[เรื่องซ่าน] ฝนหวาน...ฝันหวาน
|
|
เย็นย่ำค่ำคืนหนึ่ง บนรถร่วม ขสมก. ที่กำลังติดแหง็กอยู่บนเส้นทางสายหนึ่งในเมืองกรุง... เขานั่งเหม่อมองผ่านกระจกออกไป เพราสิ่งแวดล้อมภายในรถคันนี้ไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดตานัก เขาจึงทอดสายตาออกไป แม้ในยามนี้บรรยากาศภายนอกจะปกคลุมไปด้วยม่านฝนที่ตกกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย หลายคนเชื่อกันว่าฝนตกมักจะคู่กับคนอกหัก ถ้างั้น จะเป็นไปได้ไหมว่าการที่เมืองหลวงแห่งนี้มีคนอกหักเกิดขึ้นอยู่ทุกวี่ทุกวันจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝนตกตลอดเวลา ...งี่เง่าน่า ที่ฝนมันตกก็เพราะพายุเข้า ที่คนมันเหงาก็ไม่เกี่ยวกับฝนหรอกเว้ย... ที่คิดเช่นนี้ก็เพราะเขายังไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับความรักในหน้าฝน และเขาก็ไม่ใช่คนอ่อนไหวพอที่จะหวั่นไหวไปกับสายฝน...จนกระทั่งเธอก้าวขึ้นมาบนรถคันนี้
สาวออฟฟิศแสนสวยในชุดรัดรูป...ถ้านี่ยังไม่ดึงดูดพอก็บ้าแล้ว เขาเหลือบมองเธอแบบไม่ค่อยเต็มตานัก...บ่อยครั้งเขามักประหม่าเวลาสบตาหญิง เสน่ห์ของเธอล้นเหลือ แม้จะสวยแบบเรียบๆแต่มันช่างดึงดูดและน่าดึงเข้ามาดูด...บ่อยครั้งเขามักจะหมกหมุ่นเกินควร สภาพเธอในตอนนี้ถ้าเปรียบเป็นลูกหมาตกน้ำ เธอก็เหมือนพุดเดิ้ลน้อย ด้วยทรงผมยุ่งเหยิงแต่ดูดี ชุดบางๆที่เปียกแนบเนื้อบางส่วน หยดน้ำที่เกาะผิวกายและเรียวขา...วววววว
เขาพยายามเบนสายตาออกไปนอกรถอีกครั้งเพื่อสลัดความซ่านออกไปให้พ้นหัว แต่...กลับเป็นเธอที่เดินเข้ามา เธอเดินเข้ามาหาเขา เธอเดินเข้ามาหาเขาใกล้ๆ เขาหันซ้ายหันขวาและพบว่าบนรถคันนี้ไม่มีเบาะว่างแล้ว อันที่จริงเขาไม่ใช่คนดีมีน้ำใจอะไรนักหนาหรอก แต่เรื่องอะไรจะปล่อยให้เธอยืนให้พวกลุงๆมาเบียดเบียน ร่างกายทำงานอัตโนมัติ เขาลุกพรวดขึ้นจนเธอตกใจ
" ชะ เชิญนั่งครับ " เขาเชิญเธอนั่ง
" ค่ะ...ขอบคุณค่ะ" เธอยิ้มให้เขาก่อนจะนั่งลงไป
ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมากมาย แต่แค่สละที่นั่งให้แล้วหวังว่าจะได้เบอร์โทรน่ะ มันง่ายไปมั้ง เธอเองก็ดูไม่ใช่คนใจง่าย เขาเองก็ไม่ใช่คนรูปร่างหน้าตาดีแบบหล่อล่อใจและเขาก็ไม่ถนัดเรื่องมนุษย์สัมพันธ์ซะด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะมีสิ่งใดเล่าที่จะช่วยให้เขาและเธอได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กัน ถ้าไม่ใช่เจ๊กระเป๋ารถเมล์ที่ฟ้าประทานมาคนนี้...
