Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
endless wars ฤาโลกนี้จะสูญสิ้น ตอนที่ สอง ติดต่อทีมงาน

บทก่อนหน้านั้น http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11044098/W11044098.html


ยากที่จะเชื่อ



เฮือก!!! ฝันบ้าอะไร ฝันแบบนี้มาทุกคืน ติดๆกันหลายวันแล้วนะ
เด็กหนุ่มตาสองสี ผมน้ำตาลจากเชื้อสายตะวันตก สะดุ้งตื่นจากฝัน ก่อนจะนึกอย่างหงุดหงิด

เมื่อร่างบางแต่แกร่ง ลุกขึ้นมาจากเตียง ลองมองไปในกระจกที่ติดไว้ด้านข้าง ก็พบใบหน้าขาวซีด ดวงตาสองสีข้างหนึ่งเป็นสีทอง แต่อีกข้างเป็นสีเงิน
ผู้ให้กำเนิดเคยบอกไว้ว่า ดวงตาสองสีนี้ ก็ได้มาจากเสื้อสายทางตะวันตกของพ่อ พ่อ....ที่ไม่เคยพบหน้า

ในความทรงจำไม่มีอยู่เลย รู้แค่เพียงเหตุผลที่เคยได้รับการบอกเล่า ว่าบิดาของเขาเสียไปตั้งแต่เจ้าตัวยังเล็ก จึงไม่มีความจำส่วนนี้หลงเหลืออยู่ มีเพียงแค่สร้อยคอรูปดาบเล่มเล็ก ที่ติดคอมาตลอดเท่านั้น
ที่คงอยู่เป็นตัวแทนของความสูญเสีย มือบางลูบใบหน้าที่หากมองผาดๆ  มักดูไม่ออกว่าหญิงหรือชาย
ก่อนจะพบว่ามือนี้เย็นชื้นไปด้วยเหงื่อดังเช่นทุกครั้ง

เมื่อเขาลงมาด้านล่าง ก็พบสตรีร่างท้วมอายุประมาณสี่สิบปลายๆ เธอคือมารดาของเขา ผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดในโลกที่เขารู้จัก ร่างท้วมกำลังยืนหันหลังให้ พร้อมกับพลิกข้อมือที่ควบคุมตะหลิวไปมาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

"แม่ทำอะไรกินครับ หอมจังเลย " เด็กหนุ่มสวมกอดมารดาทางด้านหลัง

"ไปล้างหน้าตาซะ แทน พึ่งตื่นล่ะสิ หัวยุ่งเชียว" เธอตอบยิ้มๆก่อนจะขยี้หัวที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งขึ้นไปอีก

" คร้าบ...." แทนไทลากเสียงอย่างล้อเลียน ก่อนจะหอมแก้มแม่แล้วไปจัดการตัวเอง
ฉับพลันสร้อยคอที่คอก็ร้อนขึ้นจน แทนไทรู้สึกได้

"เอ๊ะ!!"  แทนไท ร้องเสียงหลงเมื่อความร้อนเกิดขึ้นที่หน้าอก ก่อนจะจางหายไปจนเจ้าคิดว่า คงเป็นแค่อุปทาน

"เป็นอะไรแทน " มารดาของเขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นอากัปกริยาของลูกชาย

"เอ่อ ไม่มีอะไรครับ "
ในมือของเขามีสร้อยคอรูปดาบที่ห้อยติดตัวอยู่เสมอ ดวงตาสองสีเพ่งมองมันด้วยความแปลกใจ
มารดาของเพียงเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
ก่อนเลือกจะหันไปสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อ

"เอ่อ แม่ครับ แม่เคยฝันเรื่องเดิมๆติดๆกันมั้ยครับ"
มือบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นชาย  ลูบคลำสร้อยคออย่างเลื่อนลอย

"เรื่องอะไรล่ะ เล่นเกมส์มากไปรึเปล่าจ๊ะพ่อหนุ่มน้อย "เธออดอมยิ้มไม่ได้ด้วยความเอ็นดูในตัวบุตรชาย

"ฝันว่าอยู่ในสงครามสมัยโบราณน่ะครับ "

แกร๊ง!! โลหะที่ใช้เป็นเครื่องมือประกอบอาหารหล่นลงสู่พื้น ทำเอาแทนไทหันมองด้วยความตกใจ
"แม่ครับ แม่เป็นอะไรรึเปล่าครับ "

