บทที่ 5
งานเลี้ยงดูจัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสบายๆในสวน มีดนตรีบรรเลงเบาๆทำให้คูผ่อนคลายมากขึ้น สวนพักผ่อนข้างห้องสมุดที่เมื่อก่อนเป็นที่ทำการบ้าน อ่านหนังสือตลอดจนเป็นที่จับกลุ่มนั่งเมาท์ วันนี้ที่ที่เดี่ยวกันถูกเปลี่ยนให้เป็นงานเลี้ยงในสวนอย่างลงตัว
ศาลาไม้กับตะแบกต้นใหญ่สถานที่แห่งความทรงจำยังคงสภาพเดิมทุกอย่าง แต่วันนี้ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และดวงไฟหลากสี ผู้มาใหม่ที่ก้าวเข้ามาในงานคนหนึ่งตาคมผมยาวเฉียดเอวถีรดาสวมขุดกระโปรงเปิดไหล่สีเข้ม
ส่วนวสีวันนี้เธอเลือกชุดกางเกงขายาวสีดำกับเสื้อกล้ามสีเดียวกันปักมุดสีเงินเพิ่มเข็มขัดสีแดงทำให้ดูเป็นสาวมั่นมากขึ้น ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้ามาในงานบรรดาแขกผู้เกือบมีเกียรติทั้งหลายก็ให้การต้อนรับอย่างคนเคยคุ้น
มาแล้ว สองสหายไม่คลายรัก คิดแล้วว่าต้องมาด้วยกัน เพื่อนเก่าที่ชื่อแอนทักทายสองสาวอย่างสนิทสนม
นังดาแอบเปรี้ยวนะแก เพื่อนที่จะว่าหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิงเดินเข้ามาจับๆต้องๆชุดหรูที่ถีรดาสวมมา
วสี.....วสีใช่มั้ยเนี้ย สวยขึ้นจำเกือบไม่ได้เลย เพื่อนเกือบสาวคนเดิมแบนเป้าหมายมาที่วสี
วสีน่ะเค้าสวยอยู่แล้วย่ะ แกนั่นแหละที่เพิ่งตาถึง แต่ถ้าเป็นฉันก็ว่าไปอย่างสวยชัดเจนสม่ำเสมอ ถีรดาพูดพรางไล้มือไปตามข้างลำตัวเน้นเห็นสิ่งที่เรียกว่าสวยให้ชัดขึ้น
มีคนบอกว่าคนเราอายุมากขึ้นสมองกลับ เลอะเลือน หลงลืมอะไรได้ง่ายฉันว่ามันเกิดขึ้นแล้วกับเพื่อนเรา การเย้าหยอกแบบเพื่อนสนิทเกิดขึ้นคล้ายวันเก่าๆ
แกไม่ได้ว่าฉันแก่หรอกใช่มะ
เปล่าหรอกเขาว่าแกสวยหน้าเด็ก แต่สมองเป็นยายอายุหกสิบต่างหาก วสีถือโอกาสทับถมอีกทาง
แน่ะ มาด้วยกันแท้ๆ ทำกันได้ ถีรดาค่อนเอาบ้าง
เพื่อนคนอื่นๆละ ยังมาไม่ถึงกันหรอ วสีถามหาบรรดาเพื่อนเก่าที่ตอนนี้ยังไม่เห็นหน้า
เจมาแล้ว พาว่าที่ภริยามาด้วย สวยด้วยนะ ตอนนี้คงกำลังเอาแฟนไปอวดเพื่อน ยัยก้อยเห็นอยู่เมื่อกี้หายไปไหนแล้วไม่รู้ รังสรรค์ก็มานะ เพื่อนสาวกล่าวถึงเพื่อนคนโน้นคนนี้ แต่บุคคลเหล่านั้นเป็นเพื่อนที่แม้ว่าวสีจะดีใจที่ได้พบเจอแต่คงไม่ดีใจเท่าการได้เจอคนคนนั้น คนที่วสีรอคอยการพบเจอมาตลอด
เดี๋ยวฉันมานะ วสีปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อน เธอเดินตรงไปยังบริเวณจัดนิทรรศการซึ้งมีผลงานแสดงอยู่มากมายทั้งผลงานของศิษย์ปัจจุปันและศิษย์เก่า วสีเดินชมผลงานไปเรื่อยๆแต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังมองหาอะไรอยู่มากกว่า ผลงานที่จัดแสดงมีทั้งภาพความสำเสร็จของบุคคลที่มีหน้ามีตาในสังคม สิ่งประดิษฐ์ใหม่จากฝีมือนักเรียน แต่แล้ววสีต้องมาหยุดตรงภาพเขียนภาพหนึ่ง
