นักรบจันทรา ตอนที่ 3 นางอัศวินมังกร
|
 |
ตอนที่ 3 นางอัศวินมังกร ซาราห์
การ์ตระหนักถึงปัญหาตรงหน้าอย่างเด่นชัด มีชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักเดินมาบอกว่าจะรับตัวเขาไป ส่วนไบรอัน บรู๊คที่ลากเขาให้เดินทางมาด้วยนั้นบอกให้เชื่อใจทั้งที่เขาต้องเชื่อใจคนรู้จักอยู่แล้ว ส่วนซาราห์ โฟรกุสและมังกรสามเขามิราจต่างยืนนิ่งราวกับลืมหายใจเสียอย่างนั้น
ข้ามาเพื่อพาท่านไปหาท่านพ่อของท่านเอง หากยอมไปข้าสาบานกว่าจะไม่ทำร้ายสหายของท่าน ผู้มาเยือนยิ้มด้วยแววตาชั่วร้ายสมกับสีของดวงตา การ์รู้สึกเหมือนกับมีแสงสว่างทรงอำนาจเหนือมนุษย์เปล่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น
ข้ามศพข้าไปก่อน ผู้กล้าแสงตะวันดันการ์ให้ไปยืนอยู่ด้านหลัง หากเขาเดาไม่ผิดชายคนนี้อาจเป็นคนทำร้ายบรู๊คจนปางตายเมื่อวานนี้
ราวกับนัดกันไว้ นางอัศวินมังกรซาราห์ โฟรกุสเงื้อดาบจากเข็มขัดพุ่งเข้าหาผู้มาเยือนด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ในช่วงกำลังสับสนโฟรกุสพลันล้มลงกับพื้นดินแต่ดาบคู่มือกลับกระเด็นไปไกลเกือบห้าหลา ผู้มาเยือนพ่นลมออกจากจมูกเหมือนกับเพิ่งทำสิ่งน่าเบื่อไปอย่างนั้น เขาไม่รู้ว่าทำได้อย่างไรแต่ที่แน่ๆผู้มาเยือนคนนี้คงเก่งกว่าการ์ราวฟ้ากับเหว
เร็วนักนะ! บรู๊คคำรามเงื้อดาบสีแดงขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าหาผู้มาเยือนที่สร้างเคียวน้ำแข็งเล่มใหญ่ขึ้นมาตั้งรับ การ์ไม่รู้ว่าบรู๊คเคยพกดาบเล่มสีแดงตอนไหนแล้วก็ไม่รู้ว่าผู้มาเยือนสร้างเคียวมีคมเป็นน้ำแข็งขึ้นมาเมื่อไร อย่างไรเขาก็ไม่เคยเห็นและไม่เคยเข้าใจการต่อสู้ของผู้ใช้เวทมนตร์อยู่เป็นทุนเดิมแล้ว
การ์วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อมังกรสามเขาของโฟรกุสคำรามแล้วกระโจนเข้าไปร่วมวงประจัญบาน แต่ต้องหยุดมองเป็นตาเดียวเมื่อผู้มาเยือนกำลังทำสิ่งแปลกประหลาด กลุ่มก้อนอากาศสีดำสนิทหมุนวนอยู่ข้างร่างของชายตาสีพระจันทร์แดง แม้แต่มังกรสามเขาตัวใหญ่เกือบเท่าบ้านยังไม่วายหยุดดูด้วย
มังกร
เหมือนกับโลกทั้งใบหยุดนิ่งเมื่อกลุ่มอากาศจางลงแล้วกลับปรากฏร่างใหญ่โตของมังกรเกล็ดเขียวอีกตัวหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่ามันบินมาจากที่ใด ตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไร การ์คิดว่าผู้มาเยือนไม่ได้เรียกมังกรผ่านทางแหวนแน่ บางทีเขาอาจเรียกออกมาทางกลุ่มก้อนอากาศสีดำนั้นก็ได้ เขาพยายามเค้นสมองคิดหาคำตอบเมื่อมังกรสองตัวขู่คำรามแล้วพุ่งเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด การใช้ความคิดไม่ใช่งานถนัดของเขามาแต่ไหนแต่ไร
ถ้าจะสู้ก็อย่าหยุดดูสิ เสียงเรียบๆของผู้มาเยือนทำลายความความสับสนลงอย่างเลือดเย็น
การ์อ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อมองเห็นร่างของผู้กล้าเต็มไปด้วยรอยแผลจากคมเคียว อีกครั้งที่เสื้อคลุมของเขาถูกย้อมด้วยเลือดของตัวเอง ดาบสีแดงใช้ยันพื้นเพราะขาทั้งสองข้างโงนเงนแทบไม่มีแรงยืน ยิ่งนานไปยิ่งรู้สึกอยากตะโกนไปว่าสู้ให้ข้าดูรู้เรื่องบ้างไม่ได้หรือ ความคิดนั้นถูกบั่นทอนด้วยความกลัวบารมีของอีกฝ่าย
