นั่งมองเงาสะท้อนจากกระจกที่โต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนคืนนั้น ไอรีนเห็นเครื่องยืนยันความเป็นเพศหญิงชัดเจน ถามตัวเองว่ากล้าแลกผมซึ่งตัดไว้สั้นเพียงคอแล้วดัดเป็นลอนอ่อนๆ นี้กับการได้พบคุณรามไหม
รู้โดยไม่ต้องตรึกตรองเลยด้วยซ้ำว่ากล้า ผมที่ถูกตัดไปแล้วมีโอกาสยาวได้ใหม่ จะให้ตัดอีกสักกี่รอบก็ได้ จะแปลกอะไร
กรรไกรนั้นเตรียมไว้แล้ว เป็นกรรไกรตัดผ้า หากก็ใช้ตัดผมได้เช่นกัน จึงลองขยับกรรไกรหาท่าเหมาะๆ แล้วขลิบเล็มปลายผมทีละน้อย เริ่มจากด้านข้าง เล็มจนสั้น พอใจแล้วก็ย้ายไปเล็มอีกด้าน จนทั้งศีรษะกลายเป็นผมสั้นเท่ากันหมด ดูเผินๆ ไม่ต่างอะไรจากทรงผมผู้ชาย
คราวนี้ก็มาถึงเสื้อผ้าที่จะใส่ขึ้นรถไฟ เธอไม่เคยสวมกางเกงมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นกางเกงขายาวหรือขาสั้น แม้แต่กระโปรงก็สวมใส่น้อยครั้งมาก ทุกวันนี้มีผู้หญิงทันสมัยเริ่มใส่กางเกงกันบ้างแล้ว แต่เธอยังไม่เคยแม้แต่จะคิดลอง
หลังจากไปเยี่ยมแม่อนงค์วันก่อน เธอแวะห้างการาจีเพื่อซื้อผ้าตัดกางเกงผู้ชาย เลือกที่มีเนื้อผ้านิ่มที่สุดเท่าที่จะหาได้ ตั้งใจว่าจะตัดเย็บกางเกงด้วยตัวเอง จะไปให้ช่างวัดตัวตัดให้ก็กระดากเต็มที ตัดเองใช้เวลาวันเดียวก็เสร็จเรียบร้อย
และเพราะเหตุที่ไม่คุ้นเคยกับการสวมกางเกง เธอต้องปิดประตูห้องแอบลองอยู่คนเดียวเงียบๆ เดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้องหลายรอบ จนรู้สึกว่าคล่องตัวดีแล้ว
วันเดินทางเธอออกจากบ้าน มีเพียงรำพึงและนางนาบเท่านั้นที่ร่วมรู้เห็น ทั้งคู่ออกมาส่งขึ้นรถม้าหน้าบ้าน
"ให้พี่เปรื่องไปส่งไม่ดีกว่ารึคะคุณ"
แม่ครัวประจำบ้านถามเป็นครั้งที่สามแล้ว ดีหน่อยที่นางเพียงแค่มองผมตัดสั้นจนเหมือนผมผู้ชาย และมองกางเกงและเสื้อเชิ้ตผู้ชายที่นายสาวสวมใส่โดยไม่ได้ถามอะไรแม้แต่คำเดียว พอเดาได้ว่าเพื่อความปลอดภัยเธอจำต้องแต่งตัวให้ดูเป็นผู้หญิงน้อยที่สุดแบบนั้น
สมัยนี้เป็นยุครัฐนิยม รัฐบาลออกข้อกำหนดให้ทั้งผู้หญิงผู้ชายต้องสวมหมวก ไอรีนจึงซื้อหมวกสักหลาดของผู้ชายมาใบหนึ่ง นั่นช่วยปิดบังอำพรางใบหน้าได้อีกชั้น
ที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตัวให้เหมือนผู้ชายสักเท่าไรนักหรอก เพียงแค่คิดเอาเองว่าสภาพภายนอกดูเป็นผู้หญิงน้อยเท่าไร ก็คงเป็นจุดสนใจของผู้คนน้อยลงเท่านั้น
แต่พอขึ้นรถไฟก็รู้ว่าคิดผิดถนัด เธอคงดูแปลกประหลาดเอามากทีเดียว มากขนาดที่ใครๆ ก็เหลียวมอง ดีตรงที่ทุกคนเพียงแค่มองอยู่ห่างๆ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แม้แต่คนเดียว
