Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Bitter Sweet – เพราะเธอ ..... หัวใจจึงพบรัก (ตอนที่ 6) ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10941594/W10941594.html (ตอนที่ 1 )
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10952213/W10952213.html (ตอนที่ 2)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10965250/W10965250.html (ตอนที่ 3)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10984889/W10984889.html (ตอนที่ 4)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11025969/W11025969.html (ตอนที่ 5)

เจ้านั่นบอกแผนฉันที่ละขั้น มันบอกว่าพวกความจำสั้น บอกอะไรเยอะๆ ไม่ได้หรอก ตอนแรกก็ให้ฉันพยายามโทรติดต่อเจ้าของตึกก่อน ซึ่งเป็นไปตามที่เขาคาดหมายคือฉันโทรติดต่อไม่ได้

“วอดวาย วอดวาย” ฉันโหวกเหวก เจ้านั่นนั่งหน้าเครียดไม่แพ้กัน ฉันนั่งกองลงกับพื้น มือกำโทรศัพท์มือถือ ตั้งสติหน่อยเมษา ฉันหันไปมองรูปปั้นเดวิสสุดหล่อที่หน้าตาเรียบนิ่งเฉยอยู่ ฉันโชคดีเกินไปหรือเปล่าที่เจ้านี่ขี่ม้าขาวมาช่วยได้ทันเวลา เออ จะว่าไปจะทันเวลาหรือเปล่า ณ จุดนี้ทดไว้ในใจก่อน ฉันเริ่มคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา ตอนแรกเจ้านี่ก็เหมือนจะมาหางานทำ มาขออาศัยอยู่ด้วย แล้วอยู่ๆ ก็กลายเป็นคนที่เข้ามาช่วยเคลียร์เรื่องต่างๆ ให้ โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี เจ้านี้เข้ามาทำไม ต้องการอะไรกัน เจ้านั่นดูเหมือนจะรู้ตัว “คิดอะไรอยู่ เมษา” ฉันส่ายหน้า “โทรไม่ติดใช่ไหม” เจ้านั่นทำเสียงเหมือนเย้ยหยัน  

“เรากำลังคิดว่า ถ้ากรณีที่เลวร้ายที่สุดก็คือคนที่เอาเงินเธอไปไม่ใช่เจ้าของตึกด้วยซ้ำ อาจจะเป็นแค่คนที่มาเช่าตึก ตามทันมั้ย” เจ้านั่นดูเป็นห่วงเป็นใยสติปัญญาฉัน หรือว่าขี้เกียจพูดรอบสองก็ไม่รู้ ฉันพยักหน้า เออ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ตายแน่ เงินเข้าก็ไม่มี แถมยังจะโดนหิ้วเข้าตารางอีกเหรอเนี่ย น้ำตาเอ่อนองออกมา ฉันพยายามกลั้นเอาไว้ กลัวเจ้านั่นจะด่าเอา นั่นมันเดินมาแล้ว ทำไงดี ฉันพยายามหลบหน้า เจ้านั่นมานั่งยองๆ ข้างหน้าแล้ว โดนด่าแน่ๆ เจ้านั่นเอามือโอบหัวฉันไปแนบอก “ร้องออกมาเหอะ โดนขนาดนี้ น่าจะร้องออกมาตั้งนานแล้วนะ ไม่เป็นไรหรอก เราจะช่วยกันแก้ไขนะ” ฉันจะไม่คิดอะไรอีกต่อไปแล้วล่ะ ไม่ว่าหมอนี่จะมาไม้ไหน จะหวังอะไร ฉันก็จะไม่คิดให้เปลืองสมองแล้ว

ฉันไม่รู้หรอกว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน จนเจ้านั่นพูดขึ้นมา “เมษา ..... ตะคริวกินขา” ฉันเช็ดน้ำมูกน้ำตาแล้วผละออกจากอ้อมอกของหมอนั่น ไม่รู้ว่าฉันเขินหรือหมอนั่นเขินกันแน่ สถานการณ์อิหลักอิเหลื่อมากๆ ที่แน่ๆ ตอนนี้ฉันไม่กล้าเงยหน้าไปมองหน้าเจ้านั่นแล้ว เจ้านั่นค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเดินไปนั่งที่โซฟา ฉันคิดว่าเจ้านั่นคงไม่ได้มีอาการเขิน ดูปกติ

