 |
...
งานเลี้ยงส่งครูแตนกับวันหยุดเสาร์อาทิตย์เหมือนความฝันวูบเดียว เช้าวันจันทร์ปุริมาก็ตื่นมาพบกับความเป็นจริง เธอจอดรถแล้วรีบจ้ำไปห้องทำงาน แต่เหลือบไปเห็นรถกระบะสีขาวมาจอดบริเวณประตูโรงเรียน โขงยกมือไหว้คนขับแล้วกระโดดลงมาก่อนยานพาหนะจะเคลื่อนออกไป สายตาสอดส่องทำให้รู้ว่าไม่ใช่คนเป็นพ่อของเด็กชาย ทำไมถึงได้อยากรู้ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่เท้าพาเธอเดินไปทางที่โขงเดินมา “สวัสดีครับ เจ๊ เอ้ย ครูปูนิ่ม” ตอนนี้ปุริมาไม่มีอารมณ์แย้งไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือตำแหน่งครูซึ่งเธอยังไม่ได้ “วันนี้พ่อไม่ได้มาส่งเหรอ” พยายามจะถามให้เหมือนไม่ได้สนใจ เด็กชายยิ้มละไม “พ่อไปงานรับน้องฮะ” หือ คนฟังขมวดคิ้ว รับน้องที่เธอเข้าใจมันน่าจะเป็น...แต่ “อย่ามาตลกหน่อยเลยน่า อย่างพ่อเธอน่ะน่าจะเลยวัยรับน้องมานานแล้วนะ ดูจากหน้าก็รู้ อย่าบอกนะว่าไปลงเรียนปีหนึ่งใหม่” โขงหัวเราะก่อนตอบ “ไม่ใช่รับน้องอย่างนั้นครับ หมายถึงน้องนักศึกษาต่างหาก เขาไม่มีรถมาพ่อเลยไปรับครับ” ดวงตากลมวิบวับแพรวพราวจนน่าหมั่นไส้ “วันนี้เจ๊สวยนะครับ เสียดายที่ผมไม่ได้ถือดอกกุหลาบมา” “นี่!!” โขงวิ่งหนีออกไปแล้ว ปุริมายืนหน้าแดง ร้อนผะผ่าว เด็กบ้า!
โชคดีเป็นของปุริมาเพราะวันนี้ผอ.คเชนทร์ได้สัมภาษณ์ครูมาสมัครหนึ่งคน และครูปลาก็รับสอนไปก่อนหนึ่งวัน ทำให้เธอมีเวลาไปขอหนังสือเรียนภาษาไทยชั้นม.1 มานั่งอ่าน และนัดกับครูปลาไว้ว่าจะให้เธอช่วยอธิบายคร่าว ๆ ว่าจะสอนอะไรตรงไหนต่อจากครูแตน ครูปลาเองก็มีสีหน้าไม่ยินดีเท่าไร ตั้งแต่รู้ว่าจะสอนเพิ่ม และยิ่งเกือบจะเบะปากตอนที่ปุริมาไปคุยด้วย หญิงสาวระงับความรู้สึกอยากเอาชนะ ท่องคำว่าพ่อไว้ในใจจนเมื่อเย็นค่ำ ประกอบกับพ่อให้คำสัญญาว่าจะรีบรับครูใหม่ ทำให้พอมีกำลังใจที่จะต้องสอนอยู่บ้าง พ่อโทรมาหา “ปูนิ่ม วันนี้กลับไปก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอ” “ค่ะ อ้อ พ่อคะ สัมภาษณ์เป็นยังไงบ้าง” มีความเงียบเล็กน้อย “ก็ดี เดี๋ยวลองคิดดู” เพราะความเป็นพ่อลูกกัน เพียงเท่านั้นก็รู้ว่ายังไม่ถูกใจ คุณคเชนทร์ที่ปุริมารู้จัก ถึงเป็นคนอ่อนโยน ยุติธรรม มีความตลกโปกฮา แต่การตัดสินใจเด็ดขาด ถ้าผ่านการพิจารณาและคิดว่าใช่จะไม่มีการลังเล เหมือนคราวที่เลือกโรงเรียน ปุริมาคิดอย่างปลงตกเสียแล้วว่า เธอต้องสอนหนังสือแน่ ๆ รีบกลับไปเตรียมการสอนดีกว่า หญิงสาวเดินมาที่จอดรถตั้งใจจะรีบกลับแต่เห็นรถอีกคันเข้ามาจอด คนขับและคนโดยสารลงมาแทบจะพร้อมกัน ไม่สนใจดีกว่า เธอเสียบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ “จะกลับแล้วเหรอครับ คุณปูนิ่ม” ปุริมาแอบหันไปถอนใจ จะไปโดยไม่วอแวเธอไม่ได้หรือไงนะ ทำเป็นไม่เห็นก็ได้ แถมยังจะเรียกชื่อเล่นซะดังขนาดนั้นอีก เธอปั้นหน้า “ค่ะ”
