Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Psycho Birthday........: กาแฟเย็นเพิ่มช็อต ติดต่อทีมงาน

=================
18 กันยายน
Psycho Birthday........
: กาแฟเย็นเพิ่มช็อต
=================



หญิงสาวมองดูนาฬิกาแขวนผนังเป็นรูปถ้วยกาแฟ บอกเวลาบ่ายห้าโมงกว่าๆ สีหน้าท่าทางค่อนข้างกังวล คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอย่างแฝงแววกังวล เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟซึ่งมักจะมานั่งเป็นประจำเลือกนั่งโต๊ะตัวเดิม เก้าอี้ตัวเดิม ริมหน้าต่างกระจกใส ในห้องติดเครื่องปรับอากาศเย็นเฉียบ กับกาแฟร้อนๆสักถ้วย หนังสือสักเล่ม หรือไม่ก็ยามต้องการสมาธิในการทำงาน เธอก็มักจะหลบมาหามุมสงบให้กับตัวเอง

ความจริงในร้านกาแฟก็ไม่ได้สงบเงียบ แต่เรื่องแบบนี้บางทีก็ขึ้นอยู่กับใจ ถ้าใจสงบอย่างอื่นก็อาจสงบตามไปด้วย อย่างน้อยก็ดีกว่าในที่ทำงาน ซึ่งมักวุ่นวายแทบตลอดเวลา ไม่รวมกับอาการจับกลุ่มพูดคุยของเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเมื่อไรรวมตัวกันได้การพูดคุยแบบน้ำไหลไฟดับจะติดตามมาทันทียาวเหยียดไม่เลิกราง่ายๆ

หรืออย่างน้อยร้านกาแฟก็ดีกว่าร้านขายอาหารประเภทมีแอลกอฮอล์ เพราะยังไม่เคยเห็นใครเมากาแฟ แล้วอาละวาดเสียงดัง

ว่าแต่วันนี้ร้านกาแฟดูเงียบค่อนข้างผิดปกติ มองออกไปด้านนอกรู้สึกเหมือนกับเป็นอีกโลกหนึ่ง ซึ่งมีเพียงกระจกกั้นอยู่เท่านั้น โลกภายนอกดูสับสนเร่งร้อนไม่หยุดนิ่ง ชีวิตมากมายอยู่ภายนอกต่างเดินไปตามเส้นทางของตนเอง การนั่งสังเกตในมุมมองที่แตกต่างก็ให้ความรู้สึกชนิดหนึ่งซึ่งไม่เหมือนอยู่ในเหตุการณ์นั้นเสียเอง

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำเอาสะดุ้ง แต่ก็ต้องรีบคว้าโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือ ทั้งที่เคยตั้งใจว่าจะไม่รีบร้อนรับโทรศัพท์ เพราะคิดดูแล้วเหมือนมันเป็นเจ้านายชอบกล ร้องทีก็ต้องรีบร้อนรับสาย

“สวัสดี กาแฟ”

เสียงแจ๋วๆ ดังมาจากปลายสาย หญิงสาวขมวดคิ้ว ทำหน้าสงสัยให้กับตัวเอง เพราะไม่รู้จะให้กับใครแถวนั้น นึกไม่ออกว่าน้ำเสียงแบบนี้เป็นเสียงของเพื่อนคนไหน

“ว่าไง..”

ตัดสินใจถามออกไปแบบกลางๆ สงวนท่าที ไม่เฉพาะเจาะจงว่าเป็นการย้อนถามแบบตั้งใจทั้งที่อยากทำแบบนั้น แต่การไม่รู้ว่าใครโทรมาหาดูมันเป็นการเสียเชิงแบบแปลกๆ อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆเหมือนคนอารมณ์ดี แล้วย้อนถามมาว่า

“เธอจำฉันไม่ได้เหรอ”

“ก็บอกมาสิว่าใคร”

“บอกไปก็ไม่สนุกสิ”

พูดจบก็วางหูไปเสียเฉยๆ สาวกาแฟรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที อะไรกัน...ลงทุนโทรมาหาเพียงแค่พูดแค่นี้ บ้าหรือเปล่านั่น