ภาพเจดีย์กลางแม่น้ำในบรรยากาศพลบค่ำ เพียงแค่มองแวบเดียววสีก็มั่นใจได้ว่าเจ้าของภาพเป็นคนคนเดียวกับคนที่เธอรอมานาน
ใช่แล้วภาพนี้เป็นของชยิน ชยินมางานนี้ด้วยแต่ทำไมเขาไม่ไปหาเพื่อนๆ เขาคงอยู่ที่มุมไหนสักมุมในงานนี้แน่นอน วสีเดินออกจากสถานที่นั้นโดยเร็ว จิตใจชุ่มชื่นสดใสขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก วันนี้มาถึงแล้ววันที่เธอรอมาตลอด
เขาอยู่ตรงไหนหนอที่ที่เขาชอบไปในโรงเรียนแห่งนี้ สนามบาส ห้องศิลปะ สระน้ำข้างโรงอาหาร ใช่แล้วต้องเป็นที่นั้นแน่
วสีเดินจนเกือบวิ่งเพื่อให้ไปถึงที่นั่นโดยเร็ว แต่ดูเหมือนว่าแต่ละก้าวย่างจะช้ากว่าการเดินทางของหัวใจมากเพราะตอนนี้หัวใจของเธอได้รอเขาอยู่ ณ ที่นั้นเรียบร้อยแล้ว
เงาดำในความมืดที่เห็นไกลๆทำให้สาวหน้าขาวนวลต้องเร่งฝีเท้ามากขึ้น แม้อากาศจะเย็นสบายแต่วสีกลับร้อนรุ่มไปทั้งตัว ไรผมปรากฏเม็ดเหงื่อบาง ๆ
โอ๊ย........ ด้วยความรีบร้อนทำให้วสีสะดุดรากไม้ล้มลงไม่มีเวลาโอดโอยเธอรีบลุกขึ้นเดินต่อ ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าอาการปวดแปลบที่ข้อเท้าทำให้หญิงสาวต้องชะงักอีกครั้ง
โอ๊ย บ้าจริงเชียว วสีก้มลงถอดรองเท้าสันสูงที่สวมมาถือแล้วออกเดินต่อ
ชาติ ชาติใช่มั้ย
เราเอง รังสรรค์ เสียงจากเงาในความมืดที่ร้องตอบมาทำให้ใบหน้าที่ฉาบด้วยรอยยิ้มแห่งความหวังสลดลงทันที
วสีชะลอฝีเท้าเดินไปหาบุคคลต้นเสียงช้าๆ ความหวังความอบอุ่นที่เคยมีมลายหาย
วสี ใช่มั้ย ดีใจจังที่ได้เจอ รังสรรค์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นอีกคนที่เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของชยิน
"มายืนทำอะไรที่นี่ อะ รังสรรค์ วสีกล่าวทักทายเพื่อนเก่า รังสรรค์เป็นคนผิวคล้ำแต่ตัวเล็กและท้วมกว่าชยินเล็กน้อย
ในงานเสียงดัง เลยมานั่งตากลมแถวนี้ รังสรรค์เสหน้ามองเลยไปทางอื่นแล้วจึงพูดต่อ
พอดีเราไม่ค่อยชอบเพลงที่เขาเปิดในงาน น่ะ
รังสรรค์มาอยู่ที่นี่นานแล้วหรอ
ก็สักครู่ใหญ่แล้วล่ะ
มีคนอื่นมาที่นี่อีก มั้ย วสีพยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียให้ปกติที่สุด
มี สิ คำตอบทำให้วสีเผลอหลุดรอยยิ้มน้อยๆออกมาอีกครั้ง
เมื่อกี้เห็น มีรุ่นพี่สองสามคนเมาเดินเล่นแถวนี้แต่เขาไปแล้วล่ะ วสีแทบหมดแรงทรุดร่างลงกับพื้นดีแต่มีเก้าอี้ไม้ตัวยาวยันกายไว้ภาพนั้นจึงดูไม่ผิดปกติมากนักในสายตารังสรรค์
