Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
xxx บ่วงพันธการ..บทที่ ๑๗ xxx ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๑๖
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11027190/W11027190.html

....................................................................

เมธิกานั่งนิ่งในความมืดสลัวไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นที่ไร้จิตวิญญาณ เสียงทำงานของเครื่องปรับอากาศดังแผ่วในความเงียบงัน เบายิ่งกว่าเสียงเต้นอันเชื่องช้าของหัวใจเธอเสียอีก ใบหน้าหม่นหมองเปียกชุ่มด้วยคราบน้ำตาเริ่มเหือดแห้งพร้อมๆกับความรู้สึกเริ่มแข็งแกร่งขึ้น ก่อนลุกขึ้นเปิดไฟกลางห้องหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาเปิด และรวบเสื้อผ้ายัดลงไปเท่าที่จะยัดได้ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ รอเวลาให้อารดาตื่นขึ้นมาเพื่อเธอจะได้ล่ำลาก่อนไป ส่วนปัญหาที่เหลือ ก็คิดว่าเขาคงหาทางแก้ไขไว้อยู่แล้ว

แล้วก็กระแทกตัวลงนั่งบนขอบเตียงอย่างงุ่นง่าน เพราะลึกๆในใจก็อยากให้เขาตามมาง้องอนสักนิดก็ยังดี ให้เธอได้ดีใจเล็กๆน้อยๆว่าตนเองยังพอมีค่าในสายตาเขาบ้าง แต่ก็เปล่าเลย ทันทีที่ลงจากรถ เขาก็เดินตรงไปยังห้องทำงานโดยไม่เหลือบสายตามาแลเธอสักนิดเดียว

‘ฮึ ! คงจะรีบโทรไปปลอบขวัญนังนั่นสิท่า’

น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งแล้วพลันพรั่งพรูอีกครั้ง ภาพความทรงจำระหว่างเธอกับเขาผุดเข้ามาในหัว รวมทั้งอ้อมกอดและรสจูบที่ได้รับจากเขาเมื่อเช้ายิ่งบาดลึกให้ใจร้าวราน จนไม่อาจทนอยู่ให้ภาพเดิมๆคอยวนเวียนทำร้ายจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า จึงลุกเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะหันมาลากเจ้าบ็อบบี้เดินเซื่องซึมออกจากห้องท่ามกลางแสงสลัวของไฟดวงเล็กตามทางเดินที่ทอดไปสู่ระเบียง ร่างกายกระทบสายลมเพียงแผ่วเบาโชยผ่านแต่กลับนำพาความเย็นเยือกเข้าจู่โจมจนสั่นสะท้านไปทั้งใจ

เมธิกาจับสิ่งที่ลากมาตั้งกับพื้นก่อนที่เธอจะยอบตัวลงนั่งข้างๆพร้อมเบียดร่างซุกหาความอบอุ่นจากขนปุกปุย แต่ในความรู้สึกกลับไม่สัมผัสถึงไออุ่นสักนิดเดียว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงอ้อมแขนของอชิรที่ให้ทั้งความอบอุ่นและปลอดภัย

“บ้าเอ้ย! คิดอะไรบ้าบออยู่ได้”

แล้วก็มุ่งมั่นกับการเล่นเกมในโทรศัพท์ สลับกับการเล่นบีบีกับทุกคนที่มีอยู่ในเครื่อง แต่มันก็ไม่สามารถช่วยให้ความอ้างว้างหายออกไปจากใจ ในที่สุดก็ต้องโทรศัพท์หาพิมพ์กมลเป็นที่พึ่งสุดท้าย



เสียงหนวกหูที่น่ารำคาญเงียบลงไปแล้ว แต่ไม่กี่อึดใจ มันก็ดังขึ้นมาอีกจนร่างที่นอนคลุมโปงต้องผุดลุกขึ้นมาอย่างหัวเสีย
“โอ้ย! คนจะหลับจะนอน ไม่รู้จักมารยาทกันบ้างรึไงเนี่ย”

แล้วก็คว้าโทรศัพท์มือถือมาหมายจะกดรับและเฉ่งอีกฝ่ายให้เต็มที่ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเพื่อน หญิงสาวถึงกับถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“เฮ้อ! อะไรอีกล่ะแม่คนนี้” แล้วก็กดรับ “ว่าไง”

อีกฝ่ายพยายามเปล่งเสียงไม่ให้สั่นเครือด้วยการขยับร่างกอดเข่าคุดคู้ “ขอโทษที่โทรไปกวนนะ..”