การเดินทางลงใต้ด้วยรถไฟจึงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่วิตก รถไฟออกจากสถานีบางกอกน้อยเมื่อสายแล้ว ไอรีนจึงมีเวลาพอได้ใส่บาตรในตอนเช้า
รถถึงสถานีหาดใหญ่ในช่วงสายของวันถัดมา สอบถามจากเจ้าหน้าที่ที่สถานีถึงการเดินทางต่อไปยังตัวเมืองสตูล ก็ได้ความว่ามีรถสองแถวไปถึงที่นั่น เจ้าหน้าที่คนนั้นยังชี้ทางไปขึ้นรถสองแถวให้อีกด้วย
กว่าจะไปถึงอำเภอเมืองสตูลก็บ่ายแล้ว ทั้งๆ ที่เดินทางวันกับคืนเต็มๆ หากเธอก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แม้คืนที่ผ่านมาจะไม่ได้หลับตานอนเลยสักงีบก็ตาม มิใช่เพราะหวาดระแวงสภาพความเป็นไปรอบตัว แต่เป็นเพราะรู้ว่าทุกชั่วขณะที่รถไฟขับเคลื่อนไปข้างหน้า เธอใกล้คุณรามมากขึ้นทุกที แน่ใจด้วยว่าคราวนี้เธอจะได้พบเขา ไม่ใช่ลอยเรือดูอยู่ห่างๆ ตามที่วางแผนไว้คราวก่อน และแม้ตลอดสองวันและตลอดคืนที่ผ่านมา อาหารมื้อเดียวที่ได้รับคือมื้อเช้าก่อนออกจากบ้าน หากจนขณะนี้ก็ยังไม่รู้สึกหิว ในเมื่อใจมุ่งมั่นอยู่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
รถสองแถวมาส่งลงหน้าร้านตัดเสื้อตามที่อยู่ซึ่งติดตัวมาด้วย นายสง่าซึ่งคุณรามเอ่ยถึงในจดหมายเป็นผู้ชายวัยกลางคน รูปร่างสันทัด ค่อนไปทางผอม เมื่อเธอแนะนำตัวว่าเป็นใคร เขารีบปิดประตูหน้าร้าน กุลีกุจอรับหีบปัด**มาเสีย
หีบใบนั้นเคยเป็นของคุณหญิงละออ เป็นหีบเก่าแล้ว ทำด้วยไม้สักแท้ๆ ที่ได้เอาออกมาใช้ในครั้งนี้ก็เพราะมีขนาดเล็กกระทัดรัด หิ้วสบาย แม้จะใส่เสื้อได้เพียงไม่กี่ตัว
เจ้าของสถานที่ยกม้านั่งตัวกลมๆ มาให้ แต่เธอใจร้อน ถึงลงนั่งแล้วก็ไม่เป็นสุขสักเท่าไรนัก
"ตอนนี้เจ้าคุณอยู่ไหนคะ อยู่ลังกาวีหรือเปล่า"
"คุณท่านไปๆ มาๆ ระหว่างลังกาวีกับเกาะหมากขอรับคุณหญิง ตอนนี้กระผมไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่ไหน กระผมให้น้องชายไปดูให้ก่อนดีไหมขอรับ" เขาลดเสียงเบาลงจนเกือบเหมือนกระซิบ ทั้งๆ ที่ประตูหน้าร้านก็ปิดแล้ว และทั้งๆ ที่ไม่มีใครอื่นอยู่ในร้านอีก
ไอรีนแทบหมดแรงเมื่อคิดว่าบางทีอาจไม่ได้พบสามีในทันที
ถ้าเขาไปปีนังอย่างที่ว่า
หากก็ยังไม่หมดหวัง
"ที่ลังกาวี เจ้าคุณพักอยู่กับใครคะ ถ้าท่านไปเกาะหมาก ฉันจะไปคอยที่ลังกาวีได้ใช่ไหม จากที่นี่ไปลังกาวีไม่ไกลใช่ไหมคะ"
