บรรพที่ 28
เปลวควันสีเงินพร้อมกลิ่นไหม้แทรกตัวเข้ามาสู่ชั้นใต้ดินมากขึ้น จนอากาศภายในเหลือน้อยลง หญิงสาวพยายามหายใจเบาๆ หากชายหนุ่มข้างตัวตบไหล่หล่อนบอกให้หายใจเป็นปกติ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกนัก เพราะเส้นทางอันคดเคี้ยวภายในทำให้ควันกระจายตัวไปได้หลายทิศ อีกทั้งคนที่อยู่ข้างบนคงไม่ปล่อยให้ไฟไหม้วิหารเป็นแน่ ต้องมีการดับไฟเกิดขึ้นแล้วควันไฟถึงได้ถูกไล่ลงมายังเบื้องล่างมากขึ้นเช่นนี้
ศิตาภาอยากจะบอกว่าหล่อนอยากเชื่อทฤษฏีของเขานะ แต่...ความกลัว ความวิตกมันไม่อาจห้ามกันไม่ได้ แล้วยิ่งยามที่หล่อนติดค้างอยู่ที่ทางตันที่หันซ้ายก็ไม่เห็นทาง หันขวาก็มืดมิด เช่นนี้ แล้วภามินก็ยังบอกให้หล่อนอธิษฐานหาทางออกกับนีราหล่อนอึ้งยิ่งกว่าอึ้ง หากเป็นคนอื่นมาพูดเช่นนี้กับหล่อน หญิงสาวคนได้คงยากที่จะปลงใจให้เชื่อและทำตามได้
หากผู้ชายคนนี้คือ ภามิน ชลันธีร์ ผู้ชายที่ทำให้ปาฏิหาริย์บังเกิดต่อหน้าหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า บุตรชายที่นีราประทานให้มาเคียงคู่ แล้วหล่อนหรือจะดื้อรั้นมัวถามหาเหตุผลอยู่ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นศิตาภาก็หลับตาอธิษฐานอย่างมุ่งมั่นจนกระทั่ง...
แสง... แม้หลับตาอยู่ หากแต่ในทางใต้ดินนั้นมืดสลัวนัก เมื่อมีแสงเล็ดรอดเข้ามาแม้เพียงน้อยนิด หล่อนก็รู้สึกถึงมันได้
เปลือกตาบางที่หลับลงจนสนิทค่อยๆ เผยอขึ้นมา คิ้วเรียวยังขมวดมุ่นยามเมื่อลืมตา หล่อนแสงสีเงินยวงของดวงจันทร์ค่อยแทรกผ่านชั้นศิลาเข้ามากำแพงกำลังแง้ม ศิตาภาเบิกตากว้าง นี่อย่างไรเล่าภามินสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นตรงหน้าหล่อนแล้ว หล่อนไม่ทันเห็นถนัดว่าเขาทำอย่างไรบ้าง หญิงสาวรู้เพียงว่าเขาเพิ่งกระโดดลงมาจากการไต่กำแพงขึ้นไปควานหาบางสิ่ง พร้อมๆ กับที่กำแพงเบื้องหน้ากำลังเปิดออก แสงจันทร์จากภายนอกจึงสาดส่องเข้ามา มันเป็นคืนที่เพ็ญนวลเต็มดวงพราวแสงอยู่บนฟากฟ้า รัตติกาลคืนนี้จึงกระจ่างกว่าปกตินัก
ตึ้งงงง..ง !!! กำแพงศิลาเมื่อครู่ถูกถอดรูปเป็นประตูกลไก ล้มตัวทอดลงเบื้องหน้าเสียงดังจนฝุ่นตลบ สายโซ่ที่ชักดูฝืดเต็มที่ แม่ไม่บอกก็รู้ว่าคงไม่มีใครใช้งานมันมานานโข
ดีนะโซ่นั่นยังไงใช้งานได้อยู่ ภามินอยู่เบื้องหน้าหล่อน ใช้แผ่นหลังของเขากันฝุ่นให้
ภามิน คุณรู้ได้ยังไงว่ากลไกเปิดมันอยู่ตรงไหน?