เมื่อไม่เจอคนที่เฝ้าคอยหญิงสาวจึงทำได้เพียงหันหลังเดินกลับเข้างานไปอย่างอ่อนแรง ทันทีที่ร่างแบบบางของสาวหน้าขาวนวลเดินลับตาไป ชายหนุ่มหน้าคมเข้มรูปร่างสูงโปร่งที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่หลังพุ่มไม้มาตลอดเดินตรงเข้ามาหารังสรรค์
ขอบใจมากรังสรรค์ ชยินมองภาพนั้นจนลับตาแล้วหันมาพูดกับเพื่อน
ข้าไม่เข้าใจทำไมนายต้องหลบหน้าวสีด้วย ไม่มีคำตอบจากปากของชายหนุ่ม
แต่อาการนิ่งเงียบที่เกิดขึ้นทำให้รังสรรค์ไม่อยากจะรบเร้าให้มากความได้แต่มองดูชยินและเปรยตามองไล่หลังวสีอย่างไม่เข้าใจคนทั้งคู่ ภาพของวสีที่เดินขากะเผลกเข้ามาทำให้ถีรดาต้องวางแก้วน้ำในมือแล้วรีบไปพยุงเพื่อนโดยเร็ว
วสีขาแกไปโดนอะไรมา ถีรดาร้องถามเพื่อนสาวพร้อมด้วยท่าทางร้อนรนเป็นห่วง
สะดุดรากไม้นิดหน่อย
นิดหน่อยอะไรกันมีเลือดออกด้วย ถีรดามีอาการตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหัวเข่าของวสีมีน้ำสีแดงข้นไหลออกมา
ฉันจะพาแกไปทำแผล
ไม่เป็นไรฉันอยากกลับแล้ว น้ำเสียงที่หลุดจากปากวสีมีแววข่มขื่นแต่คนฟังยังจับอาการไม่ได้
อ้าวทำไมรีบกลับจัง แกเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่มีคำตอบจากปากของสาวหน้านวล แสงไฟสลัวทำให้ถีรดาเห็นใบหน้าเศร้าหมองนั่นเพียงลางๆ
ฉันอยากกลับแล้วแกพาฉันกลับบ้านเถอะ
ได้ๆฉันจะพาแกกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย อาการของเพื่อนทำให้ถีรดากระวีกระวาดลุกลนแม้จะแปลกใจกับอาการของเพื่อนแต่ก็ไม่อยากขัด
ฉันจะไปลาเพื่อนๆก่อนแกไปกับฉันมั้ย
แกไปเถอะฉันจะไปรอที่รถ
รอฉันเดี๋ยวนะ วสีปล่อยให้ถีรดาเดินกลับเข้างานไป แล้วตัวเองจึงเดินกลับไปรอเพื่อนสาวที่ลานจอดรถ วสีเฝ้าคิดทบทวนกับเรื่องราวสับสนที่เพิ่งผ่านมา มารู้ตัวอีกทีก็มาหยุดที่ศาลาไม้ใต้ต้นตะแบก
ที่ที่เมื่อก่อนเคยเป็นทั้งที่อ่านหนังสือทำการบ้าน หรือแม้แต่งานลอยกระทงก็จะต้องหอบอุปกรณ์ทุกอย่างมาจับจองพื้นที่ตรงนี้เพื่อประดิษฐ์กระทงส่งเข้าประกวด วสีเกือบจะเดินผ่านเลยสถานที่แห่งนี้ไปแต่เงาของผู้ที่อยู่ในความมืดตรงข้างศาลาเด่นชัดจนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าบุคคลที่ยืนอยู่ตรงนั้นอาจจะเป็นคนที่เธอกำลังเฝ้ารออยู่ก็เป็นได้
ยิ่งหญิงสาวเดินเข้าใกล้บุคคลในเงานั้นมากเท่าไรความมั่นใจว่าเป็นเขาที่รอก็เพิ่มมากขึ้น หากอีกใจก็ไม่อยากมั่นใจจนเกินไปเช่นกันเพราะเธอก็เพิ่งผิดหวังมาเมื่อครู่นี้เอง เมื่อเดินเข้ามาใกล้ทำให้รู้บุคคลผู้นั้นเป็นผู้ชายแน่นอน
