Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หนุ่มไม้ขวดกับสาวไม้ดอก ตอนที่ 3 ติดต่อทีมงาน

“พูดภาษาไทยเก่งดีนะ” ลูกค้าคนหนึ่งของเอกรัตน์เอ่ยชมอลิเซีย ก่อนจะหอบขวดบรรจุต้นกล้วยไม้เล็กๆกลับขึ้นรถ

เจ้าหมาตัวน้อยเห่าคำรามอยู่ในกรงเร่งให้แขกยามเช้ารีบออกไปจากบ้าน โชคดีที่เมื่อคืนสามารถสื่อสารกันจนรู้เรื่องว่าอลิเซียเป็นแค่เพื่อนจริงๆจึงไม่มีปัญหากับวรรณวิศา มองๆไปหล่อนก็เหมือนลูกแมวน้อยแสนเชื่องที่ทุกคนต่างรักใคร่ เมื่อเช้าศาแอบพ่อเข้ามาเดินในบ้านเขาโดยอ้างว่ามาหาอลิเซีย สาวในมิติอื่น เสียแค่ตอนนั้นเขากำลังบรรจงเสียบกิ่งกุหลาบลงในวุ้นสีดำข้นเลยไม่ได้คุยกันมากนัก

“อลิเซีย ช่วยหยิบกระเป๋าสีดำบนโต๊ะให้หน่อยสิ” เอกรัตน์ตะโกนสั่งอลิเซียจากหลังบ้าน เขากำลังตรวจกุหลาบแก้วต้นเล็กๆที่หญิงสาวนำติดตัวมา เขาจะใช้เครื่องมือตรวจสอบว่าดินจากที่นั่นจะมีธาตุอาหารเหมือนกับที่โลกไหม

“มันคืออะไรหรือ” หญิงสาวเสยผมสีเหลืองทัดหูรอคำตอบ ความรักต่อวรรณวิศาทำให้เขาแทบไม่มองเห็นความเป็นผู้หญิงจากอลิเซียเลย

“ชุดตรวจสารอาหารในดิน” เอกรัตน์ใช้ช้อนเล็กๆคุ้ยตักดินขึ้นมาวางไว้ในหลุมพลาสติก “หยดน้ำยาลงตัวอย่างดินแล้วดูสี มันจะบอกปริมาณแร่ธาตุนั้นๆว่ามีมากเท่าไร แปลกจริงมีธาตุอาหารสำคัญครบทั้งสามตัว คงต้องลุ้นสักหน่อยว่าใช่ตัวหลักเหมือนกันหรือเปล่า”

“ธาตุอาหารของต้นไม้หรือ” หญิงสาวจากโลกอื่นถาม

“ใช่ ต้นไม้ก็ต้องการสารอาหารเหมือนคนและสัตว์อื่นๆ” เอกรัตน์ลูบใบกุหลาบแก้วโปร่งแสง สัมผัสลื่นเนียนเหมือนเนื้อแก้วเหลว “อันดับแรก ช่วยทดลองปลูกลงในดินของโลกนี้ก่อนได้ไหม จะใช้เวทมนตร์ก็เอา” ชายหนุ่มรีบเอากระถางสีดำขนาดกลางใส่เศษดินทรายมาให้

หญิงสาวขยับนิ้วกิ่งแก้วหนึ่งก็พลันถูกตัดเหมือนเอามีดเฉือน กิ่งกุหลาบแก้วถูกปักลงในกระถางใหม่ อลิเซียใช้มืออังกิ่งกุหลาบแก้วเพื่อใช้เวทมนตร์ เอกรัตน์รู้สึกถึงกลิ่นประหลาดๆกับแรงกดดันแปลกๆเมื่อมือคู่นั้นเปล่งแสงสีขาวนวลตา ตากุหลาบบนกิ่งเริ่มแตกยอดใหม่เป็นกุหลาบแก้วต้นที่สองอย่างสวยงาม ไม้แปลกตาเติบโตได้สักคืบหญิงสาวก็หยุดปาดเหงื่อเป็นอันเสร็จพิธี

“แสดงว่าโตได้ แต่ต้องทดลองกับสารอาหารหลายๆตัว” ประกายนักวิจัยของเอกรัตน์กระโดดโลดเต้นอย่างยินดี สมัยเรียนเขาอยากเป็นผู้ช่วยวิจัยมากแต่ไม่สามารถเรียนต่อปริญญาโทได้ “ให้โตอีกหน่อยได้ไหม อยากเห็นดอก”

“แค่นี้ก็หืดขึ้นคอแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอามือปิดปาก เนื่องจากต้องการหยุดพูดว่าเจ้าค่ะให้ได้ “อากาศในโลกนี้เป็นพิษทำให้ลิเซียใช้เวทมนตร์ส่วนมากในการป้องกันและรักษาปอด ยิ่งมีประจุไฟฟ้าในอากาศมากปริมาณเวทมนตร์ที่ใช้ได้ก็ยิ่งจำกัดขึ้นไปอีก”

