Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระบี่รันทด ภาค 2.........บทที่ 10......(วังแมวเหมียว) ติดต่อทีมงาน

===========================
กระบี่รันทด ภาค 2...บทที่ 10 (วังแมวเหมียว)
===========================

บทที่ 9
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10918858/W10918858.html

บทที่ 1-8
http://writer.dek-d.com/saiyanit/writer/view.php?id=731586


ความเดิม

กระบี่รันทดเดินทางขึ้นสู่เขาอิงฝา เพราะต้องเอากล่องปริศนา ไปแลกกับตัวประกันของสำนักคุ้มกันภัย ซึ่งถูกจอมมารคอหอยจับตัวไว้ พอขึ้นมายอดเขาก็โดนพิษกล่อมประสาทหลอนประสาท จนล้มคว่ำลง จากนั้นพวกของจอมมารคอหอยก็ปรากฏตัวออกมา แต่พวกมันลืมกินยาป้องกันพิษ....

สุดท้ายกล่องปริศนากลับตกอยู่ในมือของ เฒ่าซกมก หนึ่งในสองผู้นำขบวนคุ้มภัยผู้ทรยศสหาย

ที่ที่ไม่คาดคิดคือ กระบี่รันทด กินยาแก้พิษของเฒ่าซกเล็กมาล่วงหน้าแล้ว
มันผู้นี้ถึงจะถอนตัวจากวงการ ยังมีความเป็นห่วงมิตรสหาย

ขณะเฒ่าซกมกยอมแพ้ 3 สุดยอดจอมยุทธพิสดารพลันปรากฏตัว
มี

ดาบขวางโลก
มารพิณทับถนน
แคนสั่งฟ้า

พวกมันมาแย่งกล่องปริศนาจากกระบี่รันทดไปได้
แต่ยามนั้น มิคาดว่า สองโฉมสะคราญปรากฏตัวขึ้นมาอีก

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยม

และแม่นางฟ้อนซิ่ง

ท่าทางจะมาช่วยกระบี่รันทด
เพราะพอมาถึงโฉมสะคราญโรงเตี๊ย
มก็แย่งกล่องปริศนาไปอีกต่อหนึ่ง

เหตุการณ์ในนิยายหลุดโลกเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร......

----

นางฟ้อนซิ่งออกมาอย่างสวยงามงดงาม  ยิ้มของนางงดงามท่วงท่า เข้าจังหวะไม่มีผิดเพี้ยน ท่าทางสนุกสนานเบิกบานใจยิ่ง จนทำให้แคนสั่งฟ้าอ้าปากค้าง เสียงแคนขาดหาย พอเสียงแคนขาดหาย เสียงพิณชะงักค้าง ทุกอย่างคล้ายชะงักค้าง  พวกมันสองคนร่วมมือต่อสู้เคียงคู่กันมายาวนาน ผู้หนึ่งหยุด อีกคนย่อมมิอาจไป หากหนึ่งมิอาจไม่ไป ย่อมชักนำที่เหลือย่อมมิอาจขัดแย้ง

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยม และ แม่นางฟ้อนซิ่ง สองคนรวมตัวกัน ในยุทธภพนี้ ยังมีใครกล้าต้านทาน

แล้วพวกนางพากันมาปรากฏกายทำไม.........



เสียงพิณขาดหาย เสียงแคนขาดหาย  มนต์มายาแห่งเสียงเพลงและจังหวะเร้าใจสิ้นสุด แม่นางฟ้อนซิ่งยังคงขยับกายไหวท่วงท่าสวยงามเร้าใจไปอีกหลายอึดใจจึงก้มศีรษะคารวะไปทั่วทิศ ท่ามกลางเสียงปรบมือกราวใหญ่ ยามนั้นเองจึงทราบว่าในดงบุปผามีผู้คนมากมายซุ่มซ่อนตัวดูศึกครั้งนี้อยู่

