Bitter Sweet เพราะเธอ ..... หัวใจจึงพบรัก (ตอนที่ 5)
|
 |
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10941594/W10941594.html (ตอนที่ 1 )
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10952213/W10952213.html (ตอนที่ 2)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10965250/W10965250.html (ตอนที่ 3)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10984889/W10984889.html (ตอนที่ 4)
ทำอะไรหน่ะป้า เจ้านั่นทำลายบรรยากาศด้วยการส่งเสียงแข็งๆ เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว หาทางถูกเนื้อต้องตัวผู้ชายเหรอ มันยังไม่หุบปาก ฉันรีบหุบแขน ทำเสียงงอน อุตส่าห์หวังดีเก็บใบไม้ให้ เจ้านั่นส่งกระถางต้นไม้ให้ฉันแล้วตบบ่าฉันเบาๆ ขอบใจนะป้า............. แล้วก็เดินนำออกไป
พอกลับมาถึงร้านเจ้านั่นก็นั่งลงบนโซฟา ร้อนจัง แอร์ก็เปิดไม่ได้ ใช่สิ ใครใช้ให้ออกไปวิ่งออกกำลังกายแล้วก็กลับมาอยู่ในร้านอบๆ นี่ล่ะ ฉันนึกในใจ ฉันลากพัดลมออกมาจากใต้ตู้เก็บของในครัว เปิดพัดลมไปก่อน เดี๋ยวสายๆ จะเรียกช่างมาซ่อม ฉันเปิดเบอร์แรงสุดปรับให้ส่ายทั่วร้าน เรียกร้านขายของเก่ามาดีกว่า มันเหน็บอีกแล้ว วัยหวานเดินมาดมต้นไม้ที่ฉันวางไว้ ฉันรีบหยิบเอาไปวางที่โต๊ะกลางใกล้ๆ แจกันดอกไม้
เออ...ว่าแต่คุณตาคนนั้นทำไมถึงบอกว่าไอ้ต้นนี้มันประโยชน์ใช้สอยเยอะล่ะ ไอ้เรื่องเลี้ยงง่าย ดูแลง่ายน่ะ ฉันเข้าใจ ฉันถามเจ้านั่นที่นั่งเอาสมุดพัดหน้าอยู่ มันเหลือบมามอง ป้าไม่รู้จักประโยชน์ของต้นนี้เหรอ ฉันส่ายหน้า กระบองเพชรมันให้น้ำคนที่อยู่ในทะเลทรายไม่ใช่เหรอ ก็ฉันเคยดูในสารคดีนะ แต่ก็ยังมองไม่ออกว่ามันมีคุณประโยชน์อะไรอีก เจ้านั่นหลับตา ส่งเสียงลอดไรฟัน นี่เธอแยกไม่ออกจริงๆ เหรอระหว่างต้นกระบองเพชรกับว่านหางจระเข้น่ะ ยัยบื้อ อ้าว มันคือว่านหางจระเข้เหรอ ฉันแอบมองมันอีกครั้ง ก็หน้าตามันเหมือนกันนี่นา ฉันจำผิดเหรอ หรือว่ามันไม่เหมือนกัน เจ้านั่นลุกขึ้นยืน ถอดเสื้ออก เฮ้ย.....อกอีแป้นจะแตก หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก ซิกแพคแน่ๆ เมษาอยากจะเป็นลม ต้นไม้จะเป็นต้นอะไรก็ช่าง หัวสมองไม่รับอะไรอีกแล้ว ฉันทำน้ำลายหกหรือเปล่าเนี่ย เจ้านั่นเหลือบตามามองแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปเขย่งดูเจ้าเครื่องปรับอากาศตัวเดิม ซิกแพคที่ฉาบไปด้วยเหงื่อแลดูเป็นมัน ฉันไม่กล้าหันไปมองเต็มตา แต่ก็แอบเหล่นะ เดี๋ยวเสียฟอร์ม ฉันแสร้งเดินทำเป็นไม่สนใจไปที่พัดลม จิตใจ สติ สัมปชัญญะ อนุสติทุกเบื้องจดจ่ออยู่ที่มัดกล้ามนั้น กรี้ด...ด.ด.ด..... ด้วยความที่สมองไม่สัมพันธ์กับดวงตา นิ้วฉันจิ้มเข้าไปในพัดลม เจ้านั่นหันมามอง
ซื่อบื้อแล้วยังซุ่มซ่ามอีก ถ้าเป็นใบพัดเหล็ก นิ้วคงหายไปแล้ว เจ้านั่นเดินเข้ามาใกล้ฉันที่นั่งกุมนิ้วอยู่กับพื้น ไม่น่าจะถึงกับขาดนะ เจ้านั่นนั่งยองๆ กับพื้น ซิกแพคเต็มตา แล้วดึงมือฉันไปดู ไม่เห็นมีแผลอะไรเลย ร้องซะตกอกตกใจ พูดแล้วก็หมุนตัวเดินไปยืนที่เดิม ฉันไม่ได้กรี้ดเรื่องพัดลม ฉันกรี้ดซิกแพค.........