“อืม ถ้าโทรมาดึกขนาดนี้ก็คงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสินะ..งั้นว่ามา ไหนๆฉันก็ตื่นแล้ว”

“คือ..ฉันขอไปอยู่บ้านแกสักวัน สองวันนะ..” เพราะยังไม่อยากกลับบ้านไปให้พ่อกับพี่ชายซ้ำเติมความเจ็บช้ำในตอนนี้

คนฟังนิ่วหน้า
“เมย์ แกเป็นอะไรรึเปล่า..”

“ฉันไม่เป็นไร..เพียงแค่..ฉันเลิกกับเขาแล้ว..” เมธิกาฝืนยิ้มพยายามทำใจว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้น แต่ในความเป็นจริงเธอก็ไม่สามารถทำได้จำต้องปลดปล่อยน้ำตาหลั่งรินพร้อมคำพูดพรั่งพรู
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมเขาถึงไม่สนใจฉันเลย..วันนี้เขาเพิ่งพาฉันไปงานเลี้ยงเพื่อไปเจอกับผู้หญิงของเขา ให้ได้เห็นว่าฉันไม่มีอะไรเลยที่จะเหมาะสมกับเขา แถมยังเป็นเด็กที่ไม่มีหัวคิดอีก แต่ความจริงเขาก็พูดถูกนะ เพราะฉันก็ทำอะไรที่ขาดสติลงไปจริงๆ..แกรู้มั้ย ฉันเอาแชมเปญสาดหน้าผู้หญิงคนนั้นกลางงาน จนคนหันมามองกันเต็มเลย”

“เฮ้ย! แกทำอย่างนั้นจริงๆเรอะ” พิมพ์กมลอุทานเสียงหลง

“อือ แค่คิดว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นเคยมีอะไรกันมันก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว พอถูกยั่วเข้าหน่อยฟิวส์ก็ขาดเลย..แต่พอมาตอนนี้ ฉันกลับรู้สึกไม่ดีเลยที่ทำอย่างนั้น คิดว่าคุณอชิรก็คงโกรธน่าดูเชียวล่ะที่ฉันทำให้เขาขายหน้าน่ะ..แต่ก็ช่างมันเถอะ เขาจะคิดยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว ฉันคิดแค่ว่าตอนนี้ขอให้ไปจากเขาให้เร็วที่สุดเท่านั้นพอ..ถ้าไม่เห็นหน้ากัน เดี๋ยวอีกสักพักฉันก็คงจะลืมเขาได้เอง..แกว่ามั้ย”

และเหมือนกับคำขอความเห็นจากเพื่อนนั้นจะเป็นการให้กำลังใจตัวเองไปในตัว เพราะเพียงแค่เริ่มต้นของการจากลาหัวใจเธอก็รับรู้ถึงความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสแล้ว และไม่รู้ว่าจะต้องทนแบกรับความรู้สึกนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ได้แต่ภาวนา ขอให้มันหายไปจากใจภายในวันสองวันนี้เลย..


และขณะนั้น ร่างสูงกอดอกยืนพิงกรอบประตูอยู่ด้านในยังคงสงบนิ่ง..หลังจากที่โทรศัพท์ไปขอโทษเจ้าของงาน และฟังเจ้าของงานเล่าว่า ฝ่ายวรัญญาก็เอ่ยขอโทษแล้วเหมือนกัน คงเพราะดื่มไปเยอะเลยคุมสติไม่อยู่ และฝากขอโทษมาถึงเขาด้วย

“เป็นหนุ่มเนื้อหอมมันก็อย่างนี้หละ เนี่ย สมัยผมหนุ่มๆก็มีเรื่องพวกนี้เหมือนกัน คุณก็ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องแบบนี้ผมเข้าใจ ว่าแต่คุณเถอะ เคลียร์ทางนั้นให้ดีๆล่ะ ริจะมีเมียเด็กก็ปวดหัวแบบนี้ล่ะ แล้วดูท่าจะหวงคุณน่าดูเลยนะนั่นน่ะ” แล้วก็หัวเราะครืนก่อนจะวางสายไป

สำหรับวรัญญา เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเธอถูกเมธิกาจัดการสำเร็จโทษแทนเขาไปแล้ว ก็เหลือแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่คืนนี้คงต้องอธิบายกันยาว..แต่พอเขาขึ้นมาเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าและรู้ว่าเธอกำลังจะจากไป ในตอนแรกที่คิดจะอธิบายอะไรก็คงไม่จำเป็นแล้ว สู้ออกแรงปราบพยศกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยดีกว่า