พอมองคู่สนทนาก็พลอยมีโอกาสได้เห็นบุคคลที่มาพร้อมกัน หญิงสาวผมยาวหน้าตาสะสวย ผิวขาวเนียน ร่างเล็กแต่ได้สัดส่วน เธอสวมชุดแช็คทับด้วยแจ็คเก็ตสูธแบบสุภาพ กระนั้นก็ยังแผ่เสน่ห์ดึงดูดออกมาจนผู้หญิงด้วยกันสัมผัสได้ โดยเฉพาะหน้าอกซึ่งพอปุริมาเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสีย
“พี่เข้ ไปเถอะ เดี๋ยวผอ.รอนะคะ” เธอพูดพลางแตะแขนชายหนุ่ม น้ำเสียงค่อนข้างใสจนสะดุดหู ขณะเขมรัฐพยักหน้า ยิ้มให้พร้อมกล่าวขอตัวกับปุริมาซึ่งกำลังประมวลความ ไม่ถือสาเอาความกับสายตาเจ้าชู้ที่ส่งมาอีก “พี่เข้รอจนกว่าบุ้งจะสัมภาษณ์เสร็จได้ไหม” “แน่นอน ต้องรอให้บุ้งเลี้ยงฉลองอยู่แล้ว” “แหม จะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” บทสนทนาดำเนินต่อเนื่องขณะที่ชายหนุ่มเดินนำหญิงสาว ปุริมาคิดได้ทันควัน หาผู้อำนวยการ อย่าบอกนะว่าเธอคนนี้จะมาเป็นครู ที่พ่อบอกให้กลับไปก่อนเพราะจะสัมภาษณ์เธอคนนี้หรือเปล่า มากับนายเข้คนนี้อีก... ความอยากรู้อยากเห็นชนะความขยัน ปุริมาดึงกุญแจออก
“เพิ่งจบเลยนะเนี่ย” บัณฑิตาถูกชะตากับผู้อำนวยการคนนี้ทันที ชายวัยห้าสิบมีความเข้มแข็งและอ่อนโยนอยู่ในแววตา ท่าทางดูเป็นคนใจดีที่เด็ดขาด “ต้องบอกว่าเพิ่งสอบเสร็จเลยค่ะ” “ทำไมถึงอยากมาเป็นครูล่ะ ครูเงินเดือนไม่เยอะนะ เหนื่อยด้วย” หญิงสาวยิ้ม “อาชีพอะไรหนูก็ว่าเหนื่อยหมดแหล่ะค่ะ แต่ที่อยากทำเพราะหนูคิดว่าหนูมีความสามารถพอในการถ่ายทอดวิชาให้เด็ก ๆ เข้าใจ ส่วนเรื่องเงิน หนูว่าเราวัดไม่ได้ว่าได้มากหรือน้อย แต่จะวัดได้ตรงที่คนนั้นมีเงินเก็บเหลือเท่าไรมากกว่าค่ะ” คเชนทร์ไม่แสดงกริยาชื่นชมหรือต่อต้าน เขาวางเฉย แต่ยอมรับว่าหญิงสาวพูดจาฉะฉาน มีมั่นใจในตัวเอง ถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์สอนมาเลยก็ตาม ผิดกับคนที่เขาสัมภาษณ์เมื่อเช้าซึ่งดูจะเรียบร้อยไปสักนิดสำหรับการควบคุมเด็กวัยทะโมน เขมรัฐโทรมาหาเขาเมื่อบ่ายว่ามีคนอยากให้สัมภาษณ์ตำแหน่งครูภาษาไทยแทนครูแตนที่ลาออก ไม่ได้จะ ‘ฝาก’ หากเพียงเท่านี้ก็รู้ว่าชายหนุ่มต้องการเสนอความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ ผู้อำนวยการรู้สึกละอายใจขึ้นมาวูบหนึ่ง