“อย่างนั้นก็ไปพักเถอะ เอกจะผสมอาหารสำหรับเจ้าตัวนี้เฉพาะ ต้องทำหลายๆสูตรว่าตัวไหนดีที่สุด”

“ไม่ใช่ว่ามีสูตรผสมอาหารตายตัวหรือ”

“มันเป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์น่ะ ต้องทดสอบหลายๆอย่างแล้วหาว่าอย่างไหนดีที่สุด”

“แล้ววิทยาศาสตร์คืออะไร” คำถามของอลิเซียทำให้เอกรัตน์กุมขมับเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่เค้นความคิดหาคำอธิบายง่ายๆให้ได้

“มันคือศาสตร์ที่ใช้การสังเกต ค้นคว้าสิ่งต่างๆรอบตัวเราแล้วจัดให้เป็นหมวดหมู่ เป็นวิชาที่เรียนรู้ว่าธรรมชาติมันดำเนินได้อย่างไร”

“ผิดกับหลักเวทมนตร์เลยนะ” อลิเซียพยักหน้า “เวทมนตร์สอนให้เคารพและเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ เวทมนตร์ที่เห็นอยู่คือการใช้พลังตัวดึงพลังธรรมชาติมาอีกต่อหนึ่ง”

“หลักปรัชญาเต๋าก็สอนเลาๆนั้นเหมือนกัน แต่ไม่มีพวกเวทมนตร์หรอกนะนอกจากทางพราหมณ์หรือไสยศาสตร์”

“นึกว่าโลกนี้ไม่มีเวทมนตร์เสียอีก”

“เวทย์มนตร์ในโลกนี้ไม่เหมือนกับที่อลิเซียใช้หรอก ส่วนมากเป็นบทสวดเพื่อให้มีโชคชัยหรือยึดเหนี่ยวจิตใจ พวกวิชาที่ใช้ในทางชั่วร้ายก็มี”

“อย่างฆ่าคนหรือ”

“ทางอ้อมน่ะนะ ที่เป็นอวิชาส่วนมากก็บังคับผู้คนให้เป็นไปตามต้องการ สาปแช่งผู้อื่น เป็นแบบนี้เสียมาก”

“แล้วอวิชาคืออะไรหรือ” เอกรัตน์บอกตัวเองว่าจะพยายามไม่พูดศัพท์ใหม่ๆให้แม่นี่สงสัยต่อแล้ว

“ในทางศาสนาพุทธคือความไม่รู้ เป็นวิชาที่ใช้เพื่อกิเลสของตนเป็นที่ตั้ง” ว่าแล้วเขาก็เผลอปล่อยศัพท์ใหม่อีกจนได้ ไม่แคล้ววันนี้ทั้งวันมีแต่ชั่วโมงสอนภาษาไทยแน่

“กิเลสของโลกนี้กับเรมิสต์ที่ลิเซียอยู่จะเหมือนกันไหม พวกแสวงหาความยิ่งใหญ่ ทรัพย์สินเงินทอง”

“เหมือนกัน กิเลสคือความอยากได้อยากมีเกินขอบเขต ในศาสนาของเราสอนว่ามันคือสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ และได้สอนวิธีดับทุกข์อีกด้วย สิ่งสำคัญที่สุดคือเดินทางสายกลาง ไม่มากไปไม่น้อยไป” คุณเจ้าของบ้านรีบตัดบทก่อนหญิงสาวหาคำถามมาถามอีก “เหมือนกับที่อลิเซียใช้เวทมนตร์กับต้นไม้นี่ล่ะ ถ้าใช้น้อยไปต้นก็ไม่โต ถ้าใช้มากไปตัวอลิเซียคงเป็นลมแน่”

“ใช่ๆ ทำแต่พอดีถึงจะดีที่สุด” หญิงสาวพยักหน้า “กับข้าวมื้อเที่ยงขอเป็นเนื้อย่างได้ไหม ไอ้ที่เสียบไม้แบบเมื่อวานน่ะ”

“เขาเรียกว่าบาร์บีคิว ไม่ได้ ต้มยำปลาทับทิมเมื่อเช้ายังเหลือ ถ้ากินจนหมดได้มื้อเย็นอาจไปซื้อมาให้” เอกรัตน์ถอดถอนหายใจ สงสัยกว่าจะเสร็จเรื่องเขาคงตกล่องปล่องชิ้นกับคนขายบาร์บีคิวก่อนวรรณวิศาแน่ “ยังมีแรงเหลืออีกไหม อยากให้ช่วยเร่งการเติบโตของกล้วยไม้สักหน่อย แค่เร่งให้ติดฝักเร็วขึ้นนิดเดียวน่า”

