Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[[เรื่องสั้น]] Once upon a princess… กาลครั้งหนึ่ง ถึงเจ้าหญิง ติดต่อทีมงาน

Once upon a princess… กาลครั้งหนึ่ง ถึงเจ้าหญิง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนที่ปกคลุมด้วยธรรมชาติแสนอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยเรื่องราวเล่าขานกันมายาวนานถึงตำนานต่าง ๆ ความวิเศษ ลึกลับ น่าค้นหาของเวทมนตร์ เรื่องราวความงดงามและการผจญภัยของเจ้าหญิง เจ้าชาย พ่อมด รวมทั้งสัตว์วิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง... มังกร
ในดินแดนปรากฏเรื่องเล่าของเวทมนตร์เมื่อประมาณพันกว่าปีที่แล้วว่า ในสมัยนั้นผืนดินอุดมสมบูรณ์กว่านี้ สัตว์วิเศษในกาลก่อนมีการติดต่อสื่อสารกับผู้คนและเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่ในปัจจุบัน เวทมนตร์กลายเป็นสิ่งลึกลับ พ่อมด แม่มดนั้นตามหาตัวได้ยากยิ่ง สัตว์วิเศษซ่อนตัวในป่าลึกหลีกหนีจากมนุษย์ ส่วนพวกมนุษย์ก็ขยายอาณาเขตของเมืองลุกล้ำพื้นที่ธรรมชาติเข้าไปทุกที ทุกวันนี้การติดต่อสื่อสารกันระหว่างธรรมชาติและมนุษย์จึงได้หายไป
สิ่งที่คงไว้และสืบต่อกันมาของมนุษย์คือเรื่องเล่าที่แสนน่ากลัวเพื่อกันมิให้มนุษย์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ มนุษย์เล่าถึงสัตว์ร้ายที่ออกมาอาละวาดเข่นฆ่าผู้คน เล่าถึงวีรบุรุษผู้ปราบสัตว์ร้ายนั้น และเรื่องราวที่เป็นที่นิยมที่สุดจนถึงขนาดนำมาเล่าเป็นนิทานก่อนนอนคือ เรื่องราวของมังกรผู้ลักพาตัวเจ้าหญิงไปซ่อนไว้ในถ้ำ จากนั้นเจ้าชายก็ตามไปช่วยเจ้าหญิง ฆ่ามังกรตัวนั้น แล้วกลับมาที่เมืองเพื่อครองรักกันตลอดกาล และนี่... คืออีกหนึ่งตำนานของเจ้าหญิงและมังกรที่ไม่เคยถูกบันทึกเอาไว้ที่ไหนมาก่อน...

ณ เมืองเอเลทาร์ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งผู้วิเศษ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของป่าและหุบเขา ทำให้เอเลทาร์มีประชากรพ่อมด แม่มด และสัตว์วิเศษอาศัยอยู่มากกว่าเมืองอื่น พระราชาแห่งเอเลทาร์ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อมดผู้แข็งแกร่งที่สุด ราชินีเองก็เป็นแม่มดผู้มีชื่อเสียงล่ำลือถึงความงามและเวทมนตร์อันน่ามหัศจรรย์ เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเอเลทาร์จึงได้รับการสืบทอดพลังแห่งเวทมนตร์ที่เข้มข้นไม่เป็นรองใคร
เจ้าชายเฟลัสแห่งเอเลทาร์ได้รับการสั่งสอนจากบิดาให้ร่ำเรียนทั้งการปกครอง ภูมิศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เวทมนตร์และศาสตร์แห่งการรบ เพื่อเตรียมตัวสืบทอดหน้าที่กษัตริย์ในอนาคต ส่วนเจ้าหญิงฟาร์เซียต้องเรียนรู้เรื่องของงานบ้านงานเรือนทุกรูปแบบ การปฏิบัติตน มารยาท รวมถึงการเตรียมตัวเป็นราชินีที่ดีเมื่อต้องแต่งงานไปอยู่ต่างเมือง