เมธิกาชะงักคำพูดกับเพื่อน เมื่อเห็นร่างของบุคคลที่สามก้าวมายืนตรงหน้า
“..แค่นี้ก่อนนะน้ำหวาน แล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้”

แต่ยังไม่ทันวางสาย อชิรก็เอ่ยขึ้นมา
“ยกเลิกนัดกับเพื่อนคุณซะ”

“ไม่เกี่ยวกับคุณ” ตอบโดยไม่มองหน้าพร้อมปิดโทรศัพท์และซุกตัวกับตุ๊กตาหมีตัวเขื่องราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ แต่ชายหนุ่มก็ทำให้เธอหันกลับมาสนใจเขาจนได้ด้วยการโน้มตัวลงดึงโทรศัพท์ในมือกดหาหมายเลขที่โทรออกครั้งล่าสุด

เมธิกาตวาดแหว“ทำอะไรของคุณน่ะ! เอาคืนมานะ” พร้อมลุกขึ้นหมายแย่งคืน แต่กลับถูกเขารวบตัวไปกอดแน่นโดยแขนเพียงข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างยังถือรอคนปลายสาย ซึ่งกดรับและถามออกไปด้วยคิดว่าเป็นเพื่อนตน

“มีอะไรอีกเหรอ”

“ไม่มีอะไรมากครับ ผมจะบอกว่าเมธิกาจะไม่ไปไหนแล้ว..แค่นี้ล่ะครับ”

แล้วก็ตัดสัญญาณให้อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ ก่อนจะส่งเสียงแสดงความงุ่นง่านพร้อมทึ้งผมตัวเองอย่างอัดอั้น
“โอ้ย! ผัวเมียคู่นี้ มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย” แล้วก็ล้มตัวนอนพร้อมปิดเครื่องหนีความวุ่นวายของชีวิต..ในขณะที่เพื่อนสาวยังคงดิ้นอึกอักอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของสามี

“คุณนี่มันไร้มารยาทจริงๆ แล้วก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”

“เรามีเรื่องต้องพูดกันนะ” เขายังคงกอดร่างนุ่มไม่ปล่อย

“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว สัญญาของเราก็เหลืออีกแค่สี่วัน ถึงฉันจะไปตอนนี้คุณก็ไม่สะเทือนหรอก”

“ตกลงคุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม”

“ไม่” เสียงตอบหนักแน่นเต็มความดื้อรั้น

“ดี งั้นทำเลยก็แล้วกัน”

“หือ!?”

เมธิกามองสบเขาอย่างงุนงงและเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายบนใบหน้าเข้ม ก่อนหวีดร้องเสียงหลง เมื่อร่างถูกยกลอยขึ้นทั้งตัวจนต้องผวาเกาะรอบไหล่และลำคอหนาด้วยกลัวตก

“ปล่อยฉันลงนะ”

“เดี๋ยวก็ได้ลงแล้วน่ะ” พร้อมก้าวเดินกลับห้องนอน

“แต่ฉันจะลงเดี๋ยวนี้” หญิงสาวยังคงโวยวายพร้อมดิ้นรน แต่ก็ไม่แรงนักเพราะกลัวพลัดตก และสะดุ้งเฮือกเมื่อฝ่ามือใหญ่ฟาดเผียะมาบนเนินสะโพก

“อย่าเสียงดังสิ คนอื่นเขาจะนอน”

“ก็ปล่อยซี่”

คนเบื้องล่างไม่ตอบ ยังคงอุ้มเธอไม่ต่างจากอุ้มเด็กเล็กเดินดุ่มๆเข้ามาภายในห้องนอน และเมธิกาก็หวีดร้องเสียงหลงอีกครั้ง เมื่อเขาทิ้งร่างเธอหงายหลังลงบนที่นอน

“ว้าย!”และต่อว่าทันทีที่ตั้งสติได้ “ตาเฒ่าโรคจิต!”

