Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเศร้า ตอนที่ ๕ his medicine{แตกประเด็นจาก W11078074} ติดต่อทีมงาน

บันทึกวันที่ 2/9/2008

ช่วงเวลาตั้งแต่วันที่สองที่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนั้น จนถึงต้นเดือนเมษายน นับเป็นช่วงเวลาสองอาทิตย์เต็มๆที่เราสองคนได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ฉันกลับมาใช้อีเมลเก่าเป็นการถาวร ส่วนเจส ฉันเองก็ไม่แน่ใจ แต่เดาว่าเค้าน่าจะนั่งอยู่หน้าจอมากกว่าเดิม

ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่รู้ว่างานของเค้ามันหนักเบาแค่ไหน แต่มั่นใจว่าถ้าเจสมีปัญญาแชทกับคนอื่นนอกเหนือจากฉันในตอนนั้น เจสก็คงจะเป็นยามเฝ้าตึกสักแห่งในฮ่องกงแน่ๆ เราคุยกันแบบบ้าคลั่ง คุยทั้งวันทั้งคืน เจสยังบ้าเอาเวลาพักเที่ยงของตัวเองมาแชท และนั่นรวมถึงเวลานอนของเค้าด้วย


...

...

...


เราทำความรู้จักกันในทุกๆเรื่อง งาน ชีวิต ดนตรี ลามเลียไปแม้กระทั่งเรื่องศาสนา ปรัชญาชีวิต

แต่...เราไม่ได้เหมือนกันเลยสักนิด เจสเปอร์เป็นผู้ชายที่อยู่คนละขั้วโลกของฉันโดยสิ้นเชิง

เจสเปอร์น่าจะเป็นหนึ่งในผู้ชายประเภทที่ครอบคลุมนิยามของคำว่า"สันโดษ" และ "เย็นชา" ได้ดีที่สุด

ในหัวมีแต่งานและเงิน เวลานอกจากนั้นก็เอาไปดื่มเบียร์ เล่นหุ้น เรียนภาษา อ่านหนังสือ ซ้อมดนตรี ดูงานศิลปะ ออกกำลังกาย

ฉันยังไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำว่าเค้าเคยรักใคร เค้าเป็นคนแบบนั้นจริงๆ



...

...

...


ส่วนฉันคงไม่ต้องบรรยาย อ่านเอาจากตัวหนังสือคงพอเดากันออก

ฉันเปิดเผยเรื่องราวตัวเองเสมอ คุยได้กับทุกคน และเชื่อคนง่ายมาก

เจสกลับเก็บตัวแบบสุดขีด เข้าถึงได้ยาก และแทบจะไม่เชื่อใครเลย นอกจากตัวเอง










"ผมไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานานมากแล้ว"

"ฉันเองก็เหมือนกัน"




เจสเปรียบฉันเป็นเหมือนกับ"ยา"สำหรับเค้า ในช่วงเวลาไม่นาน ก็ทำให้เค้าต้องเปลี่ยนไป

ฉันเองก็เป็นเหมือนกัน ในเมื่อวันนี้ เค้าทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม



เจส "ผมเป็นคนน่าเบื่อนะ คุณอย่าเพิ่งเบื่อผมหละ"

ฉัน "คุณหนะหรอน่าเบื่อ ก็แค่วันๆก็เอาแต่ทำงาน ไม่สนใจโลกก็เท่านั้นเอง"

เจส "..."

