7.
โทรศัพท์บนโต๊ะดัง ปุริมาเอื้อมมือไปรับขณะที่สายตาก็ยังอยู่หน้าจอแล็บท็อป
“ปุริมา...”
“ปูนิ่ม ทำไมอินเตอร์เน็ตใช้ไม่ได้ พี่ว่าทำถูกหมดทุกอย่างแล้วนะ จะทำงานก็ทำไม่ได้ ทำยังไง”
“เอ่อ...”
“มาดูให้หน่อย”
อีกฝ่ายวางสายไปก่อนที่ปุริมาจะตอบว่า ‘ค่ะ’ เสียอีก ใครกันเนี่ย ไม่มีมารยาทเลย เหตุมันเป็นเพราะเธอได้ชื่อว่า ‘เชี่ยวชาญ’ ด้านระบบไอทีที่สุดแล้ว ตั้งแต่มาก็เสนอให้ผอ. ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง หาผู้ติดตั้ง ซื้อเราท์เตอร์ แถมยังต้องช่วยครูติดตั้งอีก
มีชาร์คคนเดียวที่รู้เรื่องกว่าใครด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ นอกนั้นก็...เรียกว่าอยู่ในขั้นเรียนรู้มากกว่า อีหรอบนี้แสดงว่าครูภาษาอังกฤษคนเก่งไปสอนแน่ ๆ หน้าที่บริการหลังจากขายจึงเป็นของเธอแทน
ห้องทำงานของเธออยู่ชั้นสอง ส่วนห้องพักครูอยู่ชั้นสาม มีสองห้อง ปุริมาเดินไปที่ห้องพักครูหนึ่งซึ่งเป็นจุดติดตั้ง และเป็นจุดปัญหา
ครูปลาเดินวนไปวนมาระหว่างโต๊ะทำงานตัวเองกับโต๊ะทำงาน...ครูคนใหม่ นอกจากนั้นยังมีครูผึ้งซึ่งก้ม ๆ เงย ๆ ดูวุ่นวายเช่นกัน
“ปูนิ่ม มาพอดี ดูคอมพิวเตอร์หน่อยสิ ทำไมใช้อินเตอร์เน็ตไม่ได้ พี่จะได้ให้บุ้งเขาดูงานอะไรไป แต่เข้าไวร์เลสอะไรก็ไม่ได้ ใช้สายแลนด์เสียบก็ใช้ไม่ได้ สายก็มีไม่พอ เดี๋ยวพี่ต้องไปสอนแล้ว ทำยังไงน่ะ”
ครูปลานี่เอง ปุริมากำลังแยกบุคลิกประจำตัวของเพื่อนครูแต่ละคน จะได้เป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์เรื่องต่าง ๆ เป็นอันได้รู้ว่าครูปลาช่างลนลาน กระต่ายตื่นตูม ยังไม่ทันได้เริ่มการแก้ไข้ เพียงแค่กวาดสายตาไป
“ปูนิ่มรีบ ๆ ดูเลยนะทำงานไม่ได้”
“มันจะใช้ได้ยังไงล่ะคะ ไม่ได้เปิดเราท์เตอร์”
เงียบกริบกันหมด ปุริมาเดินไปเปิดสวิตส์ รอไม่ถึงนาที สัญญาณไฟขึ้นปกติทุกช่อง เสร็จแล้วเดินมาที่คอมพิวเตอร์ของครูปลา คลิกเปิดหน้าเว็บเพ็จ ทุกอย่างก็เป็นปกติ คนโวยหน้าเจื่อน
“ก็...ไม่รู้ว่าสวิตส์มันปิดอยู่นี่นา”
ปุริมาไม่รู้จะตอบว่าอะไร ทำไมแค่นี้ไม่ดู
“ก็แล้วใครปิดล่ะ”
“เหมียวเอง” ครูเหมียวเดินเข้ามาพอดี “ตอนเย็นเหมียวกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายก็เลยปิด เห็นปูนิ่มบอกว่าต้องปิดไว้เพราะเราท์เตอร์จะได้ไม่ร้อนเกินไป”
ครูปลาทำตากรอกไปกรอกมา เหมือนอยากจะแย้งแต่หาเหตุไม่เจอ
“ปูนิ่ม”
เสียงใสจากสาวสวยแทรกจังหวะกระอักกระอ่วน เป็นของครูภาษาไทยคนใหม่นามบัณฑิตา หญิงสาวชะโงกหน้าเข้ามา
“ขอรหัสผ่านไวร์เลสหน่อยสิคะ”
คนถูกถามยกคิ้วเล็กน้อย เห็นความรวดเร็วของอีกฝ่ายที่สามารถเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วจนรู้ว่าเธอตั้งระบบป้องกันไว้ แสดงให้เห็นว่ามีความรู้เรื่องไอทีพอสมควร
“พี่อยากกินตับหวานแกล้มเบียร์เย็น ๆ บุ้งจัดให้พี่ได้หรือเปล่า”
แทนที่จะคิดเรื่องรหัสผ่าน แต่ไผล่ไปจับเอาคำออดอ้อนมาฉายซ้ำซะอีก ได้ยินเสียงหน้าร้อนดังฉ่า ก็นะ...ยุคนี้สมัยนี้ใครก็รู้ว่าคำนั้นหมายถึงอะไร ยิ่งได้มองเห็นคนตรงหน้าชัด ๆ ก็ยากปฏิเสธ สวย หน้าใส ตาโต ปากนิด จมูกหน่อย ถึงตัวเล็กแต่หุ่นดี วันนี้ใส่กระโปรงแบบเป็นชั้นดูน่ารัก ก็ไม่แปลกถ้านายจอมเจ้าชู้นั่นจะอ้อล้อขนาดนั้น
แต่มันเรื่องอะไรต้องมาอวดความหวานได้เธอเห็นด้วย ตาบ้านั่นจะคิดว่าเธอสนใจเขาเหรอ ฝันไปเถอะ!