"เปล่าจ๊ะ แค่มือลื่นน่ะ "เธอตอบด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อปกปิดอาการสั่นของขากับมือ ที่มาพร้อมกับความหวาดกลัวในจิตใจ แทนไทเพียงแค่มองด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะลืมเรื่องนี้จนหมดสิ้นเมื่อต้องเตรียมตัวไปเรียน
เพียงแต่
เขาจะหยุดดู
เพียงแต่
หากสังเกตุมากหน่อยจะพบความผิดปกติในแววตา
" ชายหนุ่มได้แต่สงสัย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

เมื่อคล้อยหลังร่างบางออกไป สายตาของเธอเหม่อ มองลอยห่างออกไป ก่อนจะกล่าวเบาๆกับตัวเอง
"ลาก่อน องค์ราชา "

.....................................................

รถราที่มากมายตามเวลาที่รีบเร่ง ผู้คนที่มีจุดหมายปลายทางที่จะต้องไป ยิ่งเวลามากเพียงใด
ผู้คนยิ่งหนาตายิ่งขึ้น ก่อนจะค่อยๆหายไปเมื่อเข็มที่บ่งบอกเวลาชี้มาถึงเลขแปด
แทนไทขยับตัวอย่างอึดอัด เมื่อคนบางคนไม่ยอมออกห่างจากประตูรถ ด้วยเห็นว่าสะดวกตัวเอง
จนกระทั่ง หาทางแทรกเข้าไปได้ก็พบที่โล่งมากมายทางด้านหลัง

"โอ๊ย!!! " เสียงหวานใสดังขึ้นด้านหลังทำให้แทนไทต้องหันไปดู ก็พบใบหน้าเล็กๆที่ดูแหย่เก เมื่อหางเปียของเธอเข้าไปพันกับ กระเป๋าของเขา

"ขอโทษครับ" เด็กหนุ่มตาสองสีรีบกุลีกุจอเข้าแกะกระเป๋าเจ้ากรรม ที่ติดพันหางเปียของเธอ
ตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นแทรกตัวเข้ามา เธอพบว่าเขามีดวงตาที่แปลกประหลาด
ชนิดที่ว่าเธอไม่เคยเห็นใครมีดวงตาสีนี้เลย เธอจึงหันไปมองเขาจนกระทั่งหางเปียที่ยาวถึงบั้นเอวของเธอ
เข้าไปพันกับกระเป๋า ที่อยู่กลางหลังของเขานั่นล่ะ เธอจึงละสายตาจากเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้

เธอเฝ้ามองดูมือบอบบาง จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมือชาย แกะหางเปียเจ้ากรรมที่เข้าไปพันกระเป๋าของเขา
อย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอแอบลอบมองใบหน้าใสขมวดมุ่นเมื่อตั้งใจในสิ่งที่ทำอยู่ ฉับพลันเธอก็สังเกตุเห็น สร้อยคอที่เป็นรูปดาบเล็กๆหลุดออกมาจากช่วงอกของเขา

         ทำให้เธออดคลำสิ่งที่ห้อยคอเธอมาแต่กำเนิดไม่ได้ สร้อยคอเส้นนี้มารดาที่เสียตั้งแต่เธอยังเล็ก ให้ไว้ตามคำบอกของผู้เป็นบิดา มันเป็นรูปโล่ห์สีเงินพื้นผิวเรียบเลื่อน สลักรูปดอกไม้และต้นไม้อย่างวิจิตรบรรจง จนไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำจากน้ำมือคน ตรงกลางของมันมีร่องบากตรงกลาง เหมือนจะไว้ใส่อะไรบางอย่าง เธอนึกถึงคำของผู้ให้กำเนิด เมื่อเธอถามถึง สิ่งที่อยู่ตรงกลาง

“ แล้ววันหนึ่งมันจะมาอยู่ตรงหน้าลูก " ด้วยเหตุผลกลใดไม่อาจทราบ เธอจึงรู้สึกว่าสิ่งที่ขาดหายไปอยู่ตรงหน้านี่เอง

