ความมืดค่อยโรยตัวลงปกคลุมปราสาทลินเด็นอย่างแช่มช้า อัจกลับแก้วถูกจุดขึ้นทีละดวงจนสว่างไสวไปทั้งปราสาท แม้จะอยู่ในช่วงเวลาอันเคร่งเครียด หากวิสัยรักความสนุกก็ยังไม่จางหายไปจากสายเลือดของชาวกรีนแลนด์ เสียงบรรเลงดนตรีและเสียงหัวเราะรื่นเริงในงานเลี้ยงอาหารค่ำจึงดังลอดออกมาจากตำหนักโน้นบ้างตำหนักนี้บ้างให้ได้ยินประปราย จะเว้นก็แต่ตำหนักแสงจันทร์ของเจ้าหญิงกาอิยาห์ ที่วันนี้ออกจะเงียบเหงาผิดปกติด้วยเจ้าของตำหนักเสด็จเข้าห้องบรรทมปิดประตูเงียบตั้งแต่หัวค่ำ บรรดาข้าหลวงสาวๆ จึงพลอยถูก คุณพี่เลี้ยงนอร่า กำชับให้เก็บตัวอยู่แต่ในห้องตามไปด้วย
ดึกสงัด ...แสงไฟในตำหนักแสงจันทร์ค่อยทยอยดับลงทีละดวง เจ้าหญิงกาอิยาห์บรรทมรอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าเดินตรวจตรารอบตำหนักตามปกติของนอร่าเงียบหายไป จึงค่อยเสด็จ ย่อง ไปที่หน้าต่าง ผลักบานกระจกหนาให้เปิดออกอย่างแผ่วเบา ใช้ผ้าปูเตียงที่บรรจงนำมาผูกต่อกับผ้าห่มจนได้เป็นเส้นยาวโยงเข้ากับเสาต้นที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนจะโหนพระองค์ลงสู่พื้นดินเบื้องล่างด้วยท่าทางราวกับนักกายกรรมมืออาชีพ
หลังจากทรงหยุดรออยู่สักพักจนแน่พระทัยแล้วว่าไม่มีใครเห็น เจ้าหญิงในชุดเสื้อทูนิกสีคล้ำ กางเกงรัดปลายขาสั้นแค่เข่าแบบเด็กรับใช้ ก็เสด็จมุ่งหน้าตรงไปยังสวนสมุนไพรของพวกนักบวชทันที
ในดงไม้ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวลาง มีเงาร่างของใครบางคนนั่งขดตัวซุ่มซ่อนเหมือนรออยู่นานแล้ว ทีแรกเจ้าหญิงกาอิยาห์เกือบจะไม่ทรงสังเกตเห็น เพราะเสื้อคลุมสีเข้มที่เขาสวมอยู่แทบจะทำให้ร่างผอมบางนั้นกลืนหายไปกับความมืดรอบด้าน หากพอเขาขยับตัว พระองค์จึงเพิ่งประจักษ์ว่าเงาตะคุ่มที่ทรงเข้าพระทัยว่าเป็นก้อนหินแต่แรก ที่แท้แล้วคือพระสหายคนใหม่นั่นเอง
ซิสปัดฮู้ดคลุมศีรษะออก เดินตัวตรงเข้าไปหาเด็กสาวสูงศักดิ์ด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ เขาอยู่ในเครื่องแบบทหารองครักษ์สีน้ำเงินเข้มหลวมโพลกที่เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงหามาให้เขาสวม ดีที่เด็กหนุ่มตัวสูง หาไม่แล้วคงจะดูตลกมากกว่านี่
