Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปีกหิมพานต์ ตอนที่ 3 ฤษีสิงห์ดำ ติดต่อทีมงาน

3 ฤษีสิงห์ดำ

“โฮกกก!!!” เสียงคำรามลั่นของสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ก็ดังขึ้นก้องไพร

“พลั่ก!” “พลั่ก!”

สิ้นเสียงคำรามร่างสองร่างบนฟ้าก็ร่วงตกลงสู่พื้นพร้อมกัน นักศึกษาพยาบาลจากโลกมนุษย์เห็นเลือดสีแดงข้นคลักพุ่งทะลักออกมาจากปากแหลมของมนุษย์นกตัวนั้น

ฝ่ายผู้มีเกล็ดสีนิลหลังร่างแตะพื้นก็ลนลานเลี้อยหนีคนมีปีกตรงเข้ามาหาพลอย ยกหัวพุ่งกระโจนใส่วงเชือกแล้วเปลี่ยนร่างทันที ร่างจำแลงมนุษย์บัดนี้หมดแรงนอนฟุ่บอยู่บนพื้น สั่นระริกด้วยความเจ็บปวด ศีรษะหลังมีบาดแผลยาวลึกเลือดไหลเป็นทาง

คนเรียนพยาบาลมายกหัวเพื่อนขึ้นหนุนตักตรวจดูอาการ ถึงดีใจที่เห็นเขาเข้ามาอยู่ในวงเชือกได้แต่รอยแผลบาดเจ็บนั้นดูไม่ดีเลย "นายทำใจดีๆ ไว้นะ อยู่ในเกราะแก้วแล้วไม่ต้องกลัว"

แม้หญิงสาวกำลังบอกคนอื่นแบบนั้นแต่ตัวเธอเองต่างหากที่หวาดกลัวกลัว กลัวเพื่อนจะเจ็บหนัก กลัวมนุษย์นกพวกนั้น และกลัวทั้งเจ้าของเสียงคำรามซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรอีก ขณะที่กำลังยกชายเสื้อยืดขึ้นมาเพื่อเตรียมจะฉีกออกทำผ้าพันแผลห้ามเลือด เธอก็ต้องชะงักเมื่อสายตาเลือบไปเห็นร่างๆ หนึ่งกำลังเดินผ่านป่าออกมาช้าๆ ร่างนั้นไม่ใช่สัตว์ร้ายอย่างที่เธอนึกกลัว แต่กลับเป็นชายชราผมสีเทาท่าทางแข็งแรงคนนึง ที่คอของชายชราคล้องไว้ด้วยเชือกกลมๆ เหมือนของศตรรฆ นุ่งโสร่งสีตุ่นมอๆ พาดไหล่ด้วยผ้าบางๆ คล้ายสบงของพระภิกษุสงฆ์แต่ไม่ใช่

ชายผู้นั้นเดินตรงเข้ามาหาเธอ ยิ้มให้อย่างใจดีก่อนใช้ไม้เท้าเขี่ยกระทุ้งไปยังหัวที่เต็มไปด้วยเลือดของศตรรษอย่างแรง ก่อนพูดเสียงเย็นว่า “สมน้ำหน้าเอ็ง...”

“คุณตาทำอะไรคะ! เขาได้รับบาดเจ็บอยู่นะคะ!” พลอยตกใจใช้มือปัดปลายไม้เท้าออก ลืมไปเลยว่าชายคนนั้นไม่น่าเข้ามาในเขตวงเชือกได้

“อุ๊ย!” เสียงอุทานคล้ายสะใจ ว่าแล้วเคาะซ้ำอีกรอบ “ให้มันเจ็บดูบ้าง จะได้รู้ว่าผลแห่งความขี้เกียจเป็นอย่างไร”

ว่าที่นางพยาบาลรีบก้มลงเอามือป้องรอยแผลบนหัวเพื่อน แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าเลือดหยุดไหลแล้ว แผลสมานตัวตกสะเก็ดเกรอะกรังสีดำคล้ายแผลเก่าผ่านการรักษามาแล้วเป็นอาทิตย์