"สร้อยคอนั่น "เสียงเล็กๆเอ่ยขึ้นมา ทำให้แทนไทต้องเงยหน้าจากสิ่งที่ทำอยู่
เธอมองสิ่งที่ห้อยคอของแทนไทอย่างไม่วางตา ทำเขาอดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง

“มีอะไรงั้นเหรอ”


“สร้อยคอนั่น ขอดูหน่อยได้มั้ยคะ “ เธอหยิบสิ่งที่ห้อยคอของตัวเองออกมา

ทันทีที่ออกมาข้างนอก สร้อยของเขาและเธอก็บังเกิดแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทาน

ทั้งสองสิ่งหลุดจากมือของอีกผู้ถือครอง แล้วเข้าประกบกันในทันที
แสงที่จ้าจนต้องเอามือปิดตา ก็ส่องประกายออกมาจากสองสิ่งที่หลอมรวมกัน

ฉับพลันคนทั้งคู่ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในรถไฟเหาะตีลังกา บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกำลังพุ่งขึ้น บางครั้งก็รู้สึกเหมือนดิ่งลงหุบเหว หรือรู้สึกว่าถูกเหวี่ยงไปทางซ้าย แล้วก็ย้ายมาทางขวา ขณะที่ทั้งคู่คิดว่าเมื่อไหร่จะจบเสียที
ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น จนอยากเอามือปิดหู  แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน





.....................................

ค่ำเดือนหงาย แสงจันทร์ส่องกระจ่างให้แม้ว่าเป็นยามค่ำคืนแต่ทุกสิ่งกลับเห็นกระจ่างชัด เสียงแมลงต่างร่ำร้อง ต้นไม้ใบไม้ ต่างสงบนิ่งชวนให้นิทรา ถนนคันดินว่างเปล่า

แต่แล้วอาชาตัวหนึ่งก็โผล่พ้นพุ่มไม้ลงมายังถนนคันดิน ใบไม้ปลิดปปลิวไปตามแรงลมที่อาชาตัวนั้นผ่านพ้น

บนหลังของมันมีอิสสตรีผู้หนึ่ง เธอผู้นั้นมีสีหน้าที่ร้อนรน รูปร่างบอบบาง ผิวขาวละเอียด ผมสีทองปลิวสยายไปตามลมแรง ใบหน้างดงามราวดวงจันทร์ที่ทอประกายอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน
เธอก้มลงไปกระซิบ เพื่อนคู่ใจที่กำลังวิ่งเต็มฝีเท้า
"เร็วเข้าซิลเฟ่ ข้ารู้ว่าเจ้าเหนื่อย แต่ถ้ามันตามทัน พวกเราตายแน่ "

เหมือนจะรู้คำ ม้าสีดำตัวนั้นเร่งฝีเท้าขึ้นอีก จนภาพที่อยู่ข้างทางกลายเป็นภาพเบลอจนแทบจับภาพไม่ได้
ริมฝีปากสีกุหลาบ ยกมุมปากขึ้นเมื่อรู้ว่า ด้วยความเร็วขนาดนี้ คงไม่กี่อึดใจ
เธอจะหนีพ้นเจ้าสิ่งที่ตามหลังมา อย่างไม่ยากเย็น แต่แล้ว......

ตูม!!!เสียงดังสนั่นพร้อมกับกลุ่มควันที่พวยพุ่ง ขึ้นมาตรงหน้า ทำให้ต้องชักบังเหียนหยุดตามสัญชาติญาณ
เมื่อกลุ่มควันจางลง เธอกับชายหญิงคู่หนึ่งก็ประสานสายตาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ด้วยสัญชาติญาณ จึงชักดาบเล่มบางแต่คมกริบออกมาทันที
ผู้ชายเมื่อเห็นเธอชักอาวุธก็ดันฝ่ายหญิงให้ไปอยู่ด้านหลังตน
....
..........
ความเงียบที่น่าอึดอัด เกิดขึ้นระหว่างคนสองคน
เมื่อเห็นอาวุธที่ถูกชักออกมาแต่ไม่ได้ฟาดฟันในทันที ชายหนุ่มจึงค่อยๆยกมือขึ้นสองข้างเป็นสัญญาณ
บ่งบอกอะไรบางอย่าง แล้วก้าวข้ามขอบหลุมลึกประมาณครึ่งขา ที่เกิดจากแรงระเบิดตรงเข้ามาหาเธอ

