Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HELL (จอมใจอเวจี 16)........มิตรภาพ ติดต่อทีมงาน

=============
จอมใจอเวจี
บทที่ 16…….มิตรภาพ
: GTW
=============


บทที่ 15
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10883466/W10883466.html


ตอนที่ผ่านมาทั้งหมด
http://writer.dek-d.com/saiyanit/writer/view.php?id=715596


ความเดิม

เฟรี่ป่วยหนัก ไนท์ใช้จิตตามไปดูแลถึงเขตแดนแห่งความเป็นตาย
แต่ยังพากลับมากลับมาไม่ได้
ปีศาจขาว เดินทางไปหาเทพธิดาบอด เพื่อขอยามาช่วยเฟรี่ ต้องออกแรงต่อสู้กันหนึ่งยก
แต่ท่าทางไม่จบง่ายๆ
เพราะผู้หญิงก็คือ ผู้หญิง

-------


“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้ามีอันตรายเพียงนิด ข้าจะกลับมาทันที”

“จริงๆ นะ”

“ที่ผ่านมาข้าเคยผิดสัญญากับเจ้าไหมล่ะ”

เฟรี่ยิ้มออกมามาได้ ก่อนถอยหลังออกไปหากสายตาจ้องไม่กระพริบ ไนท์จ้องมองผ่านหน้ากากสีขาวอันเย็นชาเช่นกัน ก่อนยกมือเป็นเชิงอำลาแล้วร่างก็ค่อยๆ จางหายไป


******


แม้ว่าจะทำใจ เตรียมใจ แต่การเห็นคู่กรณีสำคัญหายไปแบบนั้น ก็ทำให้อดใจหายไม่ได้ อุตส่าห์ตามมาถึงที่แล้วยังพากลับไปด้วยไม่ได้ แต่ว่ากลับไปไหนกัน... ความทรงจำของหญิงสาวหม่นมัวหนักอึ้ง รู้สึกว่าความทรงจำไม่ได้หายไปจนหมดสิ้น บางส่วนโผล่พ้นจิตใต้สำนึกขึ้นมาให้ปรากฏ หากอีกหลายส่วนยังคงซุกซ่อนอยู่ภายใน รอเวลาอันเหมาะสม

หันมองรอบข้าง พบว่าตัวเองกำลังอยู่บริเวณเชิงเขาในแนวป่าโปร่ง ด้านหนึ่งมองเห็นขุนเขาเป็นแนวไกลสุดสายตา พื้นที่ป่าแห่งนี้ดูกระจ่างและปลอดโปร่งแตกต่างจากเส้นแบ่งแยกของดินแดนแห่งความเป็นความตายซึ่งดูหม่นมัวตลอดกาล

รู้สึกถึงความปลอดภัย คล้ายกับว่ามีปราการซึ่งมองไม่เห็นบางอย่างล้อมรอบบริเวณนี้อยู่ บางทีอาจเป็นเพราะนักบวชรูปปั้นนั้นก็เป็นได้

หันไปพิจารณาอีกครั้ง ร่างของท่านคล้ายเป็นรูปสลักจากหินจริงๆ สงบนิ่งอยู่ใต้ชะโงกหินรายล้อมด้วยพืชพรรณกลมกลืนราวเป็นหนึ่งเดียวดูไม่ออกว่าเป็นนักบวชนิกายไหนอย่างไร แต่รู้แค่นั้นก็พอแล้ว จะนิกายไหนไม่สำคัญในตอนนี้  สิ่งสำคัญมากกว่าคือรังสีแห่งการปกป้องคุ้มครองซึ่งแผ่ซ่านออกมาจากนักบวชปริศนานั้นต่างหาก มีสำคัญมากกว่า

เฟรี่ถอนใจ หลบมานั่งลงใต้ร่มเงาของไม้พุ่ม ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิอย่างคนคุ้นเคยกับการนั่งแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ไม่มีอะไรดีกว่าสงบใจรอ

จิตใจเริ่มสงบลงอย่างช้าๆและเยือกเย็น

      หญิงสาวพยายามสลัดความวิตกกังวล อยู่บริเวณนี้ปลอดภัย ไม่มีเสือสางที่ไหนมางับหัวแน่นอน มีบางอย่างยังคงไหลวนเวียนในความคิด ยิ่งมานั่งสงบจิตแบบนี้ความคิดนั้นยิ่งชัดเจนขึ้น

เราเป็นใครกันแน่..นี่เป็นคำถามแรก
คนเราจะอยู่แบบไร้ความทรงจำแบบนี้จะได้ไหม ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ดีหรือไม่ดี..