น่าจะซ่อมไม่ได้แล้ว เจ้านั่นยังเขย่งยืนบนปลายเท้าสำรวจเครื่องปรับอากาศอยู่ ฉันพยายามตั้งสติให้รับรู้ว่าเจ้านี่กำลังพูดอะไร ก็บอกว่าจะเรียกช่างมาซ่อม ฉันบอก ยัยบื้อ ฟังมั่งมั้ยว่ามันซ่อมไม่ได้แล้ว ก็ป้าเจ้าของตึกคนเก่าเขาบอกว่าของใหม่เย็นฉ่ำโบ๊ะ ฉันเถียง เจ้านั่นถอนหายใจ ฉันว่าเขากำลังตั้งสติ
เป็นบุญของเธอแล้วนะที่มันไม่ร่วงลงมาทับกระบาลแยก เจ้านั่นเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ฉันนั่งมองข้าวของต่างๆ มองไปหน้าร้าน วันนี้คงไม่มีคนเข้ามาอีกแน่ๆ วัยหวานกระโดดขึ้นไปดมว่านหางจระเข้แล้วคงโดนหนามเล็กๆ ทิ่ม มันดีดตัวลงมาจากโต๊ะกลาง เท้าไปชนกระถางดอกไม้ข้างๆ หล่นลงมากระจายออกไปหมด ฉันเดินไปเก็บ ดีนะที่กระถางไม่แตก ฉันหยิบดอกไม้ปลอมออกจากโอเอซิสแล้วก็ค่อยๆ ปักเข้าไปทีละก้านทีละดอก เจ้านั่นมองฉันไม่วางตา
เมษา....แจกันดอกไม้หน้าร้านนั่น เธอปักเองหรือเปล่า เจ้านั่นปีนเกลียวเรียกชื่อจริงฉันห้วนๆ อีกแล้ว ฉันหันไปมองแจกันใบใหญ่สีขาวลายปั้มนูนรูปดอกกุหลาบที่ฉันปักดอกกุหลาบสีแดงใหญ่เล็กสลับสีอ่อนแก่โทนเดียวกันแซมกับดอกลิลลี่สีชมพู โดยมีใบไม้ ใบเฟิร์นต่างๆ ประกอบ ใช่ ฉันตอบห้วนๆ บ้าง
เราควรจะเรียกเธอว่า............เด็กพิเศษ เจ้านั่นโพล่งออกมา ฉันหันไปมองหน้า จะลามปามไปถึงไหน เดี๋ยวเรียกป้า เดี๋ยวเรียกเธอ เดี๋ยวด่าซื่อบื้อ เดี๋ยวหาว่าเป็นเด็กพิเศษ เจ้านั่นเดินเข้าไปดูแจกันดอกไม้ใกล้ๆ เพราะว่าเราไม่อยากใช้คำว่าพรสวรรค์กับเธอ นี่มันหลอกด่าอะไรฉันอีก งงจริงๆ ทำไมต้องด่าอ้อมค้อมให้เก็บไปคิด ด่าให้มันตามความหมายที่ด่าเป็นมั้ยนะ
ฉันไม่เข้าใจ ตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในร้านฉัน เธอก็ด่าว่าฉันไม่เคยหยุดหย่อน ด้วยคำที่ฉันเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ฉันไปทำอะไรให้เธอนักหนา ฉันพยายามพูดด้วยเสียงธรรมดา ไม่ใช่การวีนเหวี่ยงแบบอาร์ตตัวแม่ เจ้านั่นหันมามองหน้าฉัน อยากรู้มากนักเหรอว่าเธอทำอะไรนักหนา เจ้านั่นเดินย่างสามขุมเข้ามา แล้วนั่งยองๆ หน้าฉันซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ เจ้านั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ สายตาทะลวงเข้าไปถึงสมองส่วนกลางของฉันแล้วมั้ง เอ่อ ฉันควรจะไม่อยากรู้แล้วหรือเปล่า ทำไม้ต้องมองแบบนี้ ฉันไม่กล้ากระพริบตา เจ้านั่นยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากแล้วก็ขยับปากพูด