"สวัสดีครับ เอ่อ.....ที่นี่ที่ไหนครับ "
เมื่อเธอลองมองใบหน้านั่น ก็พบว่าผู้เชายคนนั้น มีดวงตาที่แจ่มใส ราวกับไม่มีเคยสิ่งใดมาแพ้วพานให้ทุกร้อนใจ และดวงตาคู่นั้น มีสองสี

ช่างประหลาดนัก พวกที่มีดวงตาเช่นนี้ คงมีได้แต่พวกมันเท่านั้น ในหมู่มนุษย์ไม่มีใครมีสีตาเช่นนี้หรอก
แต่เธอก็ไม่เคยเห็น เผ่าพันธ์ที่ผิวเหลืองนวลตา ดวงตาสองสี รุปร่างเหมือนมนุษย์ ในบรรดาพวกมันมาก่อน
ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือพวกเชื้อพระวงค์และชนชั้นสูงของพวกมัน
แต่ก็เป็นเพียงคำบอกเล่า เธอไม่เคยเห็นจริงๆสักครั้ง

"เจ้าเป็นใคร เผ่าพันธ์ใด เป็นพวกข้าหรือพวกมัน " ปลายแหลมยังคงชี้ที่อกตรงตำแห่งหัวใจ

"เอ่อ...คือใจเย็นก่อนนะครับ " ชายคนนั้นยังคงเดินเข้าหาเธอ
ฟึ่บ!! เพียงเธอสบัดข้อมือนิดเดียวปลายแขนเสื้อก็ร่วงหล่นลงไปที่พื้น
เธอยกดาบขึ้นสูงเล็กน้อยจากตำแหน่งหัวใจเป็นที่ลำคอ
"ว่าไง ต่อไปจะไม่ใช่แขนเสื้อแต่เป็นคอเจ้า ตอบมา เจ้าเป็นใคร "

"เอ่อ คือผมชื่อแทนไท และนี่เอ่อ...."ชายคนนั้นมองไปยังสตรีด้านหลังตน
ดวงหน้าเล็กๆที่ลูกแมวนั่น ค่อยๆโผล่มาอย่างกล้าๆกลัวทางด้านหลัง มือเล็กๆขยุ้มเสื้อของชายคนนั้นด้วยหวังจะให้คนที่อยู่ด้านหน้าตนช่วยปกป้อง

" ฉันชื่อฟ้าใสค่ะ เราเอ่อ....เอ่อ หลงทาง ....มั้งคะ " นอกจากสีผมของทั้งคู่ที่ผิดแปลกจากคนที่นี่แล้ว รูปร่างท่าทางก็เหมือนพวกเราทุกอย่าง เธอคงหวาดระแวงไปเอง คิดได้ดังนั้นเธอจึงลดดาบลงแต่ยังไม่เก็บเข้าฝัก

"หลงทางงั้นรึ พวกเจ้าไม่รู้รึว่าที่นี่เป็นเขตชายแดน ถึงจะยังไม่เข้าเขตฉนวนซากาก็เถอะ แต่มันก็ใกล้เขตมากเลยนะ ชาวบ้านอย่างเจ้า มาทำอะไรที่นี่ แต่งตัวก็ช่างประหลาดนัก มาจากไหนกัน "

ตัวเองนั่นล่ะที่แต่งตัวประหลาด แทนไทมองดูผู้หญิงคนนั้นที่แต่งตัว ด้วยเสื้อผ้าที่ดูแปลกประหลาด ราวกับหลุดมาอยู่ในโลกแฟนตาซี เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ราวกับอยู่ในยุคกลางของทางยุโรป เมื่อลองฟังภาษาที่เธอพูดให้ดีๆ ก็พบว่านั่นไม่ใช่ภาษาไทย แต่เป็นภาษาอะไรบางอย่างที่ไม่รู้จัก แต่น่าแปลกที่เขาเข้าใจทุกคำ หนำซ้ำ ยังพูดตอบโต้ไปโดยไม่มีติดขัด  คนด้านหลังเองก็เหมือนกัน

ไม่ทันที่เขาจะตอบโต้กลับไป แขนบอบบางก็ตวัดดาบเรียวอย่างรวดเร็ว  แทนไทผงะไปเล็กน้อยก่อนจะพบว่าเป้าหมายของดาบไม่ใช่เขา แต่เป็นลูกธนูสีดำ จำนวนถึงสองดอก แรงขยุ้มที่หลังหนักขึ้นจนทำให้เขาต้องหันไปมอง และพบว่าใบหน้าเล็กคล้ายลูกแมวกำลังซีดเผือดและตกตะลึง เมื่อเขามองตามสายตาของเธอไปก็พบ....