"เอ่อ......” ฉันเอ่ยขึ้น “ทำไมเธอต้องทำดีกับฉันด้วย อย่าบอกนะเพราะว่าฉันโง่ ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่” ฉันรู้สึกขัดแข้งในตัวเอง ใจหนึ่งก็บอกว่าอย่าไปสนใจเลย เขาดีกับเราก็ดีแล้ว อีกใจหนึ่งก็อยากรู้นี่หว่า เจ้านั่นมองฉันด้วยสายตาที่ฉันแปลความหมายไม่ออก “เธอยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ เมษา.........”เขาเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม นัยน์ตาเป็นประกาย ฉันรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า ฉันเคยคิดนะว่าวันหนึ่งจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยฉัน ในวันที่ฉันอับจนหนทาง ด้วยความรัก ความหวังดี ความอบอุ่นที่เขามอบให้ฉัน จะทำให้ฉันมีความสุข ฉันไม่นึกว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ไม่นึกด้วยว่าเจ้าชายจะหล่อบาดใจขนาดนี้

“ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ เองนะ” ฉันพึมพำ เจ้านั่นอมยิ้มและเอ่ยว่า “เราทำเพื่อเชอเบท” เสียงความฝันฉันแตกดังเพล้ง.... ”ถ้าเธอโดนยึดที่อยู่อาศัย เงินหมด เชอเบทก็คงไม่มีอะไรกิน สุดท้ายก็จะต้องไปหากินเอง เป็นแมวจรจัด เราคงทนไม่ได้” เจ้านั่นยังคงพล่ามต่อ ฉันรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าแรงๆ เจ้านั่นอุ้มวัยหวานขึ้นมากกอด ฉันค้อนนังแมวสาว

“วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยมั้ย” เจ้านั่นพูดเหมือนสั่งอีกแล้ว “ยังไงก็ไม่มีลูกค้าอยู่แล้ว” ฉันตอกย้ำตัวเอง เจ้านั่นพยักหน้าก่อนจะกลับป้ายเป็น Close

“ไปเดินเล่นกัน” อากัปกิริยาเจ้านั่นไม่ผิดเพี้ยนอะไรกับเมื่อเช้าเลย วัยหวานเข้าเป้ไปแล้ว ฉันเดินตามออกไป

ตามคาด เจ้านั่นพาร่างสูงๆ ไปตามทางเดินไปสวนสาธารณะ สงสัยจะพาไปหาคุณตาคุณยายคู่นั้น ชั้นนึก ก็ดีไปบ้านคุณตาคุณยายแล้วคงรู้สึกผ่อนคลายแน่ๆ แต่เอ... ทำไมคนเต็มสวนสาธารณะเลย มีเต็นท์สีขาวเต็มไปหมด งานกาชาดเหรอ เจ้านั่นชะลอฝีเท้า “จับเป้ไว้สิ เดี๋ยวหลงกันนะ” เจ้านั่นบอก ฉันเอื้อมมือไปจับเป้ที่ใส่แมวอ้วนไว้ คนเยอะจริงๆ ด้วย “ทำไมงานกาชาดมาจัดที่นี่” ฉันพูดกับตัวเอง เจ้านั่นตัวสั่น “คลาสสิกอีกแล้วเมษา” ก็มันเหมือนงานกาชาดนี่นา มีเต็นท์ มีออกร้าน ร้านอาหาร ร้านขายของ   .........มีคนมาเดินตัดหน้า มือฉันหลุดจากเป้ ฉันพยายามจะเดินแซงสองคนที่มาแซงด้านหน้า แต่ก็ไม่ประสบผล แถมมองไม่เห็นเจ้านั่นอีก เพราะสองคนข้างหน้าบังฉันจนมิด ฉันพยายามชะเง้อหา ฉันมัวแต่มองหาจนไม่ได้มองทางเดิน สะดุดสายไฟที่เขาวางไว้กับพื้น หน้าคะมำลงไป  คนแหวกเป็นทาง อายจัง อย่ามุดแผ่นดินหนี ลุกขึ้นมาก็ยังหาเจ้านั่นไม่เจอ