เจ้าหญิงกาอิยาห์ทอดพระเนตรพระสหายแล้วต้องรีบเบือนพระพักตร์ไปทางอื่นเพื่อซ่อนรอยแย้มสรวล หากคนตาไวยังแอบเห็นจนได้
ยิ้มอะไร มีอะไรน่าขำนักหรือ เด็กหนุ่มตวัดเสียง ใบหน้าที่บึ้งอยู่แล้วยิ่งบึ้งหนักขึ้นไปอีก เขาทำท่าเหมือนจะหันหลังเดินกลับเอาดื้อๆ หากอีกฝ่ายมือไวรีบคว้าต้นแขนเอาไว้เสียก่อน
โฮ้ย อะไรกัน เป็นผู้ชายแท้ๆ ทำใจน้อยไปได้เจ้านี่ ...ข้ายิ้มซะที่ไหน ดูสิ ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย
ผู้พูดพยายามทำพระพักตร์เฉยให้ดู เนียน สุดชีวิต หากไม่ค่อยสำเร็จ ด้วยดวงเนตรทั้งคู่ยังคงไหวระริกฟ้องอยู่ชัดเจน
ซิสจ้องมองเด็กสาวตรงหน้านิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็หัวเราะเสียงดัง
เอ๊ะ... คนถูกจ้องขมวดคิ้ว ก้มลงมองสำรวจตัวเองอย่างระแวงขึ้นมาบ้าง
หัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำกันยะ
เปล๊า พระสหาย ยักไหล่ยียวน ตอบหน้าตาเฉย ข้าหัวเราะที่ไหน เจ้าหูฝาดไปเองต่างหาก
เด็กสาวแทบเต้นเมื่อรู้ตัวว่าโดนอีกฝ่ายย้อนเข้าให้บ้าง
ซิส เจ้านี่มัน... ก็ได้ ข้าขำเจ้า แล้วมีอะไรมั้ยล่ะ ก็เจ้าแต่งตัวแบบนี้แล้วมันดู...แปลกๆ นี่นา
เจ้าเป็นคนยัดเยียดชุดนี้มาให้ข้าใส่เองนะ มีสิทธิอะไรมาว่าข้าดูแปลกๆ
ก็ของมันแปลกข้าก็ต้องว่าแปลกสิ เอาน่า เจ้าเองก็หัวเราะเยาะข้าไปแล้วนี่ ถือว่าหายกัน คนเป็นเจ้าหญิงรีบโมเมเปลี่ยนเรื่อง ไหนล่ะของที่ข้าสั่ง ได้มาหรือเปล่า
ซิสแหวกเสื้อคลุมหยิบถุงหนังที่ห้อยอยู่ตรงบั้นเอวออกมายื่นส่งให้เด็กสาว
เอ้า เหล้าที่แรงที่สุดในตลาด ว่าแต่เจ้าจะเอาของพรรนี้ไปทำไม คนถูกถามอมยิ้ม
ไม่ต้องถามน่า เดี๋ยวเจ้าก็ได้รู้เองแหละ
แม้จะอยู่ในความมืดหากเด็กหนุ่มก็ยังสังเกตเห็นว่าเจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงแอบเทอะไรบางอย่างลงไปในถุงหนังใบนั้นแล้วเขย่าให้เข้ากันก่อนจะส่งคืนให้เขา ซิสเปิดจุก ยกถุงใส่เหล้าขึ้นดมอย่างไม่ไว้ใจ หากไม่พบกลิ่นอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย ...เหล้าก็ยังคงเป็นเหล้า ใสแจ๋วหอมหวนชวนดื่มอยู่นั่นเอง