"เป็นไปได้ยังไงกัน" พลอยตะลึง

“โอย...เจ็บยิ่งนัก” ศตรรฆอาการดูดีขึ้นจนพูดได้ เขาเอามือกุมหัวก่อนดีดตัวลุกขึ้นนั่ง พอได้โอกาสก็ชี้นิ้วตะโกนด่าผู้ที่ทำร้ายตัว “ครุฑอย่างพวกเจ้าก็เป็นได้เพียงหมาหมู่ลอบกัด! แน่จริงมาสู้กันตัวต่อตัวซิวะ”

"อา..." แล้วลูกมนุษย์อย่างเธอจึงได้รู้ ที่แท้พวกมีปีกหน้าตาน่าเกลียดเหล่านี้คือครุฑนั่นเอง มิน่าเล่าถึงได้รุมทำร้ายศตรรฆอย่างไร้เหตุผล อย่างนั้นตำนานที่ว่าครุฑเกลียดนาคก็คงเป็นความจริง

“เจ้าคือผู้ใดกัน” เสียงแหบแห้งของครุฑกระอักเลือดที่นอนกองอยู่บนพื้นเอ่ยถาม

“มันต้องเป็นฤษีสิงห์ดำแน่ๆ ทั่วทั้งหิมพานต์นี้ จะมีใครที่สามารถคำรามอย่างมันได้” ครุฑอีกตนที่ยังแช่ปีกอยู่ในน้ำตั้งข้อสังเกต

“โอ...นี่แปลว่า ข้าก็พอเป็นผู้มีชื่อเสียงอยู่บ้าง” ชายชรายิ้มยอมรับสมญานามแล้วว่าต่อ “เอาละท่านทั้งหลาย ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกราดอก ขณะนี้เวลานั้นได้มาถึงแล้ว ขอพวกท่านจงมีเมตตาเลิกราต่อกันเพียงเท่านี้” ชายชรากล่าวเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนผายมือส่ง “ขอพวกท่านจงจากไปตามทางที่มาเถิด”

“อะไรกันปู่!” เจ้านาคเกล็ดนิลโวย “มันทำร้ายข้าเจ็บแทบตาย ปู่จะยอมปล่อยมันไปง่ายๆ แบบนี้นะหรือ”

“หุบปาก!” เสียงดุของผู้ใหญ่สอนเด็กดังขึ้น “หากเอ็งจะกรุณายอมจำวิธีที่ข้าสอนให้ ใครมันจะทำร้ายเอ็งได้...ฮือ”

“ก็...ก็...ก็ข้ายกเชือกเกราะแก้วให้นางผู้นี้ใช้” ศตรรฆเสียงอ่อนลงชี้ไปที่หญิงสาวในลงเชือก แก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“เอ็งก็เลยหมดปัญญาเสียอย่างนั้น นี่อย่าได้บอกใครเชียวนะว่าข้าเป็นผู้สั่งสอนเจ้า รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”

ระหว่างการสนทนานี้ พลอยก็สังเกตเห็นครุฑทั้งสองตรงเข้ามาปรึกษาอะไรบางอย่างต่อกัน ในที่สุดหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้น “ก็ได้...ถือว่าเห็นแก่ท่าน พวกเราจะยอมจากไป”

“โกหกหน้าด้านๆ อย่างพวกเอ็งจะมีปัญญาอะไรจะมาสู้กับปู่ของข้าหว้า...โอย!” สิ้นคำกวนๆ นั้น ไม้เท้าก็ถูกฟาดลงบนหัวผู้พูด นี่คงเป็นวิธีเดียวที่จะหุบปากเจ้านาคได้

“เชิญพวกท่านเถิด” ปู่ค่อมหัวน้อมส่งอย่างสุภาพ

รอจนครุฑบาดเจ็บทั้งสองฝืนใจบินจากไปอย่างทุลักทุเลสักครู่ ผู้คำรามได้อย่างราชสีห์ก็โบกมือตามหลังคล้ายไล่ส่ง พริบตานั้น...พลอยเห็นร่างทั้งสองที่กำลังลอยอยู่กลางฟ้าหายลับไปกับตา

"ปู่ส่งพวกมันไปไหน"