สามจอมยุทธพิสดารคล้ายถุงหนังถูกปล่อยลม พวกมันไม่คิดลงมืออีก หันกายเดินกลับออกไปอย่างแช่มช้า ไม่มีผู้ใดคิดขวางทางมัน เนื่องเพราะไม่มีความจำเป็น เรื่องราวเริ่มสว่างกระจ่างมากขึ้น ยังมีคนต้องการช่วงชิงกล่องปริศนามากกว่าสองกลุ่ม คนในนั้นคือกงจื้อไข่เค็ม แล้วอีกหนึ่งกลุ่มเป็นใครกัน

จอมมารคอหอยและเฒ่าซกมกก็พลอยหายสาบสูญไปด้วย ไม่ทราบว่าใช้วิธีการหลบหายหรือมีใครมาช่วยเหลือ แต่ไม่มีคนสนใจเพราะเห็นว่าไม่มีความสำคัญอันใด

คนแรกเดินนำหน้ากลุ่มผู้คนออกมาเป็นบุรุษหนุ่มชุดขาวรูปร่างหน้าตาดี ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มและเสียงหัวเราะตลอดเวลา ย่อมเป็นกระบี่หรรษา ที่ตามมามีทั้งเฒ่าหรรษาอาจารย์ของกระบี่หรรษา กระบี่แสนหล่อ ทวนค้ำฟ้า ธิดาทะเล กระบี่ม่วงหวาน และอีกมากหน้าหลายตา

กระบี่หรรษามองหน้าแม่นางฟ้อนซิ่งแล้วหัวร่อเสียงกังวานบอกว่า

“ฮ่าๆ...ท่านรำฟ้อนได้งดงามยิ่ง...งดงามก็ขำ ฮ่าๆๆ......ข้าเพิ่งเคยเห็น ฟ้อนแบบนี้คงมีแต่ในแดนสวรรค์ แดนมนุษย์นั้นไหนเลยเคยมี....เคยมีก็ขำอีกแล้ว ฮ่าๆๆ”

ความจริงมันกล่าวชมเชย แต่วาจาสีหน้าท่าทางของกระบี่หรรษาทำให้รู้สึกว่าเป็นการชมเชยพิสดารขัดหูขัดตาอย่างยิ่ง เสียงหัวเราะและสีหน้าท่าทางของมันบาดหูบาดตากระบี่รันทดเป็นอย่างยิ่ง

“ข้าคิดว่าท่านลงเขาไปแล้ว....” บุรุษหนุ่มมองหน้ามันพลางเอ่ยแบบกึ่งทักกึ่งถาม

“ลงเขาไปแล้ว...ฮ่าๆ.....ลงเขาไปแล้วก็ขำ” กระบี่หรรษาทวนคำพลางหัวเราะอีกแล้ว

“ใช่แล้ว ข้าลงเขาไป ลงเขาไปแล้วก็ขำ ฮ่า... เลยเปลี่ยนใจขึ้นมาดูความครึกครื้น.....ครึกครื้นก็ขำอีกแล้ว ฮ่าๆๆ...เหตุสำคัญเช่นนี้ข้าจะพลาดไปอย่างไร ขำเห็นๆๆๆ ฮ่า......”

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมเดินตรงมา ยื่นกล่องปริศนาให้กับกระบี่รันทด บอกอย่างยิ้มแย้มว่า

“ท่าทางภาระสาหัสนี้ต้องเป็นท่านแล้ว”

บุรุษหนุ่มมองอย่างเซื่องซึมก่อนยื่นมาไปรับกล่องปริศนามาเก็บไว้ในอกเสื้อ อย่างน้อยกล่องโลหะพิเศษกล่องนี้ก็ช่วยชีวิตของมันไว้จากปลายดาบของดาบขวางโลก

ทำไมต้องเป็นข้า......” พึมพำกับตัวเอง หากยังมีคนได้ยิน

“เพราะท่านเป็นท่าน” คนเอ่ยวาจาคือแม่นางฟ้อนซิ่ง

“เมื่อเป็นท่าน ท่านต้องสานหน้าที่ให้จบ คาดว่าเฒ่าซกเล็กก่อนให้ท่านช่วยเหลือมันต้องบอกรายละเอียดให้ท่านรู้หมดแล้วสำหรับเป้าหมายการเดินทางครั้งนี้”