เสียงย้ำเท้าของวสีทำให้บุรุษร่างสูงใหญ่ในเงามืดรู้ตัวทำท่าขยับจะเดิน แต่ไม่เร็วไปกว่าเสียงร้องทักของวสีที่ดังขึ้นทำให้ร่างนั้นหยุดการเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ใครอะ วสีส่งเสียงถามค่อยข้างดังเพราะเกรงว่าคนในเงามืดจะรีบเดินหนีเธอไป
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองใช้เสียงแข็งไปอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจ พาลไม่ได้รู้กันพอดีว่าเป็นใคร จึงร้องถามอีกครั้งคราวนี้พยายามปรับน้ำเสียงให้อ่อนและเบากว่าเดิม
ใครค่ะ มาอยู่มืดๆคนเดียว ทำไมไม่เข้าไปในงาน ไม่มีเสียงตอบ อีกฝ่ายยังคงนิ่ง วสีเริ่มสงสัยอาการของอีกฝ่ายที่นิ่งเงียบผิดปกติ
คุณเป็นแขกที่มาในงานรึเปล่าค่ะงานเริ่มนานแล้วเชิญคุณในงานเถอะค่ะ ร่างสูงใหญ่ในความมืดขยับเล็กน้อย แสงไฟที่สาดต้องใบหน้าแม้เพียงด้านข้าง แต่ก็ทำให้วสีมองเห็นวงหน้าคมสันดวงนั้นชัดขึ้น
หัวใจที่เคยสงบมาไม่นานเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง บุรุษร่างใหญ่ในเงามืดทำท่าจะก้าวเท้าออกเดิน
ชาติ......ชาติใช่มั้ย ยังไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายเช่นเดิม ร่างนั้นไม่ทนฟังคำถามอีกต่อไปเขารีบเดินออกจากที่นั่นโดยไม่ตอบคำถามวสีสักคำ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินหนีวสีก็ออกวิ่งตาม
ชยิน....นายชยินหยุดนะ วสีตะโกนออกคำสั่งอย่างสุดเสียงด้วยหวังว่าจะสามารถยับยั้งอีกฝ่ายได้
ชยินหยุดการเคลื่อนไหวพร้อมกับจังหวะที่วสีเดินมาประชิดตัวพอดี บุรุษหน้าคมเข้มเบื้องหน้าแม้จะเปลี่ยนไปบ้างตามวัยและเวลาแต่ยังมีเค้าโครงหน้าแบบเดิมที่วสีไม่มีวันลืมคนคนนี้ไปได้
ชาติ ใช่เธอจริงๆด้วย วสีมีทีท่าดีใจอย่างเห็นได้ชัดเจน
ทำไมไม่เข้าไปในงาน เธอเป็นไงบ้างสบายดีไหม ไม่ค่อยได้ข่าวเธอเลย เพื่อนถามหาเธอกันทุกคนเลย สาวหน้าขาวนวลพรั่งพรูถ้อยคำโดยไม่ทันสังเกตอาการนิ่งเงียบของอีกฝ่าย
เข้าไปในงานกันเถอะเพื่อนๆรออยู่นานแล้ว วสีพูดพลางออกเดินนำหน้าโดยลืมไปสนิทว่าตัวเองกำลังปวดขา
ฉันจะกลับแล้วคงไม่เข้าไปในงาน คำพูดที่หลุดออกจากปากชายหนุ่มทำให้ผู้ที่ได้ยินชะงักการเคลื่อนไหว
อ้าว ทำไมล่ะ มีธุระเหรอ
เปล่า น้ำเสียงนั้นยังคงนิ่งทุ้มเหมือนทุกครั้งแต่ครั้งนี้กลับทำให้ผู้ฟังสัมผัสได้ถึงอาการเฉยชาอย่างชัดเจน
เธอเป็นอะไรไป ชาติคนเดิมหายไปไหน ทำไมเธอถึงเย็นชาได้ขนาดนี้ วสีหมดความอดทนอีกต่อไป
เธอเปลี่ยนไปมากรู้ตัวไหม วสีพรั่งพรูถ้อยคำอย่างสับสนในขณะที่อีกฝ่ายยังคงเงียบ
ฉันไม่คิดว่าช่วงเวลาแค่ไม่กี่ปีจะทำให้เธอเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ชาติคนเดิมหายไปไหน ชาติคนที่ฉันเคยรู้จักไม่ใช่คนเย็นชาอย่างนี้ น้ำเสียงนั้นเริ่มสั่นเครือ
