Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
::: หลงกิเลนจันทร์ ::: บทที่ ๖ สายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด ติดต่อทีมงาน

"กิเลน"  สัตว์เทพคู่บัลลังก์จักรพรรดิ

กิเลนจันทร์ผู้สูงส่ง กิเลนจันทร์ผู้น่าลุ่มหลง

กิเลนจันทร์ผู้เป็นดั่งพายุร้อนแรงพัดปลิดปลิวชะตาทุกผู้คน...


===========================================

บทที่ 6

สายสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาด
[1/2]



“เจ้าคือนางพญาบุปผา”

เสียงอ่อนเยาว์ทว่าทรงอำนาจเด็ดขาดเอ่ยขึ้น เย่วเทียนอ๋าวพาร่างเล็กๆ ของตนมาหยุดยืนตรงหน้าขบวนของภูติบุปผาแห่งความมืด กิเลนจันทร์แห่งหยินหยิบยื่นโบตั๋นดอกน้อยให้แก่เติงหลงฮวา นางภูติราตรีคุกเข่าถวายบังคมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นางชายตาเยาะเย้ยภูติโบตั๋นและเหล่าภูติบุปผาแห่งแสงสว่าง ภูติบุปผาแห่งความมืดตนอื่นพากันหัวเราะคิกคักสนุกสนาน ยินดีที่เติงหลงฮวาหักหน้าฝ่ายตรงข้ามได้

“โดยปกติแล้วองค์หญิงเติงหลงฮวามิเคยใส่ใจในงานฉลองนางพญาบุปผา ไม่ทราบว่าครานี้นึกสนุกอันใดจึงให้เกียรติมาเยือนได้”

ภูติโบตั๋นถามเสียงจริง[^_^]้แววหยอกเอิน นางเหลียวมองราชินีกิเลนทั้งสองคล้ายจะขอความเห็นทว่าไม่ได้รับคำตอบอันใด ควรทราบว่า ‘เรื่องไม่ลงรอยกันของภูติบุปผามิใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดที่ราชันและราชินีกิเลนสวรรค์ต้องเป็นกังวล’

“จันทราฉายแสงเมื่อยามราตรีกาลฉันใด บุปผาแห่งความมืดย่อมเบ่งบานใต้แสงจันทร์ฉันนั้น การได้เข้าเฝ้าองค์ชายกิเลนจันทร์ทั้งยังได้รับพระเมตตาประทานตำแหน่งนางพญาบุปผา จะมีสิ่งใดน่ายินดีไปกว่านี้อีกหรือ”

สิ้นคำของเติงหลงฮวา ภูติบุปผาแห่งแสงสว่างพากันกระซิบกระซาบเซ็งแซ่ ธรรมชาติสตรีย่อมคิดหวังให้ตนเป็นผู้งามเลิศที่สุด เมื่อถูกหักหน้าครั้งใหญ่โดยภูติแห่งดอกโคมไฟที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ทั้งอยู่ฝ่ายตรงข้ามเช่นนี้แล้ว ริ้วรอยแห่งความไม่พอใจจึงฉายชัดอยู่บนดวงหน้างดงามของพวกนาง กระทั่งภูติโบตั๋นผู้ร่าเริงเป็นนิจยังจนปัญญาจะห้ามปรามความอิจฉาริษยาของผู้อื่นได้ ภูติบุปผาทั้งหมดพากันหันหน้าไปหากิเลนจันทร์แห่งแสงสว่าง ส่งสายตาเว้าวอนขอความเป็นธรรม

เย่วเทียนหมิงรู้สึกลำบากใจเป็นอันมาก ด้วยว่าไม่เคยถูกจับจ้องจากสายตาคาดหวังอ้อนวอนเช่นนี้มาก่อน ทว่าด้วยความใจดีเป็นพื้นฐานกิเลนน้อยจึงตัดสินใจ

“ถ้างั้น เรายกโบตั๋นให้พวกเจ้าก็แล้วกัน จะได้เป็นนางพญาบุปผากันทุกคนเลย”

เทียนหมิงกล่าวน้ำเสียงสดใสพลางยื่นมือเล็กๆ ส่งดอกโบตั๋นไปทางเหล่าภูติบุปผา ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ราวกับเซียนสวรรค์จำแลงมาเผยรอยยิ้มจริงใจ

เติงหลงฮวาถึงกับหน้าตึง นางพิศมองกิเลนจันทร์น้อยแห่งแสงสว่างพลางเก็บซ่อนความมุ่งร้ายแนบเนียน


‘ฝ่าบาทแห่งความมืดเพคะ จะทรงยอมให้พี่ชายหักหน้าหรืออย่างไร ฝ่าบาทเทียนหมิงทำเช่นนี้แสดงว่าไม่เห็นการตัดสินใจของฝ่าบาทอยู่ในสายตา’


เทียนอ๋าวขมวดคิ้วขัดใจเมื่อได้ยินคำยุแยงที่เป็นดั่งเสียงกระซิบจากปีศาจร้ายของเติงหลงฮวา

“ไม่ได้! ข้าเลือกภูติบุปผาตนนี้แล้วห้ามยกตำแหน่งให้ใคร!”