"ก็ส่งไปในที่ที่มันจะลืมพวกเราอย่างไรเล่า เจ้าอยากให้พระสุบรรณมาเยี่ยมหรือ แล้วไฟพวกนี้มันอันใดกัน"

ผู้มีเกล็ดสีนิลก้มหน้าลงไม่ยอมตอบคำถาม

“ศตรรฆ อยู่ดับไฟที่นี่ให้หมด เอ็งนี่พ่นพิษไม่ดูตาม้าตาเรือ ถ้าพวกเด็กๆ มันออกมาวิ่งเล่นแล้วได้แผลกลับไปเพราะพิษเอ็ง ข้าจะจับเอ็งขอดเกล็ดส่งกลับไปให้เจ้าวิรูปักษ์ดู”

หญิงสาวคิด ท่านคงหมายถึงพิษพญานาคที่พ่นพลาดเป้าบนฟ้าแล้วร่วงลงมาแผดเผาป่าเบื้องล่างอยู่ในขณะนี้
สั่งความหลานจบ ชายชราก็หันมาทางพลอย “ส่วนเจ้า เดินตามปู่กลับอาศรมก่อน”

การเดินทางไปอาศรมเจ้าของสมญานาม “ฤษีสิงห์ดำ” เป็นไปอย่างเชื่องช้าเพราะพลอยยังเจ็บเท้าและเหนื่อยมาก ไม่นานนักทั้งคู่ก็เดินเข้าสู่บริเวณอาศรมอันเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ สร้างอย่างหยาบๆ ตั้งอยู่กลางลานโล่งหน้าปากถ้ำใหญ่ หญิงสาวได้กลิ่นชื้นแปลกๆ โชยออกมาจากถ้ำ

ทันทีที่ท่านฤษีเดินเข้าไปนั่งบนแคร่เก่าๆ หน้าอาศรม นักศึกษาพยาบาลก็เห็นเหล่าสัตว์สี่เท้าขนปุยสีดำสลับเทาขนาดเท่าสุนัขพันธุ์เยอรมันเชพเพอดตัวโตๆ สามตัว วิ่งกรูกันออกมาจากถ้ำตรงเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังเลียประจบประแจงปู่กันใหญ่ ท่านหัวเราะอย่างอารมณ์ดีลูบหัวลูบหลังตัวนั้นตัวนี้

“อะนะ อะไรๆ ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นละ ก็ที่นี่ป่าหิมพานต์นี่นา” พลอยชะงักเท้ายืนดูอยู่ไกลๆ ไม่กล้าเดินตามไป ด้วยกลัวสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายแมวยักษ์เหล่านั้น และแล้วแมวยักษ์ตัวหนึ่งก็หันมาจ้องเธออย่างอยากรู้ มันก้มหัวลงเขี่ยเท้าที่พื้นทำท่าจะวิ่งเข้ามาเล่นด้วย พลอยนึกในใจว่า "ซวยแล้วคราวนี้..."

ขณะที่มันวิ่งมาได้กว่าครึ่งทางกำลังตั้งท่าจะกระโจนใส่หญิงสาว ก็มีเสียงคำรามน่ากลัวดังลั่นออกมาจากถ้ำทำเอาเธอขนลุก จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าคล้ายเสียงคำรามของปู่ที่ครุฑกล่าวถึง

“โฮกกก!!!”
สิ้นเสียงคำราม เจ้าแมวยักษ์ตัวนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมาย วิ่งกระดี๊กระด๊ากลับไปทางถ้ำพร้อมพี่น้องสองตัวที่เหลือ ภาพต่อจากนั้นก็ทำเอาพลอยต้องรีบวิ่งไปซุกหลังศตรรฆซึ่งเดินตามมาทันพอดี

สิงโตตัวเมียสีดำมะเมื่อมตัวโตเท่าวัวพันธุ์ฮินดูบราซิลค่อยๆ เดินเยื้องย้ายอย่างสง่างามออกมาจากถ้ำ

