 |
บทนำ - นิทานจากโลกเก่า
วันนี้คุณว่ามอร์แกนจะแวะมาให้เราแหย่เล่นอีกไหม
ผมเอ่ยออกไปตามใจคิด เอี้ยวตัวหันไปหาเพื่อนซึ่งนั่งทำงานอยู่เกือบจะหลังชนกัน แม้ไม่ได้ดังอะไรนักแต่คำพูดนั้นก็ทำลายอารมณ์สบายๆ ในห้องทำงาน ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมายาวนานหลายชั่วโมงลงสนิทได้ทันใจ
ไม่น่าจะใช้คำว่าเรา... คุณนั่นแหละวิศรุต เอาแต่ยั่วเอาแต่แหย่เด็กคนนั้นแรงๆ ทุกครั้งที่เจอ ทีกับเด็กฝึกงานคนอื่นไม่เห็นเคยเกเรแบบนี้
ใช้คำว่าเกเรเลยหรือ ผมหลุดถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะออกไป
ก็แหงละ อดัมเพื่อนร่วมชะตาของผมปิดเพลงบรรเลงของบีโธเฟ่นซึ่งเปิดไว้ คลอบรรยากาศลง หันมาทางผม
ผมยักไหล่ ล้วงกระเป๋าตรงอกเสื้อ หยิบเหรียญสกุลเงินสากลคร่ำคร่าที่ใช้กันทั่วโลก เมื่อสองพันกว่าปีก่อนออกมาชูให้เขาดูตรงหน้า เหรียญนำโชคที่อดัมเองก็รู้ดี ว่าผมพกติดตัวเสมอ...เหรียญเก่าๆ ของสะสมที่หาได้ไม่ยากนัก แต่ถึงแม้ว่ามันจะได้ชื่อว่าเป็นเหรียญนำโชค ผมก็ไม่ได้ถนอมอะไรเจ้าเหรียญที่ว่านี้มากมาย
ออกหัวมา ก้อยไม่มา...
มอร์แกนมา...แต่เหรียญออกก้อย ! อดัมระบุเจาะจงด้วยสีหน้ายิ้มๆ โดยสลับตัวเลือกเสียใหม่ให้ตรงใจ
ผมยิ้มให้กับความจุกจิกในรายละเอียดของเพื่อน เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงตอบแค่ มา หรือ ไม่มา ตามใจคิด ส่วนจะกำหนดให้เป็นหัวหรือก้อยนั้นก็ ไม่แตกต่าง แต่สำหรับอดัม...
เราสองคนมองตามเหรียญเก่าๆ ที่ถูกดีดลอยสูงขึ้นไป ผมไม่ตะปบมันไว้ ปล่อยให้เจ้าเหรียญเพื่อนยากหมุนไปตามชะตากรรมของมันเอง หล่นกระทบพื้น กลิ้งกระดอน จนถึงเวลาที่มันพอใจจะหยุดลง
ผมนิ่วหน้าน้อยๆ ผลออกมาเหมือนที่อดัมทายทุกอย่าง ก่อนเหลียวไปสบตาเพื่อนร่วมห้อง ด้วยความคาใจไม่สร่างซา ไม่ใช่เพราะว่าเขาทายผลแม่น เพราะยังไม่รู้ว่ามอร์แกนจะมา จริงไหม แต่อยากรู้ว่าเพราะอะไรอดัมจึงเลือกทายแบบนั้นมากกว่า
ทำไมล่ะ ทำไมถึงคิดว่ามอร์แกนจะมา ทั้งที่วานเธอโกรธผมถึงขนาดนั้น
...ก็ใครใช้ให้ไปยั่วโมโห น่าจะรู้ว่าขานั้นเขาอารมณ์ขึ้นไวขนาดไหน อดัมติง
แค่อยากแกล้ง ไม่คิดว่าจะโกรธจริงจัง อืม ผมคงยังไม่รู้จักเธอดีเท่าคุณสักทีนะ ผมเอ่ยกับอดัมอย่างปลงตก ได้ยินเพื่อนหัวเราะในลำคอตอบมา
วันหนึ่งคุณอาจกลายเป็นคนที่รู้จักเธอมากที่สุดก็ได้ อดัมเอ่ยเหมือนจะหยอก แต่เป็นผมที่แกล้งทำหูเชือนกับคำนั้นเสียเอง
มูนไลท์ โซนาต้า ของบีโธเฟน บรรเลงขึ้นอีกคำรบจากที่ถูกหยุดไป พร้อมๆ กับ ลำนำแห่งหยาดพิรุณซึ่งเริ่มต้นโปรยปราย ฟังราวกับกำลังมีเม็ดฝนเล็กๆ หล่นกระทบ ผนังภายนอกห้องสี่เหลี่ยม ก่อเกิดจังหวะชวนให้ใจสงบคลอเคล้าไปกับโน้ตดนตรี
ถึงกระนั้นพวกเราก็รู้ดีว่านั่นเป็นเสียงของบรรยากาศที่ถูกสร้างขึ้น เหมือนกับก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นเพียงลมวูบไหว ก็แค่เสียง...ยามนี้ผนังสีดำเงานั้นไม่มีภาพเม็ดฝนใดนอกจาก ความมืดมิดสนิทดังเดิม แน่ละ ด้วยวิทยาการของเราสามารถสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาได้ อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย แต่มันคงเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานซึ่งปัจจุบันมีค่ายิ่งกว่าขุมเพชร