เจ้าสิ่งนั้นคืออะไรน่ะ  มันมีรูปร่างหน้าตาคล้ายวัวชั่วเสียแต่ว่ามันยืนสองขา มีขนยาวรุงรังปกคลุมทั่วทั้งตัวตน สวมเกราะที่ทาสีดำด้านที่ไม่สะท้อนแสง ดวงตาสีเหลืองจ้องมองมาอย่างเย็นชา ทุกตนสูงราวๆ170ซม ทั้งหมดมีหกตน และมีอาวุธเป็นดาบยาวเท่าแขน แต่ใบดาบเป็นใบกว้างราวๆสามนิ้วมือ  มันค่อยๆโผล่จากตามกิ่งไม้ก่อนจะกระโดดลงมายังพื้น  บ้างก็ออกมาจากพุ่มไม้ในป่า

"พวกลัมกอร์นี่เองมิน่าถึงได้เร็วนัก " น้ำเสียงฟังสบายๆจากปากของ คนที่อยู่บนหลังม้าทำให้ แทนไทต้องหันไปมอง ก่อนจะหยิบท่อนไม้ข้างทางขึ้นมาไว้ในมือ

"เจ้าจะทำอะไร " นางมองด้วยหางตาเล็กน้อยถึงสิ่งเขาทำอยู่ แต่การรับรู้ทั้งหมดอยู่ที่พวกลัมกอร์ตรงหน้า เพราะพวกนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยปรากฎในสมรภูมิ แต่จะปรากฎในฐานะมือลอบสังหาร จึงจะประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย  ที่จริงจำนวนเท่านี้ และด้วยความเร็วของซิลเฟ่ที่เธอขี่อยู่ คงจะตีฝ่าและหลบเข้าที่ปลอดภัยอย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่ แต่เธอไม่อาจทิ้งชาวบ้านตาดำๆคู่นี้ ให้เผชิญหน้ากับพวกมันได้  

"ผมไม่ยอมให้ผู้หญิง ตัวคนเดียวไปสู้กับพวกมันหรอก " เด็กหนุ่มที่กระชับท่อนไม้ในมือมั่นขึ้นตอบ  เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้มาดีแน่ๆ

ผู้หญิง คำนี้อีกแล้ว นางขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะตวัดดาบในมือเฉียดปลายจมูกแทนไท ไปนิดเดียว
" ขืนพูดอีกคำ ข้าจะตัดปากเจ้าทิ้งซะ "นางเหลือบมองด้วยหางตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกระตุ้นม้าเข้าหาพวกมัน


ไม่มีความลังเลเลยสักนิด แทนไทนึกในใจเมื่อเห็นภาพการต่อสู้ของผู้หญิงที่อยู่บนหลังม้า คมดาบเรียวบางฟาดฟันเข้าสู่ที่หมาย เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดเมื่อนางตวัดดาบอย่างเฉียบคม นางอาศัยความได้เปรียบจากการที่อยู่บนหลังม้าด้วยการไม่ยอมอยู่นิ่ง  ม้าตัวนั้นก็ราวกับจะรับรู้การศึกเป็นอย่างดี ทั้งม้าและนางราวกับประสานเป็นร่างเดียวกัน มิใช่คนขี่ กับพาหนะ  
แต่แล้วขณะที่นางกำลังพันตูกับลัมกอร์ตัวหนึ่ง แสงสีเงินสายหนึ่งก็ปรากฎขึ้นทางด้านหลังก่อนที่จะรู้ตัว