กิเลนจันทร์น้อยแห่งความมืดตะคอกใส่จนพี่ชายสะดุ้งโหยง เทียนอ๋าววิ่งรี่ไปหาเทียนหมิงสองมือพยายามยื้อยุดแย่งดอกโบตั๋นในมือพี่ชาย

“ส่งมาให้ข้า”

“อ๊า ไม่ได้นะ ภูติดอกไม้ตนอื่นน่าสงสารออก” เทียนหมิงน้อยร้องตกใจ ลำแขนกลมป้อมกอดดอกโบตั๋นไว้แนบอก พยายามเบี่ยงตัวหลบการยื้อแย่งของน้องชาย


‘ใช่แล้วเพคะฝ่าบาท อย่ายอมให้แสงสว่างมีอำนาจเหนือพระองค์’


เติงหลงฮวายังคงกระซิบเข้าสู่จิตของเทียนอ๋าวอย่างมุ่งร้าย...

อนิจจา การสื่อจิตของจ้าวแห่งความมืดเช่นเยว่เทียนอ๋าวกับภูติแห่งความมืดนั้นนับเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดของกิเลนจันทร์ แม้แต่ราชันกิเลนเองก็ไม่อาจได้ยิน

ในสายตาของบิดามารดาแล้วนี่นับเป็นครั้งแรกที่สองพี่น้องทะเลาะกัน มู่ตานกุ้ยฮวาทำทีเสมือนจะเข้าไปปรามทว่าจูเจินอวี้เหวินยกมือห้ามไว้ นางกิเลนวารีมองตาก็รู้ใจราชันกิเลน

‘พี่น้องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา บางครั้งควรปล่อยให้เด็กๆ ลองแก้ปัญหาดูก่อน’

“เอามานะ!”

เทียนอ๋าวร้องหงุดหงิดพร้อมกับแยกเขี้ยวเล็กๆ ที่อาจจะดูน่ากลัวในสายตาเทียนหมิงทว่ากลับน่ารักใคร่ในสายตาผู้ชม โดยเฉพาะกับเหล่าบิดามารดาผู้ยิ้มเอ็นดูอย่างใจจืดใจดำ

“ไม่!”

เทียนหมิงเริ่มร้องเสียงเครือ นัยน์ตาสีเงินสุกใสมีหยาดน้ำคลอหน่วย ทว่าไม่ทราบเจ้าตัวเล็กเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนจึงยังสามารถป้องกันการจู่โจมของน้องชายได้ชะงัดนัก

สองกิเลนจันทร์น้อยผู้น่ารักบัดนี้กลายสภาพเป็นลูกม้าพยศสองตัวลงคลุกฝุ่นยื้อแย่งดอกโบตั๋น เทียนอ๋าวกระชากแขนเสื้อของเทียนหมิงแต่ด้วยเรี่ยวแรงที่ดูจะน้อยกว่าส่วนหนึ่งจึงไม่สามารถง้างดอกโบตั๋นออกจากมือพี่ชายได้

เทียนหมิงพลิกตัวพยายามเดินหนีทว่าเทียนอ๋าวกลับโอบสองแขนจากด้านหลังใช้แรงเท่าที่มีเอื้อมคว้าดอกโบตั๋นอีกครั้งหนึ่ง เทียนหมิงจึงโถมแรงทั้งตัวพยายามสะบัดอ้อมกอดอันเกรี้ยวกราดของน้องชายออก เด็กน้อยสองคนยื้ดยุดกันไปมา หน้าตาผมเผ้าที่เคยเรียบร้อยกลับยุ่งเหยิงราวรังนกพันกัน ขณะคนรอบข้างเริ่มมีสีหน้ากังวล...

‘ฤๅแสงสว่างกับความมืดจะไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ อายุเพียงเท่านี้แต่กลับทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย’

“เอามา!”

