Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
..-**-ส่งใจให้ถึงใจ..-**-(เรื่องสั้น) ติดต่อทีมงาน

ท่ามกลางความวุ่นวายของล็อบบี้ ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง กลางเมืองพัทยา เวลาหนึ่งทุ่มของต้นเดือนสุดท้ายแห่งปี ชายหนุ่มต่างชาติสูงร้อยแปดสิบห้า ผมสีน้ำตาลอ่อนเกือบบลอน์ด สวมเสื้อเชิ้ตสีเหลืองนวลอ่อนกับกางเกงยีนส์ กำลังยืนหันหลังพิงเคาเตอร์เชคอินที่มีความยาวเกือบ 20 เมตรเฝ้ากระเป๋าเดินทางแบบสปอร์ต 2 ใบ สำหรับของเขาและเพื่อนอีกคนซึ่งไปลงทะเบียนที่ล็อบบี้สำหรับสื่อมวลชนด้านฝั่นตรงข้ามเพื่อมาทำข่าว การแข่งขันมวยสากลระดับประเทศซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งนี้



ชายหนุ่มกวาดสายตามองรอบๆ ล็อบบี้ที่แปลกไปจากโรงแรมที่เขาเคยไปมารอบโลก ที่นี่เป็นห้องโถงสูงจนถึงเพดาน ล้อมรอบไปด้วยห้องพัก 18 ชั้นตีกรอบเป็นสี่เหลี่ยม มีต้นพลูด่างปลูกห้อยระย้าตรงทางเดิน ล็อบบี้ที่นี่แบ่งส่วนเชคอินกับแคชเชียร์อย่างเป็นระบบ  เขานึกชมสถาปนิกอยู่ในใจที่เข้าใจตกแต่งให้ผู้เข้าพักสามารถมองลงมาที่ล็อบบี้ได้ และมองเห็นลิฟต์แก้วที่อยู่ตรงกลางเป็นเสาหลักของตึก



ขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินและนึกชมสิ่งก่อสร้างที่นี่ เสียงหวานใสก็ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์


“ขอโทษนะคะ คุณพูดภาษาอังกฤษได้มั้ยคะ”


ชายหนุ่มหันมองคนถาม เธอเป็นพนักงานต้อนรับคนหนึ่งอยู่ด้านในเคาเตอร์เชคอิน เพราะเขากำลังรอเชคอินเหมือนกัน หากรอเพื่อนให้กลับมาจากจุดลงทะเบียนของสื่อมวลชนก่อน


“ครับ ผมพูดได้ครับ” เขาตอบไปเก้อๆ นึกแปลกใจที่พนักงานคนนี้ถามอะไรประหลาดๆ


“คุณจำลูกค้าที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้มั้ยคะ” หญิงสาวผายมือไปที่จุดหน้าคอมพิวเตอร์ซึ่งห่างจากจุดที่เขายืนเพียง 6-7 ก้าว


เขาอยากจะหัวเราะกับคำถามประหลาดๆ ของเธอและทุบมือกับเคาเตอร์ที่สูงเลยเอวเขามานิดหนึ่ง หากสำหรับเธอที่ตัวเล็กเหมือนลูกแมวแล้ว มันสูงระดับเดียวกับหน้าอกของเธอ


“ครับ ผมจำได้ครับ”


ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ ชายหนุ่มผมดำ นัยน์ตาดำท่าทางกวนประสาท กับกลิ่นว็อดก้าลอยออกมานิดๆ นั่งรถตู้คันเดียวมากับเขา และยังมาแซงคิวตัดหน้าเชคอินเขาอีก อีกอย่างเขาเห็นแล้วว่าพนักงานสาวคนนี้กับเจ้าคนไร้มารยาทที่แซงคิวเขากำลังประชันฝีปาก ซึ่งเขาฟังได้ความว่า ชายผู้นี้โอนเงินซื้อห้องพักผ่านทางเอเจนท์ที่มอสโคว์มาแล้วแต่โรงแรมกลับไม่มีหลักฐานการจองของเขา เล่นเอาพนักงานสาวคนนี้กุมขมับทีเดียว


