หนี
เท้าและขาทั้งสองข้างยังคงสลับกันทำหน้าที่ด้วยความเร็วที่ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้สักเท่าไหร่ ความรู้สึกระบมและปวดตึงที่อวัยวะทั้งสองมากจนกลายเป็นไร้ความรู้สึกไปนานแล้ว
ดวงตาที่ดูเหมือนจับจ้องไปข้างหน้า หากแต่ในความเป็นจริงมันไม่สามารถจับรายละเอียดใดๆ ได้เลยแม้แต่น้อย นอกจากมองไปข้างหน้าเท่านั้น
รู้เพียงแต่ว่าหยุดไม่ได้ ถึงแม้จะไม่เคยหันกลับไปมองแต่ความรู้สึกนั้นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี
มันกำลังกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ หากหยุดเมื่อไหร่มันจะเข้าประชิดตัวในทันที
...มีแต่ต้องวิ่ง...มีแต่ต้องหนีเท่านั้น...
............................................
ตาหนู โตขึ้นต้องเรียนเก่งๆ แล้วทำงานดีๆ ให้ได้นะ
ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่จัดอยู่ในระดับชนชั้นกลางค่อนไปทางล่าง ผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อและแม่ซึ่งนั่นก็ทำให้ท่านทั้งสองรักและเอ็นดูผมเหนือสิ่งอื่นใดในบ้านหลังนี้
ครับ
ในครั้งนั้นผมตอบไปด้วยความสัตย์จริง มันเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงๆ ของเด็กชายอย่างผม
คุณมาดูสมุดพกลูกสิคะ ลูกสอบได้ที่สี่
เก่งมากเลยลูก เทอมหน้าพยายามมากกว่านี้อีกหน่อยแล้วเอาที่หนึ่งให้ได้นะ จะได้เข้าเรียนต่อโรงเรียนดีๆ ได้
น้ำเสียงแสดงความยินดีของบุคคลทั้งสองทำให้ผมอดที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ในเวลานั้นผมยังไม่เข้าใจถึงคำว่าเรียนเก่งหรือไม่เก่งด้วยซ้ำ รู้แต่เพียงว่าหากทำได้ดีขึ้น ท่านทั้งสองจะดีใจ
...ดังนั้น...ผมจึงพยายามต่อ...
ครับ
............................................
ตลอดระยะเวลาหกปีในชั้นเรียนระดับประถมศึกษา จากคำชมของคนรอบกายจัดได้ว่าผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะหัวดีคนหนึ่ง ลำดับที่ในชั้นเรียนไม่เคยต่ำกว่าเลขสี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ตาหนูต้องสอบเข้าโรงเรียนนี้ให้ได้นะ โรงเรียนเค้าดังมาก ถ้าเข้าไปได้จะได้มีความรู้แล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้
ครับ
แล้วผมก็ไม่ทำให้ท่านทั้งสองต้องผิดหวังกับผลการสอบเข้าในโรงเรียนที่ท่านอยากจะให้เข้า ผมยิ้มเมื่อเห็นท่านทั้งสองยิ้ม หัวใจพองโตด้วยความปรีดา เหล่าบรรดาญาติสนิทต่างมาแสดงความยินดีกับผมและท่านทั้งสอง
การเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นไปอย่างราบรื่น ผมตั้งใจทุ่มเทให้กับการเรียนเพื่อให้ทุกอย่างออกมาอย่างที่ควรจะเป็น
...และ...อย่างที่ใครต่อใครหวัง...
จบปีนี้แล้วสอบเข้าสายวิทย์นะลูก สายวิทย์น่ะเลือกสอบเข้ามหาวิทยาลัยเอกไหนก็ง่าย แล้วที่สำคัญพ่อกับแม่อยากให้ลูกเป็นหมอน่ะ
ครับ
เป็นอีกครั้งที่ท่านไม่ผิดหวังกับการสอบเข้าของผม ผมเข้าสายวิทย์ได้อย่างที่ท่านทั้งสองต้องการ
การเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายทำให้ผมเริ่มรับรู้อะไรบางอย่างที่แท้จริงในตัวเอง
ผมเริ่มคลางแคลงในความสามารถของตัวเอง คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง
...ผมหัวดีจริงๆ อย่างนั้นหรือ...
............................................
และแล้ววันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็มาถึง ในเช้าวันนั้นความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกันอยู่ข้างใน แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานโลกทั้งโลกก็ดูเหมือนจะแตกละเอียดลงต่อหน้าต่อตา
ถึงแม้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ก็ไม่ใช่คณะที่ท่านทั้งสองหวังเอาไว้
เป็นครั้งแรกที่ผมต้องทำให้ท่านทั้งสองและใครต่อใครผิดหวัง สีหน้าเศร้าหมองนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความผิดหวังและเสียใจ แต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังฝืนยิ้มและปลอบใจผมอย่างอ่อนโยน
...ผมต้องพยายามขึ้นอีก พยายามในสิ่งที่ขาดไปนั้นทั้งหมด...