" แปดบาทห้าสิบค่ะ...วันนี้ค่ารถขึ้นแล้วนะคะ" กระเป๋ารถเมล์บอกเธอเมื่อเธอยื่นเงินให้มาแค่แปดบาท
เธองงเล็กน้อย และมีสีหน้ากังวลขึ้นมา
"...แย่จัง ฉันไม่มีเศษตังค์แล้วอ่ะค่ะ..." เธอบอกกระเป๋าฯ หลังจากค้นกระเป๋าทุกซอกแล้ว
เรื่องมันอาจจบลงตรงนี้ถ้ากระเป๋ารถเมล์คนนี้ยอมขาดทุนห้าสิบสตางค์ แต่ดูโหงวเฮ้งเจ๊แกแล้วท่าทางมีปัญหา เห็นแกทำหน้ายังกะอั้นขี้มาตลอดทาง และเจ๊แกก็ยืนกดดันอยู่ตรงนั้น เขาสังเกตเห็นได้ชัดว่าเธอลำบากใจ เขาก็เลย...
" เอานี่ก็ได้ครับ ผมออกให้ห้าสิบสตางค์ละกัน " เขาควักเหรียญสีทองที่ได้ทอนมาจากสามป้ายที่แล้วส่งให้กระเป๋าฯ
...จบเรื่องระหว่างเธอกับกระเป๋าฯ แต่เรื่องระหว่างเธอกับเขากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
" ขอบคุณค่ะ..." เธอยิ้มพร้อมคำขอบคุณอีกครั้ง
" ไม่เป็นไรครับ " พูดยาวๆกว่านี้ไม่เป็นหรือไงหนอ
" เพิ่งรู้ว่ารถร่วมขึ้นค่าโดยสารน่ะค่ะ..."
" ผมก็เพิ่งรู้ก่อนคุณไม่กี่ป้ายเองแหละครับ..." แล้วไงล่ะเฮ้ย
" ถ้าไม่ได้คุณช่วยนี่แย่เลยนะคะ"
" ไม่เป็นไรครับ..."
...เธอยิ้ม
...เขายิ้ม
...เธอหลบสายตาและมองออกไปข้างนอก
...เขาหลบสายตาแล้วมองลงไปข้างล่าง
....
ฝนยังคงตกหนัก รถก็เริ่มติดหนัก ติดไปนานๆรถเอ๋ย เขาอ้อนวอนขอยืดเวลาไว้เพื่อรวบรวมความกล้า ...ทว่าเวลายังคงคืบคลานต่อเนื่อง หากแต่ความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้นกลับหยุดนิ่ง... จะจบลงแค่นี้หรือ เขาถามใจตัวเอง ชวนคุยสิ...เรื่องอะไรดีล่ะ ถามชื่อสิ...ถามยังไงดีล่ะ และระหว่าที่เขากำลังสับสนทางจิตอยู่นั้น
" เอ่อ ยังไม่ได้รู้จักชื่อคุณเลยอ่ะ" เธอหันมามองเขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ได้สังเกต แถมยังพูดในสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่พอดี อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้น
" ฉันชื่อขวัญค่ะ..." ชื่อหวานน่ารักจริงๆ ชื่อของเธอคงมาจากของขวัญที่ฟ้าประทานมา
" เอ่อ...ผมชื่อขวานครับ" อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดน้าน ชื่อของเขาน่าจะมาจากคำว่าขวานผ่าซากแน่ๆ
เมื่อต่างคนต่างได้รู้จักฉันได้รู้จักเธอ ได้รู้ชื่อของกันและกันแล้วความสุขเล็กๆก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาแบบง่ายดาย...
