บรรพที่ 27
ความมืดหลังสนทยากาลมาเยือน ส่งเปลวเพลิงในห้องโถงแห่งวิหารเทพีนีรา
ซึ่งกำลังลุกโชนแสงจาก ปะรำพิธีที่อัญญาตาเพิ่งนั่งลงอธิษฐานเด่นแสงขึ้น นักบวชผู้ชรา
จุดเทียนนับร้อยเล่มปักรายล้อมไปทั่วห้องจนสว่างไสว หากมีผู้ใดเข้ามาพบเห็นเข้า
คงเข้าใจว่าท่านกำลังจะประกอบพิธีกรรมอย่างแน่นอน ทว่านักบวชชรามิต้องการ
ให้ใครมารบกวน จึงสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในห้องนี้จนกว่าท่านจะเรียกหาเอง
นีรา...โปรดช่วยชำระล้างอาณาจักรของท่านด้วยเถิด นางหลับตานิ่งอยู่เนิ่นนาน
คล้ายกำลังสดับฟังเสียงจากบุคคลอันเร้นลับ จากนั้นจึงคลี่ยิ้มออกมา
บุตรชายของท่าน...เขาโลดโผนไปหน่อย จนลูกอดเป็นห่วงไม่ได้...นีราท่านจะว่ากระไร
กับการณ์นี้
ดวงตาของนักบวชชรานั้นมีประกายแห่งความหมายมาดปรากฏขึ้นมา หล่อนเงยหน้าขึ้น
จ้องมองรูปปั้นนางพราย พลันบังเกิดลางนิมิตบางประการ เทียนบูชากลับล่วงหล่นลงมา
เบื้องหน้า แล้วจู่ๆ ก็ลุกไหม้โหมขึ้นมาประกายเปลวนั้นพุ่งโพยเริงโลด เกินกว่าจะเป็นไฟ
จากเทียนเล่มเล็กๆ มองดูคล้ายรูปร่างสตรีอันแสนโสภา ก่อนจะดับลงโดยพลัน
นีรา...นี่ท่าน อัญญาตาอุทานออกมา
ในขณะเดียวกันเทียนอีกเล่มก็พลัดตกลงมาอยู่เคียงข้างเทียนเล่มแรก เปลวไฟ
ของเทียนเล่มนี้หาได้ลุกโชนขึ้นเป็นรูปลักษณ์ของหญิงสาวเช่นเดียวกับเล่มแรก
มีเพียงประกายเปลวที่ถูกสายลมพัดให้ลอยสูงขึ้นห่างจากเทียนอันเป็นต้นขั้ว
ประกายนั้นปรากฏเป็นลูกไฟใหญ่แล้วจึงแปรเปลี่ยนรูปเป็นวิหคตัวหนึ่ง บนศีรษะวิหค
มีหงอนแหลมมองดูคล้ายมงกุฎ ปีกกว้าง หางยาวเป็นสาย วิหคเพลิงตัวนั้นโผบิน
สูงขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงลมหนุน ก่อนจะหมุนไปเกาะที่ผ้าม่าน อัญญาตาจึงค่อยรู้สึกตัว
ว่าไฟร้อนกำลังไหม้ม่านผืนยาวอยู่
ไฟ...ไ.... หล่อนกำลังจะกรีดร้องเรียกคนอื่นว่าไฟไหม้ห้องบูชา ทว่าอะไรบางอย่าง
ทำให้หยุดตรอง
นีรา...นี่หรือความประสงค์ของท่าน... นักบวชชรากล่าวเพียงแค่นั้นแล้วจึงเงียบเสียงลง
ปล่อยใจให้เพ่งมองไฟที่กำลังลามต่อไป จากผืนหนึ่งไปสู่อีกผืนหนึ่ง เมื่อได้เริ่มลาม
มากแล้วหล่อนจึงค่อยลงมือส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ไฟไหม้!!! ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยยยยย..ย!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลิ่นอับชื้นโชยมาแตะจมูกเป็นระยะ แต่ไม่ถึงกับอับอากาศ ภายในทางใต้ดิน