เจ้าใส่อะไรลงไปน่ะ เด็กหนุ่มอดถามไม่ได้
เจ้าหญิงกาอิยาห์แย้มสรวลแบบอมภูมิ ยักพระขนงแผล็บด้วยกิริยาที่หากพระพี่เลี้ยงมาเห็นเข้าเป็นต้องถูกถวายหยิกเนื้อเขียวแน่นอน
สมุนไพรทำให้ง่วงไงล่ะ ข้าแอบจิ๊กของนอร่ามา นางชอบดื่มชาผสมสมุนไพรชนิดนี้ก่อนเข้านอนเป็นประจำ แต่เจ้าอย่าลองจิบเข้าไปเชียวนะซิส เดี๋ยวได้หลับหัวทิ่มข้าไม่รู้ด้วย
สมุนไพรของเจ้าฤทธิ์แรงขนาดนั้นเชียว
อันที่จริงมันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ข้าแอบเติมส่วนผสมพิเศษลงไปด้วยนิดหน่อย...เอ่อ...เจ้าอย่ามัวสงสัยอยู่เลยน่า รีบไปได้แล้ว ซักมากเสียเวลาเปล่าๆ
เจ้าหญิงทรงทรงตัดบทดื้อๆ ด้วยการพยักเพยิดให้เด็กหนุ่มออกเดินนำไปก่อน ส่วนพระองค์เสด็จตามหลังเขาไปติดๆ ซิสเลือกใช้เส้นทางด้านหลังคอกสัตว์ เพราะสามารถทะลุผ่านไปยังคุกใต้ดินได้โดยไม่มีใครเห็น
เมื่อมาหยุดอยู่หลังดงไม้ที่เขาแอบอยู่เมื่อตอนเช้า เด็กหนุ่มก็หันไปถามคนข้างกาย
ทีนี้เอายังไงต่อ
เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงแหวกพุ่มไม้เบื้องพระพักตร์ออกเป็นช่อง ทอดพระเนตรไปยังประตูทางลงสู่คุกใต้ดิน ซึ่งเป็นสถานที่เดียวในบริเวณนี้ที่มีแสงไฟส่องสว่าง ...หน้าประตูบานใหญ่ยังคงมีทหารยามเฝ้าอยู่สองนายเช่นเดิม หากเป็นคนละชุดกับเมื่อเช้า ท่าทางพวกเขาคงจะเบื่อหน่ายน่าดูเพราะคนหนึ่งยืนทำท่าเหมือนจะหลับมิหลับแหล่ ในขณะที่อีกคนมัวแต่จ้องมองแมลงกลางคืนที่บินอยู่เหนือกระถางไฟราวกับจะศึกษาธรรมชาติของพวกมันให้ถ่องแท้
เจ้าหญิงแย้มพระสรวลอย่างพอพระทัย พระองค์ถอยกลับมาหาเด็กหนุ่มที่ยืนขมวดคิ้วคอยอยู่ ส่งสัญญาณให้เขาโน้มตัวลงมา แล้วทรงกระซิบแผนการให้ฟัง
ซิสส่ายหน้าทันทีเมื่อฟังจบ
ไม่เอาละ ข้าว่าแค่พวกนั้นเห็นข้าก็ความแตกแล้ว
ไม่แตกหรอกน่า อย่างน้อยๆ ตอนนี้เจ้าก็ดูคล้ายทหารองครักษ์มากกว่าข้าแหละ
ก็แหงสิ... เด็กหนุ่มกระแทกเสียง เจ้าอุตสาห์เตรียมเครื่องแบบชุดนี้มาให้ข้าใส่โดยเฉพาะเลยนี่ ข้าละนึกสงสัยแต่แรกแล้วเชียว...