เจ้าหญิงต้องคู่กับเจ้าชายหรือพระราชา... นั่นคือสิ่งที่ฟาร์เซียได้รับการปลูกฝังมาตลอดนับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง หากแต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ เธอกลับทำใจไม่ได้ที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รู้จัก คนที่เธอไม่รักเขาและเขาเองก็ไม่ได้รักเธอ ฟาร์เซียชอบอ่านนิทาน นิยาย ชอบจินตนาการ หลงใหลในเรื่องราวลึกลับต่างๆ แต่เธอไม่เชื่อในรักแรกพบ และต่อต้านการแต่งงานจากการถูกบังคับ เธอเกลียดทุกสิ่งที่ไร้ทางให้เธอได้เลือก ฟาร์เซียเชื่อเสมอว่าชีวิตของตัวเอง ลิขิตเองนี่แหละดีที่สุด ต่อให้นั่นเป็นหน้าที่ของเจ้าหญิงที่ได้รับการปลูกฝังมาตลอดชีวิตก็ตาม
            “ข้าไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องแต่งงาน ความสัมพันธ์ของเอเลทาร์กับซาเมียร์ดีอยู่แล้ว แค่ทำสัญญาเป็นพันธมิตรต่อกันก็น่าจะพอ หรือถ้าท่านพี่ต้องการความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกว่านั้น ทำไมท่านพี่ไม่แต่งกับเจ้าหญิงแห่งซาเมียร์ซะเองล่ะ ข้าได้ยินมาว่านางเองก็สวยมากไม่ใช่เหรอ” เจ้าหญิงฟาร์เซียถามขึ้นเมื่อได้ยินจากพี่ชายว่าจะต้องแต่งงานกับเจ้าชายแห่งซาเมียร์ที่เธอเคยได้ยินเพียงนาม แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะต้องแต่งงานเพื่อข้ออ้างที่เรียกว่า ‘ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ’ ความจริงก็คือทุกคนคิดว่าเธอถึงวัยที่สมควรจะแต่งงานได้แล้วเท่านั้นเอง และฟาร์เซียก็มีประวัติด้านการปฏิเสธการแต่งงานมาแล้วมากมาย ความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของเธอทำให้พระราชาและพระราชินีกลุ้มใจอยู่จนถึงทุกวันนี้
“ฟาร์เซีย” เจ้าชายเฟลัสเรียกอย่างอ่อนใจกับความดื้อแพ่งของน้องสาวตัวเอง จากนั้นก็อธิบายต่อเผื่อว่าเจ้าหล่อนจะยอมรับอะไรขึ้นมาบ้าง “เจ้าหญิงแห่งซาเมียร์เพิ่งจะ 7 ขวบเท่านั้นเอง”
“แล้วไม่ดีหรือ หมั้นกันไว้ก่อน จากนั้นรอจนนางอายุสักสิบห้าแล้วก็แต่ง ท่านพี่ก็จะได้ชายาที่แสนงดงามอ่อนวัย ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าท่านพี่ไม่จองไว้ก่อนแล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน” ฟาร์เซียยังคงว่าต่อไป ส่วนอีกฝ่ายก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าหล่อนก็คงไม่ฟัง
“ที่เจ้าไม่แต่งเพราะไม่เคยรู้จัก และไม่ได้รักสินะ... สงสัยข้าคงต้องบอกพวกนางกำนัลว่าให้เจ้างดอ่านนิยายสักพักจะได้เลิกเพ้อฝันเสียที” ประโยคหลังเฟลัสบ่นงึมงำกับตัวเองเบาๆ และเบาพอที่จะมั่นใจได้ว่าฟาร์เซียได้ยินอย่างแน่นอน
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย ...ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมพวกท่านถึงอยากให้ข้าแต่งงานนัก” ว่าพลางช้อนตาขึ้นมองอย่างที่ฝึกมาตลอดหลายปี “ท่านพี่ไม่รักข้าแล้วเหรอ ถึงได้อยากผลักไสให้ข้าแต่งงานไปไกลๆ ถ้าที่นี่ไม่มีใครต้องการข้า แค่บอกมาคำเดียวข้าก็จะจากไป ไม่จำเป็นต้องผลักไสข้าไปให้ใครหรอก” และเมื่อเห็นน้องสาวน้ำตาคลอคนเป็นพี่ก็อดใจอ่อนไม่ได้เช่นเคย