เธอมันซื่อบื้อไง เต็มสองหู เออ เก็ท แจ่มแจ้ง เจ้านั่นนั่นลงข้างๆ ฉัน
เมษา เธอน่ะจัดดอกไม้สวยนะ เจ้านั่นเอ่ยขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ฉันไม่รู้หรอกว่ามันสวยหรือไม่สวย ฉันแค่จับมันปักๆๆ ลงไป นั่นไงเราถึงได้บอกว่าเธอเป็นเด็กพิเศษ มันไม่ใช่พรสวรรค์ของเธอ เออ เข้าใจแล้วว่านี่คือคำด่า ว่าแต่ฉันควรจะดีใจหรือเสียใจ ถ้าฉันเปลี่ยนจากช่างทำผมมาเป็นคนจัดดอกไม้ เธอคงว่าดีใช่ไหม ฉันแกล้งพูดเล่นๆ เจ้านั่นนั่งเฉยเหมือนคิดอะไรอยู่ เออ เธอเริ่มคิดเหมือนผู้เหมือนคนแล้วนะ ได้ออกซิเจนช่วงเช้าช่วย สมองดีขึ้นนะ มันด่าฉันแน่ๆ
พูดเป็นเล่น ร้านอยู่ทำเลแย่ๆ แบบนี้ คงจะมีคนเดินหลงมาสั่งดอกไม้หรอกนะ แล้วอีกอย่าง ลงทุนกับอุปกรณ์ทำผมไปตั้งเยอะ ฉันพูดประชด แต่...ถ้าได้ร้านแบบขจิตฟลอร่าก็เหมือนในฝันเลย ฉันยังคงตั้งหน้าประชดต่อไป เจ้านั่นมองหน้าฉันอีกที ก่อนจะเอามือมาตบบ่าฉันเบาๆ เริ่มเป็นผู้เป็นคนจริงๆ ด้วย หลอกด่าอะไรฉันอีกเนี่ย ไม่ได้หลอกด่า เราว่าเธอดูเป็นคนแล้ว เจ้าบ้า แล้วก่อนหน้านี้ฉันเป็นอะไร ฉันมองหน้าเจ้านั่น อยู่ดีๆ มันก็ยิ้มออกมา เริ่มฉลาดแล้วก็คิดเอาเองซิ เจ้านั่นเอามือมาลูบหัวฉันทีหนึ่งคล้ายๆ ตอนที่เขาลูบเจ้าวัยหวาน มันปฏิบัติกับฉันเยี่ยงลูกแมวตัวหนึ่ง แล้วก็เดินไปนั่งที่โซฟา ลงมือเขียนอะไรยุกยิก
ฉันเหลือบมองดูนาฬิกา เกือบจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ไม่มีลูกค้าอีกตามเคย ซิกแพคยังนั่งเขียนอะไรอยู่ที่เดิม ฉันลุกขึ้นยืน ซิกแพค ฝากร้านด้วยนะ ฉันจะออกไปข้างนอก เจ้านั่นไม่มีอาการตอบรับเหมือนหมายเลขปลายทางไม่มีผู้รับสาย ฉันคว้ากระเป๋าเดินออกมา ในร้านก็ไม่มีอะไรให้ขนไปขายหรอก สิ่งมีค่าที่สุดก็คือวัยหวาน นังแมวอ้วนพันธ์ทางลูกผสมเมนคูนกับแมวไทย ปล. หมอบอกมา ฉันน่ะไม่รู้จักสายพันธ์แมวอวบตัวนี้หรอก
สิบเอ็ดโมงครึ่ง ฉันถึงที่นัดหมายพอดี