“ใช่แล้ว..เพราะท่านเป็นท่าน หาใช่ท่านเป็นข้าไม่......เป็นท่านก็ขำ ฮ่าๆๆ”  กระบี่หรรษายื่นหน้ามาแทรกพร้อมเสียงหัวร่ออันกวนประสาท แล้วยังแสนอแนะต่อไปว่า

“ท่านจะให้ข้าเดินทางไปด้วยก็ได้.....ฮ่าๆๆ คิดค่าช่วยเหลือสองแสนเหรียญสากลเท่านั้น...สองแสนก็ขำ ฮ่าๆๆขำตั้งสองแสน ฮ่าๆๆ “

“ขอบใจท่าน..แต่ไม่จะดีกว่า” กระบี่รันทดส่ายหน้าไม่คิดชีวิต

“เช่นนั้น ท่านต้องเดินทางคนเดียวแล้ว...คนเดียวก็ขำ ฮ่าๆๆ ขำแบบคนเดียว ฮ่าๆๆ”

บุรุษหนุ่มถอนใจ หันไปมองเฒ่าหรรษา ซึ่งยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ด้านข้าง พลางบอกว่า

“ดูท่าทางศิษย์ของท่านบรรลุวิชาหรรษาระดับสุดยอดแล้ว”

เฒ่าหรรษาคล้ายรอโอกาสนี้มานาน มันแผดเสียงหัวร่อกึกก้องขึ้นทันที พูดพลางหัวร่อเพลงว่า

“ใช่แล้ว....ฮ่าๆๆ...ขำแบบใช่ๆๆ.....มันบรรลุหลักวิชากระบี่หรรษาแล้ว...แล้วก็ยังขำได้..ฮ่าๆๆ วันหนึ่งข้าจะให้มันมาประลองฝีมือกับเจ้าใหม่อีกครั้ง..ฮ่า อีกครั้งก็ขำ....ดูสิว่าพลังหรรษากับพลังรันทดอะไรจะสูงส่งกว่ากัน.....ฮ่าๆๆ ขำแบบสูงส่ง ฮ่าๆๆ”

มีอาจารย์เช่นไร มีศิษย์เช่นนั้น จริงๆศิษย์กับอาจารย์คู่นี้ท่าทางรักษายาก

วังแมวเหมียว คือเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้

ถึงแม้ว่าขบวนคุ้มกันภัยสินค้าจะล่มสลายลงแล้ว ในเมืองไม่มากไม่น้อยแห่งนี้ แต่การเดินทางของสินค้ามูลค่ามหาศาล ซึ่งความจริงเป็นเพียงกล่องโลหะใบหนึ่งของเฒ่าปลาทูเค็มผู้ร่ำรวยมั่งคั่ง ยังคงเดินทางต่อไป เพียงผู้นำส่งสินค้าครั้งนี้ กลับกลายเป็นกระบี่รันทด มันเองก็ไม่ทราบว่าสองบ่าไปรับแบกภาระมาได้อย่างไร ไม่ทราบว่าเอาห่วงมาคล้องคอได้อย่างไร

วังแมวเหมียว เป็นดินแดนเร้นลับ และเต็มไปด้วยแมวมากมาย พร้อมทั้งเรื่องเล่าตำนานพิสดารเกี่ยวกับแมวนับไม่ถ้วน เป็นสถานที่ซึ่งไม่มีใครอยากเหยียบย่าง โดยเฉพาะคนแพ้แมว ที่น่าสงสัยคือเกี่ยวข้องอะไรกับเฒ่าปลาทูเค็มเจ้าของกล่องโลหะใบนี้ หนึ่งมั่งคั่งรำรวย หนึ่งเร้นลับพิสดาร มีที่ใดมาเกี่ยวข้องกัน

ทุกคนลงจากเขา กระบี่รันทดก็ลงจากเขา เพียงเส้นทางต่างกัน

บุรุษหนุ่มลงจากเขาแล้วแยกทางมุ่งหน้าสู่เส้นทางของวังแมวเหมียว

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมย่อมกลับโรงเตี๊ยม โดยมีผู้คนมากมายตามไปด้วย ทุกคนล้วนรอฟังข่าววังแมวเหมียว โรงเตี๊ยมของนางครึกครื้นไปด้วยผู้คนมากเป็นพิเศษแน่นอน แม่นางฟ้อนซิ่งปลีกตัวสูญหายไปตามนิสัยพิสดารของนาง นางมาเมื่อควรมา นางไปเมื่อคิดว่าไม่ควรอยู่ ไปๆมาๆไร้ร่องรอย