"ระวัง!!! " แทนไทร้องตะโกน ทำให้ร่างบางที่อยู่บนหลังม้าเอี้ยวหลบได้ทันแต่ทว่ามันก็ถากเอาแขนซ้ายเป็นแผลใหญ่ไม่ใช่น้อย นางซัดมีดสั้นเข้าที่ซอกคอของมือธนูพอดิบพอดีด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายก็รับดาบหนาของลัมกอร์อีกตน แล้วสบัดดาบเรียวเข้าที่ก้านคอคู่ต่อสู้เหนือเกราะอกปลิดชีพในดาบเดียว แต่ก็ทำให้เธอต้องโจนลงจากหลังม้าเพื่อไม่ให้เป็นเป้าธนูง่ายขึ้น

พวกลัมกอร์ค่อยๆตายไปทีละตนสองตน หรือบาดเจ็บจนต่อสู้ไม่ได้ จนกระทั่งเหลือสองตนสุดท้าย
ทำไมเรี่ยวแรงเราหายไปไหนหมดนะ ดาบที่ลงมาแต่ล่ะครั้งของพวกลัมกอร์ก็ดูเหมือนจะหนักขึ้นทุกที ทุกที
หรือว่า......เธอนึกในใจอย่างกังวลตรงกันข้ามกับสีหน้าที่แสดงออกมา

"หึ หึ เป็นอะไรไป แม่หญิง ไม่ชอบใบเดฟ หรือไร" เสียงต่ำๆคล้ายพูดในลำคอจากปากของลัมกอร์ตนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่  เอ่ยถึงใบไม้ชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เป็น ยาชาอย่างแรง

"พวกแกเนี่ย...วิธีการ กับหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่ได้แตกต่างกันเลยนะ "  เธอเอ่ย ด้วยน้ำเสียงสบายๆ เธอก้าววนเป็นวงกลม  ก่อนจะกระชับดาบในมือ แม้ร่างกายจะเรียกร้องต่างออกไปก็ตาม

"สำหรับพวกเรา เจ้าก็มิได้แตกต่างกันดอก อัปลักษณ์เช่นเดียวกันในสายตาเรา " เจ้าลัมกอร์ยกดาบขนานกับหัวไหล่ ก้าววนเป็นวงกลมเช่นเดียวกับนาง แรงกดดันที่เกิดขึ้นค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น มากขึ้น จนคนที่อยู่วงนอกอย่างแทนไท และฟ้าใส รู้สึกได้ เหงื่อชื้นๆในมือเกิดขึ้นอย่างน่าประหลาด ทั้งที่อากาศเย็นยะเยือกแต่ร่างกายกับร้อนรุ่ม ระยะของทั้งสองค่อยๆหดสั้นลง ทั้งคู่หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว  
......
...........
................

ใบไม้ใบหนึ่งล่วงหล่นลงมา  ทันทีที่ถึงพื้นทั้งคู่ก็กระโจนเข้าใส่กัน
เจ้าลัมกอร์ฟันสะพายเฉียงจากบนลงล่าง หมายสะพายแล่ง  นางรับดาบของเจ้าลัมกอร์ตรงก่อนจะผ่อนกำลังข้อมือเล็กน้อยสลายกำลังจากคมดาบให้หายไป  ทำให้เกิดช่องว่างตรงซอกคอเจ้าลัมกอร์ แต่ทว่าเจ้าลัมกอร์กลับพลิกดาบหมุนวนเข้าข้างใต้แล้วงัดขึ้นอีกครั้ง ถ้าเป็นปกติ ท่านี้จะสลายพลังดาบให้หมดสิ้น ไม่สามารถโจมตีต่อได้
แต่ทว่า.....ด้วยฤทธิยาชา ทำให้กระบวนท่าไม่สมบรูณ์อย่างที่ควรเป็น ดาบเรียวบางหลุดลอยออกจากมือ

เจ้าลัมกอร์ยกดาบขึ้นเหนือหัวหมายสังหาร

"มีอะไรจะสั่งเสียไหม แม่หญิง ถ้าข้าทำได้จักทำให้สุดความสามารถ " เสียงต่ำๆในลำคอ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เมตตา  ตรงกันข้ามกับแววตาที่ไม่มีแม้เศษเสี้ยวความลังเล

เป็นประเพณีของเผ่าพันธ์มือสังหารลัมกอร์ ถ้าทำได้ จะถามสิ่งที่เหยื่อร้องขอก่อนตาย ถ้าไม่นอกเหนือความสามารถ ลัมกอร์ผู้นั้นจะทำให้ เธอไม่เคยนึกเลยว่าจะได้ยินคำๆนี้ ด้วยตัวเอง