ท่าทางคงจะว่างจัด แต่หลังจากนั่งคิดสักครู่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นเสียงของเพื่อนคนไหน ส่วนคนซึ่งนัดเอาไว้ก็ยังไม่มา ทั้งที่ปกติคน ๆ นั้นเป็นคนตรงเวลา

หนังสือในมือก็อ่านไปได้เยอะแล้วจนเริ่มรู้สึกเบื่อ กาแฟยังเหลือติดก้นถ้วย น้ำเปล่ายังเหลือครึ่งแก้ว สั่งกาแฟมากินอีกสักถ้วยดีกว่า นึกแล้วหันไปหาเจ้าของร้านซึ่งมักเห็นง่วนอยู่หลังเคาน์เตอร์เป็นประจำ แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหน นี่ปล่อยให้ลูกค้านั่งหง่าวอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีก ทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆ หยิบมาดูเบอร์เรียกเข้าก็เป็นเบอร์ใหม่ไม่คุ้นตา

จะรับสายดีไหมนะ......

หญิงสาวพยายามข่มใจ ไม่รับสาย ดูสิว่าจะเอายังไง แต่เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอย่างเร่งร้อนและเหมือนจะเกรี้ยวกราดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดสักที ในที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับสาย

“I Know What You Did Last Summer”

เสียงแหบพร่าผิดปกติดังแว่วเข้าหู ทำให้สาวกาแฟตัวชาดิกไปชั่วขณะด้วยความคาดไม่ถึง นี่มันล้อกันเล่นบ้าบอคอแตกหรืออย่างไร แล้ววางฝั่งโน้นก็วางสายไปก่อนจะมีโอกาสซักถาม แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม เป็นเรื่องไม่น่ารักเอาเสียเลย ไม่ว่าใครก็ตามโทรมาล้อเล่นแบบนี้

“ซัมเมอร์ที่แล้ว ฉันไปเที่ยว มีอะไรไหม”  ตอบกับดินฟ้าอากาศแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้

ว่าแต่เรามาทำอะไรที่นี่......กลับบ้านไปนอนดีกว่า

ใช่..ควรจะเป็นอย่างนั้น และมันต้องเป็นแบบนั้น ถ้าไม่เพราะว่าเจ้าของร้านไม่รู้หายหน้าไปไหน หญิงสาวยังไม่อยากโดนข้อหากินแล้วชักดาบ หลังจากมองไปพักหนึ่งก็เริ่มรู้สึกมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ร้านกาแฟไม่เคยเงียบเหงาขนาดนี้ และบรรยากาศก็ไม่แปลกแบบนี้ เหมือนว่ามีแต่คนเดินออกไปจากร้านแต่ไม่มีคนเดินเข้ามา ทำให้ผู้คนหายไปจากร้านจนแทบไม่เหลือใคร

ในร้านเหลือเพียงเธอคนเดียวแล้วในตอนนี้ และด้านนอกดูเหมือนฝนจะเริ่มตกลงมาจนทำให้กระจกเริ่มเป็นฝ้า มองออกไปแทบไม่เห็นอะไร

ยังดีว่ายังมีเสียงเพลงดังเบาๆมาจากตู้ลำโพงสองตัวภายในร้านช่วยให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินไป ฟังไปสักพักใหญ่ก็รู้ว่ามันเป็นเพลงบรรเลงเพลงเดิมซึ่งเปิดวนไปวนมาหลายครั้งจนเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว

เสียงโทรศัพท์กรีดร้องลั่น คราวนี้ทำให้สะดุ้งกว่าทุกครั้ง จนอยากจะปาทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ความอยากรู้มีมากกว่า เลยหยิบมารับสาย

“สวัสดี กาแฟ”

เป็นเสียงผู้หญิง และน่าจะเป็นเสียงของเพื่อนผู้ไม่ประสงค์จะออกนามที่โทรหาเธอก่อนหน้านี้

“ว่าไง..”  