“เธอเห็นคนที่เดินผ่านไปไหม นายแบบที่จะมางานวันนี้แน่ๆ” ฉันได้ยินผู้หญิงสองคนที่เดินผ่านมากระซิบกัน ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าเจ้านั่นอยู่ทางไหน ฉันเดินไปอีกพักหนึ่งเจ้านั่นยืนหน้านิ่งรออยู่ “ขอโทษนะ.....” ฉันรีบเอ่ย กลัวโดนด่านี่นา ฉันรีบยอมแพ้ไว้ก่อน เจ้านั่นพูดเสียงเรียบๆ “จับแขนไว้สิ” เจ้านั่นยื่นกล้ามโตๆ มาให้ ฉันมองหน้าแต่เจ้านั่นหันไปทางอื่น “เร็วๆ เข้าเดี๋ยวก็หลงกันอีก” ฉันเอื้อมมือไปจับแขนตรงเหนือข้อศอก เนื้อตัวมนุษย์มันอุ่นดีจังนะ

ตรงกลางของสวนสาธารณะซึ่งอยู่บนเนินมีเก้าอี้จัดเรียงไว้เหมือนจะมีวงดนตรีมาเล่น มีคนนั่งบ้างประปราย ฉันพยายามมองหาเวที ไม่มีแฮะ เอาเก้าอี้มาตั้งไว้ทำอนุสรณ์สถานอะไร แต่ก็ไม่อยากเอ่ยปากถาม กลัวจะโดนหาว่าบ้านนอกเข้ากรุงอีก ถัดจากเก้าอี้ไปไกลพอสมควร มีคนยืนอยู่เป็นจำนวนมาก  ซึ่งฉันมองไม่ออกว่าเขาทำอะไรกัน เจ้านั่นหยุดยืนตรงเก้าอี้ตัวหลังสุด “นั่งสิ”  เจ้านั่นสั่ง ฉันนั่งลง เจ้านั่นส่งเป้แมวอ้วนให้ ฉันกอดไว้ “หิวน้ำมั้ย” เขาถามเสียงเรียบๆ ฉันส่ายหน้า หมอนั่นนั่งตรงเก้าอี้ข้างๆ หลังเอนพิง ยกปลายขาข้างหนึ่งพาดไว้ที่เก้าอี้ข้างหน้า แค่นั่งก็ต้องทำท่าเท่ห์ด้วย ฉันนึก  เรานั่งกันเงียบๆ มองผู้คนเริ่มเข้ามาจับจองเก้าอี้ ฉันพยายามนึกว่ามันจะมีอะไรเหรอ ฉายหนังก็ไม่มีจอหนัง หรือว่าเป็นละครลิง เสี่ยวน่า เมษา ฉันคิดเองเออเอง

“เอ่อ โทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณคือคนที่เล่นหนังเรื่อง รักนะ ... จะบอกให้หรือเปล่า” เด็กสาวสองสามคนเดินกระมิดกระเมี้ยนเข้ามาถามเจ้านั่น เจ้านั่นส่ายหน้าช้าๆ สาวๆ ยังยืนมองกันอยู่แถมซุบซิบอะไรกันด้วย ฉันหันไปมองหน้าเจ้านั่น มันยังคงทำหน้าเหม็นเปรี้ยวเหงื่อใครอยู่ตลอด ตลอด

“น้องครับ มีโมเดลลิ่งในสังกัดหรือยัง” มาอีกแล้ว ฉันหันไปมองเจ้านั่นแค่ส่ายหน้าเฉยๆ แต่รัศมีความขุ่นเคืองอาจจะฉายแววออกมา เจ้าคนถามเลยเดินถอยหลังแบบมูนวอล์คออกไป ฉันมองไปทั่วๆ เพิ่งรู้สึกตัวว่า เรา.... โอ ไม่สิ เจ้านั่นกลายเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งไปแล้ว ทุกคนหันมามองที่รูปปั้นเดวิส สายตาทุกคู่ ขอย้ำ ทุกคู่หยุดอยู่ที่เทพบุตรข้างๆ ฉัน ฉันไม่รู้เลยว่าทุกคนต่างตีวงออกไปหมดจนเรากลายเป็นจุดศูนย์กลาง ทุกคนซุบซิบคุยกัน ฉันได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง แต่ที่รู้ๆ พูดถึงเจ้าหมอนี่อยู่แน่ๆ ออร่ามันเปล่งประกายขนาดนี้

