Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลงดวงดาว Sci-Fi ตอนที่ 9 ติดต่อทีมงาน

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างพุ่งความสนใจไปยังฝั่งตรงข้าม เสียงเครื่องจักรทำงานก็ดังขึ้นเบาๆ ประตูพลันเลื่อนเปิดออก หล่งไม่รอช้ารีบคว้าคอของเพื่อน พร้อมกับลากตัวเขาเข้าไปในลิฟท์ความเร็วสูงทันที ประตูของมันเลื่อนปิดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังนับว่าเชื่องช้าเกินไปในความรู้สึกของเขา 'ปิด ปิด เร็ว ปิด' เขาได้แต่ส่งเสียงตะโกนอยู่ในใจ เพราะตื่นเต้นมากจนร้องไม่ออกเสียแล้ว

ทริกรีบยกไอพีของตนขึ้นมาเพื่อสั่งให้ประตูลิฟท์เปิดค้างเอาไว้ แต่ดูเหมือนจะเป็นอีกครั้ง ที่คำสั่งของเธอไม่เป็นผล มันยังคงเลื่อนปิดเข้าหากันอยู่เช่นเดิม โดยไม่ยอมเสียเวลากับมันอีก เธอรีบโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมกับเกร็งขาทั้งสองข้างจนมองเห็นมัดกล้ามเนื้อปูดโปนขึ้นมาอย่างชัดเจน สองมือของเธอแตะลงบนพื้น สะโพกยกขึ้น ตามองตรง แล้วพุ่งตัวออกไปสุดแรง

ตรงจุดที่เธอใช้ออกตัว มีรอยเท้าสองรอยปรากฏอยู่บนพื้นอย่างชัดเจน มือและเท้าทั้งสองของเธอขยับเคลื่อนไหวสลับกันขึ้นลงราวกับเป็นลูกตุ้ม ประสานสอดคล้องกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มสูงขึ้น ร่างของเธอก็ปะทะชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น ทั้งมือ และแขนที่สลับกันยื่นออกไปทางด้านหน้า ทำหน้าที่ช่วยแหวกกระแสอากาศ ช่วยลดแรงต้านของร่างกายส่วนที่เหลือ เพื่อให้พุ่งผ่านกำแพงอากาศไปได้ง่ายยิ่งขึ้น

คีย์มองดูเงาร่างสีดำที่พุ่งตรงเข้ามาผ่านทางช่องประตูลิฟท์ที่กำลังแคบลงเรื่อยๆ อย่างไม่เชื่อสายตา ช่องว่างนั้นปิดด้วยความเร็วคงที่ ในขณะที่ร่างของเธอกลับมีอัตราเร่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ละช่วงก้าวนั้นมีระยะห่างอย่างไม่น่าเชื่อ เขาคิดว่าเธออาจสามารถวิ่งระยะทางหนึ่งร้อยเมตร โดยใช้เวลาน้อยกว่าแปดวินาที ซึ่งยังไม่เคยมีมนุษย์คนใดทำได้มาก่อน

ทั้งคู่ได้แต่ยืนนิ่ง มองดูมือของเธอที่กำลังเอื้อมมายังช่องประตูโดยไม่อาจทำอะไรได้เลย หากมีสิ่งใดสัมผัสเข้ากับขอบประตู มันก็จะเด้งเปิดออกในทันที ช่องว่างนั้นเหลืออยู่เพียงน้อยนิด แต่ขอแค่เพียงเธอสอดปลายนิ้วเข้ามาได้ การหลบหนีครั้งนี้ก็จะสิ้นสุดลง

ทั้งสองคนร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น เมื่อไม่ทันได้เตรียมตัวรับกับอัตราเร่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดหมาย พร้อมกับเสียงปะทะชนที่ยังคงดังก้องอยู่ในตัวลิฟท์ ไฟภายในห้องโดยสารกระพริบวูบวาบ ทั้งคู่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หล่งค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งก่อนมองไปยังเพื่อนที่เพียงแค่พลิกตัวมานอนหงายอยู่บนพื้น หัวใจของทั้งคู่ค่อยๆ เต้นช้าลง เมื่อสามารถผ่านสถานการณ์ที่บีบคั้นไปได้อีกครั้ง ถึงแม้จะดีใจแต่ก็ยังไม่มีใครยิ้มออก เพราะรู้ดีว่าตราบใดที่ยังไม่อาจหนีออกจากโรงเรียนอพอลโลแห่งนี้ ก็ไม่มีสถานที่แห่งใดปลอดภัยสำหรับพวกเขา