เป็นดังเช่นที่ผ่านๆ มา คะแนนสอบของผมอยู่ลำดับบนของชั้น เพื่อนๆ ต่างก็แสดงความชื่นชมต่อผม หลายๆ คนขอให้ผมสอนวิชาต่างๆ ให้ก่อนสอบ
...หากแต่ความขัดแย้งในนั้นกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ...
ยิ่งมีเสียงกล่าวชื่นชมผมก็ยิ่งรู้สึกว่าแท้จริงแล้วผมเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ ยิ่งมีเสียงแสดงความยินดีความรู้สึกบางอย่างก็ยิ่งถาโถมเข้าสู่จิตใจ
โลกทั้งโลกดูเหมือนจะหมุนช้าลง ทั้งๆ ที่รอบกายเต็มไปด้วยเพื่อนฝูง แต่ผมกลับรู้สึกเลื่อนลอย ความเดียวดายบางอย่างที่ไม่อาจหาที่มาได้
...แล้ววันสำเร็จการศึกษาก็มาถึงด้วยคะแนนเฉลี่ยที่เฉียดเกียรตินิยมอันดับหนึ่งไปเพียงเล็กน้อย...
............................................
กว่าสามเดือนที่ผมทั้งเดินทางไปสมัครงานตามบริษัท ทั้งหาตำแหน่งงานที่สำนักงานจัดหางาน และอีกนับไม่ถ้วนที่ผมส่งจดหมายไป ในที่สุดผมก็ได้รับการตอบรับจากบริษัทแห่งหนึ่ง
บัดนี้ผมได้ออกมายืนหยัดบนโลกภายนอกด้วยตัวของตัวเองแล้ว ที่แห่งนี้เป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่ปราศจากการปกป้องคุ้มกันใดๆ
โลกแห่งการแข่งขัน ยื้อแย่ง ชิงดีชิงเด่นนั้น เป็นโลกที่มีไว้สำหรับบุคคลที่เป็นระดับหัวกะทิจริงๆ เท่านั้น สำหรับบุคคลทั่วๆ ไปก็เป็นได้เพียงบันไดให้เขาเหล่านั้นเหยียบขึ้นไป
และที่นี่เองที่ทำให้ทุกอย่างกระจ่าง ผมเป็นเพียงคนทั่วๆ ไปเท่านั้น ความหวังที่จะเข้าสู่สังเวียนชิงชัยริบหรี่เหลือเกิน
...ต้องพยายามต่อ ความพยายามเท่านั้นที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จ...
ทั้งๆ ที่สมองว่างเปล่า รอบกายดูเบาโหวงไร้น้ำหนัก แต่เพียงความคิดนี้เท่านั้นที่ยังคงเป็นตัวผลักดันผมต่อไป
............................................
เท้าและขาทั้งสองยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปทั้งๆ ที่มันหมดความรู้สึกไปนานแล้ว
ตาทั้งคู่ยังคงจ้องไปข้างหน้าต่อไปทั้งๆ ที่มันไม่อาจโฟกัสภาพใดๆ ให้ชัดเจนได้อีกต่อไป
หากวันใดที่เท้าทั้งสองหยุดทำหน้าที่ของมัน ตาทั้งคู่เลิกมองไปข้างหน้า เมื่อนั้นมันจะตามมาทัน
...นี่ผมกำลังหนีอะไร...
...บางที สิ่งที่ผมกลัวและหนีมันมาตลอดชีวิตอาจจะเป็นความอ่อนแอในจิตใจของตัวผมเอง...
หากวันใดที่มันตามผมจนทัน ผมคงจะไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนมันได้อีก ความท้อแท้สิ้นหวังคงจะโอบคลุมตัวผมจนไม่อาจมองเห็นอะไรได้อย่างเป็นจริงอีกต่อไป
...เมื่อนั้นมันจะช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างไป และเมื่อนั้นผมอาจจะต้องสูญเสียแม้แต่ตัวตนของตนเอง...
ความมุ่งมั่น ความพยายาม รอยยิ้มของคนที่คอยเป็นกำลังใจ คนที่เฝ้าดูการเจริญเติบโตของผมตลอดมา และนั่นอาจจะหมายรวมถึงสิ่งที่ตัวผมเชื่อมั่นมาตลอดระยะเวลาแห่งการดำเนินชีวิต
กับตอนนี้ที่ผมทำได้ ผมคงทำได้เพียงกัดฟันเร่งฝีเท้าเพื่อรักษาระยะห่างจากมันไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
...แล้วคุณล่ะ เคยหนีอะไรบ้างมั้ย...
ปล. ขออนุญาตฉลองให้ตัวเองด้วยเรื่องสั้นๆ ที่อยู่บนถนนฯ มาครบ 4 ปี ครับ ^^
จากคุณ |
:
KTHc
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.ย. 54 22:56:04
|
|
|
|