ตอนที่ 16 ::. หลายชีวิต .::
รสากลับไปอยู่ในห้องเดิม...
ความมืดและหนาวเย็นกางแขนออกมาต้อนรับ หญิงสาวเป็นคนเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องนั้นด้วยตัวเอง หากแต่ครั้งนี้บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เหมือนคนเดินมาจากที่สว่างแล้วเอาความสว่างนั้นติดตัวตามเข้าไปด้วย เป็นความสว่างที่อาจไม่สว่างจ้าเหมือนพระอาทิตย์ ไม่ได้เรื่อเรืองอย่างพระจันทร์ หากเพียงกระพริบพรายเหมือนแสงสว่างจากหิ่งห้อย แต่ก็พลันทำให้ห้องมืดสนิทห้องหนึ่งสว่างโพลงขึ้นมาได้
ห้องนี้ไม่ได้มืด แคบ และเดียวดายอย่างที่คิด รสาได้ยินเสียงดนตรีจากหีบเพลงเบาๆอยู่ตรงมุมในสุดของห้อง หญิงสาวเดินเข้าไปตามเสียงเพลงนั้น มุมห้องเป็นผนังตั้งฉากกัน ด้านหนึ่งเป็นกระจก อีกด้านหนึ่งเป็นหน้าต่างที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก รสามองออกไปนอกหน้าต่างมีเพียงหมอกลงจัดมองไม่เห็นทาง จึงหันไปอีกด้านของผนังที่มีกระจก ภาพที่ปรากฏในเงาของกระจกนั้นสะท้อนภาพหญิงสาวชุดสีชมพูยืนอยู่เดียวดาย ใบหน้าที่ปรากฏนั้นเป็นใบหน้าของเธอเอง
...หรือไม่ใช่...
ไม่ใช่
เสียงนั้นเป็นเสียงเด็กสาววัยแรกรุ่น แสงสว่างวาบเข้าตา ปรากฏเป็นภาพในห้องนอนของรสาและฟ้าใสในวัยมัธยม เด็กสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาโอบด้านหลังเด็กสาวอีกคนที่กำลังนั่งมองกระจกสี่เหลี่ยมเล็กๆสองบานที่วางทำมุมกัน ตรงกลางของกระจกสองบานนั้นมีตุ๊กตาขนาดเท่าก้อนยางลบวางอยู่ กระจกทั้งสองบานวางทำมุม 120 องศาต่อกัน เงาสะท้อนตุ๊กตานั้นมีอยู่ 2 ตัว เด็กสาวที่นั่งอยู่กางกระจกให้กว้างขึ้น ภาพยังคงมีเท่าเดิม
ต้องทำมุมให้น้อยลงอีก
ไม่พูดเปล่า ฟ้าใสเอื้อมมือขยับกระจกสองบานให้ตั้งฉากกัน ภาพตุ๊กตาในกระจกรวมกันเพิ่มขึ้นเป็น 3 ตัว
ว้าว
รสาหันไปมองดูตัวเองในวัยเด็ก ที่คะยั้นคะยอฟ้าใสให้อธิบายเพิ่ม
มันเป็นกฎการสะท้อนของแสง รังสีและมุมตกกระทบ จะเท่ากับรังสีและมุมสะท้อน ถ้าเราเอาวัตถุไปวางหน้ากระจกเงาราบ เงาตกกระทบจะสะท้อนเข้าตาเราในมุมเดียวกัน และเส้นทางเดียวกันกับที่วัตถุนั้นทำมุมกับกระจก
กลับจากซ้ายไปขวา
รสาเป็นคนพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร เอ่ยปากได้ไม่กี่คำ ฟ้าใสก็แย่งพูดไปเสียหมด
ไม่ใช่ มันเป็นแค่มายา นี่ ลองดูกระจกนี่สิ
ฟ้าใสเลื่อนกระจกห่างออกไป ทำให้เห็นภาพครึ่งตัวของรสาโดยมีฟ้าใสอยู่ด้านหลัง
เวลามองกระจก คนเราจะคิดว่า ภาพในกระจกจะสะท้อนด้านซ้าย ไปเป็นด้านขวา ด้านขวาไปเป็นด้านซ้าย แต่จริงๆไม่ใช่ มันคือด้านหลัง กลับมาเป็นด้านหน้าต่างหาก
เอ๋...