“เห็นแก่เอกนะ ถ้าตอนเย็นไม่ไปซื้อมาให้ลิเซียโกรธจริงๆนะ”

แสงนวลตาจากฝามือคู่เดิมสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง ดอกกล้วยไม้เหี่ยวๆค่อยๆฝ่อลง ส่วนโคนดอกปูดโปนเป็นกลีบเล็กๆสีเขียวแก่ ฝักกล้วยไม้ค่อยๆเติบโตขึ้นได้สักปลายนิ้วก้อยหญิงสาวก็หยุดเวทมนตร์ เอกรัตน์ขอบคุณหล่อนอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือในวันนี้

“วันนี้ที่สำคัญก็ไม่มีอะไรแล้วละ ตอนบ่ายลูกค้าที่จ้างเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจะมารับขวด เอกทำคนเดียวได้”

“เดี๋ยวไปสอนภาษาให้ลิเซียได้ไหม ก่อนอาหารกลางวัน”

แล้วคุณเจ้าของบ้านก็ต้องทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่งนอกจากเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ นั่นคือครูสอนภาษาไทย มีนักเรียนสาวคนหนึ่งสนอกสนใจออกหน้าหน้าตั้งแต่เขาสอนตัวหนังสือต่างๆให้...


“กินช้าๆสิเดี๋ยวก็สำลักหรอก ก่อนหน้านั้นก้างได้ตำคอแน่” เอกรัตน์เอ็ดอลิเซียที่รีบกินจนแก้มป่อง “ตอนบ่ายฝากเอาขวดเพาะเลี้ยงให้ลูกค้าด้วย ประเดี๋ยวไปหยิบขวดจากห้องเลี้ยงมาให้ ถ้าเขาแกล้งให้เงินน้อยกว่าที่ตกลงซัดให้หมอบเลยนะ” ห้องเลี้ยงอยู่ใกล้ๆห้องทำงานหากแต่เป็นห้องเย็น ต้องเปิดแอร์และไฟทั้งวัน เป็นเขตปลอดคนนอกและหมาเช่นเดียวกับห้องทำงาน

“นึกว่าทำให้ฟรีๆเสียอีก เห็นว่าฝากเลี้ยงไม่ใช่หรือ”

“มันเป็นแค่คำเปรียบเทียบ ฝากเลี้ยงจริงแต่แลกกับเงิน อย่างที่ว่าเอ็นดูเขาเอ็นเราขาด” เอกรัตน์ใช้ช้อนเขี่ยก้างส่วนครีบปลาออกจากจาน “พวกนี้ถ้าไม่ปรับคงฝากให้เราดูจนโตเป็นต้นใหญ่ค่อยมาเอา ถึงต้องมีค่าปรับ”

“ฝากล้างจานด้วยนะ ล้างที่อ่างหลังครัวโน่น” เอกรัตน์กระวนกระวายอยากรีบทดลองสูตรอาหารจนเนื้อตัวสั่น เมื่อฝากจานข้าวเสร็จก็เผ่นหวือไปห้องเตรียมอาหารเลี้ยงทันควัน

“แล้วลิเซียจะคัดตัวหนังสือรอนะ” แม่คุณคงกลับไปหัดเขียนตัวอักษรไทยเหมือนเมื่อคืนแน่ ท่าทางเป็นคนใฝ่รู้ไม่เบา เอกรัตน์ต้องแอบบนบานไม่ให้หล่อนรู้ตัวว่าถูกเขาหลอกใช้ พอๆกับไม่ให้เขาถูกฆ่าตายเสียก่อน

ขวดแก้วใส่อาหารสีขี้เถ้าถูกคว้าลงมาจากชั้นวาง นี่คืออาหารชนิดแรกที่เขาทดลองทำขึ้น และหวังว่ามันจะเป็นอาหารของกุหลาบประหลาดนั้นได้ แอลกอฮอร์ถูกฉีดใส่ขวดโหลขวดแล้วขวดเล่า สุดท้ายก็ฉีดมือตัวเองที่ผ่านการล้างน้ำสบู่มาแล้วสองครั้งจนกลายเป็นกิจวัตร ข้อนิ้วกดปุ่มต่างๆของโต๊ะปลอดเชื้อ ลมเป่าและแสงนวลตาเจิดจ้าเป็นปกตินิสัย แล้วโหลใส่กิ่งกุหลาบแก้วที่ฆ่าเชื้อแล้วก็ถูกฉีดแอลกอฮอร์ฆ่าเชื้อก่อนนำเข้าตู้เช่นเดียวกับอาหารกุหลาบห้ากระปุก เอกรัตน์จุดไฟในตะเกียงน้ำมันเตรียมทำการเพาะเลี้ยงตากุหลาบแก้ว