จะยอมถอยไปดีๆหรือจะให้ข้าข้ามศพเจ้าไปจริงๆ ผู้มาเยือนถอนหายใจเฮือกมองบรู๊คและโฟรกุสสลับกันไป หนึ่งช้าอืดอาด หนึ่งก็แสนอ่อนแอ ส่วนอีกหนึ่งก็...ช่างเถอะ ผู้มาเยือนปรายสายตาไปมองมังกรสองตัวที่หายตัวไปกลางอากาศทิ้งไว้แค่พายุฝุ่นผงลอยคว้างเหมือนม่านสีคล้ำบดบังการต่อสู้ออกจากหมู่บ้านรายรอบ
ใครกันแสนอ่อนแอ! โฟรกุสขู่ฟ่อพุ่งเข้าหาผู้มาเยือนอย่างบ้าคลั่ง ดาบสีเงินปะทะกับเคียวน้ำแข็งอย่างต่อเนื่องด้วยความโกรธเกรี้ยว ยิ่งนางอัศวินรุกคืบก็ยิ่งขาดสติ เมื่อหยุดหายใจเบื้องหน้าก็เหลือแค่เคียวน้ำแข็งที่แตกหักด้วยคมดาบนาง ความโกรธทำให้ขาดสติ คนมีแต่แรงส่วนมากตายเพราะอย่างนี้ละ
เสียงเรียบๆทำให้โฟรกุสหันหลังขวับ ไม่ทันเสียแล้ว ดาบสีเงินปลาบอีกเล่มหนึ่งตวัดผ่านหลังนางจนเลือดสีแดงพุ่งทะลัก ผู้มาเยือนตาสีพระจันทร์แดงเช็ดดาบกับใบไม้ใกล้ๆแล้วหันมามองบรู๊คราวกับถามว่ายังมีอะไรข้องใจอีกหรือไม่
ข้าชื่อเวเบอร์ เฟียร์เลส ยินดีที่รู้จัก ผู้มาเยือนโค้งให้อย่างสุภาพ การ์ยิ่งมั่นใจว่าเขาเป็นคนเดียวกับนักเดินทางเมื่อตอนนั้น สิ่งที่เขาต้องการคือการทำแผลให้โฟรกุสให้เร็วที่สุด นางดูแย่มากเพราะนอนนิ่งแทบไม่ขยับเลย
ท่านเป็นใคร ทำไมต้องสู้กันด้วย คุยกันดีๆไม่ได้หรือ การ์เท้าสะเอว คิดว่าการตีกันง่ายๆเป็นสิ่งน่าเบื่อหน่ายที่สุดในโลกนี้
เรื่องคุยคงไม่ต้องแล้ว บรู๊คเดินมาขวางหน้าการ์เพื่อปกป้อง เราคุยกันครั้งหนึ่งแล้วที่หมู่บ้านของเจ้า คุยกันไม่รู้เรื่องหมอเลยสั่งพวกปีศาจบุกเสียอย่างนั้น ลูกน้องของหมอนี่ละที่ฆ่าพ่อบุญธรรมของเจ้า
ความเงียบเข้ามาในสมองการ์ชั่วขณะที่คิดเรื่องความตาย หน้าอกร้อนผ่าวทั้งที่อากาศกำลังดี น้ำตามันปริ่มๆจะไหลในขณะที่แขนขาชาแทบขยับไม่ได้ ทั้งผู้มาเยือนและบรู๊คถอนหายใจพร้อมกันอย่างไม่มีความหมาย ในที่สุดเขาก็สามารถยกแขนขึ้นมาขยี้ตาปั้นหน้าขึงขังเหมือนเดิม
นั่นไม่ใช่ความผิดของข้า หากเจ้านี่ไม่มาขวางคงไม่เกิดการต่อสู้ พ่อบุญธรรมของท่านคงไม่ตาย ผู้มาเยือนทำให้การ์สับสนอีกครั้ง หากบรู๊คไม่มาขวางกองทัพปีศาจบางทีพ่อบุญธรรมของเขาอาจไม่ตายก็ได้
แล้วสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดก็เริ่มอีกครั้ง ทั้งบรู๊คและผู้มาเยือนต่างพุ่งเข้าประดาบกันอย่างถึงเลือดถึงเนื้อทำให้เขาเปลี่ยนใจดูการต่อสู้แทนที่จะห้ามปราม ผู้กล้าแสงตะวันกับดาบสีแดงดูทรงพลังกว่าแต่ไม่สามารถทำอันตรายผู้มาเยือนได้ แต่ละดาบที่พลาดเป้าทำให้ดินและต้นไม้บริเวณนั้นราบเป็นหน้ากลองด้วยความร้อน ในขณะที่ผู้มาเยือนเอาแต่ป้องกันเท่านั้น เขาคิดว่าผู้มาเยือนอาจสนุกที่ทำให้คนอื่นหัวเสีย สุดท้ายบรู๊คถูกซัดลงไปหมอบกับพื้นแทบเท้าการ์ แผลเดิมเปิดออกให้เลือดไหลต่อส่วนแผลใหม่ที่ต้นแขนดูน่ากลัวจนบรรยายไม่ถูก เขากลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ผู้ที่บอกว่าตนคือผู้กล้าเข้าต่อสู้สุดกำลังยังแทบรากเลือดในขณะที่ศัตรูไม่มีแม้รอยข่วนสักนิด