คุณเมษาคะ เชิญที่ห้องคุณหมอเอกอนันต์ได้เลยคะ เสียงพยาบาลเรียกเจื้อยแจ้ว ฉันเดินเข้าไปอย่างรู้หน้าที่ เคาะสามครั้งก่อนเปิดเข้าไป เป็นยังไงบ้าง คนสวยของหมอ ฉันพนมมือไหว้ ก็ดีค่ะ ฉันอ้อมแอ้มตอบและนั่งลงบนโซฟาและเอนนอนด้วยท่าที่คุ้นเคย ช่วงนี้มีอาการอะไรผิดปกติ รู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ไหม คุณหมอประจำตัวเอ่ยขึ้น มีปวดหัว ปวดท้องบ้างค่ะ แต่น้อยลงมาก ดีแล้ว หมอว่าหนูแทบจะไม่มีอาการอะไรผิดปกติเลยนะ คุณหมอพลิกอ่านประวัติ นอนหลับเป็นปกติดีไหม เห็นภาพหลอนหรือหูได้ยินเสียงอะไรที่ผิดปกติไหม อีกหลายคำถามฉันฟังจนแทบจะท่องจำได้ ฉันเข้ารับบำบัดอาการทางจิตมาเกือบปีแล้ว ใช่ฉันเป็นโรคทางจิต ฉันเป็นโรคซึมเศร้าและเป็นคนกลัวการเข้าสังคม (Social Phobia) มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากหรอกนะ เพียงแต่ว่าถ้าไม่ได้เข้ารับการบำบัด ฉันอาจจะซึมเศร้าหนักถึงกับคิดฆ่าตัวตายเท่านั้นเอง
ก่อนจะลาคุณหมอกลับ คุณหมอฝากคิดถึงนังวัยหวานแมวตัวดี ก็คุณหมอนี่แหละที่ยัดเยียดวัยหวานมาให้ฉัน อ้างว่ามันจะช่วยบำบัดฉันได้ แต่ก็จริงนะ ยามที่ฉันเหงาสุดขีด ก็มียัยนั่นแหละที่อยู่เคียงข้างฉันและช่วยให้ฉันหายเหงา ....................................................................... ฉันเดินกลับร้านตอนบ่ายโมงเกือบจะครึ่ง ไม่แน่ใจว่าเข้าผิดร้านหรือเปล่า ฉันเหลือบมองชื่อร้านอีกที ทำไมคนเต็มร้านไปหมด มีวัยรุ่นผู้หญิงเต็มร้านไปหมด พอเปิดประตูร้านเข้าไป ทุกคนหันมามองฉันเป็นตาเดียว เด็กสาวหน้าตาน่ารักกำลังรุมล้อมเจ้าหน้าหล่อ ทุกคนนั่งกองกันเต็มโซฟาตัวโปรดของฉัน หน้านังมารร้ายของฉันคงจะเป็นการประกาศทางอ้อมไปแล้วว่าฉันรู้สึกยังไง สาวๆ พากันทยอยออกจากร้านไปจดหมด
นี่มันอะไรกัน ฉันเอ่ยขึ้นและโยนข้าวหมูกรอบที่อุตส่าห์ซื้อมาฝากไว้ที่โต๊ะกลาง ฉันไม่อยู่ร้านแค่เดี๋ยวเดียว ทำไมร้านฉันเหมือนอินเตอร์เนตค่าเฟ่ เป็นสถานที่จับคู่ไปแล้วเหรอ เจ้านั่นหัวเราะ เมษาหึงเหรอ จะบ้าเหรอ ฉันจะหึงทำไม ดูท่าทางก็รู้ว่าเมษาหวงเรา เจ้านั่นยังหัวเราะอีก ฉันรู้สึกว่าหน้าร้อนฉ่า ฉันหันหลังกลับไปหมายจะด่าให้เต็มปาก เจ้านั่นยืนอยู่ตรงหน้าพอดี อ่า.... ฉันอ้าปากค้าง เจ้านั่นยื่นเงินมาให้ เจ้าของร้านครับ นี่ค่าทำผมตอนที่คุณไม่อยู่ครับ ไม่ได้พูดเฉยๆ ส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้อีก ฉันมองดูเงินที่เจ้านั่นถืออยู่ ห้าสิบบาทเนี่ยนะ เจ้านั่นพยักหน้าหงึกๆ กูว่าแล้ว มันมาทำผมคนเดียวแต่เอาเพื่อนแห่มาทั้งฝูง ฉันหยิบเงินห้าสิบบาทมาจากมือเจ้านั่น ความโกรธหายไปหมดแล้วเหลือแต่ความเซ็งในอารมณ์