“ขอหลั่งไว้ ล้างเท้าเทวดา ยอมแม้สิ้นใจเซ่นสรวงต่อปวงเทวา” เอกรัตน์อดฮัมเพลงน้ำตาลาไทรไม่ได้ เสียดายที่เพลงเดี๋ยวนี้มีแต่เรื่องอกหักรักคุด

และมารขวางการเพาะเลี้ยงก็ดังขึ้น อลิเซียรีบเดินถือโทรศัพท์มือถือเข้ามาในห้อง

“ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวออกไปเอาเอง ก่อนเข้าห้องนี้ต้องล้างมือสองครั้งนะจำไว้” เอรัตน์ย้ำ หลายครั้งที่เกิดอาหารปนเปื้อนเพราะเรื่องแบบนี้ “เอกรัตน์พูดครับ หาว่าไงนะวี” คุณเจ้าของบ้านแทบตกเก้าอี้เพราะน้องสาวของเขาบอกว่ามาใกล้ถึงประตูบ้านแล้ว น้องสาวของเขาไม่รู้เป็นโรคอะไร บทจะมาก็มาบทจะไปก็ไป เดินทางมาเกือบถึงประตูบ้านแล้วเพิ่งโทรศัพท์มาบอก

“ไม่ต้องหลบอลิเซีย ลองเจ้านัทรู้ทำไมยัยวีจะไม่รู้” เอกรัตน์รีบเอาหมาไปไว้ในคอกเล็กๆข้างบ้านไม่ให้วุ่นวายตอนมีแขก

“เข้ามาก่อนสิวี ถ้าให้เดา เจ้านัทบอกเรื่องแขกบ้านนี้ไปแล้วใช่ไหม”

“เจ้านัทบอกแค่ว่าพี่เอกกำลังเป็นสมภารเมินไก่วัดเท่านั้นล่ะ” สาวพยาบาลตอบ มวยผมรัดแน่นเสียบด้วยปิ่น ไม่เข้ากับโครงหน้ารูปไข่ของเจ้าของสักนิด จะกี่ปีเอกรัตน์ก็ค้นหาความสวยจากน้องสาวตัวเองไม่เจอ “นั่นสินะไก่วัด สวัสดี ฉันชื่อทวีพร ยินดีที่ได้พบ” พยาบาลสาวพูดด้วยสำนวนอังกฤษชัดแจ๋ว เสื้อชุดกระโปรงสีกรมท่าให้ความรู้ว่าหล่อนเป็นนักธุรกิจมากกว่าพยาบาล

“บอกมาดีกว่าว่าเรื่องอะไร พี่ไม่มีเงินบริจาคการกุศลหรอกนะ” เอกรัตน์ถอนหายใจเบาๆ เมื่อเดือนก่อนยัยวีเคยมาชวนเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือชุมชน ไม่รู้คราวนี้จะเอาเรื่องอะไรมาอีก

“อาทิตย์หน้าเจ้านัทจะบวช ที่มานี่จะขอให้ไปช่วยจัดบ้านด้วย” เสียงเรียบหาตำหนิไม่ได้กระตุ้นต่อมอยากรู้ของอลิเซียอีกครั้ง

“ขนาดพี่บวชยังทำออกมาเสียเกินเหตุ โต๊ะจีนเป็นสิบๆที่ มีทั้งตลกกับเพลง ฤกษ์บวชเช้าอีกต่างหาก...คราวนี้เจ้านัทลูกรักไม่รู้ว่าแม่จะทำอะไรอีก คงมีมหรสพสมโภชสามวันสามคืนแน่”

“พี่ก็ทำตัวเหมือนเดิม พ่อกับแม่รักพวกเราเท่าๆกันนะพี่เอก ว่างๆน่าจะกลับบ้านบ้าง”

“คราวก่อนพูดแบบนี้มาคราวนี้พูดแบบเดิมอีกไม่เบื่อหรือ”

“ก็จะพูดจนกว่าพี่ยอมกลับบ้านนั่นละ”

“ก็เพิ่งกลับไปเมื่อสงกรานต์ไง”

“นั่นแค่กลับไปเยี่ยมเฉยๆ วีรู้นะว่าพี่ยังไม่ได้กินมะม่วงที่เอามาจากบ้านเลย นิสัยพี่ก็อย่างนี้ล่ะ อ่านง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยอีก”

“เดี๋ยวไปช่วยตอนงานบวชก็แล้วกัน กลับไปได้แล้ว”

“ไล่กลับเพราะอะไรพี่ ขี้เกียจคุยหรือวีเป็นกอขอคอ”

“พอเลยเดี๋ยวศาเข้าใจผิด”

“อ้อ ถึงว่าทำไมนัทมันบอกว่าพี่เอกเป็นสมภารเมินไก่วัด ไก่สวยๆอยู่ร่วมชายคาไม่สน หันไปมองไก่ข้างบ้านตาเป็นมัน”