เธอยังคงใช้ประโยคเดิมทักทาย อีกฝ่ายหัวเราะเช่นเคยก่อนพูดว่า

“ดูท่าทางตอนนี้เธอคงเหงาแย่สินะ”

“ไม่หรอก...ไม่เหงาอะไร”

หญิงสาวตอบส่งๆ แต่ดูเหมือนปลายสายจะไม่เชื่อ

“ทำไมจะไม่เหงาล่ะ ตอนนี้นั่งอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอจ๊ะ”

“รู้ได้ยังไงว่าฉันคนเดียว”

“ก็เธอนั่งอยู่คนเดียวจริงๆไม่ใช่หรือจ๊ะ”

“เลิกเล่นบ้าๆเสียทีได้ไหม ไม่ตลกเลยนะ”

ตอนนี้หญิงสาวทั้งโมโหทั้งรู้สึกหวั่นใจชอบกล รู้สึกเหมือนมีใครหรืออะไรบางอย่างจ้องมองมาจากมุมมืดอย่างเงียบเชียบ บางทีเพื่อนคนนี้อาจกำลังเฝ้ามองเธออยู่จากที่ใดที่หนึ่ง แต่ว่าทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย

“ใช่แล้ว ไม่ตลกเลย...เธอไม่แปลกใจเลยหรือว่าทำไมวันนี้แขกในร้านกาแฟถึงน้อยเหลือเกิน ตอนนี้ก็มีเธอคนเดียวเท่านั้น ไม่...เธอไม่รู้เรื่องหรอก”

“ไม่รู้อะไร”

เมื่อวานนี้....โต๊ะตัวที่เธอนั่ง เก้าอี้ที่เธอนั่ง มีคนตายแบบกะทันหันคาโต๊ะกาแฟ บางทีวิญญาณของคนตายอาจสิงสู่อยู่โต๊ะตัวนั้นอย่างเงียบเหงาก็เป็นไปได้นะ แต่ว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลยหรือว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ กับการนั่งทับที่คนตาย ฉันมาเตือนเธอให้ระวังตัว”

คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที ไม่มีทางเป็นจริง เมื่อวานเธอก็ยังมานั่งอยู่ในร้านนี้ ไม่เห็นมีใครตายให้เห็น

“เรื่องมันเกิดหลังจากเธอกลับบ้านแล้ว”

เสียงจากปลายสายอธิบายต่อไปเหมือนล่วงรู้ความคิดของเธอ..”หลายคนรู้ข่าวก็ไม่มาร้านนี้ชั่วคราว  ไม่แน่เหมือนกันนะว่าแก้วกาแฟที่เธอกำลังดื่มอยู่ เป็นแก้วสุดท้ายของคนๆนั้นที่ได้ดื่มก่อนตายก็เป็นได้”

“อย่าพูดบ้าๆน่า ว่าแต่เธอเป็นใครกันแน่.......”

หญิงสาวฝืนหัวเราะพยายามทำใจให้เยือกเย็น บางทีนี่อาจเป็นรายการล้อกันเล่นอย่างที่เห็นในทางทีวีก็เป็นไปได้ จะต้องตั้งสติไม่หวั่นไหว แล้วเตรียมการฟ้องเอาเรื่องผู้อยู่เบื้องหลังรายการบ้าๆนี้ให้รู้สำนึกในการละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนอื่นโดยไม่ได้ขออนุญาต

“บางทีวิญญาณคนตายอาจจะสิงอยู่ในถ้วยกาแฟ ในกาแฟ ก็เป็นได้”

เสียงนั้นยังคงดังต่อไปอย่างไม่สนใจอาการของหญิงสาวว่าจะคิดอย่างไร “เธอคงไม่เคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับถ้วยกาแฟผีสิง ซึ่งคอยตามหลอกหลอนคนดื่มกาแฟในรูปแบบต่างๆ กัน กับคนตายกะทันหัน จิตของเขาหรือเธออาจยึดติดกับสิ่งใกล้ตัวในขณะนั้น กลายเป็นคำสาปสิงอยู่ในสิ่งของนั้นๆ..ไม่เป็นไรหรอก เธอมีคนคอยดูแลอยู่...”