กระบี่รันทดเดินทางอย่างไม่รีบร้อน ผ่านป่าโปร่งมุ่งหน้าสู่แนวเขาแมวเหมียว ซึ่งมองจากไกลๆ เห็นเป็นรูปแมวกำลังนั่งอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตามแบบฉบับของแมว นั่นย่อมเป็นที่ตั้งของวังแมวเหมียว

ขณะจะเข้าสู่ดงไม้ในแนวเขา ปรากฏเสียงหัวเราะพร้อมเงาร่างสีขาวโฉบลงมาจากเงาไม้ ที่แท้กลับเป็นกระบี่หรรษา

บุรุษหนุ่มมองปราดไปก็ขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ ไม่ทราบว่าคู่ปรับประจำตำแหน่งจะต้องการอะไรอีก ประลองกระบี่ก็ประลองไปแล้ว

“ฮ่าๆ...เจ้าทำไมทำสีหน้ารันทดเช่นนี้......เห็นแล้วขำ ขำแบบรันทด ฮ่าๆๆ”

กระบี่หรรษาทักทายขึ้นก่อนอย่างอารมณ์ดี หากเห็นแล้วนึกไม่ออกว่ามันจะใช้ชีวิตอย่างคนปกติทั่วไปได้อย่างไร กับคนซึ่งเห็นอะไรก็ขำไปทุกอย่างแบบนี้

“เจ้าต้องการอะไรอีก”  ถามด้วยเสียงรันทดเย็นชา

“ต้องการอะไร...ฮา...ต้องการอะไรก็ขำอีกแล้ว.......ใจเย็นได้ ข้าไม่ท้าเจ้าประลองแน่นอน..ฮา..แน่นอนก็ขำ.....ข้าเพียงมีของมาฝากเจ้า ฝากแบบขำๆ ฮ่าๆๆ”

ในมือของมันมีกระบี่เล่มหนึ่ง!

“ไม่ต้องตกใจ.....ฮ่าๆ นี่เป็นกระบี่ที่อาจารย์ของข้าฝากมาให้เจ้า ฝากแบบขำๆ ฮ่าๆๆ ความจริงมันเป็นกระบี่ชั้นดีที่อาจารย์ของข้าและอาจารย์ของเจ้าช่วยกันออกแบบและทำขึ้นมาสมัยยังไม่แตกคอกัน....แตกคอกันก็ขำอีกแล้ว ฮ่าๆๆ เจ้าไปวังแมวเหนียวอย่างไรก็ต้องมีกระบี่ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเอาอะไรมารันทด ฮา....รันทดขำอีกแล้ว”

ว่าพลางยื่นกระบี่ให้

บุรุษหนุ่มจ้องมอง ยังไม่ยื่นมือไปรับ หากถามว่า

“ทำไมข้าต้องใช้กระบี่เล่มนี้”

“ถามให้ขำอีกแล้ว ฮ่าๆ เพราะมันเป็นความต้องการของพวกอาจารย์ เจ้าควรรับไว้ รูปร่างสัดส่วนของมันเท่ากับกระบี่รันทดที่แตกหักไป ใส่ฝักกระบี่ของเจ้าไปพอดีอยู่แล้ว อยู่แล้วก็ขำ ฮ่าๆๆๆ”

“ฝากขอบคุณพวกอาจารย์ทั้งสองด้วย”

ตอบพลางยื่นมือไปรับกระบี่ พบว่าน้ำหนักขนาดใกล้เคียงกับกระบี่รันทดของมัน เห็นตัวกระบี่สลักชื่อกระบี่เอาไว้ว่า “น้ำตาตกใน” จัดว่าเป็นชื่อบรรลุถึงแก่นแห่งความโศกเศร้าล้ำลึก