อยู่ดีๆ เจ้านั่นก็ลุกพรวดขึ้น “..........ไปเหอะ” เขาพูดหน้าตาไม่สบอารมณ์อย่างแรง ยิ่งกว่าข้าวเหนียวบูด เอ้า นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป เจ้านั่นคว้าเป้ไปสะพาน แมวอ้วนตกใจ ทุกคนแหวกทางให้เจ้านั่นเดิน โดยมีฉันครึ่งวิ่งครึ่งเดินตามไปตืดๆ “อะไรของนาย อยู่ๆ ก็เดินออกมา ฉันเลยอดดูละครลิงเลย” เจ้าบ้านั่นหัวเราะก๊าก “คลาสสิคอีกแล้ว เมษา”

เจ้านั่นพาฉันเดินไปทางไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว มันเดินเลี้ยวเข้าไปที่ตึกร้างสองชั้น ฉันมองไม่ค่อยเห็นทาง “เฮ้ย.... จะไปไหนเนี่ย” ฉันชะลอฝีเท้า เจ้านั่นคว้ามือฉันไว้ “เดินตามมาติดๆ แถวนี้ผีดุ” อะไรกันเนี่ย อย่าขู่สิ กลัวผีนะเว้ย นี่จะเดินไปไหน เจ้านั่นจูงฉันเดินดุ่มๆ ขึ้นไปบนตึกร้าง ตายแล้ว....นี่มันจะหลอกปล้นชิงทรัพย์ หรือว่าลวงฉันมาฆ่าหรือเปล่า ตลกน่าเมษา เธอไม่มีทรัพย์สินอะไรสักหน่อย ถ้าปล้นสวาท....ไม่น่าเป็นไปได้ มันปล้นสวาทฉันที่บ้านก็ได้ เขาพาขึ้นบันไดแล้ววนออกมาด้านนอก น่าจะเป็นส่วนที่จะสร้างเป็นระเบียงแต่ว่าไม่มีกำแพงอะไรตรงนี้เลย หลังคาก็ไม่มี ฉันเงยหน้ามองเห็นดาวประปราย แสงไฟจากด้านนอกส่องเข้ามาทำให้ไม่มืดมากนัก เจ้านั่นหยุดยืนและนั่งห้อยขาลงด้านล่าง จากความสูงขนาดนี้ ฉันไม่กล้ามองลงไปด้านล่าง  “จะยืนค้ำหัวอีกนานไหม” มันเหน็บ
“แล้วจะนั่งทำไมเนี่ย จะพาฉันมาพี้ยาเหรอ” เจ้านั่นหัวเราะหึๆ คว้าเอาเป้ของวัยหวานไป “....เชอเบทอยู่ในนี้แหละ อันตราย” มันสั่งการกระทั่งแมว อะไร ทำไมถึงบอกแมวว่าอันตราย ฉันยืนกอดอก รู้สึกว่าอากาศเย็นๆ “นั่งสิ เมษา” เจ้านั่นสั่งอีก ฉันยังเฉย “เราจะมาทำอะไรกันตรงนี้”ฉันลองใช้ไม้อ่อนถามด้วยเสียงพลิ้วไหว เผื่อมันจะยอมบอก มันล้วงของในเป้ ชัดเลยทีนี้ อุปกรณ์เสพยาแน่ๆ เฮ้อ เมษา เธอจะซวยไปถึงไหนน้า เจ้านั่นเงยหน้ามามอง “ไม่นั่งก็ตามใจ”

วาบๆๆ
อะไร อะไร แสงอะไร เหมือนฟ้าแลบ

ปุ๊ ปุ๊
ฉันหันไปทางด้านหน้า ซึ่งน่าจะเป็นสวนสาธารณะ

พลุนี่นา......... พลุจริงๆ ด้วย..................ฉันรีบนั่งลงข้างเจ้านั่น ฉันหันไปมองหน้า แอบเห็นเจ้านั่นยิ้มมุมปาก