“อย่าคิดอย่างนั้นฟาร์เซีย ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ รวมทั้งทุกคนในเอเลทาร์รักเจ้ามาก เจ้าเองก็รู้ แต่ที่เราอยากให้เจ้าแต่งงานก็เพื่อที่ว่าจะได้มีใครสักคนคอยดูแลเจ้า เพราะพวกเราไม่สามารถอยู่กับเจ้าไปได้ตลอดชีวิต พี่อยากให้เจ้าได้เจอคนดีๆ ที่พี่สามารถฝากฝังและวางใจให้ดูแลเจ้าได้” เฟลัสกอดน้องสาวเอาไว้ หวังให้เธอรับรู้ได้บ้างว่าเขาเป็นห่วงอย่างที่พูดจริงๆ
“แต่ข้าไม่ต้องการ หรือถ้าจะหาใครสักคนมาดูแล ข้าก็อยากจะตามหาคนๆ นั้นด้วยตัวข้าเอง”
“พี่ถึงบอกว่าเจ้าเพ้อฝันเกินไป ถ้าเจ้ายังปิดตัวเองอยู่แบบนี้แล้วเจ้าจะได้เจอใคร... เรื่องออกไปตามหานอกวังยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ท่านพ่อกับท่านแม่ถึงได้จัดการให้เจ้าเอง”
“ข้าต้องเจอในสักวันนั่นแหละ พวกท่านยิ่งบังคับข้าก็ยิ่งไม่อยากแต่งงาน”
“เจ้าเองก็รู้ว่ายังไงเจ้าก็ต้องแต่งงานอยู่ดี และคราวนี้ท่านพ่อคงไม่ยอมให้เจ้าปฏิเสธอีกแน่ ยอมรับซะเถอะนะฟาร์เซีย พี่อยากให้เจ้าเตรียมตัวต้อนรับเจ้าชายแห่งซาเมียร์ เปิดใจให้กว้าง มองดูข้อดีของเขา แล้วเจ้าก็จะรักเขาได้เอง” เจ้าหญิงแห่งเอเลทาร์นิ่งเงียบในอ้อมแขนของพี่ชาย ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธจะได้ไม่ต้องเถียงกันอีก ทั้งๆ ที่ในใจให้คำตอบไปเต็มร้อยแล้วว่า ‘ไม่มีวัน!’

ภายในห้องพักส่วนตัว เจ้าหญิงแห่งเอเลทาร์เดินไปเดินมาภายในห้องพลางครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในทุกๆ ทางที่จะปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ แต่การเดินไปเดินมาของเจ้าหล่อนก็ทำให้พระพี่เลี้ยงปวดหัวเสียจนอดพูดไม่ได้
“ถ้าทรงเดินไปเดินมาแบบนี้ เห็นทีหม่อมฉันคงปวดหัวเสียจนช่วยคิดอะไรไม่ออกเป็นแน่เพคะ” พระพี่เลี้ยงของเจ้าหญิงซึ่งอยู่ในวัยใกล้เคียงกันและสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก จึงกล้าที่จะบอกตามตรงในทุกๆ เรื่อง
“ก็ข้าคิดไม่ออก” เจ้าหญิงกล่าวแล้วหยุดเดินเพื่อไม่ให้พระพี่เลี้ยงปวดหัว
“ถ้าปัญหามันอยู่ที่พระองค์ไม่เคยพบหน้าเจ้าชายแห่งซาเมียร์ ไม่รู้นิสัย และไม่ได้รัก ทำไมพระองค์ไม่ปลอมตัวไปแอบดูล่ะเพคะ”
“เชย” เจ้าหญิงตอบทันใด จำได้ว่าเธอเคยอ่านเจอวิธีแบบนี้มาจากนิยายเรื่องหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่พระพี่เลี้ยงแนะนำมาให้อ่านนั่นแหละ
“ถ้างั้นก็นัดพบกันอย่างเป็นทางการ”