อย่างตอนนี้ตัวหันหลังให้เค้า มือซ้ายกับมือขวาของตัวกับเค้า จะอยู่ฝั่งเดียวกัน เห็นมั้ย
อื้ม
มา หันมาทางนี้มั่ง
ฟ้าใสจับรสาหมุนตัวมาเผชิญหน้ากันแล้วจับมือของฝาแฝดตนไว้ทั้งสองข้าง
แต่พอตัวหันหลังกลับมา มือข้างซ้ายของตัว จะจับอยู่กับมือข้างขวาของเค้า ทำให้ตัวมองเห็นว่าคนที่อยู่ตรงกันข้าม จะมีทุกอย่างกลับด้าน คือจากฝั่งซ้ายเป็นฝั่งขวา ดังนั้น ที่จริงภาพในกระจกเลยไม่ใช่การกลับจากซ้ายเป็นขวา แต่เป็นการกลับจากข้างหลัง มาข้างหน้าต่างหาก
อ้อ...
รสาร้องเบาๆ
เข้าใจมั้ย
ฟ้าใสถามย้ำ
เอ... เข้าใจมั้ง
ฟ้าใสอธิบายได้เห็นภาพ แต่รสาไม่ได้ฟังลึกถึงรายละเอียด ได้แต่ยิ้มรื่น ขยับที่ให้ฟ้าใสมานั่งข้างๆ
ส่วนนี่ ถ้าเราเอากระจกสองบานมาทำมุมกัน จำนวนภาพที่เกิดจากการทำมุมของกระจกสองบานนี้ จะเท่ากับ 360 องศา หารด้วยมุมนั้น แล้วเอามาลบด้วย 1 อย่างถ้ามุมฉากหรือ 90 องศา ก็จะปรากฏเงา 3 เงา เห็นมั้ย
อือ...
รสามองภาพในกระจกตามไป
ถ้าองศาที่กระจกทำมุมกันน้อยลงไปเรื่อยๆ ภาพก็จะยิ่งมีจำนวนมากขึ้น
ฟ้าใสลากกระจกให้มาใกล้กัน จำนวนเงาก็เพิ่มตาม
แล้วถ้าวางกระจกขนานกันล่ะ
รสาถามขึ้น
ก็แปลว่ามุมที่ทำต่อกันเป็น 0 องศา ภาพที่ออกมาจะกลายเป็นภาพอนันต์ เรียกภาษาอังกฤษว่า อินฟินิตี้
ไม่มีวันสิ้นสุดหน่ะเหรอ
อื้ม ไม่มีสิ้นสุด คาดเดาไม่ได้ ว่ามีเงาจำนวนเท่าไหร่ ทั้งๆที่วัตถุจริงมีแค่ 1 เดียว ที่เหลือเป็นแค่ภาพเสมือน มีอยู่ทฤษฏีนึงที่คล้ายๆปรากฏการณ์นี้นะ ชื่อว่าเอกภพคู่ขนาน คือมีเราเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ทุกอย่างกลับตรงข้ามกันไป โดยไม่มีทางมาบรรจบกัน
ยากจังฟ้า ตัวไปเรียนเรื่องพวกนี้มาจากไหนเนี่ย
จำมาจากในหนัง แล้วก็ไปค้นในหนังสือวิทยาศาสตร์เอาน่ะสิ ใครจะนั่งอยู่แต่ในห้อง อ่านวรรณคดีร้อยกรองอย่างตัวได้ตลอดเวลา น่าเบื่อจะตาย
ฟ้าก็... เราชอบคนละแบบกันนี่นา... เออ... แต่ในวรรณคดี ก็มีเรื่องประมาณเอกภพคู่ขนานเหมือนกันนะ
รสาเริ่มเป็นฝ่ายเล่าบ้าง
ยังไงเหรอ
ฟ้าใสยักคิ้วถาม
ก็อย่างเช่น ตรงที่เรานั่งอยู่ตรงนี้ อาจจะมีนางฟ้า เทวดา หรือวิญญาณนั่งอยู่เหมือนกัน เพียงแต่อยู่คนละภพภูมิ เลยสัมผัส สื่อสาร หรือพูดคุยกันไม่ได้ นอกจากจะมีจังหวะที่ข้ามมิติเข้ามาหากัน อะไรทำนองนั้น
โอ้...