เธอหันไปมองแทนไทและฟ้าใส
" ปล่อยสองคนนั่นไปได้หรือไม่ นั่นเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา  มิใช่ทหารเช่นเรา "

" ข้าไม่ทำสิ่งที่อยู่เหนือคำสั่งอยู่แล้ว " เจ้าลัมกอร์ตอบด้วยนำเสียงที่จริงจัง

เมื่อได้ยินคำสัตย์
จึงเธอหลับตายืนเฉยปล่อยวาง

"แล้วเจอกันที่ ภพหน้า แม่หญิง "เจ้าลัมกอร์ฟาดดาบลงมา


"ไม่!!!!!!!!!" แทนไทตะโกนสุดเสียง พยามก้าวเข้าไปช่วย แต่ทว่าเขากลับก้าวขาไม่ออก ร่างกายไม่ยอมขยับ
ไม่สิไม่เฉพาะตัวเขาเท่านั้นที่ขยับไม่ได้ ทุกอย่างต่างหยุดนิ่ง ใบไม้ที่ปลิวไปตามแรงลม กลับลอยค้างอยู่กลางอากาศ

เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย เวลาถูกหยุดงั้นเหรอ

“มิใช่ดอก นายท่าน “

เสียงๆหนึ่งดังขึ้นในหัว

“ ใครน่ะ “ แทนไทตอบกลับไป

“ข้าอยู่กับท่านเสมอ มิว่ายามหลับ หรือยามตื่น ท่านมิต้องใส่ใจไป “ เสียงนั้นยังคงตอบกลับมา

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างหยุดนิ่ง”

“ไม่ใช่หยุดนิ่งแต่เคลื่อนไหว ช้ามากต่างหาก เป็นเพราะสมองของนายท่าน ทำงานด้วยความเร็ว 150เท่าของปกติทุ กสิ่งที่ผ่านสายตาจึงช้ากว่าปกติ เพียงเท่านั้นเอง “

เมื่อแทนไทเพ่งสายตาดูให้ดีๆก็พบว่าคมดาบที่เหมือนหยุดนิ่งนั้น แท้จริงแล้วมันค่อยเลื่อนลงมาอย่างช้าๆสิ่งนั้นทำให้แทนไทร้อนรนยิ่งนัก แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะตัวเองก็เคลื่อนไหวไม่ได้

“ ทำไม ขยับตัวไม่ได้ “

“ได้สินายท่าน ลองพยามดู มิเช่นนั้น หญิงสาวผู้นั้นคงต้องจบชีวิตลง “

เหมือนแหวกว่ายในโคลนตมทุกสิ่งราวอยู่กับในกระแสโคลนที่พัดพา แม้จะลำบาก หากแต่สามารถขยับได้ทีล่ะน้อย ตรงกันข้ามกับใจที่ร้อนรน

ทีล่ะนิด

ทีล่ะนิด

ในที่สุดร่างกายก็เหมือนกับหลุดออกมากระแสนั้นได้ ร่ากายเป็นอิสระอีกครั้ง

แทนไทรีบคว้าแท่งไม้ในมือตีเข้าที่ดาบของเจ้าลัมกอร์ ก่อนจะคว้าร่างบางเข้ามาอยู่ในอก

ได้ผลดาบของเจ้าลัมกอร์แตกเหมือนทำมาจากแก้ว แต่ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันไม้ในมือแทนไทก็ถูกทำลายเช่นกัน

สำเร็จ....เมื่อคิดได้ดังนั้น ทุกสิ่งก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้เชื่องข้าอีกต่อไป

“เจ้า!!!” หญิงสาวร้องอย่างแปลกใจ เมื่อตนเอง เข้ามาอยู่ในอ้อมอก ของชายหนุ่มที่ตนเอง เห็นว่าจู่ๆก็หายไปก่อนจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ปลายไม้ที่เคยยาวเท่าท่อนแขน บัดนี้เหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว  ชี้ไปยังเจ้าลัมกอร์