ห้องทดลองที่พวกเราทำงานอยู่ลึกลงมาใต้ดินนับได้เป็นระยะทางกว่าหนึ่งไมล์ เพื่อให้ผลการทดลองบางอย่างคงที่ตามที่ควรจะเป็น โดยไม่ได้รับผลกระทบจาก สภาพแวดล้อมเบื้องบน
ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนค่อนข้างเหนียวแน่น ผมเรียกอดัมว่าเพื่อนร่วมชะตา เพราะเราร่วมทางกันมาโดยตลอด ผมมีพ่อแม่...เสียชีวิตเพราะสงคราม จนกลายมาเป็น เหมือนเขาซึ่งไม่มี
สมบัติอย่างเดียวที่ได้รับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษคือชื่อ ...วิศรุต พงศ์ธารา ส่วนเขา เพื่อนรักของผม ได้ชื่อจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าว่า ...อดัม กรีนแมน
เราอาจไม่ได้เริ่มต้นจากการมีสิ่งใด แต่ชีวิตนั่นแหละ คือสมบัติอันมีค่าที่สุดในทุกยุคสมัย บางคนมีชีวิตเพื่อเสพสุข แต่บางคนอาจใช้ชีวิตนั้นเพียงแค่ช่วยให้คนอื่นพ้นจากทุกข์ หนักหนาที่ตนเองเคยเข้าใจเป็นอย่างดี แบบไหนก็ไม่ผิด แค่อย่าทำให้โลก มันแปดเปื้อนมากขึ้น และให้อะไรกลับคืนแก่โลกบ้าง
แค่นั้นก็ถือว่าไม่เกิดมาเป็นภาระให้กับแผ่นดิน
พวกเราเรียกได้ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ อาจจะเป็นรุ่นสุดท้าย และรุ่นที่ดีที่สุด นั่นคือความเห็นส่วนตัวของผม เป็นผมเองที่บอกกับอดัมอย่างนั้น ตั้งแต่เมื่อเรายังเด็ก เรียนมาด้วยกัน เมื่อเขาเอ่ยถาม...
คุณว่านักวิทยาศาสตร์ของโลกนี้ คนไหนที่มวลมนุษยชาติควรจะเรียกว่าป๋า แม้จะเป็นประโยคจริงจังปนล้อเล่นไร้สาระ แต่อดัมก็ยังพูดจาด้วยน้ำเสียงสุภาพตามปกติ แค่นั้นก็ทำให้รู้สึกถึงตัวตนของเขาได้ดี ชายที่จริงจังกับทุกเรื่อง
พวกเราไง...เพราะเราจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำเพื่อให้มากกว่ากระสันในความรู้ ด้วยเวลาจำกัด ทรัพยากรจำเขี่ย ผมหมายถึงนับทั้งสิ่งที่เป็นรูปเป็นร่าง และทรัพยากร ทางอารมณ์ ถึงไม่มีอารมณ์ เราก็ต้องทำงานให้ลุล่วงอยู่ดี ผมพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่แฝงนัยยะจริงจังไม่แพ้กัน
ดนตรีเปล่าเพลง แมดเวิร์ล ของ แกรี่ จูลส์ ดังขึ้นมาแทนที่โชแปง อดัมคงเพิ่งใส่เพิ่มมา ในชุดเพลงที่ฟังกันบ่อยๆ เขามักเลือกเพลงซึ่งฟังแล้วใจสงบ แต่เพลงนี้กลับออกไป ในทางชวนให้ปลงเสียมากกว่า
เพลงซึ่งเก่ามากแล้วกลับนิยมขึ้นมาใหม่ คงเพราะเนื้อหาอันโดนใจคนหลายยุคหลายสมัย พอเราเผลอลืมสิ่งสำคัญไป หลายๆ สิ่งรอบตัวก็จะช่วยย้ำเตือนให้ระลึกถึงมันขึ้นมาได้เอง อีกครั้ง หรือไม่อีกทีก็คงเพราะว่าตอนนี้มนุษย์เราไม่มีศักยภาพ ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ พอที่จะสร้างสื่อบันเทิงหรือศิลปินใหม่ๆ ขึ้นอย่างจริงจังมาเนิ่นนานแล้ว แต่ละวัน คิดเพื่อเอาชีวิตให้รอดยังแทบเป็นไปไม่ได้
