ตอนเที่ยงฉันคงไปนั่งกินข้าวกับเธอ ที่ริมฝั่งแม่น้ำทางด้านอาสนวิหารใหญ่ของโรงเรียน
ไม่ได้อีกแล้วล่ะนะ นับแต่นี้ฉันต้องนั่งกินข้าวที่โรงเรือน
โรมรันบอกหวานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หวานมองหน้ามองตาเขาอย่างไม่เข้าใจ อ้าว ทำไมล่ะ
พ่อแม่กำชับมา ไม่อยากให้ฉันอยู่ไกลหูไกลตามาสเตอร์ กลัวจะมีอันตราย
อีกอย่างเวลานายน้อยเอาปิ่นโตมาส่ง นายน้อยจะมานั่งเฝ้าดูอยู่เป็นเพื่อนทุกวัน
โรมรันตอบไป บางส่วนคือเหตุผลแต่งเติม..
เพราะลึกๆยังคงต้องการถนอมรักษาความรู้สึก
ไม่เคยเห็นว่าจะมีอันตรายอะไร ที่ริมแม่น้ำเยื้องอาสนวิหารเงียบสงบดีออก
แต่พ่อแม่กำชับมา ฉันก็ต้องเชื่อฟัง โรมรันตัดบท
วันนี้จึงเป็นวันแรก..
ที่หวานต้องไปนั่งกินข้าวมื้อกลางวันเพียงลำพัง ที่ริมแม่น้ำเยื้องอาสนวิหารอีกครั้ง
มันไม่ใช่ความแปลกใหม่สำหรับชีวิต เพราะก่อนหน้าที่จะรู้จักโรมรัน
หวานเคยแอบมานั่งกินข้าวคนเดียวอยู่ริมแม่น้ำตรงนี้บ่อยไป
สองสามสัปดาห์แรก ความเข้าใจของหวาน..ยังคงเป็นความเข้าใจ
โรมรันคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่พ่อแม่นั้นคงหวงนัก
เห็นทีฉันคงต้องเปลี่ยนไปนั่งเรียนอยู่แถวหน้าห้องแล้วล่ะนะ
พักหลังนี้รู้สึกว่ามองตัวหนังสือบนกระดานไม่ค่อยชัด สายตาคงจะสั้น
โรมรันย้ายที่นั่งเรียน โดยบอกเหตุผลลวงอันดูสมจริง
หวานรับฟังคำของเขา หวานไม่ว่าอะไร คนเป็นเพื่อนสนิทผูกพัน
ใช่จำต้องผูกมัดนั่งอยู่ติดกันเสมอ อีกอย่างเขาเป็นเด็กขยันเรียน
เวลาว่างจะเห็นทบทวนตำราและนั่งอ่านหนังสือใจจดจ่อ
..เป็นไปได้ที่สายตาอาจสั้นเพราะใช้สายตามาก
เป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ที่หวานต้องนั่งเรียนหนังสืออยู่หลังห้องเพียงลำพัง
แรกๆก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลายวันเข้า.. เจ้าความเหงาและความโดดเดี่ยว
ก็เข้ามาเกาะกุมความรู้สึกให้ได้หวนคิด
หวนมองย้อนถึงครั้งที่เคยนั่งเคียงข้างคอยช่วยเหลือเกื้อกูล
ภาพวันเก่าๆกำลังจะจางเลือนหายอย่างแทบไม่รู้ตัว
ความเข้าใจของหวาน ยังคงพยายามตอกย้ำให้เป็นความเข้าใจ.. ..