คนน้ำตาตกใน ย่อมรันทดล้ำลึก

หลั่งน้ำตาก็ไม่ได้ ได้แต่น้ำตาตกใน ไม่มีผู้ใดเห็น ได้แต่เก็บความเจ็บปวดร้าวรันทดใว้ในใจ อัดอั้นตันใจปางตาย

“แล้วเจ้าล่ะ”  

“ไม่ต้องกังวลให้ขำ เพราะขำอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ ข้าเองก็ได้มาเล่มหนึ่ง ซื่อกระบี่คือยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มทั้งน้ำตาก็ขำเห็นๆ ฮ่าๆๆ  ขำทั้งน้ำตา ฮี่ๆๆ”

ยิ้มทั้งน้ำตาก็จัดเป็นหรรษาที่ลึกล้ำพิสดาร

ในขณะหลั่งน้ำตา กลับสามารถยิ้มออกมาได้ นับว่าเป็นสภาพอันสะเอียดอ่อนไม่ธรรมดาเด็ดขาด อีกทั้งไม่แน่ว่าน้ำตานั้นหลั่งเพราะอะไร เนื่องจากบางคน โศกเศร้าเสียใจก็หลั่งน้ำตา ดีใจจนเกิดขีดจำกัดก็หลั่งน้ำตา ผิดหวังดีใจ ก็หลั่งน้ำตา หิวข้าวก็หลั่งน้ำตา โกรธก็หลั่งน้ำตา งอนก็หลั่งน้ำตา  อยู่เฉยๆก็หลั่งน้ำตา ถ้าหากผสมผสานรอยยิ้มลงไปได้นับว่าบรรลุไปอีกระดับแล้ว

“ชอบใจเจ้ามาก”  บุรุษหนุ่มเอ่ยกับมันอย่างจริงใจ ถึงแม้ว่าจะอยู่คนละฝั่งของวิทยายุทธ คนละรูปคนละแบบ แต่ในความขัดแย้งนั้นยังมีมิตรภาพอยู่เบื้องหลังเสมอ

“ไม่เป็นไร..ไม่เป็นไรก็ขำอีกแล้ว เรา..ขำแบบไม่เป็นไร...ฮ่าๆๆ ข้าไปละ.. ไปแบบขำๆ...ให้เจ้ารอดกลับมา พวกเรารอฟังข่าวอยู่ อยู่แบบขำๆ โอย...ขำปางตายเลย ขำแบบไม่มีเหตุผล จะขำซะอย่างมีอะไรไหม.. ฮ่าๆๆ..มีอะไรไหมก็ขำอีกแล้ว ฮ่าๆ ”

กระบี่หรรษาโบกมือหัวร่อกึกก้อง แล้วหันกายกลับก้าวเดินออกไปแบบขำๆ จนหายไปในเงาไม้

กระบี่รันทดพลันเข้าใจแก่นวิชาหรรษา เมื่อเห็นกระบี่หรรษาขำแบบไร้เทียมทานขนาดนั้น

กว่าจะถึงขั้นนี้กระบี่หรรษาต้องฝึกการ “รู้” ใจ ของตนเองมาก่อน จึงจะสามารถบรรลุวิชาหรรษาไร้สภาพได้ขนาดนี้

เมื่อหัวร่อ ก็รู้ว่าตัวเองหัวร่อ

เมื่อไม่หัวร่อก็รู้ว่าตัวเองไม่หัวร่อ

เมื่อยิ้มก็รู้ว่าตัวเองยิ้ม

เมื่อไม่ยิ้มก็รู้ว่าตัวเองไม่ยิ้ม

เห็นว่าการยิ้มการหัวร่อเป็นอาการรับรู้ของจิตที่ผ่านทางกาย และเป็นของไม่เที่ยง ไม่มีใครยิ้มค้างคาหรือหัวเราะค้างคาได้ตลอดกาล ไม่อาจยึดมั่นอยู่กับการยิ้มการหัวเราะนั้น

เมื่อเข้าถึงเช่นนี้ก็บรรลุไปอีกหนึ่งระดับแล้ว

ทางเดินเริ่มเล็กลงและรกร้างมากขึ้น สุดท้ายกลับกลายเป็นป่ารกทึบ บุรุษหนุ่มจำเป็นต้องเดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาอันขรุขระอย่างระมัดระวัง ภูเขารูปแมวขยายใหญ่ขึ้น จนรู้สึกว่ากำลังเดินเข้าสู่เงาของแมวยักษ์