“ไม่เอา!” เย่วเทียนหมิงเริ่มสู้กลับด้วยท่าทางขึงขัง

“เทียนอ๋าวใจร้าย!” กิเลนจันทร์น้อยแห่งแสงสว่างร้อง


เพี๊ยะ!

มือน้อยๆ ของเทียนอ๋าวสะบัดกระทบผิวแก้มใสของเทียนหมิงดังสนั่น เทียนหมิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก ใบหน้าเล็กขาวเนียนค่อยๆ ปรากฏรอยแดงเป็นปื้นทีละน้อย มือหนึ่งยังคงกำดอกโบตั๋นไว้แน่นส่วนมืออีกข้างลูบแก้มตนเองพลางจ้องมองน้องชายอย่างไม่เชื่อสายตา

“……………….………”

“แงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!”

ทุกอย่างเงียบลงเพียงอึดใจก่อนเทียนหมิงจะระเบิดเสียงร้องไห้ด้วยความน้อยใจอย่างที่สุด ด้วยไม่คิดเลยว่าเทียนอ๋าวจะทำร้ายตน หยาดน้ำตาสีใสพิสุทธิ์หยดแล้วหยดเล่าทะลักทลายราวทำนบน้ำแตกพัง

“แง้ๆๆๆๆ !!! แงงงงงงงง!!! โฮๆๆ!!” องค์ชายกิเลนน้อยแห่งแสงสว่างแหกปากร้องดังกึกก้องตัดพ้อน้องชายไม่หยุด

“เทียนอ๋าวใจร้าย แงงงงงงงงง!!”

เทียนอ๋าวก็ตกใจเช่นกัน ใบหน้ายิ้มแย้มสดใสของพี่ชายที่ปกติเห็นจนรำคาญตามาบัดนี้กลับเหยเกทั้งยังแดงก่ำ น้ำมูกน้ำตาใหลไม่หยุดอย่างน่าเวทนา


‘องค์ชายน้อยนี่เป็นโอกาสอันดี รีบแย่งดอกโบตั๋นมาสิเพคะ’


เสียงร่าเริงอย่างน่ารังเกียจของเติงหลงฮวาดังขึ้นในห้วงจิต เทียนอ๋าวเม้มปากเล็กๆ ของตนที่เริ่มสั่นระริก นัยน์ตาสับสน


‘องค์ชายน้อยจะช้าอยู่ไย พวกเราผู้อาศัยในความมืดย่อมพอใจเมื่อแสงสว่างพ่ายแพ้ไป’


นางภูติราตรียังกล่าวยุอย่างใจดำไม่หยุด


‘องค์ชายน้อยเพคะ หัวเราะสิเพคะ ท่านชนะแล้ว’


“หนวกหู...”

เยว่เทียนอ๋าวคำรามลอดไรฟัน เสียงกระซิบเบาๆ ทว่าแจ่มชัดในโสตประสาทยิ่งทำให้เยว่เทียนหมิงร้องไห้จ้าหนักขึ้นไปอีก

คราวนี้เทียนอ๋าวถึงกับปั้นหน้าไม่ถูกจึงเหลียวมองรอบกายคล้ายจะขอความช่วยเหลือ เมื่อหันไปหาบิดาก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมา ทั้งที่ปกติแล้วเยว่หรงเต๋อจะตามโอ๋ตามใจบุตรชายคนเล็กเป็นที่สุด เทียนอ๋าวเริ่มรู้สึกตัวว่าทำผิดไปแล้ว ใบหน้าพยศดื้อรั้นอยู่เป็นนิจเริ่มบิดเบี้ยวฉายแววไม่มั่นใจ ก้อนสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้เริ่มทะลักทลายออกมา

“โฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!! แง้!!”

เสียงอ่อนเยาว์ทว่าแหลมเสียดหูจากเทียนอ๋าวพลันดังขึ้นประสาน น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลป้อยๆ ไม่หยุด กิเลนจันทร์แห่งความมืดแหกปากร้องไห้อย่างสิ้นลาย ลูกกิเลนน้อยสองตัวยืนร้องไห้ช่วยกันบรรเลงเพลงน้ำตาอย่างตั้งอกตั้งใจ

เทียนหมิงได้ยินเสียงร้องไห้ของน้องชายจึงเบิกตาขึ้นมาดู ในสายตาฝ้าฟางไปด้วยหยาดน้ำนั้นใบหน้าน่ารักน่าสงสารของเทียนอ๋าวลอยเด่น น้องชายแสนรักที่ยามปกติมักจะเย่อหยิ่งอยู่ในทีกลับร้องไห้หมดท่า เส้นผมสีดำสลวยปรกใบหน้าเปียกชื้นไปหมด