ลิฟท์ความเร็วสูงพุ่งตรงขึ้นสู่ลานจอดรถเก่าอันเป็นจุดหมายปลายทางที่อยู่เบื้องบนอย่างรวดเร็ว

#####

ทริกค่อยๆ ดันร่างของตัวเองออกมาจากบานประตูลิฟท์ ผิวโลหะของมันยุบตัวลงไปตามรูปร่างของเธออย่างไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ก็พอดูออกว่าเป็นเงาร่างของผู้หญิง ในตอนที่ปะทะเธอยกแขนทั้งสองขึ้นป้องกันส่วนศีรษะเอาไว้ได้ทัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ทำให้เธอต้องยืนงงอยู่พักหนึ่ง

เนื่องจากมันเป็นส่วนที่เปิดสู่โลกเบื้องบน ประตูลิฟท์นี้จึงมีความแข็งแรงมั่นคงมากกว่าประตูห้องภายในตัวอาคารหลายเท่า แม้ด้านนอกจะยุบตัวลงไปอย่างที่เห็น แต่ด้านในยังคงไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และลิฟท์ความเร็วสูงก็ยังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ

'บ้าจริง อูย' เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าตรงบริเวณใต้จมูก บนถุงมือสีดำของเธอ มีคราบของเหลวสีแดงคล้ำข้นติดมาด้วย แต่นอกจากนั้นแล้วดูเหมือนจะไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย เธอยกไอพีของตนขึ้นมาได้ครึ่งทาง ก่อนที่จะรู้ตัว

'ถ้าฉันไม่มัวแต่คิดจะใช้มัน แล้วพุ่งตัวออกไปตั้งแต่แรก ก็คงไม่เป็นอย่างนี้' เธอช้าไปเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่ความคลาดเคลื่อนเพียงน้อยนิดนี้ก็เป็นตัวตัดสินระหว่างความสำเร็จ และล้มเหลว เธอปล่อยแขนที่ติดตั้งจอไอพีเอาไว้ลงข้างกาย 'ฉันกลายเป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกันนะ'

เธอนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ตัวเองยังไม่เคยรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าไอพี ช่วงเวลาที่เธอต้องดิ้นรนในท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่ผู้เข้มแข็งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด แม้ชีวิตภายในกล่องโลหะแบบนี้จะมีความสะดวกสบายกว่ากันมาก แต่เธอก็ยังคงโหยหาช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ และรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ออกไปทำงาน ได้ต่อสู้เสี่ยงชีวิตอีกครั้ง

'บางอย่างในตัวฉันได้เปลี่ยนไปแล้ว' อย่างไม่รู้ตัว เธอได้ก้าวออกจากเส้นทางที่เคยภาคภูมิใจ อย่างไม่รู้ตัว เธอกลับคิดพึ่งพิงสิ่งประดิษฐ์มากกว่าสิ่งที่เธอเคยยึดถือ วิถีแห่งนักสู้พเนจร ตามที่ท่านอาจารย์เคยถ่ายทอดให้

ก่อนจากกันท่านได้กล่าวคำพูดสุดท้ายไว้ว่า

'ในการต่อสู้ ไม่มีทั้งศัตรู และตนเอง'

'...หมายความว่าอย่างไรคะ'

'ศาสตร์ทั้งหลายล้วนเป็นเพียงเส้นทาง ทักษะ และการฝึกฝนเป็นเพียงอุปกรณ์ ส่วนจุดหมายปลายทาง เจ้าจะต้องค้นพบด้วยตัวเองเท่านั้น'

'...จุดหมายของการต่อสู้'

'จงต่อสู้ ใช้จิตใจ และร่างกายเรียนรู้ จนกว่าเจ้าจะเข้าใจความหมายของคำ ไม่มีศัตรู ไม่มีตนเอง นี้'

การเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษของสำนักวิทยาศาสตร์ ค่อยๆ พาเธอออกห่างจากเส้นทางที่เคยก้าวเดิน 'นั่นคือที่มาของความรู้สึกเคว้งคว้างที่เกิดขึ้นทุกครั้ง ภายหลังจากการต่อสู้อย่างไร้จุดหมายพวกนี้จบสิ้นลง' เธอยืนตรง หลับตา พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ปรับร่างกายให้กลับคืนสู่สภาวะผ่อนคลายอีกครั้ง ก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้น

ดวงตาทั้งสองของเธอส่องประกายแวววาว 'ฉันยังต้องพึ่งพาพวกมันอยู่ แต่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว' เธอรู้ตัวดีว่าภารกิจในครั้งนี้มีความสำคัญมากเกินกว่าที่เธอจะทิ้งมันไปเฉยๆ ได้ กล้ามเนื้อทั่วร่างของเธอพองตัวขึ้นอีกครั้ง เธอเร่งพลังของชุดที่สวมใส่อยู่ขึ้นไปจนถึงขีดสุดแล้ว

#####

ภายในที่ว่างเล็กๆ มีเพื่อนสองคนติดอยู่ในนั้นพร้อมกับความเงียบงัน

“...ฉัน...ฉันหักหลังนาย”

หล่งพูดทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด เขาก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบตากับเพื่อน

“ฉันเข้าใจ”

คีย์พูดเพียงแค่นั้น 'ฉันเข้าใจอะไรกัน' หล่งไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงต้องรู้สึกโกรธกับคำตอบที่เป็นเหมือนคำปลอบใจจากเพื่อนด้วย

“นายจะไปเข้าใจอะไร นายไม่รู้หรอก นาย...นายยังเสี่ยงชีวิตกลับมาช่วยฉันเอาไว้เลย”

“เพราะฉันไม่ได้ถูกเธอบีบคอ ต่อยท้อง แล้วเหวี่ยงใส่กำแพงแบบนั้น ถ้าฉันเป็นนาย ก็คงทำแบบเดียวกันนั่นแหละ”

เขาพยายามอธิบาย แล้วทั้งสองก็เงียบไป ก่อนที่คีย์จะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาบ้าง

“...ฉันต่างหาก...ฉันปล่อยให้จูเลียต...ความจริงแล้วฉันสามารถเตือนเธอได้ บอกเธอไม่ให้เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันคง...ฉัน...”

“นายไม่ผิด...”

ครั้งนี้คีย์เป็นฝ่ายที่ไม่กล้าสบตากับเพื่อน

“...ถึงนายห้าม ยายจูก็ไม่ฟัง นายเองก็รู้จักนิสัยเธอดี”

คำพูดนั้นตรงกับสิ่งที่เขาพยายามใช้อธิบายกับตัวเองอยู่ในใจซ้ำไปซ้ำมา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด 'ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้เตือนเธอ ฉันนิ่งเงียบเพื่อใช้ประโยชน์จากตัวเธอ' นั่นคือความจริง และไม่ว่าคนอื่นจะมีคำอธิบายว่าอย่างไร เขาก็ไม่อาจหลอกลวงตัวเองได้ ซึ่งไม่แตกต่างจากสิ่งที่หล่งกำลังรู้สึกอยู่ภายในใจเช่นกัน

ความรู้สึกผิดที่ฝังลึกอยู่ภายในใจนี้ ไม่อาจลบล้างไปได้ด้วยคำอธิบาย หรือเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงสิ่งเดียวที่จะสามารถช่วยรักษาเยียวยามันได้ ซึ่งพวกเขาต้องใช้เวลาเรียนรู้ และค้นพบมันให้ได้ด้วยตัวเองเท่านั้น

แสงไฟภายในห้องโดยสารกระพริบไหววูบวาบอีกครั้ง พร้อมกับความสั่นสะเทือนที่เขย่าตัวลิฟท์จนรู้สึกได้ ลิฟท์กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วภายใต้สนามแม่เหล็ก มันไม่ได้ถูกผูกโยงเอาไว้ด้วยสิ่งใดทั้งสิ้น ความสั่นไหวที่เกิดขึ้นนี้ อาจหมายถึงมีบางสิ่งกำลังรบกวนสนามแม่เหล็กของมันอยู่ก็เป็นได้