“ไม่เอา ทำไมข้าต้องเป็นฝ่ายนัดพบด้วย การที่อีกฝ่ายยอมแต่งแต่โดยดีก็บอกได้แล้วว่าเจ้าตัวเป็นคนแบบไหน พวกบ้าอุดมการณ์ คิดว่าตัวเองวิเศษเลิศเลอที่เสียสละเพื่อความสัมพันธ์ของบ้านเมือง ข้าว่าคนพวกนี้มักไม่ค่อยมีความคิดเป็นของตัวเอง จะให้ข้าเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนพรรค์นี้บอกได้เลยว่า ไม่มีวัน!” ยิ่งพูดอารมณ์ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปกติแล้วฟาร์เซียไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย เว้นก็แต่เรื่องนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการถูกบังคับ โดยเฉพาะการแต่งงาน เจ้าหล่อนพร้อมจะมองอีกฝ่ายในแง่ร้ายทุกรูปแบบ
“เจ้าหญิง ท่านทรงมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่าเพคะ เจ้าชายอาจจะเป็นคนดี...” ยังไม่ทันที่พระพี่เลี้ยงจะกล่อมจบเจ้าหญิงก็ปฏิเสธขึ้นอีกทันควัน
“ท่านก็รู้ใช่ไหมว่าข้าสวย ...วันนี้เขายอมแต่งกับข้าเพราะบ้านเมือง แล้วถ้าวันหน้ามีเจ้าชายหรือกษัตริย์เมืองอื่นมาตีบ้านเมืองเขาเพราะข้า เขาไม่เห็นแก่บ้านเมืองอีกจนยอมยกข้าให้คนอื่นอย่างนั้นหรือ” ข้อนี้ทำเอาอีกฝ่ายเถียงไม่ออก จะมีเจ้าหญิงสักกี่คนที่บอกต่อหน้าคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉยว่าตัวเองสวย แถมยังพูดด้วยความมั่นใจเกินร้อยอีกต่างหาก ถึงมันจะจริงก็เถอะ
ดวงหน้ารูปไข่ ริมฝีปากบาง จมูกโด่งได้รูปที่เชิดรั้นขึ้นเล็กน้อย คิ้วโก่งเรียวสวย ผิวขาวผ่อง รวมทั้งรูปร่างสมส่วนของเจ้าหญิงแห่งฟาร์เซียถอดแบบมาจากพระราชินีอย่างไม่มีผิดเพี้ยน จะมีก็แต่เส้นผมสีนิลและนัยน์ตาทรงอำนาจสีเดียวกันที่ได้รับจากพระราชาเท่านั้นที่ทำให้เจ้าตัวแตกต่างจากพระมารดาเมื่อสมัยยังสาว แถมด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม รวมทั้งความฉลาดปนเจ้าเล่ห์อันเป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เกิดขึ้นเองเพื่อให้ทุกคนตามใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ทรงทำได้เพียงรอเท่านั้นแหละเพคะ”
“รอให้ถูกจับแต่งน่ะสิ! ท่านพี่มาพูดแบบนี้แสดงว่าอีกไม่ถึงสามวันเจ้าชายนั่นต้องเดินทางมาถึงที่นี่แน่” เห็นกันมาตั้งแต่จำความได้ ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าพี่ชายตัวเองน่ะร้ายแค่ไหน
“แล้วจะทรงทำอย่างไรล่ะเพคะ”
“ไม่รู้ เพราะคิดไม่ออกข้าถึงได้กลุ้มอยู่นี่ไง ...ท่านแม่พูดเสมอว่าทุกปัญหามีทางแก้ ยังไงข้าก็ต้องหาทางออกให้ได้” การอยู่เฉยๆ แล้วรอให้ถูกจับแต่งงาน นิสัยแบบนั้นไม่ใช่ฟาร์เซียอย่างแน่นอน เธอต้องทำอะไรสักอย่าง อะไรสักอย่างที่ทำให้การปฏิเสธครั้งนี้จบลงอย่างสวยงามไม่เสียหน้าที่ของเจ้าหญิง และไม่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอะไรนั่นด้วย