อย่าเอาตัวเองไปตัดสินคนอื่น คนเราจากกันไปพบเจออะไรต่างกัน ความคิด ความเข้าใจมันอาจจะเปลี่ยนไปได้
เธอยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าเธอไม่ใช่ชาติคนเดิม ชายหนุ่มยังคงควบคุมอารมณ์และน้ำเสียงได้ดีต่างกับวสีที่น้ำเสียงสั่นเครืออย่างสังเกตได้ชัด
ฉันไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้ แต่การพยายามจะทิ้งการเขียนภาพที่เธอรักไม่ใช่การเปลี่ยนไปในทางที่ดีแน่
เราไม่ชอบการเขียนภาพและเราก็จะไม่หันไปหามันอีกแล้ว สิ้นเสียงพูดชายหนุ่มเดินออกจากสถานที่นั้นทันที
ถ้าเธอไม่ชอบมันจริงแล้ว ทำไมเธอต้องเขียนภาพเจดีย์กลางน้ำมาให้โรงเรียนด้วย ชยินหยุดเดินเมื่อได้ยินคำพูดจากอีกฝ่าย
ภาพนั้นไม่ใช่ของฝีมือฉันและฉันจะไม่หันไปจับฟู่กันอีก สิ้นเสียงพูดชายหนุ่มก็ออกเดินต่อโดยไม่สนใจคนฟังที่อยู่เบื้องหลัง วสีนิ่งสับสน น้ำตาที่อดกลั้นมาตลอดการสนทนาไหลอาบแก้ม
สิ้นสุดแล้วสินะการรอคอย ที่ผ่านมาวสีรอคอยการมาถึงของความเจ็บปวดกระนั้นหรือ ถ้ารู้ว่าวันสิ้นสุดของการรอคอยจะปวดร้าวขนาดนี้วสียินดีที่จะรอต่อไปเพื่อความรู้สึกดีๆที่มีให้กันเรื่อยมาจะได้เหมือนเดิม
ตะแบกบานร่วงแล้ว ลาต้น คงสิ่งตรอมตรมไว้ ดั่งข้า อดีตเก่าเราได้ เติบใหญ่ เคียงมา เหลือที่นี่เพียงน้ำ ตาเปื้อน อาลัย
อพาร์ทเม้นท์สีขาวสูงห้าชั้นแม้บรรยากาศภายนอกดูโทรมเก่าแต่ด้านในกลับสะอาดเรียบร้อยเพราะฝีมือการทำความสะอาดของแม่บ้านประจำอพาร์ทเม้นท์ที่ทำหน้าที่ตรงเวลาเก้าโมงเช้าทุกวัน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นตรงห้องริมสุดของชั้นสามชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดกางเกงเลสีหม่นและเสื้อกล้ามสีขาวเปิดประตูออกมาด้วยอาการงัวเงียลักษณะเช่นนี้บอกให้ผู้มาเยือนรู้ได้ทันทีว่าตนได้ทำลายการพักผ่อนที่แสนหวานของเจ้าของห้องลงแล้ว
จะเที่ยงอยู่แล้วยังไม่ตื่นอีก คำพูดนั้นเพียงกล่าวขึ้นผ่านๆไม่ได้หมายจะต่อว่าผู้ฟัง สตรีที่ก้าวเท้าเข้าห้องมาวางถุงผลไม้กับปิ่นโตสายใหญ่แล้วจึงเดินไปเปิดตู้เย็นอย่างคนคุ้นเคย
วันหยุดน่ะพี่ชม ขอนอนให้เต็มอิ่มหน่อย ว่าแล้วชายหนุ่มก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจผู้ที่มาเยือน
ทำไมห้องถึงรกอย่างนี้ เสื้อผ้าก็ไม่ซัก จานชามก็ไม่ล้าง สตรีที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวพูดพรางจัดเก็บข้าวของที่นำมาเข้าตู้เย็น
ไม่ว่างอะพี่ ทำงานเกือบทุกวัน พี่ชมมาก็ดีแล้ว ซักผ้าให้ด้วยนะ คนพูดยังอยู่ในท่านอนสบายทิ้งให้พี่สาวทำหน้าที่ต่อไป