โอ............สวยมากมาย คราวนี้เป็นรูปเหมือนดาวเสาร์ ฉันนั่งกอดอก อากาศดีจังแต่หนาวไปหน่อย ข้างบนนี้ลมเย็นจัง เจ้านั่นเอนตัวมาใกล้ๆ และคลุมเสื้อหนาวให้ฉัน หือ................ฉันหันไปมอง เจ้านั่นใส่เสื้อกล้ามสีขาวบางจ๋อยตัวเดียวเอง  “เอ่อ....” ฉันอ้าปากจะถามว่าแล้วเธอไม่หนาวเหรอ เจ้านั่นชิงพูดเสียก่อนว่า “ช่วยนั่งดูของสวยๆ งามๆ ไปเงียบๆ ได้ไหม” ท่าทางเหมือนเจ้านั่นจะเขิน เฮ้ย หน้าหนาแบบนี้เขินเป็นเหรอ ไม่หรอก คงไม่ใช่หรอก ฉันคิด แล้วก็หันไปสนใจพลุชุดต่อไป

สวยจังเลย เกิดมาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้เลย ฉันเพิ่งเข้าใจว่าตรงสวนสาธารณะนั้นคงจัดที่ไว้ให้นั่งดูพลุ คงมีเทศกาลอะไรบางอย่าง แต่ดูตรงนี้ก็สวยเหมือนกัน ฉันใช้หางตาเหล่เทพบุตรข้างๆ เจ้านั่นนั่งชันเข่าข้างหนึ่งเอามือเท้าคางเหม่อมองไปไกล ฉันเริ่มสับสน ใจหนึ่ง ก็อยากดูพลุ อีกใจก็ไม่อยากละสายตาไปจากรูปปั้นเดวิสข้างๆ นี้เลย ฉันรู้สึกว่าฉันเหล่มองสลับไปมา จนปวดตา เจ้านั่นยังนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าใบหน้าคมคายนั่นเคยแสดงอารมณ์อะไรมากไปกว่า โมโห กับโมโหมากหรือเปล่า

สรุปว่าฉันนั่งมองความสวยงามของพลุแต่ใจมันดันเทไปสนใจคนข้างๆ เจ้านี่มีตัวตนจริงๆ หรือเปล่านะ คงไม่ใช่สิ่งเพ้อฝันที่ฉันสร้างขึ้นมา เพราะดูเขาสมบูรณ์แบบมากเกินไป (ถ้าไม่นับเรื่องนิสัยนะ) แล้วทำไมเข้าต้องมาอยู่ข้างๆ ฉันด้วย อยู่ดีๆ พระเจ้าก็ประทานให้เขาเดินเข้ามาง่ายๆ แบบนี้งั้นเหรอ เข้ามาวันที่ฉันอับจนหนทาง โดนหลอก หมดเนื้อ หมดตัว เหมือนมือที่ยื่นมาให้จับยามที่เรายืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน ฉันโง่นะแต่ก็ไม่ได้ปัญญาอ่อนจนคิดไม่ออกว่าทำไมเรื่องอะไรๆ มันถึงได้บังเอิญขนาดนี้

แล้วที่เขาบอกมาล่ะ ว่าเขาทำเพื่อแมว บ้าน่า ฉันก็รู้หรอกว่าเขาพูดเล่น แล้วเขาทำเพื่อใครล่ะ ทำเพื่อฉันงั้นเหรอ.............เป็นไปไม่ได้.......คนหน้าตาดีขนาดนี้ จะมาทำอะไรเพื่อคนที่หน้าตาธรรมดาขนาดนี้เพียงเพราะเพื่อทำเอาบุญ มาโปรดสัตว์  เป็นไปได้เหรอ แล้วทำไมต้องเป็นฉัน....โอย.... คิดไม่ออก.....นอกจากสมองจะมีรอยหยักน้อยแล้วฉันยังมีเนื้อที่ของสมองเท่าเม็ดถั่วเขียวแน่ๆ

แสงไฟที่สว่างวาบของพลุ อาบใบหน้าหล่อเหลาทำให้ดูนวลเนียนชวนมอง จมูกที่โด่งเป็นสันเตะตาทำให้ไม่อยากปรายตาไปทางอื่นเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองน่าจะเป็นสมาธิสั้น เพราะเอาใจไปจับที่พลุที ก็แอบเหลือบมาทางนี้ที เจ้านั่นหน้านิ่งจริงๆ ไม่มีอาการลุกลี้ลุกลนเลย วัยหวานหัวหดเข้าไปในเป้ คงจะกลัวสียงพลุ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แสงและเสียงของพลุเงียบไป
เจ้านั่นเอนตัวลงนอน “เฮ้ย.....เสื้อเปื้อนหมด” ฉันว่า