ปิดร้านเหอะ ร้อนอบ ไปเดินเที่ยวกันดีกว่า เจ้านั่นประกาศเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของร้าน จะไปก็ไปคนเดียว ฉันจะอยู่เฝ้าร้าน ฉันนั่งเหงื่อแตกอยู่หน้าพัดลม วัยหวานนอนหงายขาชี้ฟ้าอยู่ข้างๆ ตกลงเธออนุญาตแล้วนะ ให้เราไปเดินเที่ยวได้ ....เชอเบท ไปเที่ยวกัน....... เจ้านั่นอ้าถุงเป้ วัยหวานกระโดดเข้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ฉันหันไปมองร่างสูงๆ ที่เดินออกจากร้านไป ทำไมฉันคิดไม่ทัน ไปพูดแบบนั้นก็เท่ากับอนุญาตให้มันออกไปเที่ยวได้แล้วฉันก็เฝ้าร้านคนเดียว กรุ๊งกริ๊ง
อุ๊ย... มีลูกค้า..... เชิญค่ะ ฉันยิ้มรับ เด็กสาวหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาในร้าน สระ ซอยนะคะ ฉันถามและเดินนำไปที่เตียงสระผม พี่เป็นอะไรกับแทน เด็กสาวทำหน้าเคร่งขรึมเอ่ยถาม แทนไหน แทนอะไร ฉันทำหน้างง เด็กนั่นยังยืนอยู่ที่เดิม พูดถึงอะไร ฉันทำหน้างง ก็แทนไง แทนน่ะ แทนไหน แทนอะไร อะไรแทน ฉันเริ่มจะงง มันจะมาสระผมไหม ก็ผู้ชายที่อยู่กับพี่น่ะ อ๋อ เข้าใจแล้ว จะเป็นอะไรก็เป็นเจ้าของร้าน ตานั่นเป็นลูกจ้าง งั้นก็โอเค..... พูดจบก็เดินร่ายระบำออกไป ฉันยืนถือผ้าเช็ดผมเก้อ
อะไรกันเนี่ย...............มันทำแบบนี้ได้ยังไง .............นี่ฉันต้องปวดหัวเพราะสาวๆ เข้ามาในร้านรุมตอมลูกจ้างโดยที่ฉันไม่ได้ทำผม ไม่ได้เงินสักบาท โอ้ย......อยากจะฟ้อนรำ
เจ้าตัวดีกลับมาแล้ว วัยหวานกระโดดนำเข้าร้านมาเลย ฉันแอบมองเห็นเด็กผู้หญิงเดินตามมาชะเง้อมองแล้วก็รีบวิ่งกลับไป ว่าไง คุณแทน ไปจับจ่ายใช้สอยเงินที่ไหนมา เสียงฉันเข้มขึ้นเพราะอะไรก็ไม่รู้ เจ้านั่นเลิกคิ้วข้างนึง ก่อนจะปลดเป้วางลงบนพื้น ไปหว่านเสน่ห์ไกลถึงไหนล่ะ รู้ไหมว่ามีผู้หญิงเดินตามกลับมา ฉันไม่เข้าใจตัวเอง จะพูดเรื่องนี้ทำไมแล้วทำไมฉันต้องอารมณ์เสียด้วย เจ้านั่นยังก้มลงหยิบของในเป้ ฉันเดินเข้าไปใกล้ๆ รู้ไหมว่าฉันต้องเจออะไรบ้าง คุณแทน เจ้านั่นลุกขึ้นยืนและยื่นทาโกะยากิมาให้..........................