ชยุดาจะแวะเวียนมาหาชยินเดือนละสองครั้งตั้งแต่น้องชายแยกออกมาอยู่ตามลำพังเธอมั่นใจว่าน้องชายสามารถดูแลตัวเองได้แต่ก็ยังห่วงเรื่องอาหารการกิน ที่หลับที่นอน หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัวอย่างเรื่องเสื้อผ้า ของใช้จำเป็น ทุกครั้งที่ชยุดามาที่นี่หน้าที่แม่บ้านจึงตกเป็นของเธอ ทั้งทำกับข้าว ซักผ้า ล้างจาน
ครั้งแรกๆชยินมักจะห้ามเธอไม่ได้ทำแต่เมื่อหลายครั้งเข้าบวกกับความเคยตัวชยินจึงยอมให้พี่สาวทำทุกอย่าง ทางด้านชยุดาก็ยินดีที่จะทำเพราะเธอรู้ดีว่าผิดจากเธอแล้วน้องชายก็ไม่มีใครที่จะสามารถดูแลเขาได้
การมาหาแต่ละครั้งไม่เพียงแค่ส่งเสบียงและทำความสะอาดห้อง แต่ยังเป็นยาเพิ่มแรงใจขนานเอกให้น้องชาย แม้ว่าชยินจะไม่เคยแสดงออกว่าดีใจแค่ไหนแต่เมื่อถึงเวลากลับชยุดาจะสัมผัสถึงความเงียบเหงาตรอมตรมในหัวใจของน้องได้เสมอ
ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้กินข้าว วันนี้พี่อยู่ได้ไม่นานนะ คนเป็นพี่สาวร้องบอกเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย
"พี่ทำขนมจีนน้ำยากะทิกับแกงไตปลามาฝาก น้ำยากะทิต้องรีบกินเดี๋ยวจะเสีย ส่วนแกงไตปลาถ้ากินไม่หมดค่อยเอามาอุ่นร้อนกินได้อีก ขณะที่พูดก็สาละวนอยู่กับการจัดขนมจีนลงจาน กลิ่นหอมของน้ำยากะทิทำให้ชยินรีบดีดตัวลุกไปอาบน้ำโดยไม่ต้องรอให้พี่สาวพูดซ้ำ
พี่ชมเอาซองอะไรมาด้วย ชยินหมายถึงซองกระดาษสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะ
กินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยพูดกัน อาการบ่ายเบี่ยงของพี่สาวยิ่งทำให้ชยินสงสัย
นี่มันอะไรกันพี่ชม ซองกระดาษสีน้ำตาลถูกแกะออกข้างในมีเอกสารสีขาวหนาพอควร
หมดปัญญาจะอ้อมค้อมชยุดาจึงต้องอธิบายทุกอย่างให้น้องชายฟัง
เอกสารสมัครสอบคัดเลือกเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ พี่โชคให้พี่เอามาให้ชาติ
ใครบอกพี่ว่าผมอยากเป็นตำรวจ น้ำเสียงแข็งกร้าว อย่างไม่พอใจ
ไม่มีใครบอกพี่หรอกชาติ ชยุดาทิ้งจังหวะนิดหนึ่งเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนกำลังจริงจัง
แต่คนเรามันต้องมีความมั่นคงในชีวิต ชาติจะอยู่เป็นไม้หลักปักเลนอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ชีวิตต้องมีหลักประกัน การมีหน้าที่การงานที่มั่นคงทำให้เราอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
แต่ผมไม่อยากเป็นตำรวจ แม้น้ำเสียงจะอ่อนลงแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมง่ายๆ
พี่และพี่โชคอยากให้ชาติลองสอบดู ถ้าสอบผ่านพี่โชคเขาพอมีเส้นสายหาทางช่วยเราได้ ชยินนิ่งฟังพี่สาวอธิบาย