“ความทรงจำมันก็มีทั้งดีและไม่ดี”

มีเสียงดัง..ไม่ใช่...ไม่ใช่ดังผ่านทางหู แต่เป็นการดังขึ้นมาในความรู้สึก มันชัดเจนจนเกินกว่าจะบอกได้ว่าเป็นเสียงชนิดไหน แบบใด หญิงหรือชาย ล้วนไม่มีความหมาย น่าแปลกว่าหญิงสาวไม่ได้ตื่นเต้นตกใจอะไร เพียงแต่สงสัยเท่านั้น

เสียงจากความรู้สึกนั้นดังต่อไปว่า

“คนเราจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ และถ้าจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ได้เช่นกัน”

อะไรบ้างล่ะควรลืม......อะไรบ้างควรจดจำ ความรู้สึกของเฟรี่ถามอย่างนั้นขึ้นมาเช่นกัน

“บางอย่างก็จะลืมของมันเอง ใครบังคับก็ไม่ได้ บางอย่างก็จะระลึกได้เอง ไม่ต้องบังคับ เคยคิดหรือไม่ว่าถ้าคนเราสามารถระลึกถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีต จะเป็นผลดีหรือผลเสีย”

ข้าก็ไม่แน่ใจ..ไม่แน่ใจ แต่บางทีก็อาจทำให้เรารู้ว่าเราทำอะไรไว้ในอดีตกาล ถึงมารับผลแบบนี้ ในชาตินี้ ชีวิตหลังความตายของพวกเราจะเป็นอย่างไร บางทีความทรงจำอาจเป็นกุญแจไขความลับที่อยากรู้ก็เป็นได้

แต่ตอนนี้เพียงอย่าให้ความทรงจำที่มี..ที่เหลือ มาทำร้ายเราได้ก็พอแล้ว บางครั้งสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดอย่างหนึ่งคือผลแห่งความทรงจำซึ่งตามมาราวี ไม่ต้องดิ่งลึกไปถึงเรื่องกรรมอะไรก็ยังได้ ความทรงจำบางที.. บางอย่าง.. ก็เป็นอาวุธไร้สภาพ ทำลายทั้งร่างกายและจิตใจ ของตนเอง และผู้อื่น ความทรงจำบางอย่างก็ควรคู่เก็บรักษาไว้ตราบลมหายใจสุดท้าย

ความทรงจำกับชีวิต สอดคล้องกันแค่ไหน ต่างกันอย่างไร เป็นสิ่งน่าคิด สมมุติว่าจู่ๆความทรงจำของตัวเองกลับคืนมาแล้วจำได้ว่าตัวเองเคยทำอะไรเอาไว้ มันจะยุติธรรมหรือไม่ กับคนที่มารับรู้ผลการกระทำซึ่งกลายเป็นความทรงจำนั้นไปแล้ว  และถ้าคนๆนั้นไม่รับรู้ว่าทำอะไรมาบ้าง จะเป็นการยุติธรรมหรือไม่ ในการมารับผลการกระทำที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้น หญิงสาวคิดในใจ

คราวนี้ไม่มีเสียงอะไรดังเข้ามาในความคิดอีก

ถ้าไนท์อยู่ด้วยก็คงจะดี จะได้หาเรื่องคุยหาเรื่องทะเลาะ ปัญหาแปลกๆแบบนี้หมอนั่นอาจจะให้แง่คิดเพี้ยนๆอะไรน่าคิดออกมา ให้ขบคิดให้ถกเถียงได้เสมอ นั่นเป็นความทรงจำที่เหลืออยู่

