิ้งที่อ่างแล้วเปิดตู้เย็นเพื่อรินน้ำเย็นแก้วใหม่ไปวางข้างเตียง คนป่วยรับไปจิบแล้วถามต่อ
"นี่พี่สลบไปกี่วัน"
"สามวันค่ะพี่สา วันแรกพี่สาเสียเลือดมาก แล้วเลือดกรุ๊ปเดียวกับพี่สาก็หายากมาก โชคดีที่พี่สาเคยบริจาคเลือดตัวเองเอาไว้และยังมีเก็บอยู่ในธนาคารเลือด มีหมอไตรคอยดูแลการผ่าตัดและเย็บแผลให้พี่สาทั้งวันทั้งคืนเลยค่ะ"
"หมอไตร...?"
"ค่ะ เธอคงจะรู้สึกผิดมากนะคะ ที่ เอ่อ... ขับรถชนพี่สา"
"อ้อ..."
หญิงสาวพยักหน้าเฉยๆ ประกายตาวับวาวแต่ไม่ออกความเห็นใดๆ
"ถึงค่ารักษาจะเบิกได้ตามสิทธิพนักงาน แต่ค่าใช้จ่ายส่วนเกินก็มากเอาการอยู่นะคะ คุณหมอไตรรับผิดชอบให้ทั้งหมด และยังจ้างพยาบาลคอยดูแลคุณแม่ของพี่สาให้ด้วย"
"มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น"
คนพูดเบ้ปากและยักไหล่ ครีมเอียงคอมองอย่างสงสัย นี่ก็คำพูดและอากัปกิริยาของรสาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
"แล้วพี่สา... จะแจ้งความหรือเรียกค่าทำขวัญอะไรเพิ่มอีกไหมคะ"
เหมือนคนถูกถามจะจับสายตาสงสัยของเธอได้ หญิงสาวหัวเราะรื่น
"ไม่หรอกน่า โธ่..."
'เป็นพระคุณเสียด้วยซ้ำ'
ฟ้าใสนึกในใจแต่ไม่ได้พูดออกมา
"มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ พี่เข้าใจ"
นี่เป็นไร น้ำเสียงนุ่มนวล อบอุ่น และอ่อนโยนตามแบบฉบับของรสา
"เราก็ไปพักเถอะ คงเหนื่อยเหมือนกันสิ ขอบใจนะที่คอยดูแลตอนพี่ยังไม่ฟื้น"
พี่สาวคนดีกลับมาแล้ว ครีมยิ้มอย่างปลื้มใจ
"ค่ะ"
"แต่เดี๋ยวพี่วานอะไรหน่อยได้ไหม"
"ค่ะ พี่สาบอกมาเลย ครีมยินดีทำให้ค่ะ"
"นี่ห้องวีไอพีใช่ไหม พี่อยากใช้อินเตอร์เน็ตหาอะไรบางอย่าง เราช่วยยืมโน้ตบุ๊คที่เชื่อมสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้มาให้พี่ทีสิ"
"ได้ค่ะพี่สา เดี๋ยวครีมบอกฝ่ายไอทีให้นะคะ"
"อื้ม ขอบใจนะ"
ฟ้าใสโปรยยิ้มหวาน เพียงไม่นานอุปกรณ์ที่ต้องการก็มาถึง สิ่งที่เธอต้องการหาคือข้อมูลสถานที่ทำงาน รายชื่อผู้บริหาร และเนื้องานต่างๆที่รสาเคยทำมาก่อนหน้า ฟ้าใสต้องเรียกมันขึ้นมาเพื่อสวมบทบาทพี่สาวฝาแฝดของตนอย่างไม่ให้มีผิดตกบกพร่อง
หญิงสาวงีบหลับบ้างแต่ก็รีบตื่นเป็นระยะ ทุกครั้งที่ตื่นมาต้องรีบสำรวจแขนขาว่ายังอยู่ครบ ทำอยู่ซ้ำๆจนกระทั่งมั่นใจว่าร่างนี้ไม่ใช่ของใครอื่น ในยามพักผ่อนอย่างสบายใจก็หวนนึกไปถึงรสาตอนที่ถูกรถชนจนกลับเข้าร่างไม่ได้ ป่านนี้จะอยู่ในสภาพไหน ถึงจะนึกสลดปนสังเวชใจอยู่บ้าง แต่ก็ช่างซิ! อย่างดีก็หมดเคราะห์หมดกรรมไป ไว้สบโอกาสจะทำบุญกรวดน้ำให้
แต่อย่าหวังว่าจะได้กลับมาในร่างนี้อีก!
`.,¸,.*¯`.,¸,.*
(มีต่อค่ะ)
*ยา Dimenhydramine มีฤทธิ์แก้เวียนศีรษะ อาการข้างเคียงทำให้ง่วงซึม
แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 54 09:42:04