ความรัก(สีม่วง) ที่ซ่อนเร้น
พวกผิดเพศอย่างเราๆ ก็เป็นมนุษย์กลุ่มหนึ่งเหมือนกัน..เพียงแต่พวกเรามีโลกส่วนตัวของเราเอง…ความรักไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่...
บางครั้งพวกเราก็ดูเหมือนตัวประหลาดในสังคมของพวกเขาทั้งหลายที่อ้างศักดิ์ศรี ตัวเองว่า เป็นชายแท้-หญิงแท้ พวกเขาจะรู้ไหมหนอว่า..เราก็มีหัวใจ สุขเศร้ารักเจ็บเหงาเป็น เหมือนๆ กับพวกเขานั่นแหละ
หลังจากสอนดนตรีเสร็จในช่วงเย็น ผมมักจะไปนั่งเฝ้าคุณหมอที่โรงพยาบาล เสมอ ๆ เพื่อรอกลับบ้านพร้อมกัน หาอาหารเย็นทานด้วยกันจนค่ำ ส่วนแขนที่เพิ่งถอดเฝือกออกได้ไม่กี่วัน ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่...
ในวันที่ผมเริ่มอาการดีขึ้น จนพอจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปไหนมาไหนเองได้บ้างแล้ว ก็เลยอยากจะบริการเธอบ้าง เป็นการตอบแทนน้ำใจที่เธอคอยตามรับส่งดูแลผมมาตลอดในช่วงเวลาที่ผมบาดเจ็บ แต่พอไปถึงโรงพยาบาลทีไร ก็ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ด้อมๆ มองๆ ว่าจะมีใครสังเกตในความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่บ้างหรือเปล่า เกรงสายตาเพื่อนร่วมงานของคุณหมอ จะมองเธอในแง่ที่ไม่ดีและคิดอคติไปต่างๆ นานา
บุพเพสันนิวาสหรือเป็นลิขิตจากฟ้า ที่ทำให้เราต้องมาพบเจอและรักกันในสถานการณ์ที่รวดเร็วและไม่คาดฝันเช่นนี้ หรือว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเรากันแน่ ผมรู้สึกกังวลและไม่สบายใจมากขึ้นทุกวัน ไม่อาจหยั่งรู้ในต้นไม้แห่งรักของเรานี้ที่เราได้ช่วยกันปลูกมัน จะเติบโตและดำเนินไปได้อย่างไรอีกนานแค่ไหน จะได้ใช้ชีวิตคู่ อยู่ร่วมหอลงโรงกันได้ตลอดรอดฝั่งตามที่หวังหรือไม่ จริงแท้แน่นอนแค่ไหน ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่มีใครล่วงรู้ทั้งสิ้น
ก่อนที่ผมจะตัดสินใจทำสิ่งเลวร้ายบางสิ่งบางอย่างในวันนี้ วันที่หัวใจเปราะบางและอ่อนไหวมากมาย และแน่นอน มันต้องฝืนใจตัวเองอย่างที่สุด แต่ผมก็ต้องทำ....ผมมันอ่อนแอเหลือเกิน ผมไม่แข็งแกร่งพอที่จะดูแลหมอเนได้อีกต่อไป
“ธารวันนี้ดูแปลกๆ ไปนะ มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ทำไมต้องทำท่ารังเกียจ ถอยห่างเวลาหมอจะกอด จะใกล้จะหอมเธอ เธอก็ไม่ยอม เป็นทอมแต่หวงตัวจริงนะคนเรา เชอะ..ไม่ง้อก็ได้.. คอยดูนะ ได้ทีจะแกล้งหายไปนานๆ ให้คิดถึงตามหาเสียให้วุ่นเลย”
ผมหยิบถุงขนมหวานหน้าตะกร้ารถที่ซื้อมาฝากให้หมอเนไว้ทานช่วงค่ำ เธอรับถุงขนมมามองอย่างมีความสุข แล้วยิ้มให้ผมอย่างละมุนละไม
“จะนั่งกินไปคนเดียว แล้วนึกถึงหน้าคนบางคนไปก็คงไม่อร่อย สู้กินกันสองคนไม่ได้ มีความสุขกว่าเป็นไหนๆ ผลัดกันป้อนทีละคำ ดีไหมล่ะคะ” เธอชวนผมคุยต่อไปอย่างร่าเริง แต่ผมยังคงนิ่งขึงต่อไป จนหมอเนเริ่มสังเกตความผิดปกติที่ผมแสดงต่อเธอ ความเบิกบานสดใสดั่งดอกไม้ผลิ จึงค่อยๆหมดไป ชักสีหน้าถามอย่างเก้อๆ อายๆ