ขอพูดอีกครั้ง ข้าคือเวเบอร์ เฟียร์เลส ลูกน้องของพ่อท่าน ผู้มาเยือนย้ำคำ พ่อของท่านใช้เวลากว่ายี่สิบปีในการตามหาท่าน หากท่านมากับข้าก็จบเรื่องสักที ท่านจะได้อยู่กับครอบครัวจริงๆ ส่วนเจ้าผู้กล้ากระจอกนั่นก็ยังไม่ต้องตายตอนนี้
คราวนี้เป็นการ์ที่มองบรู๊คและเฟียร์เลสสลับกันไป บรู๊คว่าจะช่วยพาไปหาครอบครัว ส่วนเฟียร์เลสผู้มาเยือนก็บอกว่ารับคำสั่งมาจากพ่อของเขา เขาควรเชื่อใครดี เชื่อบรู๊คที่ทำให้พ่อบุญธรรมของเขาตาย หรือเชื่อเฟียร์เลสที่พยายามพูดก่อนลงไม้ลงมือกันอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ มีสิ่งหนึ่งที่การ์รู้แน่นอน เฟียร์เลสไม่ใช่คนที่เขาสามารถต่อต้านได้ง่ายๆเหมือนปากพูดขนาดบรู๊คและโฟรกุสที่เก่งกว่ายังลงไปนอนกองกับพื้นดินราวกับเด็กอ่อน
การ์ยืนนิ่งมองดูเพื่อนชายยันตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ความพยายามปกป้องของเขานั้นน่าชื่นชมแม้เป็นการกระทำที่บ้าไปสักหน่อยที่เอาตัวไปขวางทางผ่านมังกรอย่างนี้ ในที่สุดก็คิดว่าควรตามเฟียร์เลสไปบรู๊คจะได้รักษาเพื่อนสาวได้ทันที อย่างไรเสียชีวิตของผู้กล้าคนนี้มีค่ามากกว่าชีวิตของเขาอยู่วันยันค่ำ สิ่งที่เบนความสนใจของการ์คือลำแสงสีเขียวที่พุ่งผ่านหน้าเฟียร์เลสแล้วทิ้งรอยข่วนขนาดใหญ่ไว้บนหน้าอก เลือดปริมาณมหาศาลไหลย้อมเสื้อผ้าและพื้นใต้เท้าของผู้บุกรุกอย่างไม่ทันตั้งตัว
เวเบอร์เจ้าคนสับปลับ ไหนว่าจะไม่ทำร้ายเขาอย่างไรละ!! เสียงแหลมขู่คำรามอย่างดุเดือด ไม่เป็นอะไรใช่ไหม จูเนียร์
การ์หันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นด้านหลังของผู้หญิงที่ช่วยพยุงตัวผู้กล้าโชกเลือด นางน่าจะเป็นผู้หญิงเพราะผมสีเขียวสวยหยิกน้อยๆยาวสยายและรูปร่างที่บอบบางเกินกว่าจะเป็นชาย นางคงจะเหมือนคนธรรมดาถ้าไม่มีปีกมังกรที่หลังและเกล็ดมังกรที่แขนทั้งสองข้าง ทั้งสองสิ่งมีสีเหมือนกับผมของนาง เป็นสีเขียวโศกสวยเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เสียงดาบลากกับพื้นเรียกความสนใจอีกครั้ง โฟรกุสที่นอนนิ่งไปพักหนึ่งลุกขึ้นจับดาบทั้งที่เลือดเต็มหลัง ในขณะเดียวกันเฟียร์เลสยืดอกยืนเต็มสัดส่วนเหมือนเดิม เลือดจากบาดแผลหยุดไหลอย่างน่าอัศจรรย์ การ์คิดว่าเป็นมนตร์รักษาแต่เขามองไม่เห็นแสงจากฝ่ามือเหมือนตอนบรู๊ครักษาตัวเอง บางทีเขาคนนี้อาจเป็นอมตะก็ได้ ทั้งเร็วและทรงพลัง แถมยังรักษาตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์อีก
แค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ผู้มาเยือนทำให้การ์แค่นหัวเราะ ลองเจอคู่ต่อสู้อย่างนี้ต่อให้เป็นผู้กล้าที่ไหนก็ลงไปนอนหมอบกับพื้นทั้งนั้น มาเร็วจริงนะฟลอร่า ข้าหรืออุตส่าห์ใช้เจ้าไปสืบข่าวถึงไพน์ คิดว่าอย่างเร็วคงอีกอาทิตย์หนึ่งกว่าจะกลับ
หุบปาก!! ให้ข้าพูดก่อนสิ! โฟรกุสตวาดจนการ์ทึ่งที่กล้าพูดขัดออกมาแบบนั้น เด็กคนนั้นคือคนที่เจ้าพูดถึงหรือไบรอัน เป็นมังกรครึ่งมนุษย์ใช่ไหม โฟรกุสยิ้มแย้มจนการ์ต้องทึ่งอีกหนว่านางทนอาการบาดเจ็บขนาดนั้นได้อย่างไร
ใช่แล้ว นางคือคนที่ข้าตามหามากว่าเจ็ดปี บรู๊คทำให้การ์ทึ่งบ้างที่กล้าเมินคู่ต่อสู้อย่างนั้น รอบตัวเขามีแต่คนแบบนี้ทั้งนั้นเลยหรือ ไหนๆก็ยืนได้แล้ว ข้าว่าเรามาจัดการตัวเกะกะกันก่อนดีกว่าจะได้คุยกันสบายหน่อย ฝากดูแลการ์ด้วยฟลอร่า เดี๋ยวข้ากลับมา