"ไม่ไกลขอรับคุณหญิง แต่จะดีหรือขอรับ ถ้าท่านไปเกาะหมาก ท่านก็คงไปหลายวัน บ้านที่ท่านอยู่ รอบบ้านเปลี่ยวขอรับ ถ้าท่านไปเกาะหมาก กระผมว่าคุณหญิงคอยอยู่ที่นี่จะดีกว่า"
ยิ่งพิจารณาใบหน้างามละมุน สง่ายิ่งแน่ใจว่าไม่สมควรปล่อยให้ไปค้างที่ไหนเพียงคนเดียว ก็ดูเอาเถอะ ขนาดผมตัดสั้นจนดูเหมือนเด็กผู้ชายขนาดนี้ หากความพริ้งเพราก็ยังฉายออกมาให้เห็นแจ่มชัด เสื้อกางเกงที่สวมใส่นั่นแม้จะดูก้ำๆ กึ่งๆ จะว่าเหมือนหญิงก็ไม่ใช่ ชายก็ไม่เชิง แต่ถึงอย่างไรก็ปกปิดเรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นไว้ไม่ได้เช่นกัน
"ผมจะให้ไอ้เหงี่ยมมันไปดูคุณท่านให้" แกเสนอ รู้ว่าหญิงสาวร้อนใจเพียงไร ไอ้เหงี่ยมมันมีเรือเร็ว ไปถึงมาถึงไม่นาน
ไอรีนไม่รู้หรอกว่า ไอ้เหงี่ยม ที่เอ่ยถึงคือใคร ใจร้อนเสียจนคิดว่าจะเป็นใครก็ได้ ขอให้ช่วยตามหาคุณรามให้เท่านั้นเป็นพอ
ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้เอง ก่อนออกเดินทาง เธอไปถอนเงินจากธนาคารติดตัวมาเป็นจำนวนมาก คุณรามอาจต้องการใช้เงิน เธอคิดเช่นนั้น
"คุณหญิงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น ตอนนี้เชิญคุณหญิงไปพักที่บ้านกระผมก่อนดีกว่า เมียกระผมอยู่บ้านตลอด คุณหญิงไม่ต้องห่วง" เน้นประโยคหลังเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
บ้านของนายสง่าอยู่ติดทะเล เป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง มีสองหลังติดกัน หลังหน้ามีขนาดใหญ่พอประมาณ แต่กั้นเป็นห้องเพียงสองห้อง ทิ้งบริเวณตอนหน้าไว้เป็นชานกว้าง หลังที่อยู่ติดกันพอมองออกว่าเป็นเรือนครัว
เมื่อมาถึง ไอรีนเห็นว่ามีผู้ใหญ่อยู่เพียงคนเดียวคือนางย้วยผู้เป็นภรรยาเจ้าของบ้าน นอกนั้นเป็นเด็กเล็กอีกหลายคน เด็กไม่ต่ำกว่าสิบคนนั้นกำลังวิ่งเล่นกันให้กรูเกรียว พอเห็นว่ามีคนซ้อนท้ายรถจักรยานมาก็พากันหยุดยืนมอง
มาถึงไม่นาน นางย้วยจัดสำรับคับค้อนมาให้ ส่วนนายสง่า พอส่งเธอลงที่บ้าน บอกเมียว่าเธอเป็นใครแล้วก็หายตัวไปเลย
คนเป็นเมียเองก็ใช่จะช่างเจรจาสักเท่าไรนัก พอจัดสำรับให้เรียบร้อย นางหายเข้าไปในห้องทางด้านหลังเสียครู่ใหญ่ รู้ว่านางหายไปทำอะไรก็เมื่อกลับออกมาแล้วบอกว่าจัดที่หลับที่นอนให้เรียบร้อยแล้ว
ฉันไปนอนโรงแรมดีกว่าค่ะ เธอทั้งเกรงใจ ทั้งตะขิดตะขวงใจที่จะรบกวนคนเพิ่งรู้จักถึงขนาดนั้น
นางย้วยโบกมือไปมาให้วุ่นวาย ทรุดลงนั่งพับเพียบด้วยท่าทีเก้งก้างตรงทางลงบันได ห่างเสียจนแทบจะต้องตะโกนคุยกัน
"โรงแรมแถ้วนี้พูยิ้งนอนคนเดียวม่ายดาย น้ากลั๋ว" สำเนียงพูดนั้นเป็นสำเนียงคนใต้ชัดยิ่งกว่าสามี