ก็จะไม่ให้กุมขมับได้ยังไง ในเมื่อพูดกับคนละภาษา เธอพูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ แต่ไอ้บ้านั่นกลับพูดภาษารัสเซียน ยิ่งคนที่ไม่เก่งภาษานี้ด้วยแล้ว เขาบอกได้อย่างเดียวว่า ‘มึนตึบ’


…น่าสงสาร…


“รบกวนช่วยแจ้งเขาให้มาที่เคาเตอร์หน่อยได้มั้ยคะ”


“ผมรอเพื่อนอยู่นะครับ” เขาบอกเหตุจำเป็นออกไปไม่เชิงปฏิเสธ


“ถ้าเพื่อนคุณมาเดี๋ยวฉันบอกให้ค่ะ”


เขาจำต้องทำตามคำขอร้องของเธอสินะ เพราะคำพูดดูมัดมือชกน่าดู “งั้นผมฝากกระเป๋าสองใบนี้ด้วยนะครับ”


“รับรองไม่หายหรอกค่ะ เดี๋ยวดิฉันบอกเจ้าหน้าที่เบลบอยให้”


เขาเดินอย่างเกียจคร้านตรงไปที่จุดลงทะเบียน ไม่นานนักนัยน์ตาสีเขียวอมเทาก็เจอคู่กรณีของเธอ


“คุณ… รีเซฟชั่นเรียกแนะ”


คำตอบที่เขาได้คือ อีกฝ่ายยักคิ้วข้างเดียวเป็นเชิงตอบรับ


…แนะ ไอ้บ้านี่ นอกจากจะไร้มารยาทแล้วยังทำท่าทางกวนประสาทน่าดู เดี๋ยวไปช่วยเธอดีกว่า ท่าทางเธอจะเอาไม่อยู่…




รีเซฟชั่นสาวเห็นคู่กรณีของเธอเดินมาพร้อมกับสาวรัสเซียนชาติเดียวกับเขาอีกสองคน นัยน์ตาสีดำคมเข้มเห็นคนที่เธอไหว้วานเดินตามมาด้วย

“ขอบคุณค่ะ” รีเซฟชั่นสาวกล่าวขอบคุณหนุ่มใจดีด้วยภาษาสากล

ชายหนุ่มยิ้มรับและนึกสนุกอยากดูวิธีการแก้ปัญหาของเธอจึงยืนอยู่ไม่ห่างจากหนุ่มไร้มารยาท ซึ่งดูจากรูปร่างแล้วคู่กรณีของเธอน่าจะมีอายุไม่ห่างจากเขาซัก 3 ปีหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยแน่

ศึกน้ำลายจึงเกิดขึ้นไม่ต้องรอระฆังดัง

“คุณจองมาในชื่อนี้ใช่มั้ยคะ” รีเซฟชั่นสาวถามย้ำก่อนผายมือไปที่หนังสือเดินทางของชายหนุ่มคู่กรณีที่เขายื่นให้เธอหลังจากเธอร้องขออีกครั้ง

“ใช่! และผมจ่ายเงินไปแล้วด้วยเห็นมั้ยๆ” เขาสวนกลับด้วยภาษารัสเซียนทันควันก่อนจะวางกระดาษที่มีภาษาแม่ของเขาและอ้างว่าเป็นใบเสร็จรับเงินจากเอเจนท์ที่โน่น

หญิงสาวหยิบมาดูก็ขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับภาษานี้มาก่อน แม้ว่าจะทำงานเป็นรีเซฟชั่นมาได้ 4 เดือนรวมกับประสบการณ์ฝึกงานที่นี่อีก 4 เดือนรวมเป็น 8 เดือน แต่ก็ยังไม่สามารถเดาได้ว่าลูกค้าคนนี้ต้องการจะบอกอะไรกันแน่

“โน เฮฟ ยัวร์ เนม” เธอตัดสินใจโยนหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษตรงเป๊ะทิ้งไป ก่อนจะพูดภาษาอังกฤษแบบเด็กอนุบาล งูๆ ปลาๆ ให้ลูกค้าคนนี้เข้าใจ

“ไม่มีได้ยังไง! เห็นมั้ยว่าผมจ่ายเงินมาแล้วนี่ นี่ เปด เปด แคส์ช แคส์ช” คนโมโหคว้าใบเสร็จที่ให้เธอก่อนจิ้มจึกๆ ตรงคำว่า ‘จ่ายแล้ว’ ว่ามันอยู่ส่วนไหนของกระดาษ