ทั้งสองลุกขึ้นยืนมองหน้ากัน ผู้ต้องสงสัยในความคิดของทั้งคู่ย่อมเป็น หญิงสาวในชุดดำที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องล่าง เธอต้องกำลังลงมือทำอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่

“...เรามีแผนยังไงต่อ”

คีย์เอ่ยถาม

“เธอยกเลิกการจองใช้รถทั้งหมดไปแล้ว เราคงต้องพยายามใช้ เอสยู ขโมยรถให้ได้สักคัน”

“...เอสยู อะไร”

“ก็เจ้าตัวที่อยู่ในไอพีของนายนั่นแหละ ฉันเรียกมันว่าเอสยู เออว่าแต่นายทำอย่างไร มันถึงยอมเปิดประตูให้กับพวกเราล่ะ”

คีย์ลืมมันไปเสียสนิท เขาไม่ได้นึกด้วยซ้ำไปว่ามันเป็นคนช่วยเปิดประตูให้ และเขาได้ทำอะไรลงไปบ้าง มันจึงตอบสนองเช่นนั้น

“...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“อ้าว”

ลิฟท์เกิดอาการไหวโยกตัวอีกครั้ง ซึ่งรุนแรงกว่าคราวก่อน ทั้งสองต้องย่อกายลง และใช้แขนช่วยในการทรงตัว ทั้งคู่ได้แต่มองหน้ากันเงียบๆ และภาวนาอยู่ในใจ ให้สามารถไปถึงจุดหมายได้ทันก่อนที่จะเกิดอะไรร้ายแรงไปมากกว่านี้

ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ประตูลิฟท์เลื่อนเปิดออก ในขณะที่ทั้งคู่ต่างพยายามเบียดตัวเองออกมาให้เร็วที่สุด ลานจอดรถเก่ายังคงสภาพเหมือนกับในตอนที่คีย์จากไป ความจริงแล้วเวลาก็พึ่งผ่านไปเพียงไม่นานเท่านั้น แต่ในความรู้สึกของเขากลับดูเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น 'แม้แต่เวลาก็ยังยืดหดได้ โดยขึ้นกับผู้ที่เฝ้าดู'

คีย์รีบตรงไปยังรถคันเดิมที่เขาจอดทิ้งเอาไว้ เมื่อยังไม่มีผู้อื่นเรียกใช้งาน หรือยังไม่ถึงลำดับของมัน มันก็จะคงจอดอยู่อย่างนั้นเหมือนเดิมไปเรื่อยๆ แต่แม้จะเข้าไปด้านในได้ มันก็ไม่ตอบสนองต่อไอพีของเขาอยู่ดี 'ต้องรีบทำอะไรสักอย่าง' แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่า อะไรสักอย่างที่ว่านั้น คือต้องทำอย่างไร เขาจึงเริ่มต้นส่งภาษาบ้าๆ บอๆ กับเจ้าตัวหัวกลมที่ลอยยิ้มไปมาอยู่ในหน้าจอไอพีของเขาอีกครั้ง

หล่งไม่อาจช่วยอะไรได้ เพราะไอพีของเขายังคงตายสนิทอยู่เหมือนเดิม แต่เขากำลังสนใจถึงสาเหตุของสิ่งที่ทำให้ตัวลิฟท์สั่นไหวเมื่อครู่ ตอนนี้มันยังคงจอดนิ่ง และเปิดค้างเอาไว้อยู่เช่นเดิม ทั้งๆ ที่เขาคาดว่า มันน่าจะวนกลับลงไปรับใครอีกคนที่กำลังรออยู่ข้างล่าง

'หรือว่าเธอไม่ได้รอ เธออาจจะไม่ได้คิดจะใช้มันตั้งแต่แรกแล้ว' เขามองเห็นตัวลิฟท์สั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง คำตอบที่ต้องการพลันผุดขึ้นมาทันใด

“เร็วเข้า เธอกำลังมาแล้ว”

หล่งตะโกนบอก ในขณะที่คีย์ยังคงวุ่นวายอยู่กับการพยายามหาวิธีใช้เจ้าเอสยูในการขโมยรถ เขาเหลือบตาขึ้นมองแวบหนึ่ง

“ลิฟท์ยังไม่กลับลงไปเลย”

“เธอไม่ได้รอมันอยู่แล้ว เร็วเข้า”

ภาพเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นจริงไปได้ ฉายชัดอยู่ภายในหัวของเขา

#####

ประตูที่มีรูปร่างของหญิงสาวประทับอยู่ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสถานที่ที่เหล่าคู่รักนักเรียนต้องจูงมือกันมา เพื่อประกาศความรักมั่นที่มีต่อกัน เบื้องหน้ารูปรอยของ เทพีแห่งความรัก ได้ถูกง้างเปิดออกด้วยความไม่สมัครใจ ถึงแม้มันจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าประตูทั่วไป แต่ก็ไม่อาจต้านทานความตั้งใจของหญิงสาวที่เป็นเจ้าของรอยประทับนั้นได้

ทริกกำลังปีนป่ายไปมาอยู่ภายใต้สนามแม่เหล็กภายในปล่องช่องลิฟท์ เหนือขึ้นไปลิบๆ คือส่วนท้ายของตัวลิฟท์โดยสารที่เธอพยายามจะไล่ตามขึ้นไปให้ทัน

เธอใช้วิธีถีบตัวเองสลับไปมาจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่ง ของผนังภายในช่องอุโมงค์ที่เป็นทรงกระบอก เพื่อไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อน คือความรุนแรงของสนามแม่เหล็กภายในนี้ ที่ส่งผลกระทบกับชุดของเธอ ทำให้ไม่สามารถควบคุม หรือเร่งความเร็วได้ตามที่ต้องการ

'ต้องระวังให้มากไว้' ปล่องลิฟท์นี้มีผนังเรียบเป็นส่วนใหญ่ แทบไม่มีที่ให้ยืดเกาะได้เลย ดังนั้นหากเกิดความผิดพลาดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย ร่างของเธอคงต้องล่วงลงไปถึงเบื้องล่าง และด้วยระดับความสูงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความเสียหายที่ได้รับก็จะมากตามไปด้วยเช่นกัน 'บางทีอาจถึงตายก็เป็นได้'

เธอเห็นส่วนท้ายของลิฟท์โดยสารข้างบนหยุดลงในที่สุด 'ไม่ทันจนได้' ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้วว่า เด็กสองคนนั้นจะทำอะไรได้บ้าง 'ต้องรีบแล้ว' เธอเบียดร่างเข้าไปในช่องที่อยู่ระหว่างตัวลิฟท์กับผนังอุโมงค์ ซึ่งมีที่ว่างอยู่ไม่มากนัก แต่หากเธอสามารถดันตัวลิฟท์ให้ไปชิดอีกด้านหนึ่ง ก็คงจะมีที่ว่างมากพอให้เธอมุดขึ้นไปได้

หล่งเห็นตัวลิฟท์สั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง ก่อนที่จะมีเงาสีดำของมือข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากช่องว่าง ระหว่างปล่องอุโมงค์ กับตัวลิฟท์ ที่ถูกถ่างให้กว้างออก เขานึกในใจด้วยความสยดสยอง 'เธอมาแล้ว' และดูเหมือนความพยายามของคีย์จะยังคงไม่ประสบผล

“ได้แล้ว”

คีย์ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร แต่ตอนนี้รถตอบสนองต่อไอพีแล้ว และเขาก็สามารถกำหนดจุดหมายปลายทางให้กับมันได้

“รีบมาเร็ว...”

คีย์ตะโกนเรียกเพื่อน พร้อมกับหันมาเห็นร่างของทริกที่กำลังพยายามมุดออกมาจากช่องลิฟท์เข้าพอดี เขารีบออกคำสั่งผ่านรถ ให้เปิดประตูลานจอดออก ก่อนหันมาเร่งเพื่อนของเขาอีกครั้ง

“...รีบมาเร็วเข้า”

หล่งมองดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พร้อมกับตัดสินใจออกวิ่ง แต่เขากลับวิ่งไปทางลิฟท์ที่ทริกกำลังพยายามจะมุดออกมา

“ไป...ไปเลย หนีไปให้ได้นะเพื่อน”

หล่งตะโกนลั่น เขาตัดสินใจที่จะหาทางถ่วงเวลาเธอเอาไว้ เพราะคิดว่าหากปล่อยให้เธอหลุดออกมาได้ พวกเขาสองคนต้องหนีไม่รอดแน่