อร่อยที่สุดเลย....................ฉันนั่งกินอย่างสบายอารมณ์ เมื่อกี้ฉันกำลังรู้สึกอะไรอยู่นะ จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าอร่อยที่สุดเลย หน้าฉันน่าจะบานไปด้วยแล้วนะ เจ้านั่นรู้จุดอ่อนฉันด้วยเหรอเนี่ย........
เมษา .... เรามีเรื่องจะคุยกับเธอ เจ้านั่นเอ่ยขึ้น เรานั่งเคียงกันบนโซฟา เริ่มเข้าใจสาเหตุที่เจ้านั่นซื้อของอร่อยมาให้กินแล้ว
อะไรล่ะ คุณแทน เราไม่ได้ชื่อคุณแทน เราชื่อแทนคุณ เจ้านั่นเอ่ย หา....จริงเหรอ......ชื่อเพราะจัง จะคุยอะไร ฉันเอากระดาษเช็ดปาก อารมณ์ดีขึ้นมา เราอยากรู้ว่าเมษาเคยคิดไปไกลๆ มั่งมั้ย แทนคุณเอ่ย เคยสิ เราเคยคิดไปพัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ดอยเต่า มัลดีฟ เจ้านั่นกุมขมับ เรา หมาย ถึง คิด ถึง เรื่อง อ นา คต เจ้านั่นเน้นทีละคำ
คิดสิ ไม่งั้นเราจะมาเปิดร้านทำไม เจ้าบ้านี่ หาว่าเราไม่มีสมองหรือไง แล้วเมษาจะทำยังไงกับร้านนี้ ที่ได้เงินวันละห้าสิบบาททั้งๆ ที่เมษาต้องหาให้ได้วันละสองสามพันไม่ใช่เหรอ เจ้านั่นเน้นคำพูดแต่ละคำเหมือนพูดให้เด็กฟัง ฉันคิดตาม คิดไม่ออก เดี๋ยวก็คงมีลูกค้าเข้ามาบ้างแหละน่า
เจ้านั่นหันมามองหน้าฉันก่อนจะถอนใจ เราอยากให้เธอคิดมากกว่านี้นะ คิดไกลๆ ฉันคิดได้แค่นี้แหละ นายอย่ามาคาดคั้นอะไรได้มั้ย ฉันปวดขมับตุบๆ พร้อมปวดเกร็งในท้อง แต่พยายามควบคุมอาการไว้ เจ้านั่นไม่ได้หันมามอง แต่เอนตัวลงนอนพิงโซฟา เรานึกไว้แล้วแหละว่าเธอคงจะคิดอะไรตื้นๆ มองอะไรแคบๆ ดูมันว่าสิ หน้าตาดีซะเปล่า ฉันเริ่มเครียดแล้ว มือหงิกเกร็งโดยอัตโนมัติ ไม่รู้เจ้านั่นจะสังเกตเห็นไหมฉันเป่าลมหายใจออกเบาๆ เจ้านั่นประกาศออกมา เรามีแผน บอกมาเร็วๆ ซิ คนเครียดจนนิ้วหงิกไปหมดแล้ว ลีลาอยู่ได้ เจ้านั่นอธิบายให้ฟัง
เราว่าเมษาเช่าร้านนี้แพงไป ไม่สิ แพงมาก คนโง่เท่านั้นที่จะเซ้งตึกนี้ในราคานี้ได้ ประกอบกับที่เขาบอกว่าให้ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในร้านโดยไม่คิดมูลค่าน่ะ เขาหาที่ทิ้งของเก่าไม่ได้หรือไม่ก็หลอกขายคิดราคาเหมารวมไปแล้ว