เจ้าหญิงกาอิยาห์แย้มพระสรวลเรี่ยๆ อย่าบ่นนักเลยน่า มาถึงขั้นนี้แล้วเจ้าจะไม่ช่วยข้าหรือไง เราเป็นเพื่อนกันนะซิส
คน เป็นเพื่อนกัน เบ้หน้า
ใครที่ยอมหลวมตัวเป็นเพื่อนกับเจ้านี่ ชีวิตคงขาดทุนพิลึก
แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น หากเด็กหนุ่มก็ยอมก้าวออกไปสู่ลานกว้างหน้าคุกใต้ดินแต่โดยดี
ทหารยามร่างยักษ์หันขวับมามองชายหนุ่มหน้าอ่อนในเสื้อคลุมสีคล้ำที่เพิ่งก้าวเข้ามาสู่รัศมีของแสงไฟเป็นตาเดียวกัน หนึ่งในสองเอ่ยถามเสียงดัง
นั่นใครน่ะ มาทำอะไรลับๆ ล่อๆ แถวนี้
ผู้มาใหม่ไม่ตอบ หากทำใจกล้าเดินเข้าไปหาคนถามโดยพยายามซ่อนใบหน้าให้อยู่ในเงามืดมากที่สุด เขาแสร้งทำเป็นเซเล็กน้อยเหมือนคนเมาขณะยกถุงหนังขึ้นจรดริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยชวนอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ขึ้นจมูก
คืนนี้อากาศเย็นนะพี่ชาย สนใจจะดื่มแก้หนาวกับข้าสักอึกมั้ยล่ะ
ท่าทางระแวดระวังของทหารยามค่อยผ่อนคลายลงเมื่อคนชวนขยับใกล้เข้ามา ชายเสื้อคลุมสีคล้ำที่เขาสวมเผยอออกเล็กน้อย เผยให้เห็นเครื่องแบบทหารสีน้ำเงินขลิบทองด้านในแวบหนึ่ง
จะดีรื้อน้องชาย มันผิดกฎนะ
พวกท่านกลัวด้วยหรือ ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ข้าไปหาเพื่อนดื่มที่อื่นก็ได้
เฮ้ย เดี๋ยวสิน้องชาย ข้ายังไม่ได้พูดสักคำว่าจะไม่ดื่มกับเจ้า
เด็กหนุ่มยักไหล่ ก่อนจะส่งถุงหนังในมือให้ทหารยามผู้นั้น
เมื่อถุงใส่เหล้าถูกยื่นมาตรงหน้า นายทหารร่างยักษ์ก็เอื้อมมือมารับไปดื่มอั้กๆ ราวกับคนขาดน้ำ เขายกหลังมือขึ้นเช็ดปากด้วยท่าทางพออกพอใจแล้วส่งมันต่อให้ผู้เป็นเพื่อน
ซิสปล่อยให้ชายทั้งสองแบ่งกันดื่มเหล้าจนชุ่มปอดก่อนจะรับถุงหนังกลับคืนมา เด็กหนุ่มตั้งท่าจะผละออกจากบริเวณนั้น หากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงกรนสนั่นหวั่นไหวสองเสียงก็ดังประสานขึ้นเกือบจะพร้อมกัน พอเขาเหลียวกลับไปดูก็พบว่าทหารยามทั้งคู่ฟุบหลับไปเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มยกถุงใส่เหล้าในมือขึ้นมองด้วยสีหน้าขยาด ผูกมันไว้ข้างเอวตามเดิม ก่อนจะผิวปากส่งสัญญาณเรียกเจ้าของแผนการที่ซ่อนตัวอยู่หลังดงไม้
เจ้าหญิงกาอิยาห์ในคราบของเด็กรับใช้หนุ่มน้อยทรงโผล่พระพักตร์ยิ้มกริ่มออกมาแทบจะในทันที แสดงว่าคอยทอดพระเนตรเหตุการณ์อยู่ตลอด พระองค์สาวพระบาทเข้าไปหยุดชื่นชม ผลงาน ของซิสด้วยท่าทางภูมิพระทัยราวกับทรงเป็นผู้ลงมือเสียเอง