ฟ้าใสพยักหน้า ตาโต
เค้าไม่ได้กำลังเล่านิทานนะ เค้าพูดถึงเรื่องที่อยู่ในวรรณคดี ไม่ก็ตำราโบราณ ในนั้นมีพูดถึงจริงๆ
คนพูดตัดพ้อ เมื่อรู้ว่าคู่สนทนาแกล้งทำเป็นสนใจไปอย่างนั้น คนถูกจับได้เอาแต่หัวเราะร่วน เสียงหัวเราะและพูดคุยเบาลงและเงียบหายไป เด็กสาวสองคนถูกเรียกให้ไปรับประทานอาหาร พวกเธอวิ่งผ่านร่างของรสาที่ยืนมองอยู่ราวกับวิ่งผ่านหมอกจางๆ
รสาเดินตามออกไปทางประตูห้อง พอเธอก้าวข้ามผ่านธรณีประตู ผนังห้อง ข้าวของเครื่องใช้ ก็เปลี่ยนแปลงไป ภาพต่างๆผ่านเข้ามาแล้วผ่านไปเหมือนการฉายสไลด์ รสามองดูการเจริญเติบโตของเด็กทั้งสองคนไปเรื่อยๆ ฟ้าใสเป็นเด็กหัวไว เรียนรู้เร็ว ปรับตัวเก่ง ขี้เล่น แต่บางครั้งก็ เจ้าอารมณ์ ตรงข้ามกับรสาที่ค่อนข้างเก็บอารมณ์ ใจอ่อน และขี้สงสาร ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันแต่สุดท้ายก็ต้องพลัดพรากจากกันเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ต่างคณะ และเป็นคนละแห่ง พอถึงปีสุดท้ายในการเรียนมหาวิทยาลัย ฟ้าใสเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รสารับปริญญา บรรจุเข้าทำงานในโรงพยาบาล และได้พบกับอนัลยานี วันที่รสาประสบอุบัติเหตุ เธอเห็นฟ้าใสอยู่ริมถนน จนถึงวันนี้ รสาเห็นฟ้าใสอีกครั้ง แต่กลับมาปรากฏโดยร่างของตัวเธอเอง
รสากระพริบตาอีกหน ตนก็กลับมาอยู่ในห้องขังห้องเดิม แสงสว่างจางหายลง ความมืดเริ่มปกคลุมจนทั่วห้องอีกครั้ง บางที ถ้าเพื่อแลกเปลี่ยนให้ฟ้าใสได้มีชีวิตใหม่ นี่อาจจะเป็นเอกภพคู่ขนาน ที่เธอต้องอยู่ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หรืออาจเป็นอณูของภพภูมิหนึ่งซึ่งเป็นที่ที่เธอควรอยู่
เมื่อคนหนึ่งเป็นของจริง อีกคนก็ต้องเป็นภาพเสมือน
เมื่อต่างอยู่คนละภพ ย่อมไม่มีทางมาบรรจบกัน
พอปลงใจเชื่อเช่นนั้น ผนังห้องก็กลับไร้ขอบเขตและแปรสภาพใหม่ พื้นห้องอ่อนยวบก่อนเปลี่ยนไปเป็นเมือกเหลวแล้วค่อยๆหลอมรวมเป็นผืนน้ำสีดำมืด และดูดกลืนหญิงสาวให้เข้าไปสู่ก้นบึ้ง แต่ในทันใดนั้นกลับมีมือหนึ่งดึงเธอขึ้นมาจากผืนน้ำนั้น
รสารู้สึกราวกับถูกกระชากขึ้นทั้งตัวและได้ยินเสียงวี้ดจากเครื่องมือช่วยชีวิตที่คุ้นหู แสงสว่างจ้าสะท้อนเข้าตาจนพร่าเลือน รสาหรี่ตาแล้วค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ จากนั้นได้ยินเสียงหัวใจเต้น สัมผัสได้ถึงลมหายใจ อ๊อกซิเจนครอบที่จมูกอัดลมให้ไหลผ่านจมูกเข้าสู่ปอด รสาได้ยินกระทั่งเสียงลมที่เดินทางผ่านทางเดินหายใจ พร้อมกับได้ยินเสียงผู้คนรายล้อม
คนไข้ปลอดภัย หัวใจกลับมาเต้นแล้ว
รสาไม่มีแรงขยับตัวมากนัก รู้สึกว่าแขนขาเล็กลงกว่าที่เคยคุ้นชิน แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้น ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ในชุดสีขาวรายรอบ เธอเห็นแอนี่เดินจากไปอย่างช้าๆ โดยไม่มีใครเหลียวมองเลยแม้แต่คนเดียว
`.,¸,.*¯`.,¸,.*
(มีต่อ [น 18+] ค่ะ)
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 09:31:46