พร้อมยันกายลุกขึ้น แต่ถูกเขาผลักให้กลับลงไปนอนราบอีกครั้งตามติดด้วยร่างใหญ่โตโน้มลงมากักตัวเธอด้วยแขนทั้งสองข้าง ใบหน้ากร้าวแกร่งเผยรอยยิ้มที่ส่อแสดงเจตนาคุกคามเต็มที่ พาจิตใจเธอสั่นระทึกอยากจะกระเถิบหนี แต่ก็ทำไม่ถนัดนัก เพราะสองขานั้นห้อยอยู่ข้างเตียง

“คะ..คุณบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับฉันไม่ใช่เรอะ..”
เสียงที่เอ่ยถามอึกอักและเขาก็ยังคงส่งรอยยิ้มที่ชวนให้เธอขวัญผวาไม่เลิก

“ตอนนี้ผมไม่อยากคุยแล้ว” ตอบพร้อมผละตัวขึ้นยืนตรงหน้าพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต สายตาเรียวคมกริบจับจ้องสะกดตรึงให้เธอนิ่งงัน “รวมทั้งสัญญาของเราด้วย ที่ผมจะฉีกมันทิ้งในคืนนี้”

เสื้อเชิ้ตสีเข้มเนื้อดีถูกถอดออกจากเรือนร่างแกร่งกำยำและโยนลงพื้นอย่างไม่ไยดี พร้อมๆกับสติของเมธิกากลับเข้าที่และแปรเปลี่ยนเป็นกรุ่นโกรธ
“เราจะเลิกกันอยู่แล้ว แล้วคุณจะมาวุ่นวายกับฉันอีกทำไม” พยายามพลิกตัวหนี..นี่เขาคิดจะแกล้งเธอไปถึงไหน แค่การที่ต้องไปจากเขามันก็ยากเกินทำใจแล้ว เขายังจะมาสร้างพันธะผูกพันเพื่อทรมานเธออีกอย่างนั้นเรอะ!

แต่ก็ไปไหนไม่รอด เพราะถูกอชิรคว้าตัวไว้ทัน ซึ่งคราวนี้ร่างของเขาขึ้นมาคร่อมบนตัวพร้อมสองมือใหญ่กดตรึงสองข้อมือของเธอแน่น ใบหน้าโน้มเข้าใกล้เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“สัญญาฉบับเก่าฉีกทิ้ง บังคับใช้สัญญาฉบับใหม่ เนื้อหาไม่มีอะไรมาก ขอแค่ให้คุณรักผมและอยู่กับผมไปตลอดชีวิต ส่วนผมก็จะมอบความซื่อสัตย์กลับคืนให้คุณเช่นกัน” สายตาแน่วแน่มองสบดวงตาคู่โตที่เบิกกว้างด้วยความรู้สึกหลากหลายทั้งสับสน และไม่คาดฝัน !

“คุณพร้อมจะยอมรับในสัญญาฉบับนี้ไหม เมธิกา”

“คะ..คือ”

อยากตอบรับใจแทบขาด แต่ความลังเล ไม่แน่ใจพลันบังเกิดเป็นอุปสรรคกั้นขวาง หากเป็นเมื่อเช้า เธอจะรีบตะครุบสัญญาฉบับนี้มากอดแน่นทันที ทว่า..หลังจากที่ได้เห็นผู้คนในสังคมของเขาว่ามันช่างต่างจากสังคมของเธอมากมาย และได้เห็นความสวยงามของผู้หญิงคนนั้น ชวนให้คิดกังวลไปถึงอนาคตว่า ขนาดความสวยงามที่ผู้หญิงคนนั้นมียังไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเขาได้ แล้วนับประสาอะไรกับเธอที่แสนจืดชืด ซ้ำยังเป็นเด็กน้อยที่ไม่ประสีประสาในสายตาเขา อีกหน่อยก็คงถูกเขี่ยลงถังขยะอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นว่าจริงๆ สู้ตัดใจไปจากเขาเสียตอนนี้คงเป็นการดีที่สุด ดีกว่าที่จะปล่อยให้ความผูกพันมันมัดแน่นจนเกินกว่าจะตัดใจ ทว่า..ลึกๆในใจ เธอก็ยังหวังที่จะยึดเหนี่ยวฟางเส้นสุดท้าย อยากจะขอลองวัดใจกับเขาอีกสักครั้ง และถ้าหากไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เธอก็จะไปจากเขาอย่างเด็ดขาด

“....”