เฟรี่สงบจิต ...เพื่อรับรู้จิต รู้กาย รู้ใจ ของตนเอง อยู่อย่างนั้น ท่ามกลางสายธารแห่งกาลเวลา

-----

สายน้ำแห่งความตายยังคงหม่นมัวไปด้วยหมอกควัน บางครั้งเป็นกลุ่มหมอกสีดำน่าสะพรึงกลัว บางครั้งเป็นกลุ่มหมอกสีขาวรางเลือน มองไม่เห็นฝั่ง ชายชราท้ายเรือคล้ายไม่สนใจสิ่งใดนอกจากหน้าที่ของตนเอง สายตาดำลึกจับจ้องมองเข้าไปในม่านหมอก มือจับด้ามพายดึงวาดคัดท้ายเรือเป็นระยะ บังคับเรือประจำตำแหน่งมุ่งสู่เป้าหมายซึ่งไม่มีใครมองเห็น

กลางเรือปกติไม่มีอะไรมาวางเกะกะ ตอนนี้มีโต๊ะตัวเล็กๆ บนโต๊ะวางกระดานหมากรุก สองด้านมีคนนั่งบนเก้าอี้เล็กๆ กำลังสนใจหมากบนกระดานอย่างหมกมุ่น

นั่งไปทางหัวเรือ เป็นสตรีชุดขาว ผิวขาว เส้นผมอันนุ่มยาวประบ่าสีขาว ใบหน้าขาวซีด นัยน์ตาปราศจากตาดำแต่ขอบตากลับลากตัดแรเงาเป็นเส้นสีดำ ทั้งสวยทั้งน่ากลัว นั่นเป็นปีศาจขาว เจ้าของอาณาจักรกว้างใหญ่ในแถบนี้

ตรงกันข้ามเป็นสตรีตาบอดสนิททั้งสองข้าง ชุดเสื้อแขนกว้างของนางเป็นชุดสีดำทั้งหมดปราศจากสีอื่นปะปน เส้นผมดำสนิทยาวเหยียดพลิ้วไสวในสายลม ตัดกับใบหน้าขาวซีดจนน่ากลัว..ทั้งสวยทั้งน่ากลัวไปอีกแบบหนึ่ง  รูปลักษณ์แบบนี้มีเพียงหนึ่งเดียวเช่นกัน...
เทพธิดาบอด

สองสตรีผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานที่สุดในขอบอเจวี  หลังจากต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้มานั่งเล่นหมากรุกกันบนเรือรับวิญญาณอย่างไม่น่าเชื่อ

ฝีมือการต่อสู้ก็พอๆกัน ฝีมือหมากรุกก็สูสี ท่าทางไม่มีใครยอมใคร

เทพธิดาบอดแม้ว่าจะตาบอดสนิท แต่กลับรู้หมากบนกระดานได้อย่างกระจ่าง แถมยังจับได้อย่างแม่นยำมั่นคง ไม่ลังเลหรือผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากนางใช้ใจรับรู้แทนการใช้สายตา ซึ่งไม่เสียเปรียบคนตาดีแม้แต่น้อยนิด บางทีอาจดีกว่าคนตาดีด้วยซ้ำ

“รุก”

จับหมากตัวเรือวางอย่างหนักแน่นในตำแหน่งรุกขุนของอีกฝ่ายหนึ่ง สีหน้าในวงล้อมเส้นผมดำขลับสงบเยือกเย็น ปีศาจขาวจ้องมองหมากในกระดานครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า

“รุกแค่นี้คิดหรือว่าจะเอาชนะข้าได้”

ปากถามอีกฝ่าย แต่มือยังไม่ยอมจับตัวหมากรุก เหมือนจะแกล้งถ่วงเวลา มุมปากยังมีเลือดสีดำไหลออกมาเป็นทาง อันเนื่องมาจากการต่อสู้ซึ่งเพิ่งผ่านไปไม่นาน