“อย่าพูดดังสิ”

ต้องใช้ทักษะการพูดระดับสูงจึงสามารถไล่น้องสาวจอมพูดมากให้กลับไปได้ เอกรัตน์คิดว่ายังไงก็ไม่ไปช่วยที่บ้านแน่นอน ส่วนอลิเซียได้แต่ยืนอุ้มดัมมี่รอคุณเจ้าของบ้านปิดประตูรั้วเสียก่อน

“งานบวชคืออะไรหรือเอก” อลิเซียปล่อยหมาน้อยให้วิ่งไปหาเอกรัตน์

“คือพิธีกรรมเพื่อให้เข้าถึงศาสนามากขึ้น ผ่านพิธีบวชไปแล้วก็กลายเป็นพระ เป็นผู้สืบทอดศาสนา”

“แล้วเอกเคยบวชไหม สนุกหรือเปล่า”

“เคยสิบวชอยู่เดือนกว่าๆ ส่วนมากเขาบวชกันสามเดือนตอนเข้าพรรษาฤดูฝนโน่น”

“บวชแล้วต้องทำอะไรบ้าง” ป่านนี้เขาเลิกเบื่ออธิบายเรื่องต่างๆให้สาวต่างมิติฟังแล้ว

“โกนหัวห่มผ้าเหลืองอยู่วัด ตอนเช้าออกบิณฑบาต ตอนกลางวันกวาดถูลานวันหรือบำเพ็ญภาวนา”

“แค่นั้นเองหรือ” อลิเซียพูดเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

“ไม่ใช่แค่นั้น พระคือผู้สืบทอดศาสนา พวกเขาต้องรักษาศีล 227 ข้อ” เอกรัตน์พยักหน้าเสริม “เขาเหมือนสื่อกลางส่งผลบุญให้กับญาติที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นเครื่องหมายของศาสนาพุทธก็ว่าได้”

“เมื่อวานเอกก็ไปทำบุญด้วยนี่ เอกนับถือศาสนาพุทธหรือ”

“ใช่แล้ว”

“แต่ไม่เห็นเอกบวชเลยนี่” แววตาสีมรกตส่องประกายอยากรู้คุณเจ้าของบ้านจึงมิอาจหยุดตอบได้

“บวชไปแล้วเมื่อสามปีก่อน ผู้ชายไทยจะเป็นคนเต็มคนได้ด้วยการบวชเป็นพระ” แววตาของเอกรัตน์เหม่อคิดถึงความหลังตอนที่เขาบวช วันนี้เขาจะกลับไปเล่นแมววัดตัวนั้นอีกดีไหมนะ

“นับถือศาสนาพุทธยากไหม ขอลิเซียนับถือศาสนาพุทธด้วยสิ” อลิเซียพูดทีเล่นทีจริงทำให้เจ้าของบ้านประหลาดใจ

“เหมือนจะง่ายแต่มันไม่ง่ายหรอกนะ ต้องถือศีล 5 เข้าวัดเข้าวา”

“ก็สอนสิ เหมือนที่เอกสอนหนังสือลิเซียอย่างไรละ ศีล 5 ว่าอย่างไรหรือ”

คุณเจ้าของบ้าถอนหายใจเฮือก สาวน้อยคนนี้ทำตัวใสซื่อจนทำให้เชื่อว่าเป็นลูกแมวน่ารักน่าชังตัวหนึ่ง แม้การอยู่กับอลิเซียจะทำให้เสียเวลาโขแต่หล่อนเท่านั้นที่จะช่วยในความสำเร็จของเขาใกล้เข้ามาเร็วขึ้น ใจหนึ่งอยากจะหลอกด้วยการแกล้งผสมอาหารกุหลาบผิดให้อยู่นานๆ ทว่าหล่อนเป็นคนดีเกินไป ทั้งนิสัยอยากรู้อยากเห็น พูดง่ายทำง่าย แถมไม่ถือตัวอีกว่ามาจากโลกอื่น ไม่ก่อความลำบากใจเลยสักครั้ง

“ตกลง แต่ต้องเรียนตัวอักษรไทยก่อนนะ ไม่อย่างนั้นอ่านไม่ออกแน่” คุณเจ้าของบ้านมั่นใจแล้วว่าจะให้อลิเซียเป็นพุทธมามกะ “แล้วลัทธิของอลิเซียไม่ห้ามอะไรพวกนี้หรือ”

“ไม่มีๆ ในโลกของลิเซียเรานับถือพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีการห้ามนับถือลัทธิอื่น จะเข้าศาสนาพุทธต้องทำอย่างไรบ้าง”

“หัดสวดมนตร์รักษาศีล 5 แต่ต้องเรียนตัวอักษรไทยเสียก่อน”