“นี่หล่อนคิดจะโกงพวกเราเหรอ”

“ใช่ๆ พวกเราจ่ายเงินมาแล้วนะ ไม่งั้นจะให้พวกเราไปนอนที่ไหนกัน”

สองเสียงสนับสนุนจากสาวรัสเซียนหุ่นเพรียว แต่งหน้าทาปากสีแจ๊ดราวกับเพิ่งกลับมาจากการเดินแฟชั่นโชว์พูดภาษาแม่ของเธอใส่รีเซฟชั่นผู้เคราะห์ร้าย

รีเซฟชั่นสาวมองดูหนังสือเดินทางของเขาอีกครั้ง ก่อนลองสลับพิมพ์ทั้งชื่อ นามสกุล สัญชาติ วันเข้าพักก็แล้ว ไม่มีชื่อนี้ปรากฏบนหน้าจอในโปรแกรมจองห้องพัก

หญิงสาวกุมขมับก่อนตัดสินใจขอเงินมัดจำทั้งสามคน คนละ 100 ดอลล่าร์เพื่อการันตีค่าห้องพักสำหรับคืนนี้ไปก่อน เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ไม่ยอมให้กุญแจโดยที่ไม่มีเงินหรือหลักฐานการจองอะไรแน่ เพราะเสี่ยงกับการโดนเชิดเงินมากที่สุด และยิ่งคู่กรณีพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยแม้แต่ ‘เฮลโล’ ด้วยแล้วล่ะก็ มีหวังเธอได้ควักเงินจ่ายเองแถมกินแกลบไปอีกหลายเดือนแน่

“กระแต ไหวมั้ย พี่ขอโทษนะที่ดึงแตมาช่วย” เจี๊ยบ รีเซฟชั่นผู้ซึ่งอายุมากกว่า หากเข้างานพร้อมๆ กับเธอ ทำได้เพียงยืนให้กำลังใจน้องที่ยอมกระโดดมาช่วยเคสของเธอ

“คิดมากน่าพี่เจี๊ยบ เราทำงานด้านนี้ก็ต้องเจอลูกค้าด่าอยู่แล้วล่ะคะ แตเตรียมใจตั้งแต่สมัครงานนี้แล้วล่ะพี่ พี่ไปทานข้าวเถอะ ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นไม่ใช่เหรอนี่จะสองทุ่มแล้วนะ”

จริงๆ แล้วเคสนี้เป็นของเจี๊ยบ แต่เพราะเธอไม่สามารถแก้ปัญหาได้จึงดึงริสกาญจน์ ซึ่งอยู่ข้างๆ เธอมาช่วยฟัง เพราะเธอไม่เก่งภาษาอังกฤษเท่ากับริสกาญจน์

“เดี๋ยวแตจัดการเอง พี่ไปกินข้าวเถอะ” เธอตัดบทแค่นั้นก่อนจะเงยหน้ายืนยันกับลูกค้าตรงหน้าอีกครั้งว่า ไม่มีรายชื่อจองที่นี่

“นี่! ไปเรียกผู้จัดการของเธอมาสิ ทำงานไม่เป็นก็ไม่ต้องมาทำ ลาออกไปเลยป๊” สาวรัสเซียนคนหนึ่งปรี๊ดแตกเมื่อเห็นกระดาษที่รีเซฟชั่นสาวเขียน $100 x 3 = $300 เธอนั่งไฟล์ทยาวจากมอสโคว์มาถึงกรุงเทพฯ โดยใช้เวลาเกือบๆ 10 ชั่วโมง และเธออยากพักจนเต็มแก่ แต่ต้องมาเจอปัญหาว่าห้องไม่มีสำหรับพวกเธอแถมยังต้องมาจ่ายเงินเพิ่มอีก

“เอาอย่างนี้นะครับ ผมว่าคุณจ่ายให้เธอไปคนละร้อยดอลลาร์ตามที่เธอบอกก่อน ส่วนพรุ่งนี้ผมว่าเธอคงสามารถหาห้องให้พวกคุณได้”