บอกเพียงแค่นั้นแล้วร่างผอมบางก็ผลุบหายลงบันไดไปก่อนที่อีกฝ่ายจะมีโอกาสซักถามอะไรอีก
ไอรีนรับประทานอาหารที่นางย้วยจัดให้อย่างฝืดคอเต็มที ทั้งๆ ที่หิวจนเริ่มแสบท้อง แต่สภาพแวดล้อมแปลกหูแปลกตาทำให้กลืนอะไรไม่ค่อยจะลง
รีบๆ อิ่มแล้วรวบรวมจานชามกลับใส่ถาด พอขยับตัวลุกเพื่อจะยกลงไปล้างเองที่เรือนครัว เจ้าของบ้านวัยกลางคนก็พรวดพราดกลับขึ้นบันไดมาราวตลอดเวลานั้นได้แอบมองอยู่จากที่ใดที่หนึ่ง
ฉานเก็บเอ๋ง คุณอาบน้ำ ผลัดผ้าม่าย
เธอคิดว่าดีเหมือนกัน กว่าจะรู้ข่าวคุณรามก็คงอีกนาน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก็คงดีเพราะเหนียวตัวเต็มที
แต่พอไปเห็นสภาพ ห้องน้ำ ที่ไม่มีความเป็น ห้อง เลยแม้เพียงน้อยนิด ก็จำต้องเปลี่ยนใจ ที่อาบน้ำคือลานลาดปูนแคบๆ กับตุ่มน้ำมีคราบดำเกาะอยู่ทั่วไป แถมยังมีลูกตาดำๆ หลายคู่แอบมองตามเสาเรือนอีกต่างหาก
ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ แม่ย้วย ฉันยังไม่อยากอาบ จึงพึมพำคำตอบว่าอย่างนั้น
กลับขึ้นมาบนเรือนก็เห็นว่าห้องซึ่งนางจัดให้เธอได้พักนั้นเป็นห้องนอนเพียงห้องเดียวของทั้งบ้าน ห้องนั้นหันออกทะเล หน้าต่างสองบานเปิดไว้กว้าง มีลมทะเลพัดโชยมาตลอดเวลา บนพื้นมีฟูกค่อนข้างหนาปูไว้ด้วยผ้าปูสีนวล ดูสะอาดเอี่ยม มีหมอนสองใบ ปลอกหมอนดูออกว่าเพิ่งเปลี่ยนใหม่เช่นกัน เหนือฟูกมีมุ้งขึงไว้กับฝา ตลบชายขึ้นข้างบนทั้งสี่ด้าน
คนจัดห้องหายกลับออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง แถมยังปิดประตูห้องตามหลัง ทิ้งให้เธอได้อยู่ตามลำพังอีกต่างหาก
พอเห็นที่นอนสะอาดสะอ้านน่านอน ไอรีนง่วงขึ้นมาติดหมัด ทั้งเพราะเมื่อคืนบนรถไฟไม่ได้นอนเต็มตาเลยสักงีบ ทั้งเพราะจิตใจที่เริ่มอ่อนล้า และอาหารที่เพิ่งรับประทานก็ยิ่งทำให้หนังตาหนักเต็มที
งีบไปนานแค่ไหนก็บอกยาก มารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อทั้งห้องมืดสนิท เสียงเด็กๆ ที่ได้ยินตลอดบ่ายนั้นเงียบไปแล้ว คราวนี้เงียบสนิทเลยทีเดียว
ไอรีนลุกแล้วมะงุมมะงาหราอยู่ในความมืด ควานเปะปะจนพบประตู พอผลักออกมาภายนอกก็เห็นว่ามืดสนิทเช่นกัน
เคว้งคว้างอยู่หน้าห้องครู่ใหญ่จนสายตาเริ่มชิน พอมองเห็นนอกชานได้ตะคุ่มๆ จึงก้าวเดินอย่างระมัดระวังไปที่บันไดลงเรือน จากบริเวณนี้มองไปเห็นเรือนครัว มีแสงไฟดวงเล็กๆ ส่องลอดออกมา แสงนั้นอ่อนจางเสียจนทีแรกไม่แน่ใจ