ฉัน "ล้อเล่นนะ"

เจส "คุณรู้ตัวรึป่าวว่าพุดคำว่าล้อเล่นออกมากี่ครั้งแล้ว เอาแต่ล้อเล่นแบบนี้ เคยจริงจังบ้างรึป่าว"

ฉัน "ฉันบอกว่าล้อเล่น ดีกว่าโกหกนะ"

เจส "แล้วผมจะรู้มั๊ยว่าอันไหนมันจริง มันล้อเล่น"

ฉัน "ก็ถ้าฉันล้อเล่น ไม่เกินสองวินาที ฉันก็จะบอกคุณเอง"

เจส "คุณนิแปลกจริงๆ"

ฉัน "คุณมากกว่าที่แปลก เหมือนคนญี่ปุ่นเลยนะ"

เจส "ยังไง"

ฉัน "สุภาพ เย็นชา โลกส่วนตัวสูง เข้าใจยาก บ้างาน"

เจส "ผมดูเป็นคนไม่น่าสนใจแบบนั้นเลย"

ฉัน "ไม่ใช่ไม่น่าสนใจ แต่สิ่งที่คุณสนใจมันไม่เป็นsubsetของสิ่งที่ฉันรึคนทั่วๆไปเค้าสนใจก็เท่านั้นเอง"

เจส "ผมชอบเวลาคุณอธิบายtermต่างๆจัง ไม่เป็นsubsetงั้นหรอ เข้าใจคิดนะ"

ฉัน "คุณเป็นนักคณิตศาสตร์หรอไง"

เจส "ผมเรียนชีววิทยามา ไม่ใช่คณิตศาสตร์"

ฉัน "..."

เจส "คุณนิแปลกจริงๆ"

ฉัน "รู้แล้ว แต่ไม่เท่าคุณหรอก ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมละกัน เอาไป50HKDไปซื้อบะหมี่กิน"

เจส "ผมก็ว่าคุณเองก็เหมือนผู้หญิงญี่ปุ่นเหมือนกันนะ"

ฉัน "ยังไง"

เจส "คุณเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เด็กผู้หญิง"

ฉัน "มันไม่ใช่คำชมใช่มั๊ย งั้นติดลบ1000HKDไปเลย"

เจส "ป่าว ผมหมายความว่าคุณสดใสและอ่อนโยน เป็นสิ่งที่ผู้หญิงฮ่องกงไม่ค่อยมี"

ฉัน "ฟังดูดีขึ้นนิดหน่อยนะซินซาง"

เจส "คุณอย่าเรียกผมว่าซินซางสิ"

ฉัน "งั้นก็เรียกว่าเจสเจสละกัน ชื่อคุณมันยาวชะมัด เจสเจสดีกว่า"

เจส "เจสเจส มันก็ยาวเท่าๆกับเจสเปอร์ไม่ใช่หรอ"

ฉัน "แต่มันฟังน่ารักกว่านะ คุณไม่เข้าใจหรอก คนcoldแบบนี้"

เจส "คุณหมายถึงcoolใช่มั๊ย อันนี้นผมรู้อยู่แล้ว"

ฉัน "coldกับcoolมันคนละเรื่องกันเลยนะ ฉันหมายถึงคุณมันเย็นชา ไม่แคร์คนอื่น"


...

...

...



ฉันได้แต่แดกดันจิกกัดเค้า แต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงหยุดที่จะสนใจเค้าไม่ได้เลย

เจสเป็นเป็นผู้ใหญ่ ไม่สนใจโลก...นอกจาก...สิ่งที่เค้าเลือกจะสนใจ...บางสิ่งเท่านั้น

อาซัง ฉันพอจะเป็นสิ่งนั้นได้รึป่าวนะ



...

...

...



เจส "คุณอายุเท่าไหร่"

ฉัน "ฉันแก่แล้ว"

เจส "แก่หนะแก่เท่าไหร่"

ฉัน "ปีนี้ฉันจะ23"

เจส "งั้นก็22สินะ แก่จริงๆด้วย ผมนึกว่าเด็กอายุ12"

ฉัน "ฉันรู้ว่าคุณไม่ได้หมายถึงหน้าตา ฉันควรจะดีใจดีมั๊ย ติดลบบัญชีเจสเปอร์ 10000HKD"

เจส "ป่าว ผมไม่หมายความในแง่ลบ แค่รู้สึกเหมือนคุยอยู่กับเด็กๆก็เท่านั้นเอง"

ฉัน "ติดลบเพิ่ม1000HKD ในข้อหาที่ไม่รู้สึกผิด"

เจส "..."