" เอ่อ...ให้ขวัญช่วยถือนะคะ" เธอชี้ไปที่ถุงการ์ตูนที่เขาถืออยู่
" ไม่เป็นไรครับ" เขาพูดคำนี้อีกครั้งแล้ว
" ส่งมาเถอะค่ะ" เธอไม่ฟังเสียง เธอคว้าถุงไปกอดแล้ว ท่าทางเธอจะเอาแต่ใจน่าดูทีเดียว เขาไม่ขัดขืนใดๆทั้งสิ้น อย่าว่าแต่ถุงการ์ตูนเลยต่อให้เป็นหัวใจเขาก็พร้อมจะส่งให้เธอ
" อ่าน 'วากาบอน' ด้วยหรือคะนี่..." เธอถามเมื่อเห็นการ์ตูนในถุง
" ...เอ่อ ครับ" เขาค่อนข้างแปลกใจนิดๆกับคำถาม และยิ่งแปลกใจขึ้น
" ดีจัง...ชอบเหมือนกันเลยอ่ะ"
" คุณขวัญอ่านการ์ตูนด้วยเหรอครับ"
" อ่านสิคะ ติดตามหลายเรื่องเลยแหละ..."
" จริงเหรอครับ" ในตอนนี้แววตาซึมๆของเขาเริ่มมีประกายวิ้งๆเล็กๆน้อยๆขึ้นมาแล้ว
" ...ค่ะ ขวัญชอบอ่านการ์ตูนมากเลยล่ะ ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งติด อย่าง 'เบอร์เซิร์ก' กับ 'บากิ' นี่ก็ชอบมากนะ แล้วก็มีเรื่อง...ฯลฯ" คุณเอ๋ย...สาวออฟฟิศหน้าหวานที่ชอบอ่านเบอร์เซิร์กกับบากิ...คุณว่าน่าสนใจไหมล่ะ สำหรับเขาแล้ว เธอเหมือนสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของกรุงเทพเลยทีเดียว ยิ่งได้คุยกับเธอเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าอะไรๆทุกอย่างมันล้วนเป็นใจไปซะหมด เข้าทางอย่างไม่น่าเชื่อ
.....
....
...
..
รถติดมานานเท่าใดกันนะ ฝนซาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วทำไมหัวใจของคนทั้งคู่กลับยิ่งเปียกชุ่ม ฉ่ำไปด้วยความรู้สึกพิเศษ สองหนุ่มสาวคุยกันได้ไม่หยุด... สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นการทำลายสถิติการสนทนาที่นานที่สุดที่เขาเคยทำมา สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นความรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่เกิดจากผู้ชายซึ่งไร้เสน่ห์แต่น่าค้นหาอย่างเขา เมื่อมองย้อนกลับไปจะพบความจริงที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาซื้อใจเธออย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมด้วยราคาเริ่มต้นเพียงแค่ห้าสิบสตางค์ สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่าปรากฏการณ์ความสุขครั้งใหญ่แห่งทศวรรษเลยทีเดียว มันเหมือนฝันยิ่งกว่าการได้นั่งเล่นวินนิ่งกับ'วินทร์ เลียววาริณ'ซะอีก...
...
...
" พี่ๆ รถจะหมดระยะแล้วนะคะ" คือคำพูดที่ปลุกเขาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง รู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่าทั้งรถเหลือเพียงเธอกับเขาและกระเป๋าฯกับโชเฟอร์
" ขวัญต้องลงป้ายหน้าแล้วล่ะค่ะ..." เธอบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงเสียดายนิดหน่อย
"แล้วขวานล่ะ ลงป้ายไหนเหรอคะ"
" เอ่อ...ผมนั่งเลยมาสิบป้ายแล้วมั้ง แหะๆๆ..." เขาหัวเราะกลบเกลื่อนความเปิ่นของตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยืนคุยกับเธอจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย
" อ้าว!!ตายจริง เป็นเพราะขวัญชวนคุยแน่ๆเลย...ขอโทษน้า" เชื่อเถอะ ถ้าคุณเป็นเขา คุณก็โกรธเธอไม่ลงหรอก
" ไม่เป็นไรครับ..." เห็นไหมล่ะ เขาพูดคำนี้อีกครั้งแล้ว
...