เลิกล้อเล่นเสียที...”  

หญิงสาวกระแทกเสียงอย่างฉุนเฉียว เรื่องอะไรอยู่ดีๆ ก็มาพูดให้ขนลุกแบบนี้  ปลายสายมีเสียงแปลกๆสักพักหนึ่งแล้วเงียบหายไป สาวกาแฟพยายามแนบหูฟังว่าด้านโน้นมีอะไรเกิดขึ้นแต่มีเพียงความเงียบอันเย็นยะเยียบเท่านั้นตอบสนองกลับมา

แบบนี้ต้องเจออย่างนี้..ปิดเครื่องซะเลย ไม่ต้องมีใครโทรมากวนประสาทอีก
ไม่อยากอยู่แล้ว เจ้าของร้านก็ไม่รู้หายไปไหน วางเงินไว้บนโต๊ะดีกว่า แล้วออกจากร้านไปก็สิ้นเรื่อง คิดแล้วก็เปิดกระเป๋าถือ หยิบกระเป๋าเงินออกมาค้นหาธนบัตรอันสมควรกับราคาค่ากาแฟ


“อย่าเพิ่งไปสิครับ”


เสียงของผู้ชายดังขึ้นทำให้สะดุ้งจนกระเป๋าเงินแทบหล่นจากมือ เสียงนั้นดังชัดเจนเหลือเกิน เหมือนมากระซิบอยู่ข้างหู กาแฟมองซ้ายมองขวา

“ไม่ต้องมองหาหรอกครับ....ผมอยู่ในถ้วยกาแฟ”

คนบ้าอะไรอยู่ในถ้วยกาแฟ เป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนแล้วจะเป็นอะไรล่ะอยู่ในถ้วยกาแฟได้และพูดภาษาคนรู้เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่คนก็ต้องเป็นผี ...พอคิดแบบนี้หญิงสาวก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

ผวาออกจากโต๊ะจนเก้าอี้ล้มโครมคราม

ผี....หรือว่าผีมีจริง ผีในโลกนี้มีจริงๆหรืออย่างไร คนตายไปแล้วต้องหายลับดับสูญหรือไม่ก็ไปเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติตามบุญตามกรรมตามความเชื่อ จะมาหลอกหลอนคนมีชีวิตได้อย่างไร แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าตอนนี้แทบไม่มีคำอธิบายอย่างอื่น

นอกจากอาการประสาทหลอน...

“ไม่มีทาง..เป็นไปไม่ได้”

หญิงสาวพูดเสียงดัง จ้องมองถ้วยกาแฟอย่างระมัดระวังตัวมือขวาแอบจับพนักเก้าอี้ เห็นท่าไม่ดีจะจับฟาดให้แหลก

“อะไรเป็นไปไม่ได้ครับ”

เสียงถ้วยกาแฟถามพลางทำปากถ้วยเบี้ยวแบบสงสัย

“ผีไม่มีจริง นี่เป็นเพียงอาการประสาทหลอนเท่านั้น”

“คุณจะคิดแบบนี้ก็ได้นะครับ ผมไม่ถือ แต่อยากให้อยู่เป็นเพื่อนผมก่อน ไหนๆคุณก็จูบผมแล้ว”

“อะไรนะ”

คราวนี้สาวกาแฟร้องเสียงหลง ความโมโหพุ่งขึ้นมาทันที พูดแบบนี้มันต้องแหลกไปข้างหนึ่ง

“ใจเย็นๆนะครับ”

ถ้วยกาแฟรีบพูด “ผมหมายถึงการที่คุณยกผมขึ้นจิบครับ ขอโทษด้วยที่ใช้คำผิดไป ทั้งๆ ที่มันก็น่าจะไม่ผิด  เอาเป็นว่าผมขอโทษก็แล้วกันนะครับ ว่าแต่อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนสิครับ”

“ทำไมฉันต้องอยู่คุยกับถ้วยกาแฟด้วย..ฉันยังไม่ได้บ้าขนาดนั้น”

“ก็มีแต่คุณนี่ครับ ที่รับรู้ถึงความมีของผม”