เดาเอา...เขาตอบง่ายๆ ทิ้งให้หล่อนกังขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอีกตามเคย
อัญญาตาบอกคุณเหรอ? ชายหนุ่มไม่ได้ตอบเพียงแต่ผินหน้าซีกข้างมายิ้มให้หล่อนน้อยๆ
ในตอนนั้นเองที่แสงจันทร์ฉายส่องเข้ามาให้เห็นใบหน้าเขาถนัดตา หล่อนต้องนิ่งค้างไปอีกครั้งด้วยความตะลึงดวงตามคู่งามเบิกกว้าง ศิตาภาอยากขบขันแต่กลัวเสียมารยาท
นี่คุณ...แต่งหน้าเหรอ? ไม่สิ! คุณปลอมตัวเป็นนักบวชหญิงเพื่อมาช่วยฉันหรือนี่? หญิงสาวตื้นตันใจนึกขอบคุณเขายิ่งนัก แต่เจ้าตัวกลับมีสีหน้ากล้ำกลืนเหมือนได้ลืมไปแล้วตนเองอยู่ในสภาพใด แต่กลับโดนทักขึ้นมาจนได้
เฮ้อ...นึกว่าจะโดนหัวเราะเสียอีก
ไม่หรอก...คุณเอ้อ...สวยดีนะ คิก คิก ว่าแล้วหล่อนก็เผลอหัวเราะออกจนได้ ทั้งที่ตั้งใจจะไม่ขำแล้วแท้ๆ
เอาเถอะๆ หัวเราะออกก็ดี เพราะอีกเดี๋ยวเราจะหัวเราะไม่ออกกันแล้ว ศิตาภาฟังแล้วก็ขยับมายืนเคียงข้างเขา แล้วมองตามลงไปเบื้องหน้า ค่อยเห็นถึงสิ่งที่ภามินกำลังกังวลอยู่
สายลมเย็นฟัดอู้ขึ้นมากระทบใบหน้าช่างเย็นยะเยือกไม่ต่างกับน้ำในทะเลสาบสิละวาไม่มีผิด ทางลับที่เขาและเธอสู้อุตส่าห์หาทางออกมาจนได้ หากไม่ได้ใช้งานมานานเกินไป เส้นทางนั้นยังดูรกร้างขั้นบันไดที่ใช้ก้าวเดินลงไป ปรักหักพังบ้างก็ถูกเถาไม้เลื้อยทับจนมองไม่เห็นเส้นทาง
ศิตา...เราต้องลุยลงไป
ไม่มีทางเลือกอื่นใช่ไหม? ภามินพยักหน้าช้าๆ หล่อนก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ
ขอฉันทำอะไรสักอย่างกับชายกระโปรงก่อนนะ ไม่อย่างนั้นมันจะทำฉันตกลงไปตายแน่ๆ กล่าวจบหล่อนก็ถกกระโปรงขึ้นมาจนสั้นเหนือเข่า แล้วมัดชายกระโปรงไว้เป็นปมทั้งด้านซ้ายและขา
อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ ก็จำมันเป็นนี่นา
ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ผมแค่คิดว่าขาคุณขาวจัง
บ้า!! ในเวลาอย่างนี้ยังจะ...
หล่อนหน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนจะส่งค้อนวงใหญ่ให้คนที่ยืมยิ้มไม่รู้สึกรู้สาข้างตัว ก็อย่าว่าแต่ขาอ่อนของผู้หญิงวิปุลาเลยแค่ปลีร่องเรียวยาวนี่ก็เห็นกันยากเย็นจะแย่อยู่แล้ว แล้วจะให้จะไม่ให้เขาอดตื่นเต้นได้อย่างไร ถ้าหล่อนแต่งตัวเปิดเผยหมดตั้งแต่แรกภามินก็คงไม่รู้สึกตื่นเต้นหรอก
จับมือผมไว้นะ แล้วพยายามทรงตัวให้ดี เขายิ้มให้หล่อนพลางยื่นมือให้จับ
เราต้องปีนลงไปถึงตรงไหน? แล้วมันจะไปโผล่ที่ไหนคะ?
ปีนลงไปถึงเนินเขา ข้างล่างเป็นสิละวา...น่าจะมีทางเดินให้เลาะไปเรื่อยๆ รอบๆ วิหารนี่แหละ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตัดไปโผล่ตรงไหน ผมก็ไม่รู้ว่าทางยาวแค่ไหน ต้องลองไปดูก่อน...ไปกันเถอะ ภามินรู้ว่าหล่อนกลัว จึงสัญญากับตัวเองว่าเขาจะไม่ให้หล่อนได้รับอันตรายอย่างเด็ดขาด นี่จะเป็นครั้งเดียวที่ลากเอาหล่อนไปผจญภัยแบบนี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++