ฉัน "ฉันล้อเล่น แล้วคุณอายุเท่าไหร่ละ"

เจส "ผม26แล้ว"

ฉัน "เด็กจังเลย แต่ก็แก่กว่าพี่ชายฉันอยู่ดี คุณเป็นพี่ชายฉันได้เลยนะ"

เจส "พี่ชายคุณหรอ"

ฉัน "งั้นต่อไปเรียกว่าพี่เจสละกัน"

เจส "พี่??"

ฉัน "พี่ก็คือ...อาเกออาก๊อ อะไรประมาณนั้นในภาษาไทย"

เจส "??"

ฉัน "คำแสดงความเคารพประมาณนั้น เป็นเกียรติอย่างสูงเชียวนะ พี่ชายแท้ๆฉันฉันยังไม่เรียกพี่เลย"

เจส "??"

ฉัน "บราเธอร์ คุณอ่านไม่ออกหรอ อ๊บป้าๆๆ เคยดูซีรีย์เกาหลีมั๊ย"

เจส "ผมรู้แล้วว่าพี่คืออะไร แต่คุณอยากให้ผมเป็นพี่ชายคุณงั้นหรอ"

ฉัน "อ้าว แล้วไม่อยากเป็นหรอกหรอ"

เจส "ผมแค่สงสัยเฉยๆ คุณอยากให้ผมเป็นพี่คุณ"

ฉัน "อือ"





แค่ไม่กี่วัน...ฉันก็ชอบผู้ชายนี้ไปซะแล้ว ใจง่ายซะจริงๆ

คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้ได้รู้จักเค้านานๆ อยากคุยกับเค้าอย่างนี้ไปนานๆจังเลย

อาซัง ถ้าฉันเรียกคุณว่าพี่ เราจะได้คุยกันอีกใช่มั๊ย


...

...

...



ฉันเพิ่งมารู้ทีหลังว่า เจสไปถามเพื่อนทีหลังเกี่ยวกับเรื่องนี้ เค้าบอกว่าไปถามกับเพื่อนที่รู้จักกับคนไทย

เพื่อนของเจสบอกว่า ถ้าผู้หญิงไทยบอกว่าอยากให้คุณเป็นพี่ชายละก็เค้าไม่ได้คิดอะไรกับคุณ แต่ไม่กล้าบอกตรงๆ

เจสบอกว่าเค้าก็ทำใจไปแล้วว่าคงเป็นได้แค่พี่ และก็พยายามที่จะ"ไม่ล้ำเส้น" เพราะไม่อยากผิดหวัง

และนั่นก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ฉันกำลังทำตอนนั้นเหมือนกัน "ไม่ล้ำเส้น" อย่าให้ความรู้สึกนี้มันต้องกลายเป็นความรักเลย

บอกตัวเองย้ำๆซ้ำๆ ความรักครั้งนี้"อันตราย"



...

...

...




ฉัน "แล้วคุณเลิกกับแฟนทำไมหรอ ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะ"

เจส "ไม่เป็นไร ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว เค้านอกใจผม"

ฉัน "อืมม ฉันเข้าใจ เจอมาเหมือนกัน"

เจส "กับคนนั้นหนะหรอ"

ฉัน "อืมม แต่ไม่เป็นไรแล้วหละ ฉันไม่เคยคิดว่าจะใช้คำว่า"ไม่เป็นไร"กับสิ่งที่เจอมาได้ แต่ตอนนี้คิดแบบนี้จริงๆ ไม่เป็นไรแล้ว"

เจส "ผมก็เหมือนกัน เค้าทิ้งผมไปหาแฟนเก่า ทั้งๆที่เราก็ยังคบกัน เค้ากลับไปคบกันนานแล้ว แต่ผมไม่รู้ จนผมรู้ ก็ทน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว"

ฉัน "น่าสงสารจัง"