อดัมเอื้อนตามเพลง ลากเสียงยาว ทำให้รู้ได้ว่าที่เขาร้องตามคงจะไม่ใช่ แกรี่ แต่เป็น อดัม แลมเบิร์ต ซึ่งบันทึกเสียงในช่วงก่อนศตวรรษที่ ๒๐ ผมจำไม่ได้ว่าปีไหน นับจากเวลานั้นก็ผ่านมานานนม เป็นเวลาเกือบ ๓ สหัสวรรษแล้ว
คนเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงเวลาเดิมๆ เท่าไหร่ ยังคงเสพสิ่งซ้ำซาก แม้จะในรูปแบบอันแตกต่างไป ศิลปะคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยเยียวยาหัวใจ
เมื่อการมีศาสนาอย่างเป็นทางการกลายเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะเหล่ามนุษย์ใช้มัน เป็นเครื่องมือนำพาความขัดแย้ง การรบรา และหายนะมาสู่มากกว่าสันติ
ผมเหลือบตาไปเห็นอดัมโยกตัวตามจังหวะเพลงในขณะที่ร้องด้วย ต้องยิ้มให้กับ ความเป็นเด็กของเขา เด็กจริงจังและฉลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
people run in circles It's a very very , Mad world...
อดัมจัดว่าเป็นคนเสียงดีพอๆ กับหน้าตาทีเดียว บางทีอาจจะดียิ่งกว่า เพียงแต่ว่า ไม่ค่อยมีใครเคยได้ฟังเขาร้องเพลง นอกเสียจากผม...
แบบนี้น่าไปร้องเพลงจีบสาว
เผอิญยังไม่มีสาวให้จีบ อดัมเถียงเบาๆ ก่อนจะเอื้อนหงุงหงิงคลอตามจังหวะดนตรี ต่อไป คล้ายกำลังรื่นรมย์เต็มประดา ทั้งที่ความจริงอาจไม่ใช่เช่นนั้นเลยก็ตาม Children waiting for the day they feel good Happy birthday...happy birthday เด็กน้อยเฝ้าใฝ่ฝัน...ขอเพียงสุขสันต์ ในวันเกิด เฮ้อ คงดีไม่น้อยถ้าหากว่าเด็กทุกคนรู้ว่าตัวเองเกิดที่ไหน วันไหน พ่อกับแม่เขาเป็นใคร ขอแค่ได้มีความสุขสักวันในรอบปี เราไม่เกี่ยงหรอกว่าจะเป็นวันเกิดหรือวันไม่ได้เกิด
ผมถอนหายใจ อดัมกำลังพูดถึงตัวเขาเอง...
ยังไม่ทันที่จะมีใครได้เอ่ยอะไรต่อจากนั้น บรรยากาศน่าอึดอัดกลับคลายลงกะทันหัน เมื่อประตูเปิดค่อนข้างแรง มอร์แกนก้าวฉับๆ เข้ามา วางกาแฟให้อดัม ยิ้มน้อยๆ เพียงมุมปากกับคำขอบคุณของเขา ไม่ยักกะพูดจ้อถูกคอกันเหมือนอย่างเคย
ส่วนทางผม...เธอมองมาด้วยสายตาหมางเมิน ก่อนจะเดินลงส้นมาหา วางแก้ว กาแฟสังเคราะห์บางๆ ลงแรงจนน่ากลัวว่ามันจะยุบคามือ กาแฟข้างในยังอยู่ดี เพราะมีฝาครอบปิดเรียบร้อย จะว่าไปกาแฟข้างในก็ไม่ใช่ของจริง พวกเราไม่มี ไร่กาแฟหรืออะไรแบบนั้น ก็แค่สังเคราะห์ให้รู้สึกว่ามันคือกาแฟ ผสมสารที่ ช่วยไม่ให้ง่วงไว ถึงเวลานี้มนุษย์เราก็ยังพยายามดิ้นรนเสพความรู้สึกให้มากเท่าที่จะสามารถ
มอร์แกนเชิดหน้าออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรกับเราสองคน ทั้งไม่เปิดโอกาส ให้ผมได้ยั่วให้หายโกรธหรือโกรธมากขึ้น... ถึงแม้ว่าเธอจะเด็กกว่าพวกเรามากถึงสิบปี แต่มอร์แกนก็ไม่เคยกลัว เพราะอดัมใจดี และเพราะผมชอบยั่วโมโหจนเธอหมดความ ยำเกรงไปเองในที่สุด และเราสองก็คนพอใจที่จะให้มันเป็นแบบนั้นตั้งแต่แรก
เบื่อฟังเพลงแล้ว ผมอยากฟังนิทานหน่อยอดัม คุณเล่าสนุก นั่นน่ะช่วยแก้ง่วงได้ดีกว่ากาแฟอีก
เรื่องอะไรดีล่ะ
เงือกน้อย...