หนุ่มน้อยผิวสีหัวเราะคิกๆ แม้จะยังเจ็บหัวอยู่ พูดด้วยสำเนียงอวดอ้างว่า “อ้าว... เจ้าเลิกกลัวข้าที่เป็นพญานาค แต่กลับไปกลัวกาฬสีหะ(1) แทนแล้วหรือ เจ้าคงคิดไม่ถึงละซิว่าข้าน่ะร้ายกาจกว่าพวกนั้นเป็นร้อยเท่า”
แล้วนางกาฬสีหะตัวงามก็ย่อตัวนั่งลงข้างชายชราโดยมีลูกๆ ของพวกมันวิ่งตามเข้าไปดูดนมจ๊วบๆ

"ไป เข้าไปคุยกับปู่ข้า ถ้าราชสีห์พวกนั้นมันจะทำร้ายเจ้า เจ้าก็ไร้ซากไปนานแล้ว” ศตรรฆดึงแขนพลอยให้เดินตามเขาเข้าไปที่อาศรมเมื่อเห็นปู่กวักมือเรียก ทั้งคู่จึงเข้าไปนั่งลงด้านข้างอีกด้านของปู่ ตรงข้ามกับกลุ่มแม่ลูกกาฬสีหะ

“เป็นอย่างไร เที่ยวเล่นเสียเพลิน หิมพานต์งามกว่าสีทันดรมากไหม” ผู้นั่งอยู่บนแคร่ถามอย่างรู้ทันเพราะเจ้าหลานตัวดีแอบหนีไปเที่ยวมา

“แหม...ข้ามาช้าไม่กี่วันเองปู่” ฝ่ายถูกถามทำท่าอึกอักก่อนตอบ “แต่เพราะมาช้าข้าถึงได้ทำความดี ดูซิปู่... ข้าไปช่วยลูกมนุษย์มาผู้หนึ่งเชียวนา”

สาวน้อยฟังแล้วนึกชมศตรรฆอยู่ในใจ เขาเก่งจริงๆ ที่สามารถพูดเอาผิดเป็นชอบได้ แม้เธอเห็นปู่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายหลังจากนั้น

"เอ้า เจ้าเป็นมนุษย์จริงอย่างที่เจ้านี่ว่าจริงหรือ” คราวนี้ชายชราหันมาถามเธอบ้าง

"โธ่...ปู่ไม่เชื่อข้าอีกแล้ว นางเป็นลูกมนุษย์ของแท้แน่นอน กลิ่นสาบคาวบาปนี่เหม็นหึ่งเชียว” ยังไม่ทันที่หญิงสาวผู้มาแต่ภูมิอื่นจะเอ่ยอะไรก็ถูกเจ้านาคปากดีชิงตอบเสียก่อน “นางเสียใจมากที่มาอุบัติขึ้นมากลางป่าหิมพานต์ ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ข้าเห็นแล้วสงสารจึงชวนมาหาปู่” เขาเว้นจังหวะนิดหนึ่งก่อนพูดต่อด้วยเสียงภูมิใจ “ปู่ต้องเห็นความดีของข้านา ข้าอุตส่าห์หาทางช่วยปู่สร้างบารมี ถ้าปู่ส่งนางผู้นี้กลับไปโลกมนุษย์ได้ ข้าว่าวันนี้พรุ่งนี้ปู่ถึงนิพพานแน่นอน” แล้วพลอยก็เห็นไม้เท้าปู่ตวัด  

“ขวับ!”  แม่นเหมือนจับวาง ปู่เลือกตีซ้ำเข้าตรงรอยแผลกรงเล็บครุฑ

“โอย!!!” เจ้าหนุ่มผิวสีเจ็บจนน้ำตาเล็ด รีบยกมือขึ้นมาบังไว้เพราะกลัวโดนตีซ้ำอีกที