เจส "๕๕ ผมไม่เป็นไรแล้วหละ ผมไม่ได้คิดเรื่องนั้นนานแล้ว ผมแค่เกลียดคนโกหก"

ฉัน "แล้วยังคุยกับเค้าอยู่รึป่าว"

เจส "ปรกติผมไม่ติดต่อกับแฟนเก่าอยู่แล้ว แต่กับแครอล ผมเลิกยุ่งกับเค้าไปเลย ไม่ใช่แค่ไม่เจอ แต่ทำทุกทางที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องของเค้าอีก"

ฉัน "เข้าใจ คบกันมานานสินะ"

เจส "แค่สี่เดือน แต่เค้ากับแฟนเก่าคบกันมาสิบปีแล้ว ผมไม่มีอะไรสักอย่าง ถึงจะไม่คู่ควรกับเค้า ก็ทำทุกอย่างเพื่อเค้า แต่เค้าไม่ต้องการ"

ฉัน "ทำไมว่าตัวเองอย่างนั้นหละ ฉันว่าคุณเป็นคนดีนะ"

เจส "เค้าเป็นลูกคนมีเงิน แม่เค้าเป็นผอ. ตัวเค้าเองก็เป็นผู้จัดการ แฟนเก่าเค้าก็เหมือนกัน ผมไม่มีอะไรเลยจริงๆ"

ฉัน "แล้วนั่นมันเกี่ยวอะไรกันนะ แค่เรื่องงาน เรื่องเงิน ก็เลยยอมแพ้งั้นหรอ"

เจส "คุณไม่เข้าใจหรอก เค้าก็ต้องเลือกอนาคตตัวเค้าไว้ก่อน"

ฉัน "ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ ถ้าเรารักใครสักคน อนาคตจะเป็นยังไงก็ไม่เป็นไร วันนี้ได้มีกันและกันก็พอแล้ว"

เจส "๕๕ นั่นก็เพราะว่าคุณเด็กไงหละ ผมก็เคยคิดเหมือนคุณ แต่เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่าต้องนึกถึงวันข้างหน้าไว้ก่อน"

ฉัน "หมายความว่า ถ้าคุณจะรักใคร แล้วรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ก็จะไม่เริ่มต้นมันใช่มั๊ย"

เจส "ใช่ ผมเลือกที่จะไม่เริ่มต้น ถ้าผมคิดจะเริ่มทำอะไรสักอย่าง นั่นแปลว่าสิ่งนั้นจะต้องสำเร็จแน่นอน"

ฉัน "อืมม นั่นก็ดีสำหรับคุณแล้วละ"




ยิ่งเราคุยกันมากขึ้น ก็ยิ่งห้ามใจตัวเองลำบาก ฉันไม่กล้าพูดสิ่งที่ตัวเองรู้สึก ไม่มีความกล้า และมั่นใจว่าไม่มีทางจะมี

เจสไม่เหมือนฉัน เค้าไม่ใช่คนที่แคร์ทุกสิ่ง ฉันไม่ได้กลัวว่าจะเสียเค้าไป ถ้าเราคิดไม่ตรงกัน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็เจ็บคนเดียว

แต่เป็นเพราะว่าตอนนั้นก็พอจะรับรู้ว่าเค้าคิดยังไง มันไม่ใช่ปรกติที่คนเราจะคุยกันห่ามรุ่งห่ามค่ำ โดยที่ไม่มีความรู้สึกพิเศษต่อกัน

ฉันกลัวเพราะรู้ดีว่าความเป็นไปได้ที่จะเอาความรักครั้งนี้ให้รอดมันต่ำกว่า0 อย่าให้มันเริ่มขึ้นมายังดีซะกว่า

ตอนนั้นฉันก็หวังว่าจะสามารถเก็บความรู้สึกดีๆนี้ไว้ให้อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ เพราะเพียงแค่นั้น ก็น่าจะดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว

จากคุณ : KissAhoLicGal
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 11:45:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com