ในป่าลึกทางตอนเหนือของเอเลทาร์ เหล่ามังกรล้วนอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข พวกมันคือสัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพราะแข็งแกร่งเกินไปโลกนี้จึงได้น่าเบื่อ วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง พวกมันใช้เวลานอนหลับเต็มที่ก็แค่ 10 ชั่วโมง ออกไปบินยืดเส้นยืดสายในตอนเช้า กลับเข้ามาในคฤหาสน์ บ้านพักส่วนตัว หรือถ้ำตามแต่ฐานะและชนชั้นมังกร มังกรชั้นสูงหน่อยก็แปลงร่างเป็นมนุษย์แล้วปฏิบัติกิจวัตรประจำวันตามแบบฉบับมนุษย์ทั่วๆ ไป คิดรวมๆ แล้วก็ยังมีเวลาเหลือเฟืออยู่ดี พ่อมังกรจึงได้เล่านิทานให้ลูกชายฟังอีกครั้ง นิทานเรื่องเดิมที่ฟังมาตลอดยี่สิบปีจนเจ้าตัวถือเป็นภารกิจยามว่างของมังกรไปแล้ว นั่นคือการลักพาตัวเจ้าหญิงและสู้กับเจ้าชาย
“...แล้วเจ้าหญิงก็ครองรักกับเจ้าชายอย่างมีความสุขตลอดกาล” พ่อมังกรซึ่งเป็นมังกรผู้แข็งแกร่ง และเป็นเจ้าแห่งมังกรทั้งปวงจบนิทานลงด้วยประโยคเดิมเหมือนในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา เผ่ามังกรเองก็แอบรับวัฒนธรรมจากมนุษย์มาบ้างแม้ภายนอกมนุษย์จะมองว่าตนกับมังกรนั้นตัดขาดกันไปนานแล้วก็ตาม หากแต่ความจริงยังมีเบื้องหลังอีกมากมายเกี่ยวกับมังกรและมนุษย์ มีนิทานหลายเรื่องที่กล่าวถึงมังกร แต่นิทานเรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่พ่อมังกรชอบมากที่สุดอยู่ดี
“ท่านพ่อ ทำไมมังกรต้องถูกฆ่าตาย แล้วเจ้าหญิงก็ได้ครองรักกับเจ้าชายทุกที ทำไมไม่มีมังกรตัวไหนเอาชนะเจ้าชายแล้วครองรักกับเจ้าหญิง มังกรฆ่าเจ้าชายแล้วครองเมือง หรือไม่ก็ไปทำอย่างอื่นที่มันเสี่ยงตายน้อยกว่านี้ ไปยุ่งกับพวกเจ้าหญิง เจ้าชาย หาเรื่องใส่ตัวทำไม” ลูกมังกรผู้ใสซื่อถามพ่อกลับอย่างไม่เข้าใจ ถึงจะอายุ 22 ปีแล้ว แต่ก็ถือว่าเป็นเด็กอยู่ดีสำหรับมังกรผู้มีอายุยาวนาน
“ท่านปู่บอกพ่อว่า ภารกิจของมังกรคือการลักพาตัวเจ้าหญิงแล้วสู้กับเจ้าชายที่มาช่วยเจ้าหญิง การตายภายใต้คมดาบเจ้าชายคือการตายอย่างมีเกียรติและสมศักดิ์ศรีมังกร มันคือการตายในหน้าที่”
“แต่ข้าไม่อยากตายนี่”
“เซเล เจ้าลองคิดดูนะ ถ้าไม่มีมังกรไปลักพาตัวเจ้าหญิง แล้วเจ้าหญิงกับเจ้าชายจะมีอุปสรรคอะไรมาทำให้รักกันได้ เพราะฉะนั้นมังกรก็ทำหน้าที่เหมือนกามเทพที่ช่วยให้เจ้าหญิงกับเจ้าชายครองรักกัน แถมยังทำให้เจ้าชายมีชื่อเสียงมากมายจากการปราบมังกรได้ การได้ทำให้คนๆ หนึ่งมีชื่อเสียง มีคนรัก ใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิก็เท่ากับมังกรอย่างเราได้ทำภารกิจที่มีประโยชน์ เหมือนกับการทำบุญทำทานนั่นแหละ” พ่อมังกรอธิบายอย่างใจเย็น
“แต่ข้าก็ยังไม่อยากตายอยู่ดี”
“เซเล เจ้ายังเด็กและอ่อนต่อโลกนัก... หนังมังกรอย่างเราหนาเสียขนาดนี้ เจ้าชายใช้ดาบฟันทีสองทีแล้วเราจะตายอย่างนั้นหรือ ต่อให้ดาบที่เจ้าชายใช้วิเศษมาจากไหนก็ไม่มีอานุภาพมากพอจะทำให้พวกเราตายได้อยู่ดี เว้นเสียแต่เจ้าชายจะเปลี่ยนวิธีมาเป็นวางยาพิษฆ่ามังกร ซึ่งก็ไม่เห็นเปลี่ยนกันมาเป็นพันปีแล้วเพราะมันไม่เท่ เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล”
“แล้วทำไมในเรื่องเล่า ท่านพ่อถึงบอกข้าทุกรอบเลยล่ะว่ามังกรตาย จากนั้นเจ้าหญิงกับเจ้าชายถึงครองรักกัน”