สองหนุ่มสาวก้าวลงจากรถร่วมรัก(เอ่อ ย่อมารถร่วมบนเส้นทางแห่งความรักน่ะ อย่าคิดลึกกันนักเลย)ที่ป้ายรถเมล์ริมทาง นี่มันคือเวลาแห่งการลาจาก จริงๆแล้วเขาอยากจะไปส่งเธอให้ถึงที่สุด แต่มันคงไม่เหมาะนักกับการที่เพิ่งจะรู้จักกัน บางสิ่งในใจเรียกร้องให้เขา ทำอะไรซักอย่างสิวะ เขาอยากจะบอกเธอว่าแม้รถจะหมดระยะแต่รักของเขาไม่มีวันหมดนะยะ...
" ขวัญ!!!" เขาตัดสินใจร้องเรียกก่อนเธอจะเดินจากไป
" คะ?" เธอตกใจ หันกลับมามอง
" ผมขอยืมปากกาหน่อยได้ไหม" เอาเข้าแล้ว...หนึ่งในมุขเด็ดที่เขาคิดไว้แต่ไม่เคยได้ใช้
"...? ได้สิ ขวานจะเอาไปทำอะไรล่ะ"
" ผมอยากจะจดจำว่าครั้งหนึ่งเคยรู้จักกับคนน่ารักอย่างคุณ..." เอาจนได้ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขากล้าพูดออกไปอย่างนั้น แต่มันก็ได้ผลอย่างเหลือเชื่ออีกครั้ง
"...บ้า..." เธอหน้าแดงจนรถที่วิ่งผ่านมาเผลอแตะเบรก(เพราะคิดว่าเป็นไฟแดง...เว่อร์ซะ)
" แบมือมานี่เลย เดี๋ยวขวัญจดให้เอง" เธอออกคำสั่งอีกตามเคย เขายื่นฝ่ามือหยาบกร้านให้ เธอรับด้วยฝ่ามือบอบบาง
" หลับตาก่อนด้วย" แน้ มีเซอร์ไพร้ส์ชัวร์ งานนี้
...
...
เขารู้สึกถึงการขีดเขียนลงฝ่ามือ แต่นั่นยังไม่เท่ากับสัมผัสสุดท้ายที่ประทับลงไป
" นับหนึ่งถึงสิบแล้วค่อยลืมตาล่ะ..."
.
..
...
....
.....
......
.......
........
.........
..........
เบื้องหน้าเขาว่างเปล่า เธอจางหายไปพร้อมกับฝนปรอยๆ แต่รอยปากกาที่เขียนเลขสิบหลักและรอยลิปสติกสีชมพูบางๆบนฝ่ามือนั้น เขาคงไม่ยอมปล่อยให้จางหายไปกับหน้าฝนแน่ๆ เขายกฝ่ามือข้างนั้นขึ้นปิดปากตัวเองเบาๆ....ฝันหวานครับ ฝันหวาน... หุหุหุ.
----------------------- จบแล้วครับ นี่เป็นงานเก่าที่เขียนไว้นานแล้ว(งานใหม่ๆไม่ค่อยได้เขียนเลยครับ -__-") เห็นว่าช่วงนี้ฝนตกบ่อยเรื่องนี้น่าจะเข้ากับบรรยากาศก็เลยนำมาฝากกัน ถือโอกาสเปิดกระทู้แรกของตัวเองและทักทายเพื่อนนักอ่านนักเขียนในที่นี้มา ณ ที่นี้ ด้วยเลย (มีล๊อกอินมานานแล้วล่ะแต่ไม่ค่อยใช้และไม่เคยโพสอะไรเลย ผมเป็น'นักอ่านเงา' และก็เป็น 'นักเขียนเหงา' ...น่ะครับ -__-")
อ่านจบแล้วชอบหรือไม่ชอบยังไงก็วิจารณ์ได้เลยเต็มที่ครับ ขอบพระคุณ.
จากคุณ |
:
Sweettoxic
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.ย. 54 16:24:24
|
|
|
|