นอกจากน้ำใจของคุณหงส์ผู้เป็นแม่ ลูกชายก็ยังยินดียื่นมือมาแบ่งเบาภาระ เหตุผลอาจไม่ลึกซึ้ง คือเด็ก ๆ กับลูกชายที่เรียนอยู่ แต่เขาเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวนี้มากมาย “ที่ว่าเป็นนักร้องนี่ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเหรอ” เขาถามต่อ “ใช่ค่ะ” คนถามมองเห็นภาพชีวิตผู้สมัครได้ลาง ๆ เขาเอนกายพิงพนัก “ไหนลองบอกสิว่า จะเอาประสบการณ์ที่ทำงานเป็นนักร้องมาใช้ในงานครูได้ยังไงบ้าง”
เขมรัฐถือนมกล่องที่ซื้อจากโรงอาหารแล้วเดินมาทางที่นั่งม้าหินหน้าอาคารอำนวยการ มองจากมุมนี้จะเห็นพื้นที่ก่อสร้างเริ่มมีการปรับแต่ง วัสดุก่อสร้างจำพวกหิน ปูน ทราย เหล็กเส้น หลังคา อยู่วางกองไว้มุมหนึ่ง กรอบสี่เหลี่ยมมีเสาเข็มวางตามจุด ด้านติดอาคารเรียนมีกำแพงสังกะสีสูงสร้างกันไว้เพื่อความปลอดภัย โฟร์แมนกำลังอธิบายงานให้คนงานก่อสร้างซึ่งเตรียมตัวเข้ากะทำงาน มีหญิงสาวนั่งอยู่ก่อนแล้ว “อ้าว ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก” “รอผอ.” เขาพยักหน้า ขยับมานั่ง จิ้มหลอดลงกล่องพลางเหลือบมอง “กินไหม” ปุริมาพ่นลมออกจมูก มีกล่องเดียวทำมาเป็นชวน ประสาท! “กินหลอดเดียวกันก็ได้ ผมไม่ถือ ฉีดยาแล้วด้วย” “นี่!” พอหญิงสาวขึ้นเสียงชายหนุ่มก็ยิ้ม จึงรู้ว่าถูกยั่ว เธอเม้มปาก “มิน่าล่ะ ไม่เห็นมารับโขง ที่แท้ก็มานั่งเฝ้าสาว” “ใครบางคนก็นั่งเฝ้าหนุ่มเหมือนกันน้า” ปุริมาหน้าแดง เรื่องอะไรจะยอม “คนอยู่บ้านเดียวกัน รอกลับพร้อมกันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เหมือนผู้ชายบางคนมีบ้าน แต่ไม่อยากกลับ” “หมายถึงใครเหรอ” เขาแกล้งลากเสียง ทำตาใสแบบที่มักจะเห็น แต่หญิงสาวไม่อยากมอง เธอเชิดหน้า “ใครที่เป็นแบบนั้นก็คนนั้นล่ะ” “เฮ่อ โล่งอกหน่อย เพราะผมกลับบ้านทุกวัน” “แน่ใจ?” เธอยกเสียง “แสดงว่าเดี๋ยวไปส่งน้องคนนี้เสร็จ คุณก็จะกลับบ้านไปหาโขง กินข้าว อาบน้ำแล้วก็เข้านอนตอนสี่ทุ่มงั้นสิ” “ช่างประชดจังเลย แสดงว่าจริง ๆ ปูนิ่มก็รู้ใช่ไหมว่าปกติแล้วผมอยู่ที่ไหน น่าดีใจจังที่ผมอยู่ในความคิดคุณได้ขนาดนี้” “คุณ!..,” คนฟังหน้าร้อนผะผ่าว ถูกย้อนกลับไม่พอยังจี้จุดชวนสะดุ้ง เธอระงับสติแล้วเหยียดยิ้ม “แหม ก็ผู้ชายแบบนายเข้น่ะดูง่ายจะตายไป มองปราดเดียวก็รู้ว่าเก่งเรื่องบริหารคน หรือไม่ก็เป็นพวกวิศวกรรมรางรถไฟ ให้เดานะ คติประจำตัวของคุณก็ต้องเป็น เห็นงานเป็นลม เห็นนมสู้ตาย อะไรทำนองนี้แน่ ๆ” เขมรัฐฉีกยิ้มถูกใจ คารมกระแนะกระแหนไม่เบาเลย