เห็นมั้ยล่ะ ข้าบอกเจ้าว่าสำเร็จก็ต้องสำเร็จสิ ความไม่แตกสักหน่อย พวกเขาไม่สงสัยเจ้าเลยด้วยซ้ำ
รู้แล้วน่า ไม่ต้องพูดมากหรอก จะทำอะไรก็รีบๆ ทำเข้าเถอะเจ้าหญิง เด็กหนุ่มหน้าบูด
เจ้าหญิงกาอิยาห์แย้มพระสรวลขณะก้มลงค้นตัวทหารยามเพื่อหากุญแจ เมื่อได้มาแล้วพระองค์ก็เสด็จตรงไปที่ประตู ทรงไขแม่กุญแจขนาดใหญ่เท่ากำปั้นที่คล้องอยู่กับสายโซ่ออก ผลักบานเหล็กแสนฝืดให้เปิดเป็นช่องพอสอดตัวเข้าไปได้ จากนั้นจึงหันมาพยักเพยิดเรียกพระสหาย
ฝ่ายถูกเรียกส่ายหัวดิก อย่าดีกว่า เจ้าเข้าไปคนเดียวเถอะ ข้าจะดูต้นทางให้
ดูทำไม ทางมันไม่หายไปไหนหรอก เจ้าแหละลงมาเป็นเพื่อนกันหน่อย
เจ้ากลัวละสิท่า
เท่านั้นเสียงใสๆ ก็แผดสนั่น
ไม่ได้กลัวย่ะ แต่ข้าถือคติ...คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย เจ้าไม่เคยได้ยินหรือไง
ไม่เคย
งั้นก็เคยซะ
ตรัสแล้ว คนไม่กลัว ก็ตรงเข้าฉุดแขนอีกฝ่าย ลากให้ตามลงไปในคุกใต้ดินด้วยกันจนได้
คุกใต้ดินของปราสาทลินเด็นมีสภาพคล้ายกับที่เจ้าหญิงกาอิยาห์ทอดพระเนตรเห็นในพระสุบินแทบทุกอย่าง ต่างกันแต่ว่าของจริงดูเลวร้ายมากกว่ากันหลายเท่านัก ทางเดินที่ทอดลึกลงไปสู่ความมืดเบื้องล่างทั้งชันทั้งลื่นด้วยมีคราบราและตะไคร่เกาะหนา คบไฟที่ปักเอาไว้ห่างๆ บนผนังให้แสงสว่างสลัวเลือนจนมองแทบจะไม่เห็นบันไดแต่ละขั้นที่ทอดรออยู่เบื้องหน้า หากที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือกลิ่น อากาศที่อับทึบยิ่งกักเก็บกลิ่นกายอันร้ายกาจของเหล่านักโทษเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เจ้าหญิงกาอิยาห์ต้องทรงใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แสดงอาการคลื่นเหียนให้ปรากฏออกมาต่อหน้าเด็กหนุ่ม ยิ่งเดินลึกลงไปเท่าไหร่กลิ่นเหม็นก็ยิ่งฉุนรุนแรงขึ้นเท่านั้น
สุดปลายบันไดคือลานแคบๆ ทอดไปสู่ทางเดินที่ยื่นยาวออกไปทั้งสองด้านคล้ายรูปตัวที ฝั่งตรงข้ามของทางเดินคือประตูเหล็กบางแคบ ด้านบนเจาะเป็นช่องใส่ลูกกรงเหล็กแข็งแรง ด้านล่างมีช่องติดบานพับสำหรับสอดอาหารและน้ำส่งให้นักโทษ ประตูแต่ละบานปิดล็อกด้วยโซ่คล้องแม่กุญแจดอกโต เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงมีพระวรกายที่เตี้ยเกินกว่าจะสามารถเขย่งปลายพระบาทมองผ่านช่องลูกกรงเข้าไปได้ ซิสจึงต้องเป็นผู้ทำหน้าที่นั้นเสียเอง
ห้องขังแต่ละห้องค่อนข้างมืด แทบทุกห้องว่างเปล่า มีเพียงห้องริมสุดเท่านั้นที่พอแสงสว่างจากคบไฟในมือของเด็กหนุ่มวูบผ่าน ก็มีเสียงคล้ายคนลากโซ่ดังขึ้นพร้อมด้วยคำถามที่ตามมา
นั่นใคร?
เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงจำเสียงห้าวๆ ของพี่ชายได้ก็วิ่งถลาเข้าไปเกาะขอบประตูทันที
พี่กันนาร์ นี่น้องเองค่ะ น้องมาช่วยแล้ว รอเดี๋ยวนะคะ น้องจะเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้แหละ
พระองค์ต้องทรงเสียเวลากับการค้นหาลูกกุญแจอยู่พักใหญ่ กว่าจะทำให้บานประตูหนาหนักตรงหน้าเลื่อนเปิดได้สำเร็จ ภาพของคนเป็นพี่ค่อยปรากฏแก่สายพระเนตร เขาดูซูบลงเล็กน้อย ใบหน้าที่เคยเกลี้ยงเกลา บัดนี้มีไรหนวดขึ้นเขียวดูแปลกตา เส้นผมยาวสลวยสีเงินยุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไร้มาดของหนุ่มสำอางโดยสิ้นเชิง ทว่า...ถ้าไม่นับขาข้างที่ถูกล่ามโซ่ติดกำแพง ชายหนุ่มก็ดูเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีบาดแผล ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายใดๆ ทั้งสิ้น
เฮ้อ โล่งอกไปที
เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะผวาร่างเข้าไปนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นพี่ ส่วนเด็กหนุ่มที่เดินตามมาข้างหลังถอยไปยืนสำรวจกำแพงอิฐอีกด้านหนึ่งอยู่เงียบๆ เปิดโอกาสให้สองพี่น้องสนทนากันตามสบาย
นักโทษหนุ่มขมวดคิ้ว ตั้งท่าจะถอยหนีตามสัญชาตญาณ หากพอเพ่งมองใบหน้าของเด็กรับใช้ที่จู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามานั่งยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้าอยู่ชั่วครู่ เขาก็อุทานออกมาอย่างแปลกใจ
กายย์!
ใช่แล้วค่ะ น้องเอง
เจ้าเข้ามาได้ยังไง...ทำไมแต่งตัวแบบนี้ เด็กสาวก้มลงมองชุดที่ตนเองสวมแล้วเงยขึ้นยิ้มจนตาหยี ก็ปลอมตัวน่ะสิคะ เหมาะกับน้องใช่มั้ยล่ะ
ผู้เป็นพี่ได้แต่โคลงศีรษะ
เจ้ามาที่นี่ทำไม
อ้าว ก็มาช่วยพี่กันนาร์ไงคะ ...นอร่าบอกว่าพี่ส่งคนมาตามน้องเมื่อคืนนี้ แล้วทำไมอยู่ดีๆ พี่ถึงถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏไปได้
เจ้าชายกันนาร์ถอนพระทัยหนักหน่วงก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดประทานน้องสาว พอเล่าจบก็ทรงตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น
เจ้าหายไปไหนมากายย์ ทำไมปล่อยให้ข้ารอเก้อ
เจ้าหญิงกาอิยาห์แย้มสรวลแหยๆ ตอบเสียงค่อย
น้อง..เอ่อ..ไปเดินเล่นที่วิหารจันทราแล้วบังเอิญสะดุดหินแผ่นหนึ่งเข้า ก็เลยเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ ดีแต่ได้ซิสช่วยเอาไว้ไม่งั้นคงไม่ได้มานั่งพูดกับพี่อย่างนี้หรอก
ซิส?
นักโทษหนุ่มตวัดสายตามองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่อีกฟากของห้องขังตามอาการพยักเพยิดบอกของน้องสาว ทีแรกเขาจำอีกฝ่ายไม่ได้เพราะการแต่งกายที่ผิดแปลกไป หากเพียงครู่เดียวก็นึกออก ดวงหน้างามคมขมวดบึ้งทันที ความไม่ถูกชะตาแต่เดิมทำให้ชายหนุ่มไม่อยากแม้แต่จะเอ่ยคำขอบคุณ หากจำต้องทำตามมารยาท เสียงพูดจึงห้วนสั้น ขอบใจ
คนฟังเองก็ผงกศีรษะรับด้วยท่าทางเฉยเมยไม่ยินดียินร้ายเช่นกัน เจ้าชายกันนาร์ทอดพระเนตรอย่างไม่ชอบพระทัย...ไอ้เจ้าเด็กนี่ ท่าทางยโสน่าถีบพิลึก...