เผ่าพันธ์มือสังหาร มองอาวุธคู่มือของตนที่ถูกทำลาย จริงอยู่ ดาบของตนไม่ใช่ของที่มีชื่อเสียง แต่ มันไม่น่าที่จะถูกทำลายด้วยท่อนไม้ เมื่อมองดูเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ก็พบว่าดวงตาสองสีนั่น แม้มีความหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ไร้ซึ่งความลังเล แลพร้อมที่จะปกป้องคนตรงหน้าตน

“เด็กเอ๋ย...ถ้าเจ้าคิดขวาง ข้าจะสังหารเจ้าเสียด้วย เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่ “ เจ้าลัมกอร์ชักดาบอีกเล่มที่ขัดอยู่กลางหลังออกมา

เมื่อไร้ซึ่งคำตอบดาบก็ถูกวาดผ่านอากาศลงมาทันที

แทนไทรีบผลักหญิงสาวที่อยู่ในอกตนให้พ้นอันตรายทันที..


ทีแรกเจ้าลัมกอร์ไม่แน่ใจในฝีมือของคู่ต่อสู้จึงยังไม่กล้าผลีผลาม เพราะความเร็วที่น่าเหลือเชื่อนั่นยังคงติดตามันอยู่ แต่แล้วดาบที่ฟาดลงมาแต่ล่ะครั้ง ทำเอาแทนไทกระดูกแทบหลุด

ครั้งแรกไม้แตกเป็นทางยาว

“อาวุธ ฉันต้องการอาวุธ “ แทนไทคิดในใจอย่างร้อนรน

ครั้งที่สองไม้หดเหลือเพียงครึ่งเดียวของที่เป็นอยู่

“นายท่านต้องการอาวุธงั้นเหรอ “เสียงนั่นดังขึ้นในหัวอีกครา

“ใช่ “

ครั้งที่สาม ไม้ที่อยู่ในมือก็ยาวเพียงแค่ฝ่ามือ จนต้องโยนทิ้งไป

“ ถ้าเช่นนั้น ข้าก็อยู่ในมือท่านแล้ว “สิ้นเสียงที่อยู่ในหัว จู่ๆแทนไทก็คันยิบๆที่มือขวาเมื่อมองด้วยหางตาก็พบว่า

ดาบดาบโผล่ขึ้นมาจากกลางฝ่ามือ ไม่มีเวลาลังเลแม้แต่น้อย ราวกับต้องรู้ว่าทำอะไร แทนไทคว้ามันด้วยมือซ้ายข้างถนัดแล้วชักมันออกมา พอดีกับเจ้าลัมกอร์ที่ถลันเข้ามาเพราะคิดว่าคู่สู้ไม่มีอาวุธในมืออีกแล้ว

คมดาบสีแดงผ่านเสื้อเกราะเหล็กราวกับมีดร้อนๆที่ตัดผ่านเนย

เปลวเทียนแห่งชีวิตดับวูบไปก่อนที่เจ้าลัมกอร์จะรู้ว่าโดนอะไรเข้าเสียอีก

แทนไทได้แต่ยืนอึ้งเมื่อรู้ว่าตนทำอะไรลงไป เมื่อมองอาวุธที่อยู่ในมือตนก็พบว่าโลหิตสีแดงยังคงหลั่งไหล จากปลายดาบ แม้ว่าตัวดาบจะเป็นสีแดงก็ตามแต่สีและกลิ่นคาวยังคงชัดเจนยิ่งกว่า

แทนไทหันไปมองหญิงสาวผู้นั้นที่ยืนกุมไหล่ที่บาดเจ็บ และฟ้าใสที่กำลังเดินเข้ามาหา ฉับพลันอาการปวดหัวอย่างรุนแรงก็บังเกิดขึ้น เหมือนมีคนเอาคีมเหล็กมาบีบขมับ
ก่อนที่สติจะดับวูบไป
แทนไทเห็นชายในชุดขาวผมสีเงินนั่งบนหลังคารถที่ยับเยินจากไฟ และบ้านเมืองที่กำลังลุกไหม้เป็นฉากหลัง


“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน องค์ราชา “ ชายผู้นั้นแสยะยิ้ม
แล้วทุกสิ่งก็มืดมิด

ตอนต่อไป

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11110939/W11110939.html

แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 14:07:23

แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 13:59:21

แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 54 02:57:44

จากคุณ : sillfai
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 02:56:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com