“เหลวไหล! เอ็งรู้อะไรเกี่ยวกับนิพพานบ้าง” ผู้สูงกว่าทั้งด้วยวัยวุติและคุณวุติดุเสียงดัง “บอกให้นั่งสมาธิในเชือกเกราะแก้วทุกวันก็ไม่ทำ ตอนนี้เชือกมันอ่อนแรงลงจนจะใช้ป้องกันอะไรไม่ได้แล้ว ดีนะที่ข้าไม่ได้เข้าถ้ำจำศีลจึงได้ยินเสียงที่เอ็งตีกับครุฑ ระวังตัวเอ็งไว้...ศตรรฆ นี่ข้ายังไม่ได้คิดเลยว่าจะลงโทษเอ็งยังไงให้เข็ดดี” เสียงคาดโทษตามมา “ข้าไปไม่ถึงนิพพานเสียทีก็เพราะมีเอ็งอยู่ให้เป็นห่วงนี่ละ ถ้าเอ็งอยากนั่งอยู่ตรงนี้ต่อก็หุบปากพล่อยๆ ของเอ็งเสีย”

ศตรรฆเบ้หน้า ขยับปากขมุบขมิบชวนให้ปู่ฟาดซ้ำซะจริงๆ

“เอ้า! เจ้า...คราวนี้บอกปู่มาว่าเรื่องทั้งหมด มันเป็นอย่างไร” ชายชรารวบรัด

ผู้ข้ามภพมาด้วยอุบัติเหตุจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้ที่เธอคิดว่าสามารถช่วยเหลือเธอได้ฟัง เริ่มต้นตั้งแต่ข้ามถนนแล้วถูกรถชน เธอหมดสติไปรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งกลางป่าหิมพานต์และได้พบกับศตรรฆ การมาครั้งแรกนั้นเธอสามารถกลับโลกมนุษย์ได้ แต่การมาครั้งที่สองน่ากลัวกว่าครั้งแรก ก่อนมาเธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาลและปวดศีรษะมาก พยายามพูดพยายามขยับตัวแต่ทำอะไรไม่ได้เลย สมองคงได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เธอจึงกลัวว่าอาการดังกล่าวจะเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายเกิดการช็อกจนเสียชีวิตลง

“ปู่ฤษีคะ พลอยตายแล้วหรือยังคะ” สาวน้อยถามคำถามที่อัดอั้นอยู่ในใจ

“เอ้อ...” ชายชราผู้เลี้ยงดูราชสีห์รำพันกับตนเอง ท่านมองดูพลอยแล้วหลับตาลงรวบรวมสมาธิ ผ่านไปสักครู่จึงตอบว่า “ยัง ยังไม่ตาย...เจ้ายังมีพลังชีวิตแห่งมนุนษย์อยู่แม้จะเบาบางมากก็ตามที แต่หากจะถามปู่ต่อว่าเหตุใดเจ้าจึงแหกกฎธรรมชาติโดยการข้ามภพมายังป่าหิมพานต์ได้นั้น ปู่ก็สุดจะเดา” ปู่ส่ายหน้าช้าๆ เหมือนยืนยันคำพูดว่า ท่านไม่รู้จริงๆ “การกระโดดข้ามมิติแห่งภพชาตินั้นจำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาล แลผู้ที่สามารถสร้างพลังงานขนาดนั้นได้ต้องเป็นผู้ฝึกจิตเจริญถึงขั้นสูงสุด ให้ปู่ทำยังยาก ส่วนเจ้า...หากไม่มีเจ้ากรรมนายเวรอธิษฐานผูกพันไว้ก็คงเป็นตัวเจ้าเองนั้นละเป็นผู้สร้าง”

“โอย ก่อไฟยังทำไม่เป็น คงสร้างพลังงานข้ามภพได้ละปู่” เจ้านาคเกล็ดนิลแอบหัวเราะประชดเธอ

“แบบนี้...พลอยพอจะมีทางกลับโลกมนุษย์ได้ไหม” คนหลงภพมาถามอย่างลังเล เธอรู้สึกกลัวว่าคำตอบจะคือ...ไม่

“หนทางนั้นมีอยู่ เมื่อมาได้ก็ต้องกลับไปได้เว้นเสียแต่ว่าพลังงานชีวิตของเจ้าจะดับลงก่อน แต่กลับไปอย่างไรนั้น อย่าให้ปู่เข้าไปวุ่นวายในวิถีเจ้ากรรมนายเวรของเจ้าเลย ไม่ดีดอก”

“อ้าวปู่...ที่ว่ามาตั้งนานนี่ไม่ช่วยดอกหรือ ข้าอุตส่าห์คุยเอาไว้ว่าปู่เก่ง”

“เอ็งอย่ากวนให้เสียเรื่องได้ไหม” ปู่บอกศตรรฆแล้วหันมาทางพลอย “หลักง่ายๆ มีอยู่ว่า เหตุทำให้เกิดผล เจ้าหลงมายังป่าหิมพานต์ได้ก็ต้องมีเหตุอยู่ ไหนลองนึกใคร่ครวญดูให้ดี เมื่อยังอยู่แดนมนุษย์เคยพบเจอเรื่องแปลกประหลาดอันใดไหม?”