เป็นครั้งแรกที่การ์ได้พบกับมังกรครึ่งมนุษย์ตรงๆแบบนี้ มองจากด้านหลังแล้วเหมือนกับผู้หญิงธรรมดาแต่เมื่อมองใบหน้าแล้วเขากลับคิดว่านางเป็นคนละคนกัน แววตาสีเขียวดูใสซื่อเข้ากับผิวที่บอบบาง แม้ใบหูจะเป็นครีบปลาแต่ทุกคนย่อมลืมมันเมื่อมองเห็นความงามของนาง บรู๊คกระแอมเบาๆให้รู้สึกตัวว่ากำลังจ้องเพื่อนของเขาจนเสียมารยาท
นี่ฟลอร่าเพื่อนสมัยเด็กของข้า ไม่ต้องห่วงนางไม่กินเจ้าหรอก บรู๊คพูดติดตลกแล้วก้าวเข้าหาศัตรูตรงหน้า โฟรกุสเองก็เงื้อดาบเข้าหาด้วยความว่องไว
ยุ่งหรือเปล่า ขอถามอะไรหน่อยสิ การ์ร้องถามฟลอร่า ไม่สนใจดูการประดาบที่เผ็ดร้อนระหว่างโฟรกุสและเฟียร์เลส หมอนั่นคือใคร ทำไมต้องเอาตัวข้าไปด้วย
การ์ถามพลางหันไปมองบรู๊คคุมเชิงการต่อสู้แบบทีเล่นที่จริงของโฟรกุส นางสู้บ้างถอยบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายพลาดพลั้ง นางมังกรครึ่งมนุษย์ยิ้มอย่างเป็นกันเองจนเผลอคิดไปว่าดอกไม้คงบานยามหน้าหนาวได้หากนางยิ้มให้พวกดอกไม้ เมื่อคิดถึงดอกไม้การ์เพิ่งรู้สึกตัว กลิ่นใบไม้ยามแรกผลิโชยเข้าจมูกอีกหน ต้นกลิ่นกำลังยืนคุยกับเขาอยู่
ข้ารู้จักกับจูเนียร์มาตั้งแต่เด็กแล้ว ข้ายังจำได้ตอนนั้นครอบครัวข้าถูกพวกปีศาจตามล่าเพราะเกล็ดและหนังสามารถต้านทานพลังเวทของมนุษย์ได้ ข้าเจ็บหนักเจียนตายแต่เคยเจอพวกมนุษย์ต่ำทรามจึงไม่อยากขอความช่วยเหลือ จนได้จูเนียร์กับแม่ของเขามอบอาหาร น้ำ และที่นอนให้อย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์และไม่หวังผลใดๆ จนมาถึงวันนั้นพวกปีศาจเข้าโจมตีหมู่บ้านเพราะรู้ว่าข้าอยู่ที่นั่น เกือบทั้งหมู่บ้านล่มสลาย ข้าหนีรอดมาได้เพราะแม่ของเขาช่วยเหลือแต่ตอนหลังถูกพวกปีศาจจับไปเพื่อล่อไม่ให้พวกนั้นพบกับจูเนียร์ ตอนที่เราจากกันเขาสาบานว่าจะตามหาข้าให้เจอแล้วช่วยให้ได้ ที่จริงเขาพบข้ามากกว่าครึ่งปีแล้วแต่ข้าขออยู่เป็นสายให้ชั่วคราว
ข้าหมายถึงเฟียร์เลสต่างหาก การ์สังหรณ์ใจว่าพวกมังกรครึ่งมนุษย์คงคุยไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้เป็นปกติ ชายหนุ่มครางในลำคอดูบรู๊คและโฟรกุสถูกอัดกระเด็นพร้อมกันด้วยเวทมนตร์อย่างหนึ่งของเฟียร์เลส เขาเป็นใครกันแน่
ตอนเจอกันอีกครั้งเขาอยากให้ข้ากลับมาอยู่ข้างๆ แต่เห็นเขาประกาศว่าตนคือผู้กล้าแสงตะวันข้าจึงอาสาเป็นสายให้ นี่กระมังที่มนุษย์เรียกว่าความรัก นางมังกรครึ่งมนุษย์หน้าแดงด้วยความเขินอายแล้วบิดตัวไปมาราวกับตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
ทำไมเรียกบรู๊คว่าจูเนียร์ล่ะ การ์สงสัยว่าหากชื่อจริงของบรู๊คคือไบรอัน จูเนียร์ แล้วทำไมจึงไม่บอกชื่อของตนให้หมดจะได้เรียกถูก แต่เจ้าคือคนรักของบรู๊คหรือ
ข้าไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร แต่สำหรับข้าเขาคือคนสำคัญที่สุดในชีวิต ข้าคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีเขาอยู่ด้วย นางมังกรครึ่งมนุษย์พูดอย่างไม่กระดากใจว่าความรักของตนเป็นความรักข้ามเผ่าพันธุ์ การ์ไม่ได้สนใจท่าทีของนางนักเพราะมัวมองเฟียร์เลสปัดดาบของบรู๊คให้พ้นตัวพร้อมกับใช้เวทสร้างน้ำแข็งรับดาบของโฟรกุส