ผมมีทางเลือกของผมไม่จำเป็นให้ใครมาชี้นำ ชยินเป็นอย่างนี้เสมอแม้จะนิ่งแต่ในใจไม่ได้หมายความว่าเขายอม
พี่ว่าเราโตแล้วนะชาติน่าจะคุยกันรู้เรื่อง พี่บอกว่าให้ลองไม่ได้ให้เลือก เถอะน่าลองสอบดูทำให้พี่โชครู้ว่าเราไม่ใช่คนขี้คลาด ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ชยินมีทีท่าอ่อนลงเพราะพอจะเข้าใจเจตนาดีของพี่สาว
ผมขอคิดดูก่อน ถ้าผมอยากไปผมจะบอก แต่ถ้าไม่พี่ก็จะไม่เห็นผมไปสอบ ชยุดาแย้มรอยยิ้มน้อยๆโดยที่ชยินไม่ทันสังเกต
ถ้าไงพี่จะไปส่งใบสมัครให้ก่อน พูดเสร็จชยุดาก็ลุกไปเก็บซองเอกสารแล้วกลับออกจากห้องไป
ผ่านไปนานพอสมควรหลังจากที่ชยุดาลากลับชยินยังคงคิดไม่ตกกับปัญหาที่พี่สาวฝากทิ้งไว้ เขาเข้าใจความหวังดีที่พี่ทั้งสองมีให้ชัดเจนแต่เขาไม่อยากทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบเพราะไม่ใช่แค่เขาไม่อยากทำแต่เขารู้ว่าแม้ทำไปแล้วผลที่ออกมาก็ไม่ดีแน่
นาฬิกาแขวนภาพสีน้ำมันคลาสสิกตรงพนังห้องบอกให้รู้ว่าเวลาเลยสามทุ่มมาเยอะแล้ว คนที่เพิ่งกลับเข้าห้องมาอยู่ในอาการอิดโรยเต็มที่เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอไม่เคยกลับบ้านทันเวลาละครหลังข่าวเลยด้วยเพราะงานที่รับผิดชอบเกิดความผิดพลาดจึงต้องรับหน้าที่แก้ไขเองทั้งหมด
ช่วงนี้กลับดึกทุกวันเลยนะวสี
อือ งานยุ่งน่ะ หญิงสาวตอบกลับสั้นๆโดยไม่มีคำถามต่อเท่านี้ถีรดาก็รู้ได้ทันทีว่าผู้เป็นเพื่อนไม่ต้องการสนทนาตอบโต้ใดใดในเวลานี้
ตั้งแต่วันที่กลับจากงานโรงเรียนถีรดารู้สึกว่าวสีเอาแต่ทำงานหนักทุกวันเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นถีรดาไม่เคยถามเมื่อวสีไม่เป็นฝ่ายเล่าเองก็แสดงว่าเจ้าตัวยังไม่พร้อมที่จะอธิบายอะไร
ไปอาบน้ำเถอะจะได้พักผ่อน แม้ไม่อยากพูดอะไรมากแต่ก็อดห่วงเพื่อนไม่ได้ วสีเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง
เมื่อออกมาอีกทีก็เห็นถีรดากำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆจะมีเสียงหัวเราะเบาๆ วสีสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนที่เธอจะอาบน้ำแล้วจนตอนนี้หญิงสาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะนอน คนเป็นเพื่อนก็ยังไม่ลุกจากหน้าจอสี่เหลี่ยมนั้นได้
ทำอะไรของแกยัยดานั่งหัวเราะคนเดียวอยู่ได้ สติยังดีอยู่ป่าวเนี้ย วสีอดสงสัยไม่ได้กับอาการของอีกฝ่าย
ตลกอะ แกลองมาดูสิวสี ภาพในจอคอมพิวเตอร์ที่ถีรดาเรียกให้มาดูเป็นภาพเพื่อนๆในงานเลี้ยงโรงเรียนมีทั้งภาพธรรมดาเรียบร้อยและภาพหลุดฮาๆที่ตากล้องพยายามสรรหามาให้แต่ที่เรียกเสียงหัวเราะให้ถีรดาก็เห็นจะเป็นภาพเปรียบเทียบระหว่างอดีตกับปัจจุปันของเพื่อนแต่ละคน