“เอ่อ...มีอะไรเล่าให้หมอฟังได้นะ หมอเนคนนี้รับเป็นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่องค่ะ”
ยังคงยิ้มทะเล้นสดใสในแบบเธอ แล้วแสร้งอ้อนถามเฉไฉต่อไปว่า ทำไมวันนี้ผมจึงทำหน้าตาเย็นชาใส่เธอ ไม่ใคร่สนใจใยดีในคำพูดคำจาของเธอ ดูผิดแผกไปจากเมื่อวันก่อน และเมื่อส่งเธอกลับถึงบ้านแล้ว ผมก็รีบขอตัวกลับในทันที
“ถามจริงๆ คืนนี้ธารไม่นอนค้างบ้านหมอเหรอ สนองตอบไมตรีจิตหน่อยซี ผู้หญิงเขาอุตส่าห์ชวนถึงขั้นนี้ ไม่รับไว้ถือว่าก้าวร้าวนะคะ” หมอเนเริ่มดุเล็กๆ เสียงเข้มขึ้น
“ไม่..อยากอยู่คนเดียวในที่สงบๆ คิดอะไรไปเรื่อยๆ”
“หมออยู่ด้วยได้ไหมคะ เผลิญวันนี้เหง๊า..เหงา” เธอถามกลับอ่อนหวาน อ้อนออด
“ไม่ได้...” ผมตอบจริงจัง
“ลงไปจากรถซะเร็วๆ แล้วต่อไปนี้ ถ้าเป็นไปได้ เราอย่าเจอกันอีกเลย” ผมสลัดข้อมือเล็กๆ ของเธอออกจากมือของผมอย่างเร็วและแรง แต่คุณหมอก็รีบคว้าตัวผมมากอดเอาไว้แน่น ราวกับกลัวผมจะหลุดลอยหายไปจากเธอ
“ความรักไม่ควรถูกซ่อนเร้น ถ้าเธอมัวแต่แอบเก็บสิ่งที่ซับซ้อนอย่างความรักไว้ข้างใน มันจะทำให้เธอยิ่งแย่ รู้ไหมธารา!”
“หมอรู้ว่าเธอยังลืมนารีรัตน์ไม่ได้ หมอจะให้เวลาเธอ นานเท่าไหร่ก็ได้ วันที่เธอจะรักหมอหมดทั้งใจ เหมือนที่เคยรักเขาได้ไหม” ปลายหางเสียงสะอื้น ผมรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ ถึงแม้จะไม่มีเสียงฟูมฟายออกมา หน้าเธอที่พิงซบอยู่กับหลังผมแนบสนิท ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นที่ซึมผ่านเสื้อที่สวมใส่
“เราสองหลงระเริงอยู่ในความฝันจนเนิ่นนานมาหลายทิวาราตรีแล้ว คุณหมอควรจะตื่นขึ้นมามองความจริงเสียบ้าง”
“ฝันดีเป็นยาทิพย์ในขณะหลับ แต่เป็นฝันร้ายในยามตื่น หากเราจะหลงมั่นหมายต่อเรื่องราวในความฝันนั้น สุดท้ายรักที่คุณหมอเห็นว่าดีในตอนนี้ก็จะกลายเป็นยาพิษค่อยๆ ซึมลงไปในหัวใจ มันจะบีบรัดและทรมานใจเราไปจนตราบชีวาดับ ได้โปรด...ทิ้งมันไปเสียตรงนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินไป ความรักเหมือนหลุมพราง ตกลงไปแล้วยากจะไต่ขึ้นมา คุณหมอเข้าใจใช่ไหม...” ผมพยายามอธิบาย
“ดูให้เต็มตาสิ หมอเนมันน่ารังเกียจตรงไหน ผู้หญิงคนนี้ คนที่เธอคอยแต่จะหลบหน้าไม่ให้เจออยู่ร่ำไป ทั้งที่ธารเองก็รักหมอใช่ไหม เธอจะหลอกตัวเองไปเพื่อ....”
“เพื่ออนาคตที่ดีของคุณหมอ ธารมั่นใจว่าคุณหมอต้องเจอคนรักที่ดีกว่าธารแน่นอน” ผมรีบตอบทันควัน แม้เธอจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“นี่หรือความรักของเธอ คนเรารักกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ แต่ที่เธอทำมันเห็นแก่ตัว เธอจะทิ้งหมอไป ขณะที่..หมอ...ยังรักเธออยู่มากเช่นนี้ เธอไม่สนใจความรู้สึกของหมอเลย คนใจร้าย ใจดำที่สุด!”
“อีกหน่อยคุณหมอจะเข้าใจ เราไม่ได้อยู่กันแค่ 2 คนบนโลกใบนี้ พ้นจากธารไป ข้างหน้าคุณหมอต้องเจออะไรอีกมากมายนัก เส้นทางสีม่วงนี้ มันไม่ได้โรยด้วยกุหลาบเหมือนที่คุณหมอคิดหรอก มันเหน็บหนาวอ้างว้างและเจ็บปวดนัก...”