พลอยนิ่งเงียบ ใช้ความคิดตามคำปู่ จริงอยู่  เหตุทำให้เกิดผล แล้วเหตุที่ว่าคืออะไรหนอ ส่วนเรื่องแปลกประหลาดตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเจอคราวนี้เอง ปกติแล้วชีวิตเธอเรียบๆ ง่ายๆ ตอนเรียนมัธยม ตื่นแต่เช้าตรู่ช่วยแม่ทำขนมก่อนไปเรียนหนังสือ เย็นกลับถึงบ้านมาล้างหม้อล้างจาน ช่วยแม่ปั้นขนมเสร็จแล้วก็ทำการบ้านอ่านหนังสือจนดึก ยิ่งมาเรียนพยาบาลก็ยิ่งไม่ได้ไปไหน อยู่แต่ที่โรงพยาบาลกับหอพัก แทบจะไม่มีเวลากลับไปเยี่ยมแม่ด้วยซ้ำ เธอจึงจนปัญญาหาคำตอบ

“แล้วบาปเล่า เจ้าเคยก่อกรรมทำชั่วเอาไว้กับใครหรือไม่”

"ทำบาป..." ว่าที่นางพยาบาลนึกย้อนกลับไป แม่ของเธอเป็นคนใจบุญสุนทานมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยตีกระทั้งยุง ตัวเธอ แม้ไม่ได้สักครึ่งเสี้ยวของแม่ เผลอตียุงตบมดบ้างเวลาแม่ไม่เห็นแต่ก็ใช่ว่าจะใจร้าย ตอนเป็นเด็กเธออยากเลี้ยงปลา มีคนหาบปลาช่อนมาขายข้างบ้านเธอแอบซื้อไว้โดยไม่ให้แม่รู้ เอาขังไว้ในหม้อแต่ไม่ได้ปิดฝาเพราะกลัวปลาหายใจไม่ออก ระหว่างวิ่งออกไปช้อนลูกน้ำเพื่อเอามาให้กินปรากฏว่าปลาช่อนกระโดดออกจากหม้อมาดิ้นตาย เธอเสียใจมากสัญญากับมารดาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว อีกครั้งหนึ่งเธอไปออกค่ายพักแรมกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน มีตะขาบตัวโตไต่เข้ามาในเต็นท์ เพื่อนๆ ตกใจหนีหายกันหมด เธอไม่รู้จะทำอย่างไรจึงตัดสินใจตีตะขาบตัวนั้นตายเพราะอยากเป็นฮีโร แต่มันก็ทำให้เธอเสียใจอยู่จนถึงทุกวันนี้

“บาปกรรมแบบนี้ ทำให้พลอยข้ามภพได้หรือเปล่าค่ะ”

ปู่ยิ้มน้อยๆ มองหญิงสาวอย่างเมตตาแล้วกล่าวว่า “บาปกรรมแค่นี้ มันพาเจ้ามาข้ามภพชาติมาไม่ได้ดอก”

ถามกันไปมาจนมืด ทั้งสามก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าอะไรคือต้นเหตุที่ทำให้มนุษย์อย่างเธอข้ามภพมายังป่าหิมพานต์ อากาศหนาวเย็นเริ่มปกคลุม เจ้านาคราชออกไปก่อกองไฟ ณ หลุมหินกลางลานโล่ง สร้างแสงสว่างและความอบอุ่นให้ทั่วบริเวณ แม่ราชสีห์ปล่อยลูกๆ วิ่งเล่นกวนศตรรฆสักพักก็คาบหน่อไม้หน่อใหญ่กลับมา สาวน้อยจึงได้หน่อไม้ย่างหวานอร่อยเป็นอาหารค่ำ