ภาพงานที่โรงเรียนแอนส่งมาให้ทางอีเมล์ ถีรดาบอกกับวสีเมื่อเห็นเพื่อนให้ความสนใจภาพเหล่านั้น
แอนกับแฟนน่ารักทั้งคู่เลยเนอะ
ดูเหล่าคนสวยพวกนี่สิแรงไม่เบานะเนี้ย หญิงสาวทั้งคู่เริ่มวิจารณ์ภาพนั้นภาพนี้
นี่เจกับแฟน แฟนเจสวยดีเนอะ รู้มะวสีในงานน่ะเจเขาดูแลแฟนเขาดีมากเลย เมื่อสิบปีก่อนฉันไม่น่าปล่อยเจให้หลุดมือไปเลยเนอะ ถ้าตกลงเสียตั้งแต่ตอนนั้นตอนนี้ก็คงไม่ต้องมาเข้าสมาคมคนโสดกับแกหรอก ถีรดาพร่ำเพ้อกับตัวเองพร้อมทำท่าหลับตาพริ้มฝันหวาน
พูดอย่างกับว่าเขามาจีบแกอย่างนั้นแหละ วสีเอ่ยขึ้นขัดจังหวะถีรดา
อ้าวเหรอ เขาไม่ได้จีบฉันหรอกเหรอ ถีรดาทำหน้าเด๋อด๋าไม่รู้ไม่ชี้
เออ แกนั่นแหละที่เป็นคนไปจีบเขาเอง
ใช่เหรอ ฉันไม่เห็นจะจำได้ ฉันเคยทำอย่างนั้นด้วยเหรอ วสีได้แต่อมยิ้มแล้วก็ส่ายหน้าไปมากับอาการเฉไฉของเพื่อน
นี่ไงเจกับรังสรรค์จริงๆแล้วมันต้องเป็นสามทหารเสือสิขาดก็แต่นายชาติไม่เห็นจะมาในงานเลย เห็นสองคนนี้แล้วนึกถึงเมื่อก่อนเนอะ ไม่เปลี่ยนเลยทั้งคู่ ถีรดาพูดจาเรื่อยเปื่อยเปลี่ยนไปดูภาพนั้นภาพนี้เรื่อยๆโดยไม่ได้สนใจสาวหน้าขาวนวลที่ยืนหน้านิ่งอยู่ใกล้ๆ
วสีอยากจะพูดเหลือเกินว่าทหารเสืออีกคนหน้าตาเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแต่สำหรับตัวตนนั้นคนอย่างถีรดาและวสีไม่สามารถเข้าถึงเข้าได้อีกแล้วเพราะคนคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
เห็นภาพเพื่อนเก่าอย่างนี้แล้วคิดถึงเมื่อก่อน ดูสิวสีจำภาพนี้ได้มั้ยที่เราถ่ายกันใต้ต้นตะแบกวันที่เราเรียนจบไงมีครบทุกคนเลย
ในภาพเพื่อนแต่ละคนบ้างนั่งบ้างนอนบางคนก็ยืนกอดคอกันบ่งบอกได้ถึงความผูกพันที่มีแก่กันมา เด็กชายสูงโปร่งวงหน้าคมสันไม่ผิดจากปัจจุปันยืนกอดอกทำท่าเก๊กหล่อเต็มที่ใบหน้ามีแววขี้เล่นซ้อนอยู่ท่านี้แหละที่เป็นที่มาของฉายา
ไอ้ขี้เก๊ก ที่วสีตั้งให้ข้างกันมีสาวน้อยหน้าขาวนวลยืนชูสองนิ้วท่าไม้ตายที่ใช้ได้ทุกงานของวสี แกจะดูต่อมั้ย ฉันง่วงแล้ว ถีรดาพูดขึ้นเมื่อภาพในจอสี่เหลี่ยมวนกลับมาที่ภาพแรก นั่นก็หมายความว่าคนพูดดูครบทุกภาพแล้ว
ไม่ล่ะ ฉันก็ง่วงแล้วเหมือนกัน ได้ยินดังนั้นถีรดาก็จัดการปิดคอมพิวเตอร์แล้วพาตัวเองไปประจำที่นอนไม่นานก็เข้าสู่นิทรากาล วสีเองทั้งที่วันนี้เหนื่อยล้าเต็มที่ แต่เรื่องราวเก่าๆที่เคยสลัดทิ้งได้แล้ววันนี้มันกลับวนเวียนมารบกวนความสงบของจิตใจอีกครั้ง
จากคุณ |
:
idakok
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ย. 54 00:04:07
|
|
|
|