นางย้วยกำลังทำอะไรง่วนอยู่หน้าเตา มีตะเกียงลานวางอยู่ใกล้ๆ ตะเกียงนั้นทาสีดำเกือบทั้งหมด เหลือก็เพียงช่องเล็กๆ ทางตอนล่าง พอให้แสงเรืองออกมาได้ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นางหันมาดูเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นบันไดซึ่งมีอยู่เพียงสองสามขั้น
"ฉานทำแกงพุงปลา คุณกิ๋นดายม่าย"
ร่างน้อยเดินเรื่อยมาหยุดยืนดู
ตามสบายเถอะค่ะ ฉันไม่หิวแล้ว เด็กๆ ไปไหนกันหมดคะ
เมื่อไม่มีเด็กๆ ทั่วทั้งบ้านเงียบสงบอย่างแท้จริง จะมีก็เพียงเสียงคลื่นมาให้ได้ยินเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ
กลับบ้านแหม็ดแล่ว โหลกบาวเริญ
ไอรีนไม่รู้หรอกว่า บาวเริญ คือใคร และคิดว่าไม่ควรถามซอกแซกด้วย
คุณจะอาบน้ำม่าย
ไม่คอยคำตอบ นางจุดตะเกียงให้อีกดวง
เมื่อไม่มีเด็กๆ คอยแอบมอง คุณหญิงวัยยังสาวคิดว่าคงอาบน้ำได้สะดวกใจขึ้น
บนลานอาบน้ำมีม้าไม้เตี้ยๆ ให้นั่ง แต่เธอใช้เป็นที่วางตะเกียงลานแทน
อากาศหนาวเสียจนพอตักน้ำขันแรกรดลงบนบ่าก็ให้เย็นเยือกเข้าไปถึงภายในทรวงอก นานแล้วที่เธอไม่ได้อาบน้ำกลางแจ้งอย่างนี้ จึงรีบจ้วงน้ำราดตัวอย่างรวดเร็วอีกสองขัน ใช้สบู่ซึ่งติดมาด้วยถูตัวลวกๆ
เสียงฝีเท้าหนักๆ ย่ำขึ้นบันไดเรือน มีเสียงพูดคุยของผู้ชายหลายคนลอยตามลมมาให้ได้ยินด้วย
ไอรีนตะปบผ้านุ่งที่กระโจมไว้กับอกด้วยสัญชาตญาณ ใจเต้นระทึกเมื่อได้ยินเสียงกลับลงบันได เร่งมือตักน้ำขึ้นมาล้างคราบสบู่บนตัว ในเวลานี้ไม่ได้มีเพียงเธอและนางย้วยเท่านั้น มีผู้ชายไม่รู้ว่ากี่คนเพิ่งมาถึง และเธอกำลังอยู่ในสภาพที่มีเพียงผ้าถุงเปียกน้ำจนแนบตัวกระโจมอกอยู่ผืนเดียวเท่านั้น
กระดานไม้ที่ชานเรือนลั่นดังเอี๊ยดเมื่อใครคนหนึ่งเดินผ่าน เขาคงกลับลงบันไดมาเช่นกันเพราะเธอได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบนั้นชัดเจน
กลั้นหายใจเมื่อเพียงไม่นานเห็นเงาตะคุ่มๆ อ้อมตัวเรือนตรงมาอย่างรวดเร็ว ร่างนั้นน่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะแม้เห็นเพียงเงามืด ก็ยังดูออกว่าใหญ่โตเหลือเกิน
ไอรีนหลบวูบเข้าแอบหลังตุ่มน้ำ ทั้งที่รู้ว่าหลบอย่างไรก็ไม่มีวันพ้น ตุ่มดินเผานี้สูงแค่เอวเธอเท่านั้นเอง จะลงนั่งแอบๆ ก็กระไรอยู่
หัวใจเธอในเวลานี้แทบจะเต้นออกมานอกอกอยู่แล้วด้วยความหวาดกลัว
เมื่อได้ยินเสียงห้าวที่คุ้นหู
"ไอรีน
"
*ยุวชนทหาร คือนักเรียนและนิสิตนักศึกษาซึ่งได้รับการฝึกแบบทหาร มีอยู่ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2477-2490
**หีบปัด เป็นหีบขนาดเล็กใช้ใส่เสื้อผ้าได้น้อยชิ้น