เคยบอกเขาบ้างหรือเปล่าว่าชอบ ในที่สุดก็ขี้เกียจซักเรื่องของเฟียร์เลสแล้วหันมาสนใจเรื่องส่วนตัวของบรู๊คแทน
ไม่เคย ความจริงเขาเพิ่งรู้ว่าข้าเป็นมังกรครึ่งมนุษย์และสามารถพูดได้ตอนที่จากกันนั่นละ พอมาเจอกันก็ไต่ถามความเป็นอยู่ ข้าหลงรักเขาเพราะความใสซื่อและความดีของเขา บริสุทธิ์จนไม่มีสิ่งใดเจือปน นางมังกรครึ่งมนุษย์ฟลอร่าหัวเราะคิกทำให้การ์คิดถึงเด็กผู้หญิงที่เพิ่งมีความรักครั้งแรก
การ์คิดว่าหลังจากเหตุการณ์นี้สงบลงจะต้องจับเจ้าคนปากหนักมามัดมือมัดเท้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีคนให้ถามก็คุยกันคนละเรื่องเสียอีก นางมังกรครึ่งมนุษย์ร้องเบาๆให้หันไปดูการต่อสู้ที่จบลงอย่างรวดเร็ว โฟรกุสถูกแช่แข็งแขนขาจนขยับไม่ได้ ส่วนบรู๊คหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่กลับนอนหมอบกระแตอยู่ใต้เท้าของคู่อริอย่างไร้ทางสู้
รักมันมากใช่ไหมฟลอร่า เสียงกลั้วหัวเราะของเฟียร์เลสทำให้รู้สึกเสียวสันหลังชอบกล อย่างนั้นข้าจะฆ่าให้ดูเดี๋ยวนี้ละ ผู้บุกรุกยกมุมปากเงื้อดาบในมือ อีกแค่พริบตาเดียวก็สามารถบั่นคอศัตรูตลอดกาลได้แล้ว แววตาสีพระจันทร์แดงแน่วแน่จนเชื่อว่าทำได้อย่างที่พูดจริงๆ
ลองดูสิเวเบอร์! ใบหน้าที่สวยงามของนางมังกรครึ่งมนุษย์กระตุก ไม่มีท่าทีเขินอายเหลืออยู่ในแววตาสีเขียว การ์คิดว่าตัวเองประสาทเพราะเผลอคิดว่าแม้เวลาโกรธนางก็ยังสวยเหมือนเดิม ถ้าลงดาบข้าสาบานว่าจะจองล้างจองผลาญเจ้าไปชั่วชีวิต!! นางมังกรครึ่งมนุษย์คำรามจนฟังคล้ายเสียงมังกร ชั่วเสี้ยววินาทีที่ชวนลืมหายใจ การ์มองเห็นเฟียร์เลสตัวเกร็งราวกับถูกคำพูดเสียดแทงเข้าก้นบึ้งหัวใจ
ปาฏิหาริย์พลันเกิดขึ้นเมื่อผู้มาเยือนตัดสินใจลงดาบหมายบั่นคอศัตรูหัวใจให้กระเด็น ลูกศรสองดอกพุ่งออกมาจากที่ใดการ์ไม่รู้ได้ ดอกแรกพุ่งปะทะกับดาบของเฟียร์เลสทำให้คมดาบแตกกระจาย ส่วนดอกที่สองพุ่งทำลายน้ำแข็งที่พันธนาการโฟรกุสอยู่ทำให้นางสามารถพุ่งกระแทกคู่ต่อสู้ปล่อยผู้กล้าแสงตะวันเป็นอิสระ เกือบทุกคนล้วนตกอยู่ในภวังค์แห่งความสับสนไม่รู้ว่าศรสองดอกปรากฏออกมาได้อย่างไร การ์คิดว่ามีเพียงเฟียร์เลสเท่านั้นที่รู้ต้นสายปลายเหตุ เขาสบถเบาๆแล้วมาปรากฏตัวตรงหน้าการ์ ร่างหนาถอยกรูดเมื่อมีกำแพงไฟร้อนแรงพุ่งขึ้นขวางทางเหมือนน้ำพุไฟ
ตามมาเร็วขนาดนี้เชียว การ์ได้ยินเฟียร์เลสสบถสาบานกับตัวเอง ผู้บุกรุกคว้าแขนของนางมังกรครึ่งมนุษย์ที่กำลังสับสนแล้วทั้งคู่ก็กลายเป็นลำแสงพุ่งไปยังท้องฟ้าด้านหนึ่ง ในช่วงพริบตาที่ทั้งคู่กลายเป็นลำแสงเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งร้อนผ่าวแล่นผ่านใบหูไปอย่างเฉียดฉิว
การ์หันหลังมองบนหลังคาบ้านของนางอัศวินมังกรโดยสัญชาติญาณเพราะเป็นทางที่ลูกศรพุ่งเข้ามา พบแค่ชายเสื้อคลุมสีขาวปักดิ้นทองผ่านเข้าไปในกลุ่มก้อนอากาศสีดำสนิทราวกับความมืด ใครกันที่เข้ามาช่วยพวกเขาจากผู้เป็นอมตะคนนั้น จะต้องเป็นคนที่มีพลังอำนาจมากพอที่จะไล่ผู้บุกรุกได้ พวกเขาสามคนมองไปทางเดียวกันจนกลุ่มก้อนอากาศสีดำสลายไป