“ง่ายจัง” อลิเซียยิ้มแป้น

“เป็นชาวพุทธที่ดีต้องละเว้นสิ่งไม่ควรกระทำทั้ง 5 ตั้งใจสวดมนตร์ภาวนา ละทิ้งกิเลสทั้งปวง ซึ่งเป็นสิ่งที่ปากพูดอย่างเดียวไม่ได้ จุดสูงสุดของศาสนาเราคือนิพพานหรือการตายโดยสมบูรณ์ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่อีก”

“ที่โลกของลิเซียก็เชื่อเหมือนกันว่าตายไปจะได้เกิดใหม่ กลับมาเกิดใหม่ไม่ดีหรือ”

“มันเป็นสัจธรรม ชีวิตต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย พอตายแล้วก็เกิดใหม่วนเวียนไปเรื่อยๆจนโลกสลาย การทำลายวงจรนี้คือการเข้าถึงนิพพาน” เพราะเหตุใดไม่รู้คุณเจ้าของบ้านค่อยๆเอื้อมมือไปลูบหัวหญิงสาวอย่างไม่มีการขัดขืน เธอดูเหมือนแมวตัวน้อยๆที่น่ารักใคร่ เอกหน้าแดงน้อยๆรีบดึงมือกลับพร้อมกล่าวขอโทษ “ประเดี๋ยวจะหาหนังสือสวดมนตร์ให้ ติดตรงไหนให้มาถามได้เลย แต่ขอเอกจัดการกุหลาบแก้วในตู้ก่อนก็แล้วกันตกลงไหม” สาวน้อยพยักหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่...


ห้องพระที่กลายเป็นห้องเก็บหนังสือถูกรื้อค้นโดยเจ้าของบ้านและหญิงสาว ต้องเสียเวลากว่าชั่วโมงจึงจะหาหนังสือสวดมนตร์เล่มเล็กๆได้ หน้าปกเป็นรูปหลวงพ่อโต เป็นเล่มที่เขาเคยใช้สวดประจำตอนที่ยังกลัวผีอยู่ ตอนนี้เขามีเล่มอื่นอ่านแทนแล้ว พอได้หนังสือแล้วเจ้าหล่อนก็พลิกดูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เอกถึงกับพึมพำกับตัวเองว่าแขกคนนี้ใช่คนเดียวกับเมื่อคืนก่อนแน่หรือ หล่อนดูน่ารักน่าถะนุถนอมมากกว่าน่ากลัว

“อะไรเนี่ย อินิมา...” เจ้าของบ้านกลั้นยิ้ม “รอให้เอกเก็บจานเสร็จก่อนก็ได้ ตอนนี้หัดออกเสียงตัวหนังสือไปก่อน”

“ก็ดีเหมือนกันลิเซียจะได้ไปอาบน้ำอีกสักรอบ ร้อนจริงๆ”

“ที่โลกของอลิเซียไม่มีหน้าร้อนหรือ”

“ลิเซียอยู่เมืองทางเหนือ อากาศอบอุ่นแต่ไม่ร้อนเหมือนทวีปทางใต้”

“วันหลังช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม ที่บอกว่าพ่อกับลุงไปปราบจอมมารนั่นน่ะ”

“ได้เลย จะให้เล่าตอนนี้เลยไหม ลิเซียฟังจากท่านลุงเป็นสิบๆรอบแล้ว”

“รอก่อนสิแม่คุณ ให้คนอื่นพักบ้างสิ” แล้วเอกรัตน์ก็แยกไปเก็บจานที่ล้างเสร็จแล้ว

กินเวลากว่าชั่วโมงกว่าเจ้าหล่อนอาบน้ำเสร็จ อลิเซียโผล่มาหาคุณเจ้าของบ้านพร้อมกับหนังสือสวดมนตร์และสมุดเปล่าพร้อมปากกาหนึ่งด้าม ท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนี้พบได้ไม่มากนักในอากาศร้อนเหมือนอยู่ในเตาอบ

“กลับไปใส่บราเดี๋ยวนี้เลย” เอกรัตน์หน้าแดงเมื่อสังเกตเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้ใส่บราเซียด้วย “ไม่ใส่ไม่สอนนะเอ้า” อลิเซียครางน้อยๆแล้ววิ่งเข้าห้องเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย

นิ้วมือของอลิเซียแสดงท่าทางการไหว้แบบเด็กน้อย คุณเจ้าของบ้านจึงสอนหญิงสาวให้ไหว้อย่างถูกต้องตามวัฒนธรรม โชคดีที่ลูกศิษย์คนนี้หัวไว ไม่กี่นาทีก็หัดไหว้และกราบได้อย่างเก้กัง ตามความจริงเอกรัตน์อยากสอนเรื่องทางสายกลางกับศีล 5 ก่อน ด้วยอารมณ์ใดไม่รู้ได้เขาหันมาสอนหญิงสาวให้สวดมนตร์เป็นอันดับแรก

“การไหว้คือวัฒนธรรมของที่นี่นะอลิเซีย ไหว้ไปไม่เสียหลาย” คุณเจ้าของบ้านหัวเราะ “รัตนตรัยคือพระพุทธ พระธรรมคำสั่งสอง และพระสงฆ์ อันดับแรกเราต้องบูชาพระรัตนตรัยก่อนอย่างอื่น เตรียมจดคำอ่านตามนะ อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ...”