ชอบอะไรซ้ำซาก
ซ้ำซากแต่กินใจ ดีกว่าทันสมัยแบบฉาบฉวย ภาษิตเขาว่าไว้
ตั้งแต่พวกเรายังวัยรุ่น จนโตแล้วคุณก็ยังชอบฟังนิทาน
นั่นสินะ เราคงเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กที่สุภาพต่อกันมากที่สุดในโลก อาจเป็นด้วยเราเคารพในตัวกันและกันมากเกินไป ผมชอบที่เขามีความเป็นเด็ก มากพอๆ กับความเป็นผู้ใหญ่ในสายตาใครๆ เพราะผู้ใหญ่ที่แท้คงไม่ต้องเสแสร้ง วางตัวมีบุคลิกเป็นอย่างที่สังคมตีตราว่าคือมาตรฐาน
ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรออดัม จะบอกให้อีกครั้งถ้าคุณลืม ...นักเล่าเรื่องสมัยก่อน คนหนึ่งที่ผมชอบมากเคยพูดเอาไว้ นิทานเล่าความจริงโดยไม่ถูกปิดเบือนด้วยประเด็น จุกจิก นิทานไม่โกหก ความจริง อาจจะไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่อง แต่อยู่ตรงวิธีการ... เวลาใครสักคนในนิทานถูกกำหนดให้ทำตามเงื่อนไขโง่ๆ พวกนั้นเคยมีข้อโต้แย้งไหม เปล่าเลย พวกเขายอมทำตาม เพราะต้องทำตาม เพราะพวกเขาคือตัวละครของโลกนั้น เหมือนๆ กับในโลกของเรา เราต้องเล่นไปตามบท ถึงแม้จะไม่รู้ ไม่เข้าใจ กระทั่งไม่เห็นด้วย ว่าทำไปทำไม
ฟังดูแย่... แต่ว่าคุณก็ยังชอบฟังนิทานไม่ใช่หรือวิศรุต
นั่นก็เพราะผมชอบอยู่กับความจริง ในเมื่อเรื่องที่แต่งขึ้นกลับแสดงความจริง ได้มากยิ่งกว่าเรื่องที่เห็นอยู่ตรงหน้าละก็...
แล้วทำไมต้องเป็นเงือกน้อย ? เพราะว่าหลงรักนางเงือก หรือว่าแม่มดแห่งท้องทะเล
เมื่ออดัมพูดถึงแม่มดแห่งท้องทะเล ผมเริ่มหวั่นๆ ว่านิทานจะพลอยถูกโยงไปหามอร์แกน แม่สาวเสิร์ฟกาแฟอารมณ์ร้ายคนเมื่อครู่ จึงเห็นสมควรที่อดัมจะต้องเริ่มนิทานของเขาเสียที
พงศ์ธาราน่ะชอบน้ำ แล้วก็อีกอย่าง ผมชอบนิทานที่ว่าด้วยเรื่องของ...ความรัก
อดัมหลับตาลง คล้ายพึงใจกับวัจนะชวนเชื่อของผม ริมฝีปากได้รูปคลี่ออก เป็นรอยแย้มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเริ่มต้นนิทานเรื่องเด่น เรื่องที่เขาสามารถเล่าได้ดีที่สุด
กลางห้วงสมุทรอันไกลโพ้น... ณ ที่ซึ่งท้องทะเลเป็นสีดุจสีน้ำเงินเข้มแห่งบานมิรู้โรยดอกงามที่สุด ผืนน้ำทอประกายระยิบระยับ สะอาดใสเหมือนคริสตัลเจียระไน เบื้องใต้แผ่นน้ำนั้น เป็นความลึกอันเรียกได้ว่า ลึกสุดหยั่ง...
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 54 03:12:51
จากคุณ |
:
อสิตา
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ก.ย. 54 03:11:46
|
|
|
|
 |