ความจริงวังแมวเหมียวก็ไม่ได้อยู่ไกลมากนัก เพียงแต่ตำนานเรื่องราวพิสดารของมันทำให้ผู้คนไม่อยากเฉียดใกล้

ตะวันบ่ายคล้อpลงมาก เงาแมวยักษ์เริ่มคลี่ลงมาครอบคลุม กระบี่รันทดพบว่าตัวเองกำลังอยู่บนขุนเขาสูง และสายลมเย็นหวีดเย็นยะเยือก มองออกไปหน้าผาด้านตรงข้ามเห็นสลักหน้าผาเป็นรูปหัวแมวขนาดใหญ่ แสดงว่าใกล้ถึงจุดหมายเต็มทีแล้ว

ทางเข้าวังแมวเหมียวอยู่บริเวณหน้าผาหัวแมวนี่เอง เฒ่าซกเล็กบอกไว้อย่างนั้น มีสะพานเชือกโยงทอดยาวไปยังหัวแมว มองลงไปด้านล่างตอนนี้เห็นแต่หมอกควันเหนือแนวไม้

บุรุษหนุ่มสูดลมหายใจลึกๆ รวบรวมสมาธิค่อยก้าวเดินไปบนสะพานเชือกซึ่งแกว่งไกวตามแรงลมตลอดเวลาด้วยความระมัดระวัง ความสูงขนาดนี้พลัดตกลงไปประกันว่าไม่มีทางรอดพ้นจากความตาย สายตาจับจ้องมองไปเบื้องหน้า ไม่ยอมมองลงด้านล้างให้ใจสั่น

เดินไปครึ่งทางจึงมองเห็นว่าภายในรูปสลักหน้าผามีประตูบานใหญ่อยู่บานหนึ่ง มีคนสองคนยืนอยู่หน้าประตู ทั้งคู่สวมชุดลายแมวและใส่หน้ากากแมว กระทั่งมือทั้งสองข้างยังสวมถุงมือแมว ปกบังรูปร่างหน้าตาจนดูไปคล้ายแมวชนิดหนึ่ง

บุรุษหนุ่มไม่หยุดฝีเท้า และไม่นึกหวาดกลัวอะไร เพราะไม่ได้บุกเข้ามาด้วยเจตนาร้าย ตั้งใจว่าจะขอพบประมุขวังแมวเหมียว มอบกล่องปริศนาให้แล้วล่าถอยออกมาเท่านั้น

แต่เรื่องราวกลับไม่สะดวกสบายรวบรัด  เมือร่างของผู้พิทักษ์แมวเหมียวคนหนึ่งทะยานกายขึ้น พลิ้วร่างลงมาขวางทางไว้ด้วยวิชาตัวแมวอันเงียบกริบราวการกระโดดของแมว

กระบี่รันทดอ้าปากจะอธิบาย พอดีกรงเล็บแมวพุ่งวูบเข้าหาคอหอยของมันราวประกายไฟ

นั่นเป็นวิชากรงเล็บแมว คนฝีกวิชานี้ได้ประการแรกต้องเป็นคนรักแมว ประการต่อมาจะต้องคุ้นเคยคลุกคลีกับแมวเป็นอย่างดี สามารถรู้อุปนิสัยใจคอของแมวอย่างขัดเจนกระจ่างจึงจะเข้าถึงวิชากรงเล็บแมว มีตำนานกล่าวถึง ไอ้หนุ่มหมัดแมว ที่เหนือชั้นกว่าไอ้หนุ่มหมัดเมามากมายหลายเท่า

กระบี่รันทดถอยหลังออกไปสามก้าว สะพานเอียงวูบวาบ หลบพ้นจากกรงเล็บแมวได้อย่างหวุดหวิด ผู้พิทักษ์แมวคล้ายเคยชินกับการทรงตัวบนสะพานเป็นอย่างดี ร่างกายไม่เซซวนไปมาอย่างผู้บุกรุก สืบเท้าก้าวตามติดกรงเล็บแมวตะปบวูบออกไปดุจสายฟ้าในท่วงท่าเดิม

