กรวิทเปิดประตูเข้ามาในร้านกาแฟในยามเย็นที่ผู้คนพลุกพล่านตบเท้าเข้าออกร้าน อิงแก้วและพนักงานต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างขยันขันแข็ง ชายหนุ่มผู้มาเยือนหน้ายู่เข้ามาพักแอร์เย็นๆ ด้วยสีหน้าซังกะตายก่อนจะเหลือบมองอิงแก้วที่วิ่งกุกๆ เข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส กรวิททรุดตัวนั่งในสวนหย่อมริมน้ำตกเทียมที่ทางร้านตกแต่งไว้อย่างลงตัวพลางมองไปด้านหลังของเพื่อนสาวที่ขวักไขว่ไปด้วยเหล่าวัยรุ่นที่มานั่งพักทานอาหารพร้อมกับถ่ายรูปกันเป็นหมู่คณะในมุมต่างๆ ที่ร้านตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
“ดีกรเพื่อนรัก แหม ลมอะไรหอบมาล่ะ”
“ลมร้อนน่ะสิ ตะวันตอนเย็นไม่ยอมตกสาดแสงมาเปรี้ยงๆ”เขาสารธยายจนอิงแก้วเห็นภาพได้ชัดพลางยิ้มขบขันในอารมณ์ป่วนๆ ของเพื่อนที่สร้างรอยยิ้มได้ในสถานการณ์ตรึงเครียด
“แหม ก็มาพักร้อนในร้านกาแฟที่มีเจ้าของน่ารักล่ะสิ อารมณ์เลยเย็น”อิงแก้วยกมือขึ้นกุมแก้มทั้งสองข้างทำเขินอาย กรวิทยิ้มกว้างจนตาหยี
“น่ารักมากกกกก น่ารักไปหมด น่ารักแบบไม่เคยพบเคยเจอ น่ารักน่าสงวน”
“ฉันควรจะดีใจดีไหมที่แกพูดเหมือนชม ฉันแทบจะแยกไม่ออกจริงเชียวว่าแกชมหรือด่าฉัน”อิงแก้วยืดตัวขึ้นขมวดคิ้ว กรวิทหัวเราะในคอแอบขันที่อิงแก้วเป็นคนคิดช้ากว่าจะรู้ตัวก็ยิ้มเพ้อไปก่อน
“เอาเหอะน่า ได้มาหยอกแกหน่อยก็อารมณ์ดีละ”เขาบอกปัด อิงแก้วจ้องเพื่อนราวกับมีเรื่องแปลกประหลาดกรวิทก้มมองตนเองก่อนจะสบตากับอิงแก้วที่ร้องขึ้น
“เฮ้ย! กรแกไปทำอะไรมาทำไมแกดูดีขึ้นผิดหูผิดตาแบบนี้”เจ้าของร้านกาแฟสาวยกมือขึ้นกุมหน้ากรวิทที่เบิกตาโตก่อนจะที่อิงแก้วจะผละมือออกโดยไว
“เฮ้ย! นี่แกถอดแว่นเหรอ โห นี่แกรู้ไหมว่าแกดูดีขึ้นมากเลยนะถ้าตอนสมัยเรียนแกไม่ใส่แว่นแกคงได้เป็นเดือนคณะไปแล้ว นี่มันช้างเผือกในป่าดงดิบเลยนะเนี่ย”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะถอดแว่น แต่สภาพแว่นขนาดนี้ฉันก็ไม่สามารถจะเอามาใส่ได้แล้ว”กรวิทบอกพร้อมล้วงมือลงไปในกระเป๋าที่สะพายมาด้วยพร้อมกับเศษแว่นที่หักไม่มีชิ้นดีพร้อมเศษเลนส์กระจกที่แตกละเอียดเป็นเศษย่อย
“แล้วไปโดนอะไรมา สภาพถึงได้ยับเยินขนาดนี้”
“ถามคุณหนูบูรณาสิครับ”
“ยัยบูรน่ะหรือ”อิงแก้วเอียงหน้ามองสงสัย กรวิทกรอกตาขึ้นฟ้านึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นสนๆ ร้อนๆ และร่มสีชมพูเจ้ากรรมที่เป็นต้นเหตุให้แว่นของเขาต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้
“อ้อ ยังไม่จบเท่านี้นอกจากวีรกรรมนี้แล้วยังมีอีกวีรกรรมที่เด็ดไม่แพ้กัน คุณหนูบูรตัวดีน่ะให้นายบูมมาติดต่อให้ฉันไปร่วมงานด้วยแถมยังออกค่าจ้างเป็นเงินนับไม่ถ้วน”
“ก็ดีแล้วนี่ แกจะได้มีรายได้เพิ่มไง”
“ทำเหมือนดูถูกกันชัดๆ”