“อย่างกับคนละภาษากันเลย” อลิเซียร้องออกมาเมื่อจดถึงบทอิติปิโสฯ “แต่ละคำสวดเปี่ยมไปด้วยพลังประหลาด ไม่เหมือนเวทมนตร์แต่เหมือนคำภาวนามากกว่า” นี่คือทรรศนะของผู้ใช้เวทมนตร์ที่มีต่อบทสวดธรรมดา คุณเจ้าของบ้านเชื่อมานานแล้วว่าบทสวดง่ายๆเหล่านี้คือแหล่งพลังบุญกุศลใหญ่หลวง

“ต่อไปขอเป็นบทนี้นะ ลิเซียเชื่อว่าจะต้องได้ใช้แน่” หญิงสาวพลิกหน้ากระดาษจนเจอพระคาถาชินบัญชร

“เกินไปแล้วอลิเซีย บทอะระหังง่ายๆยังว่าไม่ได้แล้วจะรีบร้อนเรียนคาถาบทอื่นได้อย่างไรล่ะ”

“เป็นพุทธสาสนิกชนธรรมดาต้องถือศีล 5 หรือสิ่งไม่ควรกระทำ 5 อย่าง” เอกรัตน์ปิดหนังสือพระ “อย่างแรกห้ามฆ่าสัตว์ อย่างที่สองห้ามลักขโมย อย่างที่สามห้ามพรากสิ่งสำคัญของคนอื่น อย่างที่สี่ห้ามพูดปด อย่างที่ห้าห้ามดื่มน้ำเมา”

“แค่นี้เองหรือ ง่ายจัง”

“ที่บอกง่ายเพราะยังไม่เคยถือศีล 5 มาก่อนน่ะสิ ในโลกมนุษย์ที่เราอยู่เต็มไปด้วยอบายมุขมากมาย การรักษาศีลทั้ง 5 ข้อได้มันยากมากลองคิดดูสิ แค่เราเหยียบมดตายตัวหนึ่งก็ผิดศีลข้อแรกแล้ว”

“ถ้าผิดข้อใดข้อหนึ่งไปแล้วล่ะ”

“ไม่เป็นไร ยังไม่ถึงกับต้องออกจากศาสนา แค่อาราธนาศีล 5 ใหม่อีกครั้งและตั้งใจให้มากกว่าเดิมก็พอ”

“แล้วต่อจากนี้ล่ะ ลิเซียต้องทำอะไรบ้าง”

“สวดมนตร์ไหว้พระก่อนนอน ถ้าเป็นไปได้ตอนเช้าก็ใส่บาตรพระ พอวันพระก็ไปทำบุญที่วัด”

“วัดเป็นอย่างไรหรือเอก เหมือนโบสถ์หรือวิหารไหม”

“เป็นเขตปลอดอบายมุขทั้งหลาย พวกพระก็อาศัยอยู่ในวัด มีทั้งศาลา โบสถ์ หอสวดมนตร์ และเมรุเผาศพ เย็นนี้ถ้าว่างไปวัดที่เอกเคยบวชด้วยกันไหมอลิเซียจะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างไร เอกก็ไม่ได้ไปเสียนานเชียวไม่รู้หลวงลุงจะสบายดีหรือเปล่า”

“หลวงลุงคือใครหรือ”

“เป็นคำเรียก ประเทศเราเรียกคนแปลกหน้าเหมือนเป็นญาติคนหนึ่ง เจอคนที่น่าจะอ่อนกว่าพ่อก็เรียกอา เจอที่แก่กว่าแม่ก็เรียกป้า เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของประเทศเชียวนา”

“ถ้าอย่างนั้นลิเซียก็เรียกเอกว่าพี่ได้สิ”

“จะเอาอย่างนั้นก็ได้แต่เราเรียกชื่อกันดีกว่า” อะไรสักอย่างกำลังเตือนว่าไม่ให้ใกล้ชิดกับหญิงสาวคนนี้มากเกินไป...