แบบนี้ไม่ต้องเสียดายแม้แต่นิดเดียว “ใครว่าล่ะ ผมน่ะเอาทั้งงานทั้งนมนั่นแหละ ถ้าไม่ทำงานจะมีเงินที่ไหนไปซื้อนม เดี๋ยวนี้อะไรก็อันตรายไปหมด ต้องเลือกดี ๆ ถ้าไปเจอพวกนมปลอม หรือมีสารตกค้างจะยุ่งกันใหญ่ ไม่รู้ว่าปูนิ่มได้ตรวจดูบ้างหรือเปล่า” “นี่นาย!” เธอตบโต๊ะปัง หน้าแดงจัด ร้อนเหมือนถูกไฟสุม “อย่ามาพูดจาลามกนะ!” “อะไร” เขายกคิ้ว “ก็ผมพูดเรื่องจริงน่ะ นี่ ๆ ปูนิ่มดูสิ เวลาเราซื้อนมนะมันต้องดู...” เขาหันกล่องชี้ตราอย. “และยิ่งเวลาซื้อนมที่ให้นักเรียนกินยิ่งต้องรอบคอบ เรื่องพวกนี้สำคัญนะ” “พอแล้ว...” “พี่เข้จ๋า!!” เสียงใสแจ๋วเบรกอารมณ์ปรี๊ดของปุริมา หญิงสาวคนนั้นวิ่งมาตามทางเดิน หน้าสวยเบิกบาน เธอถลาเข้ามาเกาะแขนชายหนุ่ม “พี่เข้ ผอ.ตกลงรับบุ้งทำงานแล้วล่ะ บุ้งได้เป็นครูแล้วนะ ดีใจจังเลย” “เหรอ ดีใจด้วย” เขมรัฐพลอยตื่นเต้น เขาหันมาเห็นปุริมายืนตาวาว จึงสะกิดบัณฑิตา “บุ้ง นี่ปูนิ่ม”
“สวัสดีค่ะ ปูนิ่ม ชื่อน่ารักจัง” ปุริมาไม่อยากได้คำชมจากเธอคนนี้สักเท่าไร กระนั้นก็ยิ้มตอบตามมารยาท “ปูนิ่มเป็นผู้ช่วยผอ. เดี๋ยวผอ.คงแนะนำให้บุ้งรู้จักอีกทีแหล่ะ” “อ้อ” สาวนามบุ้งลากเสียง ผงกศีรษะรับรู้ ครั้นแล้วก็หันไปยิ้มแย้มกับชายหนุ่มต่อ “เริ่มงานพรุ่งนี้เลยล่ะพี่เข้ เดี๋ยวบุ้งจะไปหาหนังสือภาษาไทยมาเตรียมการสอน พี่เข้พาไปหน่อยนะ” “ได้เลย” ปุริมาขยับ กำลังคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะจะยืนอยู่ตรงนี้ ตรงที่หญิงสาวออเซาะชายหนุ่มและเบียดตัวเข้าชิดจนแทบจะไปนั่งบนตัก คิดไม่ถึงว่าสาวตัวเล็กเซ็กซี่คนนี้จะเป็นครูสอนภาษาไทยได้ ซ้ำยังเป็นคนรู้จักของนายฟาร์มจอมลามกคนนี้อีก “เป็นเพราะพี่เข้แท้ ๆ เลยที่ทำให้บุ้งได้งาน ขอบคุณนะคะพี่เข้” “เดี๋ยว ๆ ไม่ได้อยากได้คำขอบคุณแบบนี้” เขาว่า “แล้วอยากได้แบบไหน” หญิงสาวลากเสียงหวาน “ฉันขอตัวนะคะ” ปุริมาลุก เขมรัฐรีบลุกบ้าง ยังอยากยั่วคุณหนูจอมแก่นนี่อีกสักหน่อย “ไปเถอะ พี่ว่าจะให้บุ้งเลี้ยงอาหารอิสานรสแซบ ๆ ซะหน่อย” “พอดีเลย บุ้งก็อยากกินเหมือนกัน ส้มตำลาบน้ำตกรสจัด ๆ เนอะ” เธอเกาะแขนเขาเดินไล่หลังปุริมา “เอาตับด้วย” เขมรัฐแกล้งเพิ่มเสียง “ตับ ? ตับย่างเหรอ” เห็นฝีเท้าคนเดินข้างหน้าชะงัก เขมรัฐกลั้นยิ้ม “พี่จะกินตับหวานแกล้มเบียร์เย็น ๆ บุ้งจัดให้พี่ได้รึเปล่า”
.............................................................................
จบตอน 6 ค่ะ
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.ย. 54 13:28:28
|
|
|
|
 |