มันเกิดอะไรขึ้นไบรอัน โฟรกุส! เสียงของเรแมนทำให้การ์ตื่นจากภวังค์ อย่างน้อยก็มีคนอื่นนอกจากเขาที่ไม่เข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเลย ตั้งแต่เรื่องของผู้ที่มาเยือนอย่างปัจจุบันทันด่วน นางมังกรครึ่งมนุษย์ การต่อสู้แลกเลือดเนื้อ และผู้ที่ไล่ผู้บุกรุกไปด้วยศรสามดอก
ทำไมไม่บอกเรื่องนี้กับข้าก่อนไบรอัน! นางอัศวินมังกรโฟรกุสคำรามบ้าง มือขวากระชากคอเสื้อเพื่อนชายด้วยความเดือดดาล หมัดขวาเลอะดินสั่นระริกกุมคอเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแน่นหนา นางคงโกรธที่ไม่มีใครบอกเรื่องที่ต้องสู้กับตัวประหลาดที่เป็นอมตะ เจ้าหมอนั่นคงเก่งกว่าคริสทาร่าสักเท่าตัวได้ เก่งกว่าท่านอีก
บรู๊คยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วสลบคอพับไปอย่างปัจจุบันทันด่วนจนโฟรกุสเผลอปล่อยมือ นางรีบรวบตัวไว้ก่อนร่างปวกเปียกที่เรียกตัวเองว่าผู้กล้าจะล้ม การ์เข้าไปช่วยพยุงปีกอีกข้างหนึ่งแล้วพูดอย่างประหม่ากับเรแมนว่าเอาไว้ถามเรื่องทั้งหมดจากเจ้าตัวปากหนักนี่รวดเดียว
ข้าไม่รู้มนตร์เคลื่อนย้ายหรือมนตร์รักษา ต้องรอให้เขาตื่นขึ้นแล้วรักษาตัวเอง แบกเขาไปไว้ที่ห้องเลยสิ เรแมนพยักพเยิดการ์ให้พาคนสลบเข้าไปในบ้านทั้งที่ประตูหน้าปิดอยู่
ไม่เป็นไรแค่โดนถากๆ หมอนี่สิโดนเยอะกว่าข้าอีก ไม่รู้ไปทำอย่างไรให้เจ้าปีศาจนั่นแค้นขนาดนี้ นางอัศวินมังกรหอบเหนื่อย การ์นึกถึงประโยคที่ผู้บุกรุกพูดระหว่างเหยียบตัวบรู๊ค บางทีทั้งสองคนอาจชอบมังกรครึ่งมนุษย์นางนั้นเหมือนกับก็ได้
โฟรกุส ข้าเอาของที่ซื้อมาไปเก็บให้แล้วนะ พอไบรอันตื่นแล้วให้ไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังด้วย เรแมนโผล่หน้ามาคุยแล้วเดินกลับห้องไปอย่างชาเย็น เดี๋ยวข้าไปทำอาหารเย็นให้ก็ได้ การ์ยอมรับหน้าที่พ่อครัว เมื่อนางอัศวินมังกรทำท่าจะปลุกคนเจ็บให้ลุกมาทำอาหาร
โชคดีที่การ์พอจะทำอาหารเป็นกับเขาบ้าง ความหลังสมัยที่ไปตั้งหลักแหล่งที่แม่น้ำการ์กลับมาอีกครั้ง มีทั้งประสบการณ์ฝึกทำอาหารแบบเป็นการเป็นงาน และการผูกมิตรกับเพื่อนที่ต้องจากกันในภายหลัง มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่มีค่ามากมายสำหรับเขา
อาหารคนป่วยก็ต้องพวกธัญพืชและน้ำตาล ไม่มีอะไรที่กินไม่ได้ใช่ไหมซาราห์ การ์ยิ้มเมื่อเผลอเรียกชื่อแรกของโฟรกุส เขาเริ่มรู้สึกสนิทกับคนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว แต่ต้องเบ้หน้าอีกครั้งเมื่อได้ยินรายการสิ่งที่หญิงสาวไม่ชอบกิน ส่วนใหญ่เป็นผักเช่นแครอทหรือพริกหยวก แต่ทั้งหมดนั้นนางสามารถกินได้โดยไม่เกิดอาการป่วยใดๆทั้งสิ้น ทำให้เขาอยากดัดนิสัยนางด้วยการทำอาหารที่มีผักทั้งหมดที่นางเพิ่งพูดชื่อจบไป
แทบไม่มีผักเลยนี่นา การ์เริ่มสงสัยว่าทั้งสองคนนั้นรู้จักกันมานานแค่ไหน เพราะอาหารที่เรแมนไปซื้อมาทั้งหมดมีผักปนมาไม่กี่ชนิดเท่านั้น และมันไม่มีอยู่ในรายการของโฟรกุส จะไปซื้อใหม่ก็เสียเวลาและผู้บุกรุกอาจวกมาอีกจึงต้องทนทำอาหารที่แทบไม่มีผักใบเขียวอยู่เลย...