“มีอะไร”

“ก็..มีจิตไงครับ คนอื่นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงจิตของผม คงเป็นเพราะเราชอบนั่งโต๊ะและเก้าอี้ตัวเดียวกัน ร้านเดียวกัน เลยสื่อถึงกันได้”

“แล้วจะเอายังไงก็ว่ามา”

“โห...ท่าทางนักเลงมากเลยนะครับ ไม่เอาอะไรหรอกครับ แค่อยากให้คุณเอาผมติดตัวไปด้วย เก็บไว้ในบ้านเท่านั้น”

“ไม่มีทางเสียล่ะ....ที่ฉันจะเอานายกลับไปด้วย”

“ได้โปรดเถอะครับ”

ถ้วยกาแฟทำเสียงอ้อนวอน แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ ขืนเอาถ้วยกาแฟผีสิงไปยู่ในบ้านคงวุ่นวายกันทั้งบ้าน

“คุณไม่ยอมรับข้อเสนอ ผมจะหลอกคุณนะครับ”

“แน่จริงก็ทำสิ”

สาวกาแฟแยกเขี้ยว เรื่องอะไรจะให้ถ้วยกาแฟมาข่มขู่แบบนี้ เป็นแค่ถ้วยกาแฟเท่านั้นไม่เห็นต้องกลัว คิดจะมาหลอกกันได้ง่ายๆหรืออย่างไรไม่มีทาง ว่าแล้วก็จับเก้าอี้ฟาดโครมลงไปยังถ้วยกาแฟผีสิงนั้นทันที

ถ้วยกาแฟอ้าปากถ้วยค้างอย่างตกใจ เพราะนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวผู้สุภาพอ่อนโยนจะเปลี่ยนเป็นดุเดือดได้ในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้จึงโดนเก้าอี้ฟาดแบบเต็มๆจนแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ท่ามกลางเสียงร้องอย่างโหยหวนดังก้องไปทั้งร้าน

บรรดาเศษชิ้นส่วนของถ้วยกาแฟหลังจากตั้งสติได้ก็พยายามพลิกกลิ้งเข้าหากันราวกับมีชีวิต แต่มันไม่ง่ายเลยว่าจะมารวมกลับเป็นร่างเดิมในเวลาอันสั้น เศษชิ้นส่วนพวกนั้นกำลังพยายามเข้ามาติดมาต่อกันให้เป็นรูปเดิม บางชิ้นก็เข้ามาต่อได้พอดีราวกับต่อจิ๊กซอร์ บางชิ้นส่วนก็หมุนซ้ายหมุนขวาแต่ก็ยังหาตำแหน่งและมุมอันเหมาะสมให้กับตัวเองไม่ได้

“คุณใจร้ายมาก ทำร้ายผมได้ลงถ้วย..ผมต้องหลอกคุณให้สาสม”

เสียงของถ้วยกาแฟเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยังมีความสุภาพ แสดงว่าก่อนตายท่าทางเป็นคนสุภาพเรียบร้อยพอสมควร

“ก็อยากมาบังคับกันทำไม ฉันไม่ชอบให้ใครมาบังคับ รู้ไว้ด้วย”

พูดจบก็ฟาดโครมด้วยเก้าอี้อีกครั้งแบบเต็มแรง คราวนี้โต๊ะกาแฟหักกลางถล่มโครมครืน ถ้วยกาแฟแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกครั้ง และก็พยายามรวมร่างอีกครั้งอย่างน่าสยดสยองและน่าเวทนา

สาวกาแฟถอยออกมาตั้งหลัก ดูสิว่าจะมาไม้ไหนอีก เห็นเศษถ้วยกาแฟรวมกันจนเป็นรูปเป็นร่างแต่ดูไม่สมประกอบเท่าไรเพราะความรีบร้อนในการประกอบร่างนั่นเอง ชิ้นส่วนหลายชิ้นส่วนอยู่ผิดที่ผิดทางเหมือนเป็นถ้วยกาแฟผีดิบที่ตัดแปะเย็บชิ้นส่วนไม่ค่อยดี