“คุณหมออาจจะยังไม่เคยชินกับความรักในรูปแบบนี้ มันอาจจะเป็นของใหม่ แต่ธารอยู่กับมันมาตลอดทั้งชีวิต ธารรู้ดีว่ามันจะจบลงเช่นไร สุดท้ายแล้วเราก็จะกลายเป็นตัวประหลาดในสายตาของพวกเขา และนั่นคือสิ่งที่ธารจะยอมไม่ได้ หาก...หากว่าคุณหมอจะต้องเสื่อมเสียศักดิ์ศรีไปถึงกระนั้นแล้ว ธารจะเป็นทุกข์ไปตลอดชิวิต ป้องกันธารในข้อนี้ด้วยเถิด ปล่อยสายธารสายนี้ให้ไหลไปตามทางที่ควรจะเป็นของมัน อย่าให้มันต้องเป็นภาระหัวใจของคุณหมอในวันข้างหน้าอีกต่อไปเลย”
“เธอจะไปแคร์อะไรกับสายตาของคนพวกนั้น เขามองเราก็แค่สิทธิของเขาที่จะมอง ไม่มีใครหวังดีกับเราอย่างจริงใจ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน อย่าเอาความคิดผู้อื่นมาตัดสินแทนนักเลย” สาวน้อยพยายามโต้แย้ง
“คุณหมอก็ทราบ..รักของเพศที่สามเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน แต่ไหนแต่ไรมา เราเชื่อกันแบบนี้ ไม่มีใครค้าน” อ่อนอกอ่อนใจตอบเธอไปอย่างเหลือฝืน
“นี่เธอกลัวหมอจะทิ้งเธอไปหาคนใหม่ ไปแต่งงานกับผู้ชายใช่ไหม?” เธอเค้นเสียงถามผมได้แต่นิ่งฟังไม่ตอบ ไม่ใช่ไม่เชื่อในรักแท้ของเธอ แต่มันมีเหตุปัจจัยหลายอย่างที่ผมคำนวณแล้วว่า มันไม่คุ้มค่ากับเธอ ในการที่เราจะคบหากันสืบไป ผมจะใช้ความเป็นทอมของผม ปกป้องเธอไปได้อีกนานสักเท่าไหร่กันเชียว...หมอเนพยายามกลั้นน้ำตา ฝืนพูดต่อไป
“ความรักสำหรับฉันเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นพรจากพระเจ้า ฉันยึดถือเชื่อมั่นในรักแท้ ฉันศรัทธาในความรักของฉันยิ่งสิ่งใด พอๆ กับศรัทธาในตัวของเธอ หากเธอไม่เชื่อ จะให้ฉันสาบานอีกสักร้อยครั้งฉันก็ยอม หรือจะเอาลมหายใจฉันไปแลกความรักเธอ ฉันก็ยินดี ตอนไหน เมื่อไหร่ เวลาใดขอให้บอก ให้เลือดรักฉันได้ประจักษ์แก่สายตาเธอสักครั้งเถิด เมื่อนั้นเธอจะเข้าใจ เธอก็รู้ดีนี่ว่า คนอย่างหมอกล้าทำ!”
น้ำเสียงเธอหนักแน่นเยือกเย็น เหมือนกรีดหัวใจผมให้เป็นแผลลึก รู้สึกชาวูบวาบไปทั้งตัว รีบผลักเธอออกจากตัว สองมือบีบไหล่เธอไว้จนแน่น รีบให้สติแก่เธอ
“คุณหมอกำลังหลงยึดติด สุดท้ายความรักแบบนี้ มันจะทำให้เราตาบอดกันทั้งคู่ มองไม่เห็นอะไรเลย และเมื่อเราตาบอด เราจะตกเป็นเหยื่อของทุกๆสิ่ง อย่าปล่อยให้อารมณ์ความต้องการอยู่เหนือเหตุผล จงเอาชนะมันให้ได้ คุมใจให้เป็นปกติ”
“คุณหมอ...ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถจะบันดาลได้ตามใจธาร อย่านึกเลยว่าธารจะปล่อยคุณหมอให้ตกไปเป็นของใคร”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่รักฉัน ไม่อยากครอบครอง มันเป็นสุขของเธอมิใช่หรือ เธอได้เคยบอกไว้นี่ อยู่ใกล้หมอแล้วอิ่มใจฝันดี แล้วทำไมวันนี้จึงผลักไสอย่างใจร้ายเล่า..”