เทียนหมิงรีบกลั้นสะอื้นสูดลมหายใจลึกๆ อ้าสองแขนเล็กๆ โอบกอดเทียนอ๋าวไว้แน่น ไออุ่นจากร่างกายนุ่มนิ่มส่งผ่านถึงกัน กิเลนจันทร์แห่งแสงสว่างลูบหัวลูบหลังน้องชายอย่างปลอบโยน


“ไม่ร้องนะไม่ร้อง อย่าร้องนะเทียนอ๋าว เกอเกอขอโทษ เกอเกอยกโบตั๋นให้ ไม่ร้องนะ”

เทียนหมิงคลายดอกโบตั๋นที่ตนเองกำอยู่ในมือออกเบาๆ บรรจงทัดดอกไม้สีแดงสดดอกน้อยบนเรือนผมสีดำขลับของเทียนอ๋าว มืออีกข้างช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่หยุด

กิเลนจันทร์แห่งความมืดเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายก็เห็นรอยยิ้มสว่างไสว นัยน์ตาสีเงินของพี่ชายเปี่ยมไปด้วยความรักความจริงใจ รู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดอบอุ่น...

เทียนอ๋าวหยุดร้องไห้ นัยน์ตาสีดำเป็นประกาย ใบหน้าแดงระเรื่อ มือน้อยๆ คลำดอกโบตั๋นบนเรือนผม กลีบดอกอ่อนนุ่มดีดสะท้อนรับกับปลายนิ้ว

“ฮื่อ....ขอโทษ.....เกอเกอ......” เทียนอ๋าวพยักหน้าตอบเสียงอ้อมแอ้ม
เทียนหมิงได้ยินน้องชายเรียกตนเองว่า ‘เกอเกอ’ เป็นครั้งแรกถึงกับยิ้มร่าทันที ดีใจจนออกนอกหน้า เขย่งเท้าจุมพิตหน้าผากน้องชายไปทีหนึ่งทั้งยังกอดรัดแน่นไม่ปล่อย

เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกหลายเสียงดังขึ้น ราชันกิเลนถึงกับลุ้นจนเกือบลืมหายใจ แท้จริงแล้วเยว่หรงเต๋อแทบจะวิ่งเข้าไปปลอบตั้งแต่กิเลนน้อยเริ่มร้องไห้ ทว่า ‘ราชสีห์ยังยอมผลักลูกตกหน้าผา กิเลนก็ต้องยอมให้ลูกร้องไห้จ้าบ้าง’

ยังดีที่แผนการ ‘บิดามารดาผู้ไร้น้ำใจ’ นั้นได้ผล ราชินีกิเลนทั้งสองจึงยิ้มพอใจ ทว่าด้วยลางสังหรณ์ของสตรีทั้งคู่จึงหันไปมองเติงหลงฮวาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย นัยน์ตาสองคู่ของสองราชินีกิเลนจับจ้องนางภูติราตรีไม่หยุดราวกับจะเค้นความจริงสักเรื่องหนึ่ง

ทว่าเติงหลงฮวากลับไม่ยอมแพ้

‘ฝ่าบาทกำลังโดนหลอกเพคะ แสงสว่างไม่มีทางจริงใจ’

เยว่เทียนอ๋าวได้ยินเข้าก็ถึงกับขมวดคิ้วหันหน้าไปทางนางภูติใจร้าย


‘หนวกหู หุบปากซะ!’


เสียงตะคอกอย่างร้ายกาจส่งตรงสู่สมองของเติงหลงฮวา กิเลนจันทร์แห่งความมืดสื่อสารกับภูติราตรีด้วยความโกรธเกรี้ยว นางจึงได้แต่เพียงยืนตัวแข็งทื่อด้วยไม่คาดคิดว่าเด็กน้อยจะโต้ตอบกับนางทางจิตได้

เติงหลงฮวาเงยหน้าลอบมองเยว่เทียนอ๋าวในอ้อมแขนพี่ชายชัดๆ นัยน์ตาแข็งกร้าวคู่นั้นคุกรุ่นราวกับเปลวไฟสีดำเหลือบมองมาทางนางอย่างเย็นชา ส่งผลให้ทั่วร่างหนาวยะเยือกสั่นสะท้านไม่หยุด นางภูติราตรีถึงกับลืมตัวถอยหลังไปหลายก้าว...

‘น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้’


==== มีต่อค่ะ ====

แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 54 22:10:58

 
 

จากคุณ : นู๋ครีมสด
เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 22:08:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com