“คุณทำลายผมไม่ได้หรอกครับ ยังไงผมก็รวมร่างใหม่ได้เสมอ”

ถ้วยกาแฟผีสิงบอกพลางกระโดดดึ๋งๆ เข้ามาหาแบบเดียวกับผีจีนชอบทำ

สัญชาตญาณทำให้หญิงสาวเตะเท้าออกไปเต็มแรง ถ้วยกาแฟลอยละลิ่วตามแรงเตะไปชนกระจกบริเวณประตูทางเข้า แต่กระจกประตูทนทานกว่า ไม่บุบสลายในขณะถ้วยกาแฟกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกครั้ง แล้วชิ้นส่วนเหล่านั้นก็กระโดดกลิ้งเข้าหากันอีกครั้ง

ในขณะถ้วยกาแฟกำลังพยายามรวมร่าง หญิงสาวคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบเทสิ่งของ เครื่องสำอาง ออกจากกระเป๋า แล้ววิ่งไปจับถ้วยกาแฟซึ่งยังไม่คืนร่างได้เต็มที่ใส่ลงในกระเป๋าทันที รูดซิปให้สนิทท่ามกลางเสียงโวยวายของถ้วยกาแฟ

“ทำแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลยนะครับ ปล่อยผมออกไป”

“อยากตามดีนักใช่ไหม...”

สาวกาแฟยิ้มดุๆ แกว่งกระเป๋าในมือไปมาอย่างเป็นต่อ คาดว่าถ้วยกาแฟคงต้องหัวหมุนเวียนถ้วยอยู่ในนั้น เศษชื้นส่วนที่เหลือพากันกระโดดไปมาบนพื้นอย่างร้อนใจ  แต่แล้วพักหนึ่งก็พากันหยุดนิ่งเหมือนมองหน้าปรึกษาหารือกันก่อนพากันกระโดดหายไปทางหลังร้าน  สาวกาแฟมองตามอย่างไม่เข้าใจ

ไม่นานหญิงสาวก็เบิกตากว้างปากอ้าตาค้าง ถ้วยกาแฟเกือบสิบใบพากันกลิ้งตามพื้นตรงมาหา บางถ้วยก็แตกบิ่นจากแรงกระแทก พวกมันเหมือนมีชีวิตและรวมตัวกันเพื่อทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือการช่วยเหลือถ้วยกาแฟหลักนั่นเอง

“เล่นงานผมไม่ได้ง่ายๆหรอกครับ”

เสียงอู้อี้มาจากกระเป๋าถือ “ชิ้นส่วนของผมสื่อกับถ้วยกาแฟอื่นได้ และเข้าสิงมันได้ ผมจะมีถ้วยกาแฟเป็นกองทัพ ฉะนั้นยอมรับข้อเสนอของผมโดยดีเถอะครับ”

ไม่มีทาง”

หญิงสาวทั้งที่กลัวก็กลัว ตกใจก็ตกใจ ใครบ้างจะไม่กลัวเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ความมีสติทำให้จิตไม่ตก ควงกระเป๋าถือหวดซ้ายป่ายขวาอุตลุด ถ้วยกาแฟต่อให้โดนสิงก็ยังเป็นถ้วยกาแฟ โดนฟาดก็ลอยกระเด็นแตกหักกระจัดกระจาย แต่ยังมีความพยายามรวมร่างอย่างไม่ย่อท้อ

หนี ต้องหนีออกจากร้าน

หญิงสาวโยนกระเป๋าซึ่งมีถ้วยกาแฟตัวแสบทิ้ง วิ่งตรงไปยังประตู กระชากเปิดออกเต็มแรง ขอบคุณว่ามันเปิดออกมาได้โดยง่ายไม่ปิดขังเอาไว้เหมือนในหนังสยองขวัญทั่วไปซึ่งประตูมักจะล็อคตายตัวในนาทีวิกฤติ พอออกมาได้ก็กระแทกประตูปิด ก่อนพวกถ้วยกาแฟผีสิงจะตามออกมาได้