“เมธิกา ผมรอคำตอบอยู่นะ” ชายหนุ่มเอ่ยท้วง เมื่ออีกฝ่ายเงียบไป และคิดว่าเธอจะดีใจจนรีบตอบรับเสียอีก แต่ดวงตาที่มองสบขณะนี้เปี่ยมด้วยแววกังวล สับสน

“..ถ้าคิดว่าต้องการอยู่กับผู้หญิงสักคนที่มีความรักให้คุณข้างเดียวเพียงแค่นั้น ฉันไม่ขอยอมรับ  เพราะสำหรับฉันแล้ว แค่ความซื่อสัตย์ตามหน้าที่ของสามีแบบนั้นมันไม่พอหรอก ความต้องการของฉันก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไป คือ ต้องการความรักจากผู้ชายที่จะอยู่ด้วยทั้งชีวิต..ขอแค่นั้นเอง..คุณช่วยเติมข้อความนี้ต่อท้ายในสัญญาได้ไหมคะ”

วิงวอนเขาทั้งแววตาและน้ำเสียง และเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งรวมทั้งตัวเขาที่ยังคงเงียบงัน ในขณะที่เธอเริ่มสัมผัสกับแรงบดขยี้อย่างเชื่องช้าลงมากลางใจ และค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บร้าวแทบขาดใจ เมื่อคิดว่าได้รับคำตอบแล้ว น้ำตาที่กักเก็บไว้พลันหลั่งริน..ในที่สุด ความพยายามครั้งสุดท้ายของเธอก็ไม่สามารถกระทบใจของเขาได้เลย คงต้องขอยอมแพ้จริงๆเสียที..

ดวงหน้าแห่งความสิ้นหวังเบือนหนีขณะร่างหนาหนักของเขาทอดตัวลงทาบทับ จูบซับน้ำตาดั่งปลอบประโลม ก่อนเอ่ยแผ่วเบา
“อย่าร้องไห้กับสิ่งที่ได้ไปแล้วสิ สาวน้อย..”

เมธิกานิ่งขึง เหมือนโลกกลับตาลปัตร ผินหน้ากลับมาจับจ้องใบหน้าที่อยู่ใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นเจือด้วยกลิ่นน้ำหอมและกลิ่นบุหรี่เจือจางอย่างงุนงง
“..ฉันได้อะไรคะ”

“แล้วคุณเรียกร้องอะไรล่ะ”

“รัก! คุณรักฉันเหรอคะ”

เขาไม่ตอบ ได้แต่อมยิ้มละไม

ดวงตากลมใสไหวระริกมองสบดวงตาเรียวคมสีเข้มที่มีภาพเธอสะท้อนอยู่ในความสงบนิ่ง กวาดมองทั่วทุกเครื่องหน้าคมเข้ม ก่อนยกสองมือขึ้นประคองข้างแก้มสากระคาย ไล้นิ้วหัวแม่มือข้างหนึ่งกับมุมปากเรียบตึงด้วยความรู้สึกที่มีท่วมท้นใจ

“..ใช่มั้ยคะ..” กระซิบเว้าวอนเพื่อขอคำยืนยัน และหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเสียงทุ้มกระซิบตอบกลับมาเพียงแผ่วหวิว

“รัก..”

ทว่า คำนั้นกลับสะท้อนก้องไปมาในความลิงโลดและซึมซาบหล่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกับหัวใจที่เต้นระทึกของเธอ

“พอใจในคำตอบรึเปล่า สาวน้อย”

“มากที่สุดค่ะ..” และยื่นใบหน้าจูบปลายคางแกร่งก่อนผละแทบจะทันที ใบหน้าแดงเรื่องอมยิ้มเปี่ยมสุข

อชิรหัวเราะในลำคอทาบทับฝ่ามือตนเองบนหลังมือบางพร้อมผินใบหน้าจูบกลางฝ่ามือนุ่ม และเลื่อนมาที่ข้อพับตรงจุดชีพจรส่งผ่านกระแสซาบซ่านแล่นเข้าสู่กายสาว ก่อนจับเลื่อนเรียวแขนละมุนให้โอบกอดรอบไหล่เขาพร้อมประทับแนบสนิทบนกลีบปากอิ่ม ดื่มด่ำความหวานล้ำพร้อมๆกับยั่วยุปลุกเลือดในกายสาวให้ร้อนระอุ สนองจูบเต็มอารมณ์หวามไหว ทอดเรือนร่างระทดระทวยยามฝ่ามือใหญ่เลื่อนลูบแสดงชัดถึงการเป็นเจ้าของพร้อมๆกับดึงทึ้งเสื้อผ้าเปิดเปลือยทีละนิดละน้อยให้เขาได้เชยชมจนไม่มีพื้นที่ส่วนใดรอดพ้นจากมือและริมฝีปากร้อนรุมสร้างความวาบหวามสะท้านเยือกไปทั้งกาย จนบิดเกร็งไปมากับความทรมานที่กำลังรุมเร้าซ่านรัญจวนเจียนจะขาดใจจากการกระทำของเขา แม้ใจอยากจะถอยหนีจากความทรมานนี้ แต่ร่างกายกลับตอบสนองพร้อมเร่งเร้าให้เขาพาไปยังจุดหมายปลายทางอย่างหมดสิ้นความอาย และในไม่กี่อึดใจเขาก็โยนเธอขึ้นแตะขอบสวรรค์ก่อนจะร่วงหล่นลงกลางที่นอนหนานุ่ม หอบหายใจระรวยกับความสุขล้ำที่ยังลอยเอื่อยรอบกาย ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าเหตุการณ์นี้เธอเพิ่งจะผ่านพ้นมาเมื่อค่ำคืน