เป็นแบบนี้ต่อไป ประกันว่าคอหอยต้องถูกทะลุทะลวง บุรุษหนุ่มตัดสินใจไม่ถอยหนี หากก้มตัวหลบแล้วพุ่งเข้าชนร่างของมนุษย์แมวผู้นั้นเต็มแรง เพราะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายพอถูกประชิดตัวอย่างไรก็ต้องกังวลกับการถูกกระแทกหรือลากจนตกลงไปเบื้องล่าง หยุดกรงเล็บแมวต้องรวบแขนทั้งสองข้างอีกฝ่ายไว้ให้ได้

แต่ที่ไม่คาดไม่ถึงคือ ร่างนั้นกลับหอมกรุ่นนุ่มนิ่ม

เป็นสตรี

มันถึงกับพุ่งชนสตรี เรื่องราวเช่นนี้กับคนเช่นมันไม่เคยคิดจะทำ  กระบี่รันทดไม่นิยมลงมือใช้กำลังต่อสตรี เนื่องเพราะถึงชนะก็ไม่มีอะไรน่าภาคภูมิใจ

พอความคิดว่า คนอยู่ในวงแขนเป็นสตรี คล้ายสายฟ้าฟาดกลางใจ พลังทั้งหมดทั้งมวลสุญสิ้นมลายหายร่างอ่อนระทวยลง เป็นโอกาสให้กรงเล็บแมวฟาดจิกลงกลางหลังแล้วดึงขึ้นจนร่างลอยคว้างขึ้นมาทำท่าจะถูกเหวี่ยงลงไปด้านล่าง

“”อย่าเพิ่งฆ่ามัน”

เสียงร้องสดใสมาจากหน้าประตู เป็นเสียงของมนุษย์แมวอีกร่างหนึ่ง
ผู้พิทักษ์แมวทั้งสองถึงกับเป็นสตรีทั้งคู่

ร่างของบุรุษหนุ่มชะงักค้างในอากาศวูบหนึ่ง ก่อนถูกเหวี่ยงลอยไปหล่นโครมลงบนพื้นหินเย็นชืด พร้อมกับเสียงร้องอย่างขัดใจ

“ทำไมท่านพี่..ถึงไม่ให้ฆ่ามัน”

ตอนนั้นกระบี่รันทดฟาดพื้นจนนัยน์ตาพร่าพราย กลางหลังถูกกรงเล็บแมวตะปบจนเป็นแผลเหวอะหวะ หากหูยังแว่วเสียงสนทนาของคนคู่นั้น

“เจ้าไม่สังเกตหรือ....มันมีกระบี่มาด้วย แต่ไม่ได้ใช้กระบี่ตอบโต้ มันไม่ได้มีรังสีอำมหิตแม้แต่น้อย”

“แต่มันก็โต้ตอบทำร้ายข้า”

“มันเพียงหยุดการลงมือของเจ้าเท่านั้น”

สตรีอ่อนวัยกว่าแค่นเสียงอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ลงมือต่อไป ชีวิตของกระบี่รันทดหวุดหวิดหวาดเสียวปางตายอีกครั้ง ชีวิตของมันคล้ายอยู่ในอุ้งมือแมว ซึ่งกำลังด้อมๆเมียงมองอยู่ข้างๆ

“ท่าทางมันบาดเจ็บแล้วจากกรงเล็บแมวของเจ้า”

“ทำอย่างไรดี”

นำมันเข้าไปในวัง ให้ประมุขตัดสินใจ”

ถูกต้องแล้ว นั่นล่ะสิ่งที่ควรเป็น บุรุษหนุ่มคิดในใจแล้วร่างก็ถูกคว้าจนลอยขึ้นจนใจหายวาบ  รีบพลิกกายหมุนตัวกลางอากาศดิ้นรนจากการเกาะกุมแต่ฝ่ามือแมวหลายฝ่ามือกระหน่ำใส่จุดสลบ จุดไร้สติ ราวพายุกระหน่ำ ทำให้สติปลิดปลิวไปในทันที



........

แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 23:14:10

แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 22:51:01

แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 22:31:55

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 21:58:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com