เติมแต่งทิวเขาด้วยสีเขียว เต็มเติมมันด้วยความชุ่มชื่นใจและความอ่อนโยนของยอดหญ้า แสงอาทิตย์สาดส่องด้วยสีแดงปนเหลืองอ่อนจนได้กลิ่นของเช้าวันใหม่ สายลมแม้ไม่มีสีแต่รู้สึกได้จากความเยือกเย็นของผู้วาด สีคือวัตถุดิบรองของศิลปินหนุ่ม ความรู้สึกและประสบการณ์ต่างหากคือสิ่งสำคัญ
ศินปินหนุ่มกวาดตามองไปรอบห้องสี่เหลี่ยมสีเทา กระป๋องสีที่กองอยู่อย่างระเกะระกะ พู่กันปักไว้ในกระป๋องน้ำ แจกันที่มีดอกไม้เน่าอยู่เต็มใบ บรรยากาศรอบตัวเขาไม่มีสิ่งใดที่จะดูเหมือนเป็นแรงบัลดาลใจให้แก่ภาพวาดของเขาเลย ศิลปินหนุ่มถอนหายใจ ความคิดถึงบ้านไม่เคยปราณีใครแม้แต่ศิลปินผู้ยากจน เขาอยากจะกลับบ้านที่เชียงดาวมากขึ้นทุกที หลังจากที่รู้สึกว่าการใช้ชีวิตในเมืองไม่เหมาะกับตัวเขาเลย เพราะเขาจน! รูปวาดที่ขายไม่ได้ของเขาก็ไม่เคยจะมาช่วยหาข้าวหาปลาให้เขาแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดว่าเขาอุส่าใส่ชีวิตลงไปในภาพเหล่านั้นแล้ว ถึงอย่างนั้นเขายังไม่ลดละที่จะทำงานศิลปะ ถ้าเพียงเขาอยากจะวาดอะไรสักอย่างที่มันแล่น-ลอยอยู่ในความคิด เขาก็สามารถที่จะอดข้าวเพื่อนำเงินไปซื้อสีได้อย่างจริงใจ หลายวันที่ผ่านมาภาพของธรรมชาติบ้านเกิดได้มาโลดแล่นในหัวของเขา ศิลปินหนุ่มจึงได้บรรจงพรรณนาถึงมันผ่านปลายพู่กันเปื้อนสีลงสู่ผ้าใบสีขาว เขาไม่รีบร้อน วาดอย่างใจเย็นและสุขุม เขาจับเอาบางส่วนของความรู้สึกมาแต่งเติม และในความนึกคิดนั้นสายลมกำลังโชยพากลิ่นดิน-กลิ่นฟืนไหม้ไปกระทบจมูกของศินปินหนุ่ม เขาหลับตาพริ้ม เอมอิ่มกับความรู้สึกเหล่านั้น ไม่นานนักผนังสี่เหลี่ยมสีเทาก็กลับมา และมันมาพร้อมความจริงอีกอย่าง เสียงท้องร้อง! บางทีเขาคิดว่าภาพวาดของเขาจะได้ไปประดับหราอยู่บนผนังของหอศิลป์แห่งชาติ ผู้คนผ่านไปผ่านมา บางคนหยุดมอง เขาไม่รู้ว่าผู้คนที่เดินขวั่กไขว่อยู่ในหอศิลป์จะได้กลิ่นของเชียงดาวที่ได้ถูกสอดแทรกอยู่ในภาพหรือไม่ จะมีใครเข้าใจเขา? โดยเฉพาะเสียงท้องร้องที่มันบังเอิญเป็นวิญญานของภาพ.
http://www.youtube.com/watch?v=dipFMJckZOM แรงบัลดาลใจที่เรากลั่นออกมาได้เพียงเสี้ยว
เรื่องนี้ผมเขียนไว้ตอนทีี่ผมรู้สึกท้อแท้กับจุดยืนของตัวเองเพราะบางที่ผู้คนรอบๆตัวเราก็ไม่สามารถเข้าใจในจุดยืนของเราได้ และผมได้ฟัง starry night ผมหายเหนื่อย..
ปล.จัดเรียงหน้าไม่ค่อยเก่งครับ
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 19:31:11
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 19:30:47
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 19:30:14
แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 19:29:25