“...ฉันจะไม่ยอมหักหลังนายอีกเป็นครั้งที่สอง ดังนั้นนายเองก็ต้องไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”

คีย์ได้ยินเสียงตะโกนของเขาเต็มสองหู เขาวิ่งได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนจะพุ่งตัวกระโดดข้ามร่างของทริกแล้วหล่นเข้าไปในตัวลิฟท์ ซึ่งเธอไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาต้องการ

ลิฟท์พยายามที่จะรักษาสมดุลของมันภายใต้สนามแม่เหล็ก นั่นคือพยายามที่จะปรับตำแหน่งให้กลับไปลอยอยู่ตรงกึ่งกลางของช่องว่างภายในอุโมงค์อีกครั้ง ดังนั้นมันจึงหนีบร่างของเธอที่ติดอยู่ให้แน่นยิ่งกว่าเดิม เธอรีบใช้แขนทั้งสองออกแรงดันเอาไว้อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากไม่อยู่ในท่าที่เหมาะสม แรงส่วนใหญ่จึงถูกใช้ไปอย่างไม่เกิดผล

เขายังคงกระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ภายในลิฟท์เพื่อทำให้สถานการณ์ของเธอเลวร้ายลงไปอีก พร้อมกับส่งเสียงตะโกนซ้ำๆ ราวกับคนเสียสติ

“...หนีไป หนีไป หนีไป...”

คีย์มีท่าทีลังเลในตอนแรก แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจขับรถออกไปอย่างที่หล่งต้องการ เพื่อนของเขาพูดถูก แม้แต่ช่องลิฟท์ที่มีความสูงถึงขนาดนี้ เธอยังสามารถป่ายปีนขึ้นมาได้ หากปล่อยให้เธอหลุดออกมา พวกเขาไม่มีทางรอดแน่

เมื่อเห็นรถเคลื่อนห่างออกไป เรี่ยวแรงที่เคยมีของหล่งก็หดหายไปในทันที ทริกรีบฉวยโอกาสนั้นออกแรงผลักสุดแรง พร้อมกับแทรกร่างผ่านช่องขึ้นมาได้ในที่สุด เขาถูกแรงเหวี่ยงลงไปล้มกลิ้งอยู่บนพื้น มีเท้าข้างหนึ่งยื่นออกมาเหยียบหน้าอกของเขาเอาไว้

“รู้ไหมว่าเด็กดื้อจะต้องโดนลงโทษ”

เธอพูดเสียงเยียบเย็น

“...ยายจู...จูเลียต เป็นอย่างไรบ้าง”

เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองคงไม่รอดแน่ แต่ก็ยังอดถามถึงชะตากรรมของจูเลียตไม่ได้ เธอค่อยๆ บรรจงยกร่างของเขาขึ้นมา กอดอย่างแนบแน่น พร้อมกับจูบที่แก้ม เขางงจนสมองหมุน แล้วเธอก็กระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“...ตามไปถามเธอเองสิ”

สติของเขาดับวูบ ร่างหลุดจากอ้อมกอดลงไปนอนกองอยู่บนพื้น เธอยืนมองรถคันดังกล่าวเคลื่อนห่างออกไป แม้ไม่ต้องตรวจสอบกับไอพี ก็สามารถเดาได้ไม่ยากว่าเขาจะไปยังที่ใด 'การบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของทางศาสนจักรโดยเจ้าหน้าที่พิเศษของสำนักวิทยาศาสตร์จะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้'

เธอค่อยๆ ถอดชุดสีดำที่สวมใส่อยู่ออก อวดผิวเนื้อเปลือยเปล่าต่อท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆขมุกขมัว ปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสกับอากาศที่มีสารรังสีปนเปื้อนเหมือนกับเมื่อในสมัยก่อน หากจูเลียตได้มาเห็นเส้นใยจำนวนมากมายที่ซุกซ่อนอยู่ด้านในชุด เธอจะต้องรู้ทันทีว่ามันคือกล้ามเนื้อเทียมเหมือนกับที่เธอใช้ เพียงแต่มีความก้าวหน้ามากกว่า

ทริกติดต่อหาทรีดเพื่อรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด 'นี่คืองานชิ้นสุดท้ายในฐานะของเจ้าหน้าที่พิเศษแล้ว'

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 20:12:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com