เธอถามผมอย่างไม่เข้าใจ แววตาสลดลง เห็นชัดว่าเศร้าสร้อย
หน้าเราทั้งสองหันเข้ามาแนวเดียวกัน นัยน์ตาทั้งสี่บอกถึงความเจ็บปวดภายใน
ผมจับมือคุณหมอดึงเข้าไว้กับอก แล้วฉวยโอกาสที่เธอมัวงุนงันพูดต่อไป...
“คุณหมอดีเกินไป คุณหมอเป็นเทวีที่สถิตย์อยู่ในหัวใจ และธารจะเป็นธารของคุณหมอไปเช่นนี้ คุณหมอรักได้ในทุกเวลาที่อยากรัก เช่นเดียวกับที่ธารก็ยังคงรักคุณหมอเช่นกัน ไม่มีใครมาห้ามเราไม่ให้รักกัน แต่เราทั้งสองไม่อาจร่วมทางเดิน...จะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ ธารคิดว่าคุณหมอคงรู้แก่ใจดี”
“ธาราในหัวใจของหมอหรือคะ..”
“ใช่จ๊ะ ธาราในหัวใจของคุณหมอคนเดียวและจนกว่าชีวิตจะหาไม่” ผมพยายามยิ้มปลอบเธอ แต่เป็นยิ้มที่ช่างแห้งแล้งเหลือประมาณ
“และในฐานะของเพื่อนที่รักและหวังดีกับคุณหมอที่สุด จึงขอทรยศต่อหัวใจตัวเอง”
คุณหมอกอดผมแน่นเข้าทุกที ทำให้ผมหวั่นไหวอยู่ในอก ผมต้องรีบข่มใจ ทิ้งน้ำตาตัวเองไว้ ณ ที่ตรงนั้น ก่อนที่หัวใจของผมจะเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสมากไปกว่านี้
“กลัมมาเถิด ธาราในหัวใจ เธอจะทิ้งฉันไม่ได้นะ...อย่าไปเลย...ขอร้อง” เธอห้ามอย่างอ่อนโยนมากกว่าบังคับ สองมือพยายามดึงรั้งเสื้อผมเอาไว้ ผมตัดใจรีบสตาร์ทรถเครื่อง เบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า ภาพที่เธอยืนร้องไห้และมองผมอย่างอาลัย ผมไม่กล้าประสานสายตาเธอ ใจไม่แข็งพอที่จะหันหลังกลับไปมองเธออีกครา ผมสงสารเธอเหลือเกิน คุณหมอเนติยาผู้แสนดีและมีรักที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
กระแสเสียงเรียกชื่อผมของหมอเนติยาเบาลงๆ ทุกที จนผมแทบไม่ได้ยินอะไรอีก ได้แต่คิดว่า สักวันกาลเวลาจะช่วยให้เธอลืมมัน ลืมเรื่องราวต่างๆได้ ความเจ็บจะบรรเทา การเริ่มต้นของเราดีเกินไป จนไม่คิดเลยว่า มันเป็นกลายเป็นเครื่องทรมานทรกรรมเราในภายหลัง....
“ลาก่อนนะ...คุณหมอ ให้อภัยธารด้วยเถิด ธารจะเก็บความทรงจำที่ดีของเราเอาไว้ ธารรักคุณหมอเสมอ... รักไม่มีวันจางหาย...”
จำไว้นะคุณหมอเดี๋ยวนี้เราได้แยกชีวิตของเราออกจากกันแล้ว!!
จูบอำลาชีวิตในความฝันเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจากนั้นเราก็จะแยกกันเดินบนเส้นทางใหม่ในชีวิตใหม่ วิถีทางของชีวิตอันเต็มไปด้วยความสับสนและวกเวียน เรายังมีหวังที่จะได้พบหน้ากันอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่ตอนกลางของชีวิตก็อาจจะเป็นตอนปลายของชีวิต สุดแท้แต่วาสนาที่มาบรรจบกันของเราทั้งคู่ ในเวลานั้นธาราจะพบคุณหมออีกครั้งด้วยหัวใจอันซื่อตรงเข้มแข็ง ธาราจะกลายเป็นธาราสายใหม่ เป็นคนรักที่ทำตามใจคุณหมอในทุกอย่างไม่มีขัด ไม่ใช่ธาราผู้เลือดเย็นและไร้หัวใจเฉกเช่นวันนี้....
อ่านฉบับเต็มและรีไรท์ภาษา+เพลงประกอบนิยาย ได้ที่หน้ารวมนะครับ ใช้สำนวนการเขียนแบบโบราณย้อนยุค(พีเรียด) http://writer.dek-d.com/dek-d/story/view.php?id=147257
อยากอ่านต่อไปนี้ ก็เร่งได้นะครับ จะรีบอัพให้เร็วๆ ครับ ขอบคุณครับ ^^
จากคุณ |
:
jim22
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ย. 54 17:41:00
A:223.204.245.244 X: TicketID:328653
|
|
|
|