“แกคิดมากน่ะกร บูรไม่ใช่คนที่ดูถูกใครนะอีกอย่างบูรคงเห็นในศักยภาพของแกกับบูมก็ได้ถึงได้ให้ค่าตอบแทนขนาดนั้น”อิงแก้วบอก กรวิทพิงตัวบนพนักเก้าอี้เลื่อนสายตามองน้ำตกที่ไหลจากโขดหินรวมมาลงเป็นทางน้ำไหลผ่านดงใบเฟิร์นที่ขึ้นริมทางธารน้ำไหล
“จริงๆ ฉันไม่ได้ต้องการเงินมากมายขนาดนั้น แต่ฉันแค่ไม่คิดจะกลับไปทำงานด้านนี้อีกแล้ว”
“แกยังฝังใจเรื่องนั้นหรือไง”อิงแก้วค่อยๆ ตะล่อมถามเพราะเกรงว่าจะกระทบใจเพื่อน กรวิทลดสายตาลงกำหมัดแน่น
“ใช่ ไอ่เจตมันทำไว้แสบจนฉันลืมไม่ลง ยิ่งมารู้ความเลวล่าสุดนี่อีกฉันแทบไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับมันอีก”
“ทำไมเหรอ”อิงแก้วถามตาใสแป๋ว กรวิทยั้งคำพูดพลางนึกถึงคำบอกเล่าของธำรงและคิดว่าไม่เหมาะสมแน่หากเขาจะเล่าให้อิงแก้วฟัง ถึงแม้เขากับหล่อนจะสนิทกันมากแค่ไหนหากธำรงไม่พร้อมจะเปิดเผยเขาก็ไม่ควรนำมาเล่าต่อให้เสียหาย
“คงไม่สะดวกที่จะเล่าน่ะ พอดีมันเป็นความลับของคนบางคนด้วย”อิงแก้วพยักหน้าไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่นและเพื่อนให้ต้องลำบากใจที่จะเล่า
“แล้วแกจะไม่ช่วยบูรจริงๆ หรือ”
“ไม่เชิงหรอก ที่อยากช่วยไม่ใช่เพราะยัยบูรแต่เพราะบูม”
“แกพูดแบบนี้คือแกตกลงจะช่วยจริงเหรอ”อิงแก้วเริ่มยิ้มกว้างเมื่อกรวิทเริ่มเปิดใจที่จะทำงานนี้
“ก็คิดว่า...แต่พอเจอหน้ายัยบูรวันนี้ฉันอยากเปลี่ยนใจแล้วล่ะ”
“แหม ไอ่กรแกอย่าทำเป็นหัวล้านใจน้อยไปน่า งานนี้ยัยบูรมุ่งมั่นมากๆ เลยนะ”
“ก็รู้ ดูจากสีหน้าก็พอรู้แล้วว่าวาดฝันไว้เยอะ”
“ถ้ามีแกกับบูมมาช่วยฉันก็พอจะโล่งใจไปบ้างน่ะ”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”กรวิทบอก เหลือบตามองผู้ชายร่างสูง ผิวขาวราวกับหยวกกล้วย ใบหน้าเหลี่ยมคมได้รูปมาพร้อมในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเทา
“ใครวะ มองหน้าอยู่ได้”กรวิทบ่นอุบ อิงแก้วหันกลับไปมองบุคคลที่กล่าวถึงก่อนจะสะดุ้งตัวโหยง
“เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนเห็นผี”
“ยิ่งกว่าผี”อิงแก้วกระซิบ ชายคนนั้นเดินตรงเข้ามาโค้งศีรษะเล็กน้อย
“สวัสดีอิงแก้วใช่ไหมครับ”เสียงนุ่มทุ้มเข้มดังขึ้นท่ามกลางวงสนทนาของเพื่อนทั้งสอง อิงแก้วและกรวิทยืดตัวขึ้นสบตากับบุคคลนั้น
“สวัสดีค่ะคุณรูม”อิงแก้วยิ้มรับ ชายคนนั้นเพียงแค่กระตุกมุมปากตอบ
“ผมทราบมาว่าพี่ชายของบูรณามาเปิดร้านกาแฟเลยแวะเข้ามา ไม่ทราบว่าบูรณาได้แวะมาที่นี่บ้างไหม”
“ก็ค่ะ”อิงแก้วไม่กล้าสบตานัก กรวิทยังคงเหลียวมองทั้งสองสนทนากันไปอย่างราบเรียบ
“หวังว่ายังคงสบายดีเหมือนเดิม”
“ก็สบายดีค่ะ ว่าแต่คุณรูมมีอะไรหรือเปล่าคะ”อิงแก้วถามกลับ ชายหนุ่มผู้มาเยือนหลบตาเล็กน้อย
“ไม่มีหรอกครับ ผมแค่....”เขาอ้ำอึ้ง อิงแก้วและกรวิทยังคงตั้งใจฟังจดจ่อ
“ถ้าหากได้เจอบูรณาฝากบอกเค้าด้วยนะครับว่าผมยังคงคิดถึงไม่เปลี่ยนแปลง”รูมหนุ่มหล่อ เฟี้ยวมาดนิ่งเอ่ยขึ้น อิงแก้วยังคงแสดงสีหน้าตะขิดตะขวง
“ค่ะ...”