“จะเอาชนะ ยังไม่ใช่ตอนนี้”

เทพธิดาบอดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน และไม่ได้เสียความเยือกเย็นของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

“แล้วตอนไหนล่ะ”

“แล้วท่านก็รู้เองล่ะน่า...ว่าไง จะยอมแพ้หรือจะเดินต่อ”

“รุกแค่นี้ ก็ทำเป็นเหมือนจะชนะ รุกได้ ข้าก็มีทางหนีอยู่แล้ว”

ว่าพลางเอื้อมมือไปจับหมากตัวขุน ค่อยๆลากหลบออกมายังที่ปลอดภัยหลังกองทัพของหมากสีขาว ปากก็ส่งเสียงช้าๆว่า

“เห็นไหม ข้ายังมีพื้นที่หลบเยอะแยะ ท่านรุกแบบนี้ก็เสียเวลาเปล่าแล้ว ถ้าเป็นข้าจะรุกทั้งทีต้องรุกอย่างมีประสิทธิภาพ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของหมากตานี้อย่างใหญ่หลวง ไม่ใช่รุกสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้”

พูดจบก็ยกแขนเสื้อขึ้นปาดเลือดสีดำออกจากมุมปากแบบไม่สนใจแยแสอาการบาดเจ็บเลยสักนิด จิตใจสมาธิอยู่กับกลหมากบนกระดานเท่านั้น

“ข้าไม่สนใจล่ะ มีโอกาสรุกก็จะรุก...รุก!!”

อีกฝ่ายไม่สนใจอะไรเช่นกัน จับม้าตัวหนึ่งมารุกอีกครั้ง  แล้วนั่งทำหน้าเหมือนจะจ้องมองหน้าของคู่ต่อสู้ทั้งที่สายตามองไม่เห็น ปีศาจขาวเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้มีท่าทางตื่นตกใจอะไร บรรจงหยิบตัวขุนหลบกลับไปตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ปากก็พูดว่า

“หลบ!”

“ท่านจะเล่นหมากรุก หรือหมากหลบกันแน่”

“ข้าก็แค่ถอยกลับมาที่เดิม” บอกอย่างจริงจังจริงใจในการถอย

เทพธิดาบอดก็ไม่ได้ว่าอะไร ค่อยๆจับเรือตัวเดิมมาวางรุกอีกครั้ง

“รุก!”

อีกฝ่ายก็จับขุนถอยกลับตำแหน่งเดิมอีกครั้ง!

“หลบ!”

“รุก!”

“หลบ!”


“ทำแบบนี้ เมื่อไรจะชนะกันเสียที”  นางฟ้าผู้ลึกลับเริ่มบ่น ขณะพูดมุมปากก็เริ่มมีเลือดสีแดงไหลออกมาเป็นทางเช่นกัน แสดงว่าบาดเจ็บภายในไม่แตกต่างกันเท่าไร ภายนอกสงบแต่อาการบาดเจ็บภายในไม่สามารถบิดบังได้มิดชิด

“ก็เมื่อท่านรุกข้าให้จน”

“ท่านหนีไปหนีมาอยู่ตำแหน่งเดิมแบบนี้เมื่อไรจะรู้ผลเสียที”

“ก็บอกแล้วไงว่า ตอนท่านรุกข้าให้จน แล้วท่านล่ะ..มารุกมาไล่อยู่ตำแหน่งเดิมแบบนี้เมื่อไรจะรู้ผลเสียที”

“แล้วท่านไม่คิดอยากจะเอาชนะข้าหรืออย่างไร มัวแต่หนีแบบนี้เมื่อไรจะชนะข้าเสียที”

“ข้าก็ต้องรอโอกาสโต้กลับที่เหมาะสม” ปีศาจขาวตอบอย่างสบายใจ เพราะดูแล้วไม่มีทางถูกรุกกระทั่งจนมุมกลางกระดานได้ง่ายๆ ถึงจะเป็นฝ่ายตั้งรับก็จริง แต่สภาพหมากโดยทั่วไป ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมากมาย

“ว่าไง..”  ยังมีการเลิกคิ้วถาม เทพธิดาบอดหยิบหมากตัวม้ามาวางรุกอีกครั้ง..แน่นอน.....ขุนตัวนั้นขยับกลับตำแหน่งเดิมอีกแล้ว

“จะวิ่งกลับไปกลับมาแบบนี้ทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไง” ฝ่ายไล่ถามอย่างด้วยเสียงเริ่มมีอารมณ์

“กฎตอนเริ่มเล่นไม่ได้ระบุเรื่องเวลา ดังนั้นไม่ถือว่าเป็นการผิดกติกา”

“ทำแบบนี้ ท่านก็ไม่มีทางชนะข้า ไม่ชนะ ก็ไม่ได้ยารักษาที่อยากจะได้”

“ไม่ต้องห่วง สุดท้ายข้าต้องชนะแน่นอน”

สีหน้าชองชายชราแจวเรือ ปกติสงบนิ่งราวหุ่นปั้น ตอนนี้ปรากฏรอยยิ้มจางๆขึ้นมาแวบหนึ่ง เหมือนกำลังนึกว่า พวกผู้หญิงบางทีก็เข้าใจยาก ไม่มีใครยอมใคร ดื้อทั้งสองฝ่าย ดื้อแบบไม่มีเหตุผล จนน่าตี

“แน่จริงท่านใช้หมากตัวอื่นไล่สิ ไม่ต้องใช้เรือตัวนี้” ฝ่ายตั้งรับยื่นข้อเสนอ

“แน่จริงท่านก็ถอยไปตาอื่นสิ ห้ามถอยไปตานั้น”

“เรื่องอะไร ถอยไปตาอื่นข้าก็เสียเปรียบสิ”

“เรื่องอะไร ข้าใช้หมากตัวอื่นไล่ ก็เท่ากับว่าปล่อยให้ท่านหนีได้”

“อ้าว..แน่จริงก็ไล่ให้จนสิ”

“แบบนี้มาสู้กันใหม่ดีกว่า ไม่เล่นแล้วหมากรกหมากรุก”

เทพธิดาบอดทำท่าจ้องมองหน้าฝ่ายหนึ่ง แล้วพับแขนเสื้อขึ้นอย่างช้าๆ ข้างฝ่ายปีศาจขาวได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้ารับคำทันทีเช่นกัน บอกว่า

“ได้เลย....เล่นหมากรุก ท่านก็ไม่ชนะ จะหาเรื่องมาใช้กำลังก็ได้”

“เล่นหมากรุกกับท่านไม่มีประโยชน์ เข้าๆออกๆ แบบนี้สิบชาติก็ไม่มีผลอะไร มาสู้กันอีกสักตั้ง”

พูดจบก็ผลักฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปทันที ปีศาจขาวระวังตัวอยู่แล้ว ยื่นมือปราดออกไปประกบกลางอากาศปะทะกันเอาไว้ได้ อึดใจแรกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อฝ่ามือของทั้งสองประกบเข้าหากัน แต่อึดใจต่อมาก็บังเกิดเสียงระเบิดครืนสะเทือนเลื่อนลั่น ด้านซ้ายขวาของเรือปรากฏกระแสน้ำพุ่งขึ้นไปในอากาศเป็นกำแพงน้ำทะมึนก่อนฟาดโครมครามลงมาจนผืนน้ำสะเทือนปั่นป่วนไปด้วยคลื่นลมอันรุนแรง เรือข้ามฟากหมุนคว้างลอยขึ้นไปในอากาศราวกังหัน ก่อนจะหล่นโครมลงห่างจากจุดเดิมประมาณสิบกว่าวา ตัวเรือกระเด้งกระดอนตามกระแสน้ำก่อนเอียงวูบวาบราวกับจะพลิกคว่ำลง หากยังทรงตัวอยู่ได้