ขณะที่ปุริมาคันใจ สมองกลับฉายภาพเร็วปรู๊ดปร๊าดราวกับวิ่งหนึ่งร้อยเมตร ชายหญิงเปลือยกาย แนบเนื้อ...
เฮ้ย!
“คุณปูนิ่ม...”
เธอรีบกระชากตัวเองกลับมา อีกฝ่ายจ้องด้วยตากลมโตจึงรู้สึกตัว ขัดเขิน จนรีบบอกว่าขอกลับไปเปิดดู เพราะรหัสผ่านยาวเธอจำไม่ได้ บัณฑิตายิ้มและกล่าวขอบคุณ ควรจะทำตัวยังไงดีนะ ใจหนึ่งยินที่ไม่ต้องรับภาระหน้าที่ครู หากอีกใจก็...
“หาไม่เจอ ทำยังไงดี”
ครูผึ้งเดินฟึดฟัดกลับมานั่งที่โต๊ะ “อะไรเหรอพี่ผึ้ง”
“หางานวิจัยในชั้นเรียนของปีที่แล้ว”
งานที่ครูทุกคนต้องทำเทอมละเล่ม ว่าด้วยการวิเคราะห์ปัญหาของเด็กนักเรียน การแก้ไข และผลสรุป เป็นการทำงานวิจัยอย่างง่าย ๆ ตามนโยบายของผอ.เพื่อจะนำไปต่อยอดเป็นการพัฒนางานโรงเรียนต่อไป
“ไม่ได้ทำสำเนาไว้เหรอคะ” ครูเหมียวถาม นึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็ต้องเริ่มหาหัวข้อเรื่องแล้วเช่นกัน
“พี่ว่าพี่ทำไว้ แต่หาไม่เจอน่ะสิ หามาตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว”
“ถ้าเป็นตัวอย่างงานวิจัย ฉันมีนะคะ” ปุริมาพูด เหมียวยกคิ้วสูง
“มีด้วยเหรอปูนิ่ม”
“มีสิ อินเตอร์เน็ตมีทุกอย่างนั้นแหละ ถ้าตั้งใจหา” เธอพยายามใส่รอยยิ้มและพูดให้เหมือนติดตลก ทั้งที่จริงก็ตั้งใจกระแทกเบา ๆ ใส่ครูช่างเม้าท์ทั้งสองคน
“เดี๋ยวจะส่งเมล์มาให้แล้วกัน ลองดูค่ะว่าใช้ได้รึเปล่า”
“ขออีเมล์ด้วยนะ เดี๋ยวส่งพาสเวิร์ดมาให้”
คราแรกก็บัณฑิตาก็ไม่รู้ว่าหมายถึงตัว กระทั่งอีกฝ่ายสบตาจึงจดใส่กระดาษส่งให้ รู้สึกประหลาดที่ถูกมองอย่างไม่ถูกชะตา กระทั่งปุริมาเดินออกไปได้สักพักครูผึ้งก็ปริ้นท์เอกสารออกมา เธอมีสีหน้ายินดี
“ดูสิ มีตัวอย่างเยอะแยะเลย มีหัวข้อเรื่องที่เอามาใช้ได้ด้วย มีรูปแบบตัวอย่างแบบนี้ทำง่ายขึ้นเยอะ”
ครูปลามาขอดูบ้าง “จริงด้วย เดี๋ยวขอปลาถ่ายเอกสารไว้บ้างนะคะ”
“อื้ม” ครูผึ้งตอบ ยิ้มให้ตัวอย่างงานวิจัย “ก็ได้เรื่องเหมือนกันนี่นา คุณหนูปูนิ่ม”
“สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” ครูเหมียวว่า
ครูผึ้งรู้ว่ารุ่นน้องแขวะตน แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
คุณครูคนใหม่เดินเข้าห้องเรียน คาบแรกของเธอคือชั้นม.2 ห้อง 2 ตามข้อมูลที่ได้มา โรงเรียนนี้มีระดับอนุบาลถึงมัธยมต้น ในส่วนมัธยมมีแต่ละชั้นมีแค่ 3 ห้อง รวมแล้วเก้าห้อง จึงมีครูประจำวิชาแค่ 1-2 คนเท่านั้น เมื่อเมื่อรวมกับครูระดับประถม กับนักเรียนเจ็ดร้อยกว่าคนจึงเป็นจำนวนที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป
“ผมตกลงรับคุณเข้าสอนที่นี่ แต่ต้องแจ้งว่าภายในสองปีคุณต้องไปสอบใบอนุญาตวิชาชีพครู” ผอ.คเชนทร์อธิบายให้ฟังเมื่อมาถึงเมื่อเช้า
“ลงเรียนปีเดียวก็จบ เรียนวันเสาร์อาทิตย์ก็ได้ ตอนนี้ทำเรื่องผ่อนผันไว้ก่อนก็แล้วกัน”
เธอจะเป็นครู อาชีพที่เป็นหลักเป็นฐานสำหรับชีวิต บัณฑิตาสูดลมหายใจลึกเรียกกำลังใจ เดินเข้าห้องเรียน เสียงขยับโต๊ะครืดคราดหาที่นั่ง นักเรียนชายหญิงปะปน ทั้งหมดเงียบอยู่หนึ่งวินาทีตอนเธอแนะนำตัวเองว่าเป็นครูใหม่
แล้วทุกอย่างก็เซ็งแซ่ขึ้น
“ครูครับ ผมสงสัย”
เด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งยกมือ บัณฑิตางง ยังไม่ได้สอนแต่มีคำถาม
“ทำไมครูสวยจังครับ”
“วี้วววววววว”
เสียงโห่ฮารับลูกเกรียวกราว คนถามทำราวกับพิชิตยอดเขาได้ ครูคนสวยอึ้งไปชั่ววินาที ก่อนจะเรียกสติกลับมาได้ในทันควัน แววตาสดใสปนล้อเลียนของเด็ก ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกขี้เมาในร้านอาหารหรอกมั้ง
อาจจะรับมือง่ายกว่าด้วยซ้ำ เธอยิ้มหวาน
“อยากรู้เหรอ”
“อยากสิครับ ผมจะได้ไปบอกพ่อกับแม่”
เสียงกรี๊ดกับเสียงปรบมือดังขึ้นอีกระลอก บัณฑิตาอดขำไม่ได้ เจ้าพวกนี้แสบจริง ๆ
“บอกว่าอะไร”
“บอกว่าครูสวยครับ”
“แล้วพ่อกับแม่เธอจะรู้ไหมเธอหมายถึงครูคนไหน”
“เอ่อ” อีกฝ่ายยิ้มเขินเล็กน้อย “ก็ครูสวย ๆ น่ารัก ๆ”
“แล้วรู้ไหมว่าจะมาสอนอะไร แน่ใจเหรอว่าจะได้บอก ครูจะสวยกว่านี้ถ้ารู้ว่าเธอชื่ออะไร ตอนนี้เราเรียนถึงไหนแล้ว” โดนซักเป็นชุดทำเอาไปไม่เป็น เจ้าคนถามยิ้มแหย คนอื่นเริ่มหลบสายตา
“มาสิ ถือหนังสือมาด้วย มาบอกหน่อยว่าตอนไหนเรียนถึงไหนแล้ว” บัณฑิตากวักมือเร่ง “ตอนแรกครูว่าวันนี้จะทำความรู้จักกันก่อน แต่มีหนุ่มน้อยมาจีบแบบนี้ ให้หนุ่มน้อยมาโชว์หน้าห้องแทนดีกว่า”
เพื่อนร่วมชั้นอื้ออึง “ไม่เอา...ฮู่”
“ครูชื่ออะไรครับ”
“บอกก่อนก็ได้ครับ ไม่ต้องสนใจไอ้ลอร์ดหรอก”
“ถ้าเธอเรียกครูว่าครูสวย งั้นครูเรียกพวกเธอตามลักษณะที่เห็นดีไหม” หันไปทางเจ้าตัวที่ยืนเจี๋ยมเจี้ยม แต่แววตายังกวน “เธอก่อนเลย นายอ่าง เพราะหน้าเธอเหมือนอึ่งอ่าง”
เพื่อน ๆ หัวเราะเกรียวกราว คนถูกเรียกตัวลีบ เห็นได้ชัดว่าครูสาวคนสวยไม่ได้ ‘อ่อน’ อย่างภาพเห็น บรรยากาศครึกครื้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่บัณฑิตาจะพาเข้าสู่บทเรียนกระทั่งจนจบคาบก็ไม่บอกว่าตัวเองชื่ออะไร
.....ต่อ
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ย. 54 20:44:07
|
|
|
|