“ผมขอตัวก่อน พอดีแวะมาธุระแถวนี้เลยแวะมา ถ้าว่างๆ ผมจะมาชิมกาแฟนะครับ”
“ค่ะ”อิงแก้วขานรับแต่คำว่า ค่ะ จนชินปาก รูมหันตัวกลับเดินเร็วๆ ออกไปผ่านผู้คนไปได้อย่างคล่องตัว กรวิทหันกลับมาสะกิดเพื่อนสาวเร็วไว
“ใครวะ”
“แฟนเก่าบูรน่ะ”อิงแก้วบอก กรวิทเลิกคิ้วสูง
“หา! อีตาเก๊กนี่นะ”
“อือ”
“ว่าไปก็เหมาะกันแล้วล่ะ ผู้หญิงหรูเริดกับผู้ชายเริดหรู”กรวิทยังไม่เลิกแขวะบูรณาเข้าจนได้ อิงแก้วเหล่ตามองหมั่นไส้ในความปากร้ายของเขา
“มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นหรอก”อิงแก้วถอดใจ ช้อนตามองไปทางอื่น
“แล้วเลิกกันเพราะอะไรล่ะ”
“เรื่องมันยาวน่ะ ถ้าแกเห็นอีตานี่มาร้านนี้แล้วป้ะเข้าให้กับยัยบูร แกก็จะรู้เอง”อิงแก้วเท้าคงบนโต๊ะ วันดีรูมคืนดีไม่เคยย่างกรายเข้ามาเลยสักครั้งแต่ครั้งนี้มาแปลกที่ทั้งมาจู่โจมและบอกความในใจถึงบูรณาว่ายังคงความคิดถึงไว้เช่นเดิม เรื่องนี้คงไม่จบลงอย่างที่คิดถ่านไฟเก่าที่ว่ามอดแล้วจะกลับมาครุกรุ่นดังเดิมหรือเปล่า
“ลงทุนกลับไปหาถึงร้านเลยใช่ไหมคะ”เสียงร้องดังเสียงหูขึ้นกลางถนน รูมชายหนุ่มมาดนิ่งหันกลับหลังมองผู้หญิงตัวเล็กกระจิด สวมชุดเดรสสีคราม รองเท้าส้นสูงที่เดินกุกกักเข้ามาด้วยความเร็ว
“รูมไม่เคยลืมบูรณาเลยสักครั้งใช่ไหม”น้ำตาคลอเบ้าหญิงร่างเล็ก ผมดัดม้วนย้อมสีทองประกายแดงยืนกำหมัดนิ่ง ผิวขาวเนียนละเอียดตัดกับลิปติกสีแดงแสดที่ขยับรับกับฟันขาวสะอาดที่ยักลึกลงบนริมฝีปาก
“ที่ผมลืมไม่ได้คงเพราะคุณ”
“ทำไม อ้อ นี่ได้ฉันแล้วก็เบื่อแล้วสินะ”
“ใครกันที่ง่าย!”รูมตอกกลับด้วยความนิ่งสงบ หญิงสาวที่ติดตามมาอ้าปากค้างยกมือขึ้นปิดปากตะลึงงัน
จากคุณ |
:
คุณหนูแจ่มใส
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ส.ค. 54 21:27:27
|
|
|
|