ขอโทษนะคะ เป็นเพราะน้องแท้ๆ พี่กันนาร์ถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เสียงอ่อนอ่อยที่ได้ยินทำให้พี่ชายต้องยอมละสายตาจากเด็กหนุ่ม หันมาปลอบน้องสาว
ไม่ใช่เพราะเจ้าหรอกกายย์ อย่าคิดมากไปเลย
ไม่คิดได้ยังไง ก็เจ้าหญิงลูเซียบอกน้องว่า ถ้าภายในสิบวันนี้ยังไม่มีใครได้ข่าวขององค์ราชา พี่จะถูกประหาร
ชายหนุ่มหัวเราะ
ก็ยังมีเวลาอีกตั้งสิบวันไม่ใช่หรือ
พี่กันนาร์ นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะคะ พี่จะถูกประหาร น้องยอมไม่ได้หรอก เสียงใสๆ ชักเครือ
ผู้เป็นพี่ถอนใจเฮือก เอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กๆ ที่ก้มต่ำอย่างปลอบประโลม
พี่ขอโทษ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกน่า เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่หรือว่าท่านน้าไม่ทรงมีพระราชอำนาจในการปกครอง หากจะทรงตัดสินโทษกันจริงๆ ก็มีทางเดียวคือต้องเรียกประชุมสภาผู้ครองแคว้นนั่นละ
ก็ทรงเรียกแล้วน่ะสิคะ น้องถึงร้อนใจอยู่นี่ไง ...พี่กันนาร์หนีไปซ่อนตัวก่อนไม่ดีหรือ
ไม่ดี เสียงตอบที่สวนกลับมาทันควัน เข้มข้นจนเกือบจะกลายเป็นห้วน
ถ้าข้าหนี ก็เท่ากับยอมรับข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฎน่ะสิ
แต่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง พี่อาจจะถูกประหารก็ได้นะ
ไม่หรอก ถ้าฝ่าบาทเสด็จกลับมาทัน
เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงจ้องมองพี่ชายราวกับว่าเขากลายเป็นบ้าไปเสียแล้ว
จะทันได้ยังไงกันคะ ตอนนี้พระองค์ประทับอยู่ที่ไหนพวกเราก็ยังไม่รู้เลย
เราไม่รู้ แต่มังกรจิ๋วของเจ้าน่าจะรู้ไม่ใช่หรือ
คนฟังนิ่งงันไป แล้วประกายแห่งความหวังก็สว่างวาบขึ้นในดวงตาคู่สวย
จริงด้วย!! ทำไมน้องถึงไม่ทันนึกนะ น้องจะส่งวายไปบอกให้เมลเชิญเสด็จองค์ราชากลับมาเดี๋ยวนี้ละค่ะ
ไม่ใช่ที่นี่กายย์
มือที่กำลังจะปลดต่างหูชะงักค้าง ทำไมคะ
ที่นี่ไม่ปลอดภัย ...คืนนี้เจ้ากลับไปก่อนดีกว่า
แล้วพี่...
เจ้าชายกันนาร์ทรงโบกพระหัตถ์
ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ข้าอยู่ของข้าได้ ห่วงตัวเจ้าเองเถอะ จำไว้ว่าห้ามพูดเรื่องฝ่าบาทกับใครทั้งนั้น แล้วอย่าประมาทจนเผลอทำพิรุธให้ถูกจับได้เสียก่อนล่ะ รีบกลับไปซะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก
เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงอิดออดจนผู้เป็นพี่ต้องสำทับเสียงดุเป็นครั้งที่สอง พระองค์จึงยอมขยับพระวรกาย เสด็จจากมาอย่างไม่เต็มพระทัยนัก
แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 21:39:25
จากคุณ |
:
akihiro
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.ย. 54 21:39:07
|
|
|
|