เธอหลงเชื่อที่เขาบอกว่าคนเข้าร้านจนทำไม่ไหวได้ยังไง มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามีแต่วิญญาณเร่ร่อนเท่านั้นที่จะผ่านมา ส่วนเรื่องของแชมพู ครีมนวดต่างๆ ที่เขาช่วยติดต่อให้ มันก็หมดอายุบ้าง เกือบหมดอายุบ้าง คงใช้ได้อีกไม่ถึงอาทิตย์แล้วล่ะ อีกอย่างนะ เราไม่รู้ว่าเมษาอ่านสัญญาเช่าดีหรือเปล่า เธอเซ็นอะไรลงไป อันนี้นอกเหนือความคาดหมายของเรา สัญญาเช่าอะไร ฉันนึก มันต้องมีสัญญาเช่าอะไรด้วยเหรอ ฉันทำหน้างง
สัญญาเช่าอะไร ฉันถามและหันไปมองหน้าเจ้านั่น เจ้านั่นทำหน้าเหมือนรู้อยู่แล้วว่าฉันจะต้องนึกไม่ออก ตอนที่เธอให้เงินเขาไป เขามีให้ใบอะไรไว้ไหม จำเป็นต้องมีด้วยเหรอ ฉันถาม ยัยบ้า ยัยบื้อ เจ้านั่นหมดความอดทน นี่เธอ....โอ๊ย..... จะด่าว่าอะไรดี เจ้านั่นหน้าแดงไปหมด ยกสองมือปิดหน้า เหมือนกับใช้ความคิดอย่างหนัก ตายแน่ๆ เมษา... เจ้านั่นพึมพำ ฉันเองก็ตกใจ อะไรๆ มีอะไรเกิดขึ้น ฉันเขย่าตัวเจ้านั่น เขาถอนใจก่อนจะหันมาทำหน้าจริงจังใส่ฉัน
เมษา..... เธอไม่ได้เป็นเจ้าของตึกบ้าอะไรนี่หรอก เธอโดนเขาหลอกเต็มๆ โดนเขาหลอกเอาเงินไปหมด ที่ร้ายคือเธออาจจะโดนข้อหาบุกรุกก็ได้นะ อะไรกัน เสียงฉันหายเข้าไปในลำคอ เปล่งออกมาไม่ได้ เราจะพูดให้ฟังง่ายๆ นะ คือตอนนี้เธอมาอยู่ในตึกของเจ้าของคนเก่า แต่เธออาจจะเถียงว่าเธอให้เงินค่าเช่าค่าเซ้งไปแล้ว แต่มันไม่ใช่แบบนั้น เขาหลอกเอาเงินเธอไปโดยที่ไม่มีอะไรเลย เขาพูดได้เต็มปากเลยว่าไม่เคยได้เงินจากเธอ เพราะมันไม่มีสัญญาอะไรเลย แล้วถ้าเขาจะมาไล่เธอออกจากที่นี้ เขาก็สามารถทำได้ตลอด
ไม่ต้องอธิบายแจ่มแจ้งขนาดนั่นหรอก ฉันโง่แต่ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อน ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้วจริงๆ อาการเกร็งที่ท้องรุนแรงขึ้น ฉันควานยาในกระเป๋า แต่ก็เอาวางไว้ที่เดิม เจ้านั่นไม่ได้หันมามองแต่เดินไปที่หน้าร้าน ฉันอาศัยทีเผลอ หยิบยาแล้วยัดยาเข้าปากกลืนทันที เจ้านั่นหันมาพอดีแต่คิดว่าคงไม่ทันเห็น เราพอจะมีทางออก
จากคุณ |
:
Sexy Peachy
|
เขียนเมื่อ |
:
5 ก.ย. 54 07:22:46
|
|
|
|