มองเข้าไปเห็นพวกถ้วยกาแฟกระโดดไปมา บางคู่ก็ทำท่าเหมือนปรึกษาหารือกัน บางถ้วยทำท่าอารมณ์เสีย สาวกาแฟมองอย่างสมน้ำหน้า พวกนั้นถูกขังอยู่ในร้านกาแฟแล้ว

“ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ”

เสียงดังสนั่นจนแก้วหูแทบแตก หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง

คุณพระช่วย...รูปกาแฟขนาดใหญ่เกือบสามเมตรซึ่งเป็นโลโก้ของร้านกาแฟกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆจากภาพสองมิติมาเป็นวัตถุสามมิติ ปากของมันขยับราวกับกำลังพูด

“ผมพัฒนาการตัวเองจนสามารถเข้าสิงรูปสองมิติที่เป็นรูปกาแฟแล้วเปลี่ยนโครงสร้างของมันให้เป็นสามมิติได้ ผมจะตามคุณไปทุกที่”

พูดจบถ้วยกาแฟมหายักษ์ก็หล่นโครมลงมาจนแผ่นดินสะเทือน มันทำท่าบิดตัวไปมาเหมือนเมื่อยขบจากการนิ่งอยู่มานาน แล้วก็เริ่มกระโดดโครมครามเข้ามา

จะอยู่ทำไม หญิงสาวออกวิ่งทันที ทั้งที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง บรรยากาศด้านนอกยามนี้หม่นมัวหนักอึ้ง รถราจอดนิ่งอยู่เต็มถนนอันไร้ผู้คน ถ้วยกาแฟกระโดดลงบริเวณใดจุดนั้นก็จะเกิดประกายไฟและกลุ่มควันปะทุขึ้นมาทันทีจากการบดขยี้ลงบนยวดยานพาหนะ ทำให้ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันไฟ เสียงระเบิดดังเป็นระยะ ราวอยู่ในสมรภูมินรก

เสียงตึงๆ โครมไล่หลังมาเป็นระยะ และเสียงร้องข่มขู่อย่างเป็นต่อ

“ตอนนี้คุณหลุดเข้ามาในโลกของผมแล้ว ออกไปไม่ได้หรอกครับ นอกจากจะยอมรับเงื่อนไข”

“ไม่มีทาง”

หันหน้าแยกเขี้ยวตอบแล้วก็วิ่งสุดชีวิตในขณะโลกถล่มโครมครืนตามหลังมา

วิ่งหนีไปตามถนนไม่ได้ เราไม่ได้โง่เหมือนในหนังที่ตัวละครมักไม่ยอมหลบข้างทางเวลาโดนไล่ หรือไม่ยอมวิ่งไประหว่างต้นไม้ขณะโดนรถไล่ สาวกาแฟเลี้ยวเข้าไปในตัวตึกซึ่งมองเห็นประตูเปิดอ้าอยู่ เข้าไปยืนหอบอยู่ในห้องโถง ถ้วยกาแฟมหายักษ์กระโดนแผ่นดินสะเทือนแล้วมาติดอยู่ตรงทางเข้านี่เอง ไม่สามารถเข้าไปได้ มันกระโดดกระแทกประตูเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

“ฉันรู้ว่านายไม่กล้าทำตัวเองแตกหรอก”

หญิงสาวบอกอย่างเย้ยหยันทั้งที่มีอาการเหนื่อยหอบ

“เพราะนายออกมาจากร้านกาแฟแล้ว นายไม่มีพลังอำนาจกลับคืนร่างได้อีก  นี่เป็นไพ่ใบสุดท้ายของนายแล้ว กลับไปนรกเสียเถอะ.. Drag you To Hell...”

“ได้โปรดเถอะครับ..ผมเหงา ผมเพียงอยากมีคนพูดคนคุยเท่านั้น คนอื่นไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกของผมได้เหมือนคุณ ผมจะทำตัวเป็นถ้วยกาแฟดี ๆไม่ดื้อไม่ซน ไม่วุ่นวายในบ้านคุณเลย นะครับ”







..

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 54 16:16:41

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 54 15:52:10

แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 54 15:33:31

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 15:21:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com