ชายชราไม่รับรู้สิ่งใด ไม้พายไม่ได้หลุดจากมือ ลำตัวยังตั้งตรง พอท้องเรือกระทบผิวน้ำก็ทำหน้าที่คัดท้ายเรือสู้กระแสน้ำบ้าคลั่งต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กระดานหมากรุกและตัวหมากรุกยังคงอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่ขยับไปไหน นับเป็นผลจากการควบคุมพลังแบบเหนือธรรมชาติของทั้งสองฝ่าย

เลือดสีดำและสีแดงกระอักออกมากระเซ็นซ่านปะปนกันเต็มกระดานหมากรุก กลายเป็นหมากรุกเลือด

แต่ยังไม่มีใครยอมดึงมือกลับมา

ปีศาจขาวเขม้นมองหน้า ถามเสียงหนักๆ ทั้งที่กำลังพยายามกล้ำกลืนอาการบาดเจ็บ

“ท่านยอมแพ้หรือยัง”

“เรื่องอะไร....ท่านต้องหากต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้”

ไม่มีใครยอมแพ้ ทั้งสองกัดฟันทุ่มพลังทั้งหมดทั้งมวลออกไปอีกครั้ง

เสียงระเบิดกึกก้องจนสะท้านสะเทือนไปทั่วท้องน้ำหมอกเมฆกระจัดกระจายออกไปรอบด้าน เรือลำน้อยลอยหมุนคว้างขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง ผืนน้ำใต้ท้องเรือปะทุขึ้นเป็นสายเหมือนโดนระเบิดมหาวินาศถล่ม คราวนี้คู่กรณีทั้งสองคนปลิวหลุดออกจากตัวเรืออย่างไม่สามารถควบคุมบังคับได้ กระเด็นลอยไปในอากาศเป็นตุ๊กตาถูกจับขว้าง

หล่นโครมลงบนพื้นทรายชายหาดแล้วกลิ้งไปหลายตลบ นั่นล่ะ...มือของทั้งสองฝ่ายจึงหลุดจากกัน แต่หลังการกลิ้งกระแทกไปบนพื้นทรายก็มาหยุดนิ่งห่างกันไม่มากนัก ท่าทางลุกไม่ขึ้นทั้งสองฝ่าย พลังที่เพิ่งฟื้นตัวขึ้นมาถูกใช้ไปจนหมดสิ้นแล้ว

อะไรบางอย่างตกลงมาเสียงดังหนักๆ ระหว่างกึ่งกลางของคนทั้งสอง

เป็นกระดานหมากรุกนั่นเอง ตัวหมากยังไม่กระเด็นคลาดเคลื่อนไปจากตำแหน่งแม้แต่ตัวเดียว!

เสียงคลื่นเสียงความปั่นป่วนค่อยสงบลง เรือข้ามฟากยังคงลอยอยู่ในลำน้ำ ไม่ชำรุดเสียหาย ชายชรายังคงรอคอยอย่างสงบเยือกเย็น นอกจากหน้าที่ซึ่งได้รับคำสั่งแล้ว เหมือนไม่สนใจไยดีเรื่องราวรอบตัวเลย

คู่วิวาททั้งสองนอนมองฟ้าครู่หนึ่ง  จึงพยายามหันหน้าไปมองอีกฝ่าย ต่างฝ่ายอาการหนักพอๆกัน บาดเจ็บเท่ากัน  

ปีศาจขาว จ้องหน้าอันขาวซีดไร้สีเลือดของอีกฝ่าย แน่ใจว่าไม่มีทางลุกขึ้นมาได้อย่างน้อยก็ในตอนนี้ จึงพยายามแค่นเสียงปนเลือดสีดำออกมาทีละคำว่า

“เป็นอย่างไร จะยอมแพ้หรือยัง”

เทพธิดาบอดยิ้มที่มุมปาก พยายามใช้มือยันตัวลุกขึ้นก็ไร้ผล ร่างกายบาดเจ็บสาหัสจนเกินไป สุดท้ายส่ายหน้าอย่างช้าๆ บอกว่า

“ไม่มีทาง ท่านไม่ได้ชนะ”