อชิรขบเม้มนวลเนื้ออ่อนบางของต้นขาด้านใน และเล็มผิวละมุนขึ้นมาเรื่อยก่อนแวะให้ความใส่ใจกับทรวงอวบสล้างคู่งาม เรียกเสียงครางแผ่วหวิวจากเจ้าของร่างอีกครา กระชากความคิดทั้งหมดทั้งมวลให้กลับมาจดจ่อกับเขาอีกครั้ง ก่อนริมฝีปากจะผละเลื่อนขึ้นหาเรียวปากอิ่มแดงเรื่อชุ่มฉ่ำ ขยับเบียดแทรกตัวตนอันร้อนระอุลงในความอ่อนนุ่มแสนพิสุทธิ์อย่างเชื่องช้า แต่กระนั้น เมธิกาก็ยังสะดุ้งเฮือกเจ็บแปลบกับสิ่งแปลกปลอมที่กำลังล่วงล้ำ จนต้องยันแผงอกหนา เหลือบสายตามองแล้วก็เบิกค้างอย่างตื่นตะลึง ก่อนกระถดร่างถอยหนีในอึดใจต่อมา แต่เขาตามติดและกดตรึงไว้แน่น

“ดะ..เดี๋ยวก่อนได้ไหมคะ”

หญิงสาววอนขอ นึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน แม้จะรู้ว่าเคยผ่านเรื่องแบบนี้กับเขามาแล้ว แต่พอเห็นเข้าเต็มสองตาเช่นนี้ก็อดแหยงไม่ได้ นึกอยากให้ขนาดของเขาหดเล็กลงกว่านี้สักครึ่งหนึ่งก็ยังดี และเพิ่งสังเกตว่าใบหน้าของเขานั้นกระด้างเข้ม ขบกรามแน่นราวกับกำลังข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่างจนดูดุดันน่ากลัว

“ขอโทษนะสาวน้อย ตอนนี้ผมรออะไรไม่ได้แล้ว” เสียงที่ตอบกลับแหบพร่า แปร่งปร่า

เธอไม่รู้หรอกว่า เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เขาต้องเผชิญกับความทรมานอย่างแสนสาหัสในการใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างหนักที่จะไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับเธอ เพราะอยากให้เธอได้สัมผัสซึมซับความผูกพันร่วมกัน และขณะนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของเขากำลังทนทุกข์ทรมานจนแทบคลั่งจากการพยายามหักห้ามใจไม่กระโจนจ้วงใส่ร่างเธอราวสัตว์ป่าเต็มความหิวกระหายที่กำลังดิ้นรนหาหนทางปลดปล่อย..และถ้าขืนให้รั้งรอต่อไปเขาคงแดดิ้นตายต่อหน้าเธอเป็นแน่

“แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย..”

กระซิบรุ่มร้อนก่อนประทับจุมพิตปลอบโยนพร้อมๆกับผลักดันตนเองให้ฝังลึกลงในกายนุ่มอย่างระวังอีกครั้ง

เมธิกาอยากจะประท้วงใจแทบขาด แต่เมื่อได้ยินเสียงทุ้มกระซิบปลอบโยนพร้อมๆกับการกระทำหลอกล่อจนเธอโอนอ่อนยินยอมกระโจนลงในกระแสอารมณ์อันเร่าร้อนและเชี่ยวกรากไปพร้อมๆกับเขา..จวบจนราตรีข้ามผ่าน เขาถึงปล่อยให้เธอเข้าสู่ห้วงนิทราภายในวงแขนแกร่งแสนอบอุ่นและปลอดภัย ที่เธอถวิลหาทุกค่ำคืน



ต่อค่ะ

จากคุณ : ระรินใจ
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 12:38:58




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com