มาแล้วอาหารสำหรับผู้ป่วย ซุปข้าวโพด เนื้อย่าง และขนมปังแข็งๆ การ์วางถาดอาหารไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือในห้องของบรู๊ค เขาตื่นได้พักหนึ่งแล้ว
เดี่ยวก่อนไบรอัน เรแมนที่รอโอกาสอยู่คว้าถาดอาหารออกมาไม่ให้เพื่อนชายหยิบไปกิน เล่าทุกอย่างมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องกิน
การ์คิดว่ามันเป็นแผนที่ค่อนข้างปัญญาอ่อน ตอนนี้บาดแผลของบรู๊คหายดี หากยังต้องนอนพักเพราะความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ เขาสามารถลงไปหาอาหารข้างล่างเองหรือใช้มนตร์เคลื่อนย้ายไปหากินเอาดาบหน้า ตัวบรู๊คเองที่ดูโทรมมองเรแมนกับเขาสลับกันอย่างครุ่นคิด เชื่อขนมกินได้เลยว่าหมอนี่ไม่อยากให้เขาร่วมฟังด้วย
ไม่ต้องออกไปหรอกการ์ ข้าจะเล่าในส่วนแรกที่เจ้าควรรับรู้ด้วย การ์รู้สึกอยากไปหาซื้อยามาให้คนพูด บางทีหมอนั่นอาจหัวกระแทกจนสมองเสียหายหรืออาจกลัวตายจนนิสัยเปลี่ยนก็เป็นได้ บรู๊คทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เรแมนวานถาดอาหารลงเบาๆแล้วสาบานว่าจะไปเล่าให้โฟรกุสฟังทีหลังด้วยตัวนางเอง ทำให้การ์ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่จะได้ยินเป็นเรื่องดี อาจเป็นเรื่องคอขาดบาดตายก็ได้
มันเหมือนนิทานก่อนนอนเสียมากกว่า ดีเลยจะได้เล่าเสียทีเดียว บรู๊คใช้จังหวะที่เรแมนหันไปมองประตูห้องหยิบซุปมาไว้บนตักแล้วตักชิม โฟรกุสเดินเข้าห้องมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเชือกผ้าหลายเส้นบอกว่าจะจับเพื่อนชายมัดไว้กับมุมเตียงจะได้ไม่นอนดิ้นจนได้แผลเพิ่มอีก
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนมีชายหนุ่มผู้หนึ่งทะเยอทะยานคิดล้มล้างสองเมืองใหญ่แต่ทั้งสองเมืองแข็งแกร่งเกินไป จนกระทั่งเขาคนนั้นลักพาตัวหญิงผู้ได้รับสมญาว่านักปราชญ์แห่งตะวันตกเพื่อสืบหาจุดอ่อนของไพน์หนึ่งในสองเมืองใหญ่ ทางไพน์เองเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีอาวุธที่สามารถเด็ดชีพตนได้จึงกรีฑาทัพออกต่อสู้แต่ไม่ว่าจะยกทัพไปสักกี่ครั้งก็พ่ายหมดจนมีคนโจษจันกันว่านักปราชญ์หญิงผู้นั้นคงได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการบอกความลับในการเดินทัพของไพน์ เมื่อผ่านไปกว่าสามปีโทรสที่นิ่งเฉยมาตลอดก็ต้องเข้าร่วมต่อสู้พร้อมไพน์ทำให้เกิดสงครามหลั่งเลือดครั้งใหญ่อีกครั้งในรอบห้าสิบปี สาเหตุเดียวที่โทรสต้องเข้าร่วมด้วยนั้นเพราะชายผู้ทะเยอทะยานประกาศว่าทารกผู้เป็นอนาคตของเหล่าปีศาจได้กำเนิดขึ้นแล้ว ทำให้ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมหากนั่นคือหายนะของมนุษย์จริงๆ หลังจากพวกเขาต่อสู้กับกองทัพผีดิบและปีศาจนับพันก็พบว่าตนทำสงครามเสียเที่ยว เด็กทารกทั้งสองเป็นแค่เด็กธรรมดาไม่ได้มีความเป็นปีศาจอยู่เลยแม้แต่เศษเสี้ยว ทารกคนหนึ่งถูกส่งไปอยู่ที่ไพน์ ส่วนทารกอีกคนหนึ่งที่เป็นชายแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาถูกกองทัพไพน์ฆ่าเพราะเข้าใจผิดหรือไม่ เวลาผ่านมายี่สิบปี ชายผู้ทะเยอทะยานคนเดิมได้รวบรวมกำลังพลมาใหม่และตามหาลูกชายที่หายสาบสูญไปตอนหลบหนีกองทัพของสองเมืองใหญ่ นี่ละปัญหาของเจ้าละการ์ เจ้าคนเมื่อกลางวันเป็นลูกน้องของชายผู้นั้น และเขาคิดว่าเจ้าคือลูกของเขาอีกด้วย
น้ำเน่า! เรแมนสบถเบาๆวิจารณ์เรื่องเล่าของบรู๊ค เป็นครั้งแรกที่การ์เห็นด้วยกับน้ำเสียงวางอำนาจ
เป็นเรื่องเข้าใจผิด ลูกชายของชายผู้นั้นชื่อมาเวอร์ริคไม่ใช่การ์ ข้าแทบฆ่ากับหมอนั่นก็เพราะพยายามอธิบายว่าผิดคน พวกเจ้าคงเห็นผลลัพธ์แล้วว่าข้าทำได้ดีแค่ไหน
มาเวอร์ริค โมรัคใช่ไหม ถ้าคิดตามจารีตของไพน์ โฟรกุสหัวเราะอย่างร่าเริงทำให้บรู๊คแยกเขี้ยวขู่อย่างไร้เหตุผล การ์สังเกตเห็นประกายตาของคนเล่าเรื่องอีกครั้ง เจ้าหมอนี่ไม่ได้โกหกแค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง
ถ้าจะถามข้าก็บอกไม่ได้หรอกว่าเจ้าคนที่ชื่อเฟียร์เลสนั่นเป็นใครมาจากไหน ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะดูอนาคตสักสิบครั้งก็ไม่เห็นคนลักษณะแบบนี้ปรากฏออกมาสักครั้ง วิชาก็แปลกประหลาดสามารถเรียกสัตว์ปีศาจออกมาได้ ที่ข้าต้องเอาเจ้าติดสอยห้อยตามอย่างนี้เพราะหากเขาได้ตัวเจ้าไปแล้วรู้ว่าไม่ใช่คนที่ค้นหา รับรองคอเจ้าขาดกระเด็นแน่ ส่วนมังกรครึ่งมนุษย์ฟลอร่า นางเป็นคนสำคัญของข้าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่...อย่ามองข้าแบบนั้นสิ ข้าไม่ได้คิดแบบนั้น ผู้กล้าแสงตะวันขู่ฟ่อเมื่อเห็นสายตาแสดงความสงสัยสามคู่จับจ้องมาที่จุดเดียว
ถึงจะบอกให้พานางหนีจากเหล่าปีศาจก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆหรอกนะ นางถูกคำสาปพันธนาการชีวิตของเจ้าบ้าเฟียร์เลสนั่น ตอนแรกก็จะรีบพาตัวไปหานางผู้หยั่งรู้เพื่อหาวิธีลบล้างคำสาป แล้วนางยืนยันว่าจะอยู่เป็นสายข้าจึงเปลี่ยนแผนว่าจะให้นางเป็นสายจนพอใจแล้วค่อยพาไปหาวิธีลบคำสาป
เข้าใจแล้ว เจ้าคนตาสีน่ากลัวนั่นคือศัตรูที่จ้องจะจับตัวจัสตินไป นางมังกรครึ่งมนุษย์ที่ว่าก็เป็นคนรักเก่าที่เจ้าช่วยให้นางเป็นอิสระไม่ได้...ท่านทำอะไรได้บ้างไบรอัน เป็นผู้กล้าแท้ๆกลับแพ้หมดท่า ผู้หญิงแค่คนเดียวยังช่วยไม่ได้ เรแมนทำให้บรู๊คสำลัก การ์ก็สงสัยเหมือนกันว่าหมอนี่ทำอะไรได้บ้าง ปากบอกว่าจะปกป้องเขาแต่กลับลงไปนอนหมอบเสียเอง
อย่างที่ริเรียพูดนั่นละการ์ เจ้าหมอนั่นเป็นศัตรูคราวหน้าพยายามอย่าเข้าใกล้ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเข้า บรู๊ควางชามน้ำแกงแล้วพยักพเยิดไปทางซาราห์ที่หักนิ้วกรอบแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ถ้าข้ารู้ว่ามีตัวแบบนี้ด้วยคงเดินทางกับท่านเสียแต่แรกแล้วไบรอัน คราวหน้าข้าไม่พลาดเหมือนคราวนี้แน่ โฟรกุสทำให้การ์นึกถึงพ่อบุญธรรมของเขาที่เห็นคนเก่งๆไม่ได้ต้องขอประดาบทดสอบฝีมือ เขาลงความเห็นว่าคนนิสัยอย่างนี้ไม่มีทางเป็นคนร้ายแน่นอน
อร่อยดี คิดเลิกจับดาบแล้วหันไปเป็นพ่อครัวบ้างไหม บรู๊คหัวเราะ เขาเบ้หน้าทันทีเมื่อเห็นแววตาน่ากลัวของเรแมน การ์คิดว่าน่าจะถึงเวลาที่เขายอมรับคนพวกนี้เป็นพวกได้เสียที บรู๊คยอมปกป้องการ์ด้วยเหตุผลที่เขาไม่รู้ โฟรกุสที่นิสัยเหมือนพ่อบุญธรรมองเขา ส่วนเรแมนการ์ยังไม่ค่อยอยากคบกับนางเท่าไรนักด้วยนิสัยที่เขาแพ้ทาง...
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนการ์เริ่มสนิทกับบรู๊คและโฟรกุสโดยไม่รู้ตัว ผู้กล้าแสงตะวันยอมให้ออกไปเดินเล่นในเมืองได้เพราะคาดว่าผู้บุกรุกจะไม่วกกลับมาในระยะเวลาสั้นๆ เขาได้ลองขี่มังกรสามเขาบินรอบบ้านและดูการใช้เวทมนตร์แบบชัดเจนแจ่มแจ้ง อาหารฝีมือเจ้าปากหนักคนนี้อร่อยเสียจนอยากให้เขาเปิดร้านขายอาหารแทนที่จะเป็นผู้กล้า ในขณะเดียวกันเรแมนกลับขลุกตัวอยู่แต่ในห้องแล้วอ่านแต่หนังสือ บรู๊คบอกว่านางยังอายอยู่ เขาว่านางคงไม่อยากเสวนากับทาสอย่างพวกเขาเสียมากกว่า
ถ้าคิดว่าตัวเป็นตัวถ่วงก็เก่งขึ้นเร็วๆสิ เก่งกว่าข้าไปเลยก็ได้ บรู๊คพูดด้วยแววตาแปลกๆทำให้การ์ต้องครุ่นคิดอีกครั้งว่าเป้าหมายของเจ้าหมอนี่คือสิ่งใดกันแน่
หลังจากผ่านการเข้าพบหัวหน้าและการทำเรื่องแบบบ้าระห่ำของโฟรกุส ในที่สุดนางก็ได้หนังสือลาพักพ่วงท้ายด้วยภารกิจช่วยเหลือผู้กล้าแสงตะวัน การ์ได้ยินนางสบถสาบานในเวลาอาหารเย็นว่าตอนแรกเกือบไม่ได้รับอนุญาต พอพวกหัวหน้าได้ยินว่าผู้กล้าแสงตะวันมีไพน์คอยสนับสนุนอยู่ก็เข้ามาประจบทันทีจนนางได้หนังสือในที่สุด
ไม่ต้องห่วง ขี่มิราจไปก็ได้ โฟรกุสกล่าวตอนกินอาหารเช้าร่วมกัน การ์ดีใจที่จะได้ขี่มังกรสามเขาอีกครั้ง เขาไม่เคยเดินทางข้ามเมืองโดยการขี่มังกรหรือใช้เวทมนตร์มาก่อนเลยในชีวิต อยากรู้จริงว่าจะทำหน้าแบบนั้นได้นานแค่ไหน โฟรกุสหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นรอยยิ้มของการ์...
จากคุณ |
:
Lazy return
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ย. 54 08:47:41
|
|
|
|