“ปู่ปลูกกระท่อมหลังเล็กๆ ไว้ที่ข้างลำธารด้านโน้น คืนนี้เจ้าลงไปนอนที่นั่นจะได้พักผ่อนให้สบาย”

พลอยไหว้ขอบคุณปู่ฤษีก่อนเดินไปตามทางที่ท่านชี้ เดินลงเนินมาได้หน่อยเดียวก็เจอลำธารและกระท่อมที่ว่า ยังไม่ทันจะก้าวขาขึ้นบันไดเจ้าหนุ่มผิวสีก็วิ่งตามมา เขาโยนผ้าเก่าๆ ให้ผืนหนึ่งก่อนออกไปก่อกองไฟอีกกอง หญิงสาวมองผ้าผืนนั้นอย่างยินดี นึกในใจว่าเธอจะได้อาบน้ำและซักชุดที่เหม็นหึ่งชุดนี้เสียที

“เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวอะไร บริเวณโดยรอบอาศรมนี้ปู่ข้ากันเอาไว้เป็นเมืองลับแล หากปู่ไม่อนุญาตก็ไม่มีผู้ใดผ่านเข้ามาได้ ปู่ข้าจึงไม่ได้ข้องแวะกับผู้ใดในป่าหิมพานต์มานานแล้ว”

“จะกลัวก็แต่นายนั้นแหละ” พลอยบอกผู้ที่มีร่างสูงโย่งตรงหน้า

ได้ยินคำล้อเขาทำหน้างงนิดหน่อยก่อนจะแลบลิ้นหลอกเธอแล้วเดินจากไป
น้ำในลำธารแม้เย็นจัด แต่ได้แสงอุ่นๆ ของพิษพญานาคจากศตรรฆช่วยก็ไม่เลวร้ายมากนัก พลอยอาบน้ำซักผ้าตากเสร็จแล้วจึงขึ้นมาหลับตาลงในกระท่อมน้อยอย่างเหนื่อยล้า ในใจยังหนักอึ้งอยู่เหมือนเดิมด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ได้กลับโลกมนุษย์ เสียงน้ำในลำธารน้อยไหลรินเรื่อยๆ อย่างไพเราะ ฟังแล้วชวนให้จิตใจที่สับสนของเธอสงบลงบ้าง ไม่นานเธอจากนั้นเธอก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

วิ้ววว...
สายลมหนาวพัดหวีดหวิว เสียงคร่ำครวญสะอื้นไห้ของใครคนหนึ่ง แผ่วเบาป่นมากับสายลม
“เจ้าเอย...ความฝัน ความหวัง พังแล้ว
ความสุข ไร้แวว เสน่หา
ความรัก ไร้เจ้า คู่กายา
สิ้นชีวา จักตามหา มาเคียงกัน”

ภาพขุนเขาสูงเสียดฟ้าที่แม้แต่เฆมหมอกยังลอยต่ำกว่า หนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ ขาวโพลนไปด้วยหิมะ มีหุบเหวและหน้าผาสูงชันมากมาย สลับซับซ้อนเต็มไปด้วยรอยแยกและถ้ำลึก หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครคนหนึ่งซึ่งเธอห่วงหา เฝ้ารอเธออยู่ที่นั่น

เชิงอรรถ
1.กาฬสีหะ 1 ใน 4 ราชสีห์แห่งป่าหิมพานต์ มีขนาดลำตัวสูงใหญ่เท่าโคหนุ่ม ขนสีดำสนิท กินพืชเป็นอาหาร แต่ถึงแม้เป็นมังสวิรัติด้านพละกำลังนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าราชสีห์สามพันธุ์ที่เหลือ ว่ากันว่าเพียงเสียงคำรามของมันก็สามารถทำให้สัตว์อื่นบาดเจ็บได้

บทนำhttp://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10882301/W10882301.html
ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10902247/W10902247.html
ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10998888/W10998888.html
ติดตามต่อได้ที่ http://writer.dek-d.com/awawaw/writer/view.php?id=525495

จากคุณ : amureen
เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 13:17:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com