นี่ยังมีสายลมอ่อนจางพัดผ่าน ทำให้ภามินแน่ใจว่ามีทางทะลุออกไปภายนอกได้
อย่างที่อัญญาตากล่าวไว้ เพียงแต่เส้นทางนี้ยาวและวกวนกว่าที่คาดไว้ ซ้ำยังมืดสลัว
แต่ชายหนุ่มไม่กล้าเปิดไฟจากโทรศัพท์มือถือฉายส่องนำทาง ด้วยเกรงว่าใคร
จะมาพบเห็นเข้า จึงอาศัยเดินเลียบกำแพงแล้วเพ่งมองไปในสลัวนั้น
ศิตาภา...เธออยู่ไหน? เขาลองกล่าวเบาๆ ไม่กล้าตะโกนดัง ด้วยว่าเสียงจะก้องไปทั่ว
ศิตา.... เสียงของภามินจึงฟังดูราวภูตพรายกระซิบซาบอยู่ในความมืด
ในขณะที่ยอดดวงใจของเขากำลังนั่งจับเจ่าอยู่หลังลูกรง ด้วยความอ่อนเพลีย
หล่อนไม่ได้ดื่มน้ำมาเกิน 20 ชั่วโมงแล้ว ท้องหรือก็หิวจนไส้แกว่ง แต่สิ่งที่ทำให้ศิตาภา
อดทนอยู่ได้ด้วย ก็ด้วยอารมณ์โกรธแค้นชิงชังที่มีต่อญาตาปัณฑารีย์ แค่กร่นด่าหล่อน
อยู่ในใจก็คลายหิวไปได้เยอะแล้ว นอกจากนั้นแล้วหล่อนยังมีความหวัง เมื่อครู่ใหญ่
ที่ผ่านมาญาณันยามิราบอกว่าเชวาอคิล ชลันธีร์ มารับการทำนายชะตา
เฮอะ! นังบ้าไม่รู้หรือไงว่านั่นน่ะพี่ชายของภามิน
หญิงสาวแน่ใจว่าสองพี่น้องต้องมีแผนการช่วยเหลือหล่อนอย่างแน่นอน แต่จนใจ
ว่าจะติดต่อพวกเขาอย่างไร แล้วพวกเขาจะรู้ไหมว่าหล่อนถูกขังอยู่ใต้ดินอันมืดมิดนี้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ศิตาภาก็ถูกความท้อแท้เข้าจู่โจม หน่วยน้ำตาเอ่อคลอกรอบดวงตา
ภามิน...ช่วยฉันด้วย.. หล่อนพึมพำเบาๆ พลันได้ยินเสียงเรียกแผ่วมาตามสายลม
ศิตา...เธออยู่ที่ไหน?...ศิตา เมื่อแรกที่ได้ยินเสียงนั้นคุ้นเคย หญิงสาวคิดว่าตนเองหูแว่วไป
แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกซ้ำอีกครั้งหล่อนจึงค่อยแน่ใจ
ภามิน..นั่นคุณหรือคะ? ภามินคุณใช่ไหม? หล่อนส่งเสียงตอบออกไป ในเวลานี้ศิตาภา
ไม่สนใจแล้วว่าญาณันหรือญาตาหน้าไหนจะมาได้ยินเสียงที่หล่อนร้องเรียกคนรัก
ศิตาภา...ผมเอง เสียงของภามินบ่งบอกว่าเขายังอยู่ไกลออกไปนัก แต่นั่นก็ทำให้หล่อนดีใจ
เป็นนักหนา น้ำอาบอุ่นค่อยไหลรินมารดแก้มเนียน ศิตาภารีบเช็ดมันออกจากใบหน้า
เมื่อรู้สึกว่าตนว่าเผลอร้องไห้เข้าเสียแล้ว หล่อนไม่อยากให้ภามินเป็นห่วงมากไปกว่านี้
ฉันอยู่นี่นนนนนนนนนนนนน...น ศิตาภาเปล่งเสียงตอบออกไป ครั้งนี้ไม่ดังเท่าครั้งแรก
ทว่าเสียงของหล่อนสะท้อนวนเวียนอยู่รอบตัว แต่ช่วยบ่งบอกตำแหน่งที่หล่อนอยู่ได้
ชัดเจนขึ้น จนในที่สุดภามินก็คลำมาถูกทาง
ศิตา..ผมมาแล้ว นั่นเป็นคำแรกที่เขากล่าวกับหล่อนหลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันหลายวัน
ภามิน คุณมา...คุณมาช่วยฉันจริงๆ ด้วย สาวงามเอ่ยทั้งน้ำตาแล้วโผเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
ไม่แยแสลูกกรงที่กางกั้นอยู่
ขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องมาเสี่ยงแบบนี้ ชายหนุ่มสอดมือเข้าไปในลูกกรงแล้วโอบกอด
ปลอบประโลมหล่อน
ฉันคิดว่าจะไม่มีใครหาฉันเจอแล้วเสียอีก ญาตานั่นใจร้ายมาก เขาต้องทำอะไรฉันแน่ๆ
ฉันอาจจะไม่ได้กลับออกไปอีกเลยก็ได้
ไม่หรอก...เขาไม่ฆ่าคุณหรอก อย่ามากก็สะกดจิตให้คุณลืมผม หากศิตาภาไม่มองในแง่ดี
เช่นภามิน
ถ้าถึงกำหนดแล้ว ยังเอาคุณไม่ได้อาจจะต้องให้กลทีป์ช่วยล่ะ ปัณฑารีย์เป็นอาของเขา
เขาหรือจะช่วยฉัน อาของเขาคงสำคัญกว่าศิตาภาเบือนหน้าหนี หล่อนอคติทุกคน
ที่แวดล้อมใกล้ชิดญาตาปัณฑารีย์ไปหมดแล้ว ภามินมองแล้วได้แต่ยิ้มอ่อนปลอบโยน
อย่างไรเขาก็ดีใจที่ได้มาช่วยเหลือหล่อนด้วยตัวเอง
ไม่เอาน่า...ผมมีวิธีให้เขาช่วยก็แล้วกัน...ซึ่งเขาปฏิเสธไม่ได้แน่นอน เอาเถอะ...ต่อให้
ต้องเผาที่นี่เพื่อช่วยคุณออกไปผมก็จะทำ OK หรือยังคนสวย? รอยยิ้มอ่อนโยนนั้น
ช่างกวนประสาทยิ่งนักในความรู้สึก แต่ก็ทำให้ความวิตกกังวลที่มีมาสลายไปอย่างรวดเร็ว
หล่อนจึงได้แต่ส่งค้อนขวับให้
ศิตา..ตอนนี้ออกจากที่นี่กันก่อนเถอะ หญิงสาวรีบพยักหน้ารับไม่โต้เถียงกันอีก
ชายหนุ่มส่งมือถือให้หล่อน บอกให้ฉายไปไปที่กุญแจห้องขัง ส่วนเขาควักกุญแจ
ได้จากอัญญาตามาทดลองเปิด
มันดอกไหนกันวะ? กุญแจพวงใหญ่นั่นทำให้ภามินหงุดหงิด เพราะมีลูกกุญแจห้อยอยู่เต็มพวง
ในขณะที่ศิตาภาวิตกว่าจะมีใครมาพบทั้งคู่เข้าเสียก่อน
เปิดได้แล้ว!! ทั้งสองแทบจะร้องไชโยออกมา หนุ่มรูปทองรีบกระชากประตูกรงขังออก
ส่วนเจ้าหล่อนก็ก้าวออกมาอย่างไม่ลังเล
ไปกันเถอะ... เขาคว้ามือเธอดังหมั่บแล้วดึงให้เดินตามไปโดยเร็ว
คุณเข้ามาได้ยังไงคะ?
อัญญาตาให้กุญแจมา ทางออกอยู่ใต้แท่นบูชานีรานั่นแหละ
ท่าน...อัญญาตาท่านช่วยเรา?
ชายหนุ่มไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน ปล่อยให้สาวสวยนึกซาบซึ้งดีใจกับน้ำใจของอัญญาตา
ไปเงียบๆ จากนั้นทั้งสองก็ไม่มีคำพูดใดจะกล่าวต่อกันและกันอีก คงมีแต่ความเงียบ
เข้าครอบครองพื้นที่ หากใจของศิตาภาไม่ได้เกรงกลัวสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่ภามิน
ยังกุมมือหล่อนอยู่เช่นนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++