วัดใกล้บ้านสงบอย่างไรวันนี้ก็เป็นเช่นทุกวัน คุณเจ้าของบ้านพาหญิงสาวต่างโลกมาชมวัดใกล้บ้านด้วยความอยากรู้ของหล่อน แท่นบูชาหลวงพ่อพุทธนิมิตถูกเจาะทำลายเพื่อสร้างใหม่ให้คู่กับวิหารด้านหลัง ทางขึ้นหอสวดมนตร์เรียบไม่รกเนื่องจากการดูแลของพระลูกวัด เอกรัตน์พาอลิเซียขึ้นหอสวดมนตร์เพื่อไปหาหลวงลุงดุสินที่เขาเคารพ

“หลวงพี่ญาติสวัสดีครับ” เอกรัตน์ยกมือไหว้พระผู้ใหญ่ที่รู้จัก ไม่วายบอกอลิเซียให้ไหว้ทักทายด้วย

“พาแฟนมาวัดหรือเอก” หลวงพี่ทัก ยิ้มน้อยๆจากที่ได้เห็นการไหว้ของหญิงสาว

“เพื่อนครับหลวงพี่ วันนี้มาหาหลวงลุงดุสินครับ”

เอกรัตน์ตอบก่อนพาอลิเซียเดินเข้าไปด้านในซึ่งเป็นกุฏิพระ กุฏิที่หลวงลุงดุสินอยู่อยู่ด้านในสุดของทางเดิน พระเก่าที่รู้จักทักทายเขาอย่างสนุกสนานพอเป็นพิธี แมววัดสีดำออกลูกอีกรุ่นหนึ่งแล้วเป็นสีขาวตัวหนึ่งเป็นสีแดงกับน้ำตาลอีกสองตัว

“นังฉึ่งออกลูกอีกแล้วหรือครับหลวงลุง” หลวงลุงดุสินอายุเลยวัยกลางคนมาแล้ว หัวเกลี้ยงเกลาเนื่องจากเพิ่งโกนผมอีกรอบตอนสงกรานต์ เค้าหน้าใจดีผ่องใส่ไม่มีริ้วรอยความเศร้าหมองดูน่านับถือ ขนาดอลิเซียยังชิงไหว้ท่านก่อนเอกรัตน์เสียอีก

“ไม่ได้จับฉีดยาสักทีเพราะมันเอาแต่ออกลูกนี่ละ” หลวงลุงหัวเราะน้อยๆ “แล้วนั่นแฟนหรือ นี่วัดนะ”

“เพื่อนผมเขาอยากนับถือพุทธครับหลวงลุง” เอกรัตน์ไหว้อย่างนอบน้อม “วันนี้ว่างเลยพามาเที่ยววัดเสียเลย แล้วนังชีตาร์ล่ะครับหลวงลุง” เอกตาลุกโพลงเมื่อเอ่ยถึงแมวน้อยที่เขาเคยเล่นด้วยทุกวันตอนบวชเป็นพระ

“นอนอยู่กุฏิโน่น สงสัยรู้ว่าเราจะมาเลยออกมานอนรอท่า”

“อลิเซียมีอะไรสังสัยก็ถามหลวงลุงเองนะ เอกขอไปทำธุระสักนิด”

ธุระที่เขาไปหาคือแมวตัวน้อยชื่อชีตาร์ มันคือแมวสีเทาลายดำทั้งตัว ลายบนใบหน้าดูคล้ายเสือชีตาร์จึงได้ชื่อนี้มา มันนอนสงบหน้าพัดลมหน้ากุฏิของหลวงลุงดุสิน เขาจึงเข้าไปกอดอุ้มไม่ใส่ใจว่ามันกำลังนอนสบายอยู่ มันอ้วนขึ้นกว่าที่เขาเห็นคราวหลังสุด ไม่ว่าจะแลดูอย่างไรมันก็น่ารักเสียทุกมุมมอง หากไม่ติดที่มีเจ้าดัมมี่อยู่เขาก็อยากเอามันกลับไปเลี้ยงที่บ้านด้วย

“ว่าไงอลิเซีย ได้คุยอะไรกับหลวงลุงบ้าง” คุณเจ้าของบ้านอุ้มแมวเหมียวไปหาหญิงสาว

“ท่านสอนลิเซียทั้งสิ่งพึงกระทำและสิ่งไม่พึงกระทำ” อลิเซียตอบเรียบๆ ใบหน้าซีดเซียวกว่าเมื่อครู่
“เป็นอะไรหรือเปล่าอลิเซีย” เอกรัตน์ปล่อยแมวให้กระโดดลงสู่พื้น หญิงสาวหายใจขัดอย่างเห็นได้ชัด ลักษณะเหมือนคนเป็นลมแดด

และหญิงสาวก็หลับตาพร้อมกับทิ้งตัวลงสู่พื้นราวหุ่นไร้สายเชิด โชคดีที่เอกรัตน์คว้าตัวได้ก่อนหัวกระแทกพื้น ในหัวของเขาหมุนติ้วไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นอย่างนี้ แค่พามาวัดไม่น่าทำให้อลิเซียป่วยหรือเป็นลมล้มพับอย่างนี้ได้...

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 12:50:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com