“ดาวเต็มเลย” เจ้านั่นพูดเบาๆ ฉันแหงนมอง ดาวเต็มท้องฟ้าเลยและมองเห็นได้ชัดกว่าตอนที่ขึ้นมาใหม่ๆ อาจเป็นเพราะฟ้ามืดกว่าเดิม ฉันพยายามเอนตัวไปด้านหลัง กลัวเสื้อเจ้านั่นเปื้อนนี่นา เจ้านั่นเอื้อมมือมาจับบ่าและดึงให้ฉันเอนหลังไป ฉันตกลงบนซิกแพค

จะหายใจไม่ออก เกิดมาไม่เคยนอนหนุนซิกแพค โอย.......ตายตอนนี้ก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด เจ้านั่นยังคงหายใจสม่ำเสมอทั้งๆ ที่ฉันแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว นอกจากพ่อแล้วฉันไม่เคยใกล้ชิดเพศผู้ในลักษณะแบบนี้........สงสารหัวใจฉันบ้างเถอะ

“เธอเคยคิดมั้ยว่าคนที่ไม่มีบ้านอยู่เขาก็ต้องนอนแบบนี้” อยู่ๆ เจ้านั่นก็เอ่ยสัจธรรมอะไรออกมา เสียบรรยากาศดูดาวของฉันหมด แต่ก็ดีนะ ฉันรู้สึกหายใจทั่วท้องแล้ว แล้วไง ฉันคิดในใจ เจ้านั่นจะสื่ออะไร “เมษาต้องหัดนอนข้างถนนแบบนี้มั่งแล้วนะ” เจ้านั่นพูดกรอกหู ฉันเด้งตัวลุกขึ้นมา “นายนี่มัน...............” ปากรีบหุบคำว่า ทำเสียบรรยากาศหมด

“เออ ก็จริง...เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันอาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอน” ฉันพูดขึ้นหลังจากพิจารณาแล้วว่าจริง เจ้านั่นชันตัวขึ้น “เราจะไม่ปล่อยให้...........เธอ........ต้องนอนข้างถนนหรอก” หูฉันได้ยินคำว่าเธอ เธอของหมอนั่นคือฉันหรือแมวนะ “ที่เราคิดไว้นะ เราว่าเมษาน่าจะลองเปิดร้านรับจัดดอกไม้นะ เราว่าเมษาทำได้” เจ้านั่นออกความเห็น “ร้านอยู่ตรงนั้น นายก็รู้ว่าไม่มีคนเข้ามาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม” “เธอก็ขายในอินเตอร์เน็ตสิ” “ฉันก็รู้แต่ว่าฉันทำไม่เป็นนี่นา” “เรารู้อยู่แล้วล่ะว่าเธอทำไม่เป็น” หมอนั่นสำทับ ฉันพยักหน้า “แล้วจะพูดทำวิมานอะไร หรือว่านายทำเป็น” ฉันหันไปทำตาโตใส่ “นายทำเป็นใช่ไหม.....” เจ้านั่นยักคิ้ว

“แต่เราคาใจเรื่องร้านนี้จังเลย...” เจ้านั่นเอ่ยขึ้นตอนที่เรากลับเข้ามาในร้านแล้ว ฉันยืนประจันหน้าหมอนั่น “นายคิดว่าเราสามารถจะเริ่มอะไรใหม่ๆ ได้จริงเหรอ” ฉันรู้สึกหมดท่า ดวงตาคู่สวยจ้องกลับมาที่ฉัน เจ้านั่นยิ้มให้ “ทำได้สิ เมษาทำได้อยู่แล้ว” เจ้านั่นตบบ่าฉันเบาๆ และเดินขึ้นบันไดไป ทำไมฉันรู้สึกว่าบ่าข้างขวาเหมือนมีอะไรอุ่นๆ แผ่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย รอยยิ้มของเจ้านั่นยังทำหัวใจกระตุกอยู่เลย ทำไมฉันถึงรู้สึกสุขใจขนาดนี้นะ

จากคุณ : Sexy Peachy
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 07:42:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com