“ดื้อจริงๆ” ปีศาจขาวบ่นอุบ อีกฝ่ายสวนทันควัน

“ใครดื้อกันแน่”

“ท่านนั่นล่ะดื้อ”

เทพธิดาบอดถอนใจ พูดออกมาทั้งที่เลือดทะลักออกมาจากปากจนแดงฉานว่า

“บอกให้นะ เมื่อครู่ท่านโดนพลังพิษของข้า มีแต่ข้าเท่านั้นจะรักษาท่านได้ ด้วยตัวยาของฝั่งท่าน ไม่มีทางรักษาหาย”

ปีศาจขาวได้ฟังก็หัวเราะพลางบอกว่า

“ข้าก็จะบอกให้ เมื่อครู่ท่านเองก็โดนพลังปีศาจของข้าเช่นกัน ไม่มีตัวยาใดในฝั่งของท่านรักษาได้เช่นกัน “

“แบบนี้ก็สนุกดี”

“ใช่ๆๆ...สนุกดี”

แล้วพากันหัวเราะทั้งที่กำลังจะเป็นจะตาย


แล้วทั้งสองพากันเงียบงันไปครู่หนึ่ง เหมือนจะเป็นการพักไปในตัว จ้องมองไปบนท้องฟ้า เนิ่นนาน เทพธิดาจึงเอ่ยขึ้นอย่างระโหยโรยแรงว่า

“นานแล้วนะที่พวกเราไม่ได้นอนดูท้องฟ้ากันแบบนี้”

“อื้อ....นานแล้ว..ว่าแต่พอจะไปหาไนท์ไหวไหม”

จู่ๆ ปีศาจขาวก็โพล่งถามขึ้นมา คนถูกถามเงียบไปพักหนึ่งจึงบอกเสียงแผ่วว่า

“ไม่ล่ะ..ยังไม่ใช่ตอนนี้”

ทั้งสองเงียบไปอีกพักใหญ่ เทพธิดาบอดจึงพยายามยันตัวลุกขึ้น ปีศาจขาวเองก็เช่นกัน เรื่องอะไรจะแสดงความอ่อนแอให้เห็น

“หมากตานี้ ยังไม่จบ ถ้ารอดตายวันหน้าเราจะมาเล่นกันต่อ”  เทพธิดาบอดมองกระดานหมากรุกแล้วหันหน้ามาบอก อีกฝ่ายพยักหน้ารับคำท้า ตอบว่า

“ได้...ไม่มีปัญหา พื้นที่นี้อยู่ในดินแดนของข้า ข้าจะเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าลืมไปคิดแก้หมากให้ได้ก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องเดินรุกบ้าบอกลับไปกลับมาอยู่แบบนี้”

“ท่านก็เหมือนกัน ไปหาทางหนีตาใหม่ให้ได้ก็แล้วกัน จะได้ไม่ถอยกลับไปกลับมาบ้าบออยู่แบบนี้”

“จะหาเรื่องอีกหรือไง”

ปีศาจขาวแยกเขี้ยว แต่แค่เดินเข้าหาก็โซเซแทบจะล้มคว่ำลงแล้ว  ยังจะเอาเรี่ยวแรงไหนมาต่อสู้กันอีก อีกฝ่ายคว้าแขนไว้ทันทั้งที่ตัวเองก็กำลังจะเสียหลัก สุดท้ายเลยกลายเป็นต่างฝ่ายต้องพึ่งพาอาศัยกัน มองหน้ากันเหมือนจะกินเลือดเนื้ออีกฝ่าย แต่แล้วก็พากันหัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“แน่ใจนะว่าจะกลับตอนนี้”  ผู้เป็นเจ้าถิ่นถาม

“แน่ใจสิ...กลับตอนนี้ดีที่สุด ขอบใจท่านที่ดูแลไนท์ตลอดมา ข้าคงไม่มีโอกาสดูแลเขา กลับไปไม่นานก็คงตายเพราะพลังปีศาจของท่านแล้ว ”

“ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก ข้าคงไม่มีโอกาสดูแลใครได้แล้วเช่นกัน เพราะโดนพลังพิษของท่านเข้าไป กลับไปตึกไม่นานก็คงตายแล้ว”

พูดจบก็พากันหัวเราะอีก เหมือนไม่ถือว่าความเป็นความตายอะไรเลยสักนิด

ปีศาจขาวพาผู้มาเยือนส่งบนเรือข้ามฟาก ซึ่งมาจอดรอรับอย่างรู้หน้าที่ หลังจากเรียบร้อยเรือข้ามฟากก็หันหัวเรือออกจากฝั่งอย่างไม่รีบร้อนตามบุคลิกภาพของชายชราผู้แจวเรือ  ลอยผ่านไปในม่านหมอกหนาทึบจนหายลับไปจากสายตาของคนจ้องมองจากชายฝั่ง

เทพธิดาบอดหลับตาลงอย่างอ่อนล้า พลังของปีศาจขาวนับว่าร้ายกาจแทบไร้เทียมทาน พิษสงของพลังปีศาจรุนแรงแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญพิษและตัวยาสารพัดอย่างนางเองก็ยังหาทางรักษาไม่ได้ จะอย่างไรก็จะพยายามหาทางรักษา แม้ตอนนี้จะมองไม่เห็นทางเลยสักนิด

อะไรบางอย่างอยู่ในอกเสื้อ นางฟ้าพลัดถิ่นล้วงมือหยิบออกมาพิจารณาด้วยจิต แล้วมุมปากปรากฏรอยยิ้มแบบขุ่นเคืองแกมขบขันขึ้นมา พูดกับตัวเองเบาๆว่า

“ยังคงนิสัยพิลึกพิลั่นเหมือนเดิม จะให้ดีๆ กับมือก็ไม่ได้”

นั่นเป็นห่อยา...ยาซึ่งมีเฉพาะดินแดนของปีศาจขาว ยาที่จะรักษาพิษในร่างกายให้หายอย่างรวดเร็วไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนให้ลำบาก ยาซึ่งคนให้แอบใส่ในอกเสื้อตอนพยุงลงเรือนั่นเอง คนต่อสู้กันแบบเอาเป็นเอาตายราวกับจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง กลับมาเป็นห่วงเป็นใยกันในตอนท้าย นี่ก็จัดเป็นมิตรภาพอีกชนิดหนึ่งได้เช่นกัน และเป็นความผูกพันพิเศษพิสดารรูปแบบหนึ่ง


ปีศาจสาวเห็นคนรับใช้หลายคนวิ่งมาแต่ไกล แต่ใจไม่ได้คิดเรื่องอื่น เพราะรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในอกเสื้อ ล้วงออกมาดูก็ส่ายหน้าอย่างระอาใจ พึมพำกับตัวเองเบาๆว่า

“ยังคงหัวดื้อไม่เคยเปลี่ยน จะให้ดีๆ กับมือก็ไม่ได้...”

นั่นเป็นยารักษาพิษของพลังแห่งเทพธิดาบอด ไม่ต้องหาทางรักษาตัวเองให้ยุ่งยาก และมียารักษาอาการเจ็บป่วยของเฟรี่อยู่ด้วย คนให้แอบสอดใส่ในอกเสื้อตอนพยุงลงไปในเรือนั่นเอง ต่างฝ่ายไม่มีใครบอกใครเหมือนกลัวจะเสียเชิง ไม่ได้เอ่ยปากร้องขอ สุดท้ายคนให้ต่างก็ให้ด้วยใจด้วยความเคารพนับถือกันและกัน มิครภาพซึ่งต่างฝ่ายต่างให้โดยไม่ต้องร้องขอ

แล้วที่ต่อสู้กันจนจะเป็นจะตายนี่มันเพื่ออะไรกัน คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้..ยิ้มให้กับตัวเอง และให้กับนางฟ้าตาบอดคนนั้น..นี่มันบ้าชัดๆเลย..




จบบท

แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 19:03:59

แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 08:09:32

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 54 22:30:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com