ริสกาญจน์เงยหน้ามองคนที่เธอไหว้วานให้ไปตามคู่กรณีของเธอ เธอนึกว่าเขาไปแล้ว แต่ในเมื่อเขายังอยู่เธอจึงรีบยึดเขาเป็นล่ามส่วนตัวทันที

“คุณ… ถามเขาหน่อยว่ามีใบบุกกิ้งมั้ย” รีเซฟชั่นสาวรีบร้องบอก

ล่ามรับเชิญหันไปถามและให้คำตอบกับเธอว่า “เขาบอกว่าเอเจนท์ที่โน่นให้เขาใช้ชื่อจากพาสปอร์ตเชคอินได้เลย”

ริสกาญจน์เริ่มมึนตึบเข้าไปอีก

“งั้น… คุณช่วยบอกเขาไปว่า ร้อยดอลลาร์นี้สำหรับค่ามัดจำหากเขาไปทานมินิบาร์ ทานอาหารที่ร้านอาหาร หรือทำของเสียหายเท่านั้น หากในวันเชคเอาท์ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรทางโรงแรมฯ จะคืนเงินให้ทั้งหมดค่ะ”

“แล้วทำไมผมต้องจ่ายไอ้ค่ามัดจงมัดจำอะไรด้วยล่ะ ผมก็จ่ายเงินค่าห้องไปหมดแล้วทั้งเจ็ดวัน สามห้องนะคุณ สามห้อง ไม่ใช่ห้องเดียว!!” หนุ่มขี้เมาหันไปพูดกับล่ามรับเชิญหลังจากแปลเสร็จ

“ผมรู้ครับ แต่ว่ามันเป็นกฎของที่นี่ ถ้าคุณไม่จ่าย เธอก็ไม่ให้กุญแจห้อง คุณเลือกเองก็แล้วกัน” ล่ามตาสีเขียวอมเทาหลิวตาให้กับสาวรีเซฟชั่น

เธอไม่ได้สนใจเขาหรอก หากกำลังใจจดใจจ่อว่าสามคนนี้จะว่ายังไง

“นี่! คุณจะบ้าจี้ให้เงินเธอจริงๆ เหรอ” สาวคนที่ปรี๊ดแตกถามเมื่อเห็นหนุ่มของเธอกำลังจะควักธนบัตรใบละร้อยดอลลาร์ออกมาสามใบ

“ฉันว่าไปถามคนอื่นๆ ก่อนดีกว่า” สาวสวยอีกคนเสนอ และเธอก็ไม่ได้ถามคนอื่นไกลนัก ก็หนุ่มชาติเดียวกับเธอที่มาช่วยพูดนี่ล่ะ “ขอโทษนะคะ คุณจ่ายเงินให้เธอไปหรือยังคะ”

คนถูกถามส่ายหน้าตอบความจริง “ผมรอเพื่อนของผมที่ไปลงทะเบียนที่ด้านโน้นก่อนแล้วค่อย    เชคอินครับ อีกอย่างผมรู้อยู่แล้วว่าโรงแรมฯ ที่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีเงินมัดจำครับ เธอจะให้ใบค่ามัดจำคุณเพื่อให้คุณยื่นขอคืนตอนเชคเอาท์ครับ เพราะหากเงินของคุณไม่พอจ่ายให้โรงแรมฯ ยังไงก็ยังมีเงินในส่วนนี้ช่วย พูดง่ายๆ ก็เหมือนเอาเงินฝากให้โรงแรมฯ ดูแลแหละครับ”

ทั้งสามดูเหมือนจะเข้าใจ หากหนุ่มในกลุ่มก็พูดกับล่ามรับเชิญอีกว่า “บอกเธอไปว่า ถ้าพรุ่งนี้ไม่เจอเงินมัดจำค่าห้อง ผมเอาเรื่องแน่”

ริสกาญจน์ฟังไม่ออกจริงๆ ว่าคนทั้งสี่พูดว่าอะไรกันบ้าง เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่า คนที่มาช่วยเธอยื่นธนบัตรร้อยดอลลาร์สามใบยื่นให้เธอ

“ของพวกเขาครับ และรีบๆ หาบุกกิ้งกับเงินของพวกเขาให้เจอก่อนวันพรุ่งนี้นะครับ” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ

จากคุณ : ColdOut
เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 54 17:33:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com