“เราก็แค่แกล้งตายเท่านั้นแหละ จากนั้นก็แอบติดต่อเจ้าชายลับๆ ทีหลัง เจ้าชายก็จะส่งค่าทำขวัญมาให้เอง อย่างคฤหาสน์ที่พ่อกับเจ้าอยู่ตอนนี้ก็มาจากผลงานคุณทวดของเจ้าที่เจ้าชายสมัยนั้นเป็นคนสร้างให้อย่างลับๆ ” พ่อมังกรบอกอย่างภาคภูมิใจ เพราะตัวเองก็เคยปฏิบัติภารกิจมาแล้วเช่นกัน แถมยังเคยจัดคิวส่งมังกรตนอื่นๆ ไปปฏิบัติภารกิจด้วย พวกมังกรถึงได้มีทรัพย์สินมากมาย ทันสมัยและรุ่งเรืองขนาดนี้
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง นี่คือธุรกิจของมังกรสินะ งั้นข้าเองก็ควรจะปฏิบัติภารกิจเหมือนกันใช่ไหมท่านพ่อ”
“ใช่แล้ว เจ้าเข้าใจอะไรได้ง่ายมากเลยลูกรัก เอาล่ะ... นี่คือรายชื่อและประวัติเจ้าหญิงที่น่าลักพาตัว พร้อมกับค่าตอบแทนที่เจ้าชายเมืองต่างๆ เสนอมา เจ้าลองอ่านดู อยากลักพาตัวคนไหนก็มาบอกพ่อ พ่อจะเตรียมสถานที่ต้อนรับเจ้าหญิงไว้ให้ จากนั้นก็ลงมือปฏิบัติภารกิจได้เลย”
...จากนี้ ภารกิจสำคัญและสูงส่งแห่งมังกรกำลังจะเริ่มต้นขึ้น...

ท่ามกลางป่าใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนของเอเลทาร์ทิศที่ติดกับซาเมียร์ กระโจมหลังใหญ่หรูหราตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางพื้นที่โล่งโดยมีกระโจมหลังเล็กตั้งอยู่รอบๆ บ่งบอกถึงฐานะของผู้อาศัยในกระโจมนั้นได้เป็นอย่างดี เจ้าชายเวลอสแห่งซาเมียร์นั่งเช็ดดาบแสนรักอยู่ภายในกระโจมอย่างเป็นสุขพลางจินตนาการถึงเรื่องราวการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น เขาฝึกดาบมาตั้งหลายปีแต่ไม่มีโอกาสได้ลองใช้มันในสถานการณ์จริงเลยสักครั้ง การเดินทางมาเพื่ออภิเษกกับเจ้าหญิงแห่งเอเลทาร์นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกจากซาเมียร์ มันเรียบง่ายเสียจนแอบหวังลึกๆ ไม่ได้ว่าจะมีอะไรมาทำให้มันไม่น่าเบื่อแบบนี้
“ท่านราชองครักษ์ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” เสียงทหารหน้ากระโจมเอ่ยขึ้นแจ้งทำให้เขาต้องวางดาบลงแล้วหันมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“ให้เข้ามาได้” ทันทีที่อนุญาต ราชองครักษ์รูปงามก็เดินเข้ามาใกล้โดยเว้นระยะห่างตามสมควร ทำความเคารพตามแบบฉบับ แล้วจากนั้นก็เอ่ยรายงาน
“กำหนดการวันพรุ่งนี้ เราจะออกเดินทางกันแต่เช้ามืด เที่ยงตรงจะเดินทางถึงเมืองท่าริมแม่น้ำของเอเลทาร์ จากนั้นเราจะขึ้นเรือที่ทางนั้นเตรียมไว้ให้แล้วเดินทางตามเส้นทางลัดสู่เมืองหลวงในเวลาพลบค่ำ” แน่นอนว่าบนเรือนั้นย่อมมีพ่อมดมาคอยสร้างเมฆหมอกปกคลุมเพื่อปิดบังเส้นทางลัดสู่เมืองหลวงให้เป็นความลับต่อไป การอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบนี้ก็เพื่อให้คณะเดินทางจากซาร์เมียเดินทางสู่พระราชวังอย่างรวดเร็วที่สุดของเอเลทาร์ทำให้ทางซาเมียร์อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายรีบร้อนเพราะมีจุดประสงค์ใด แต่จากข่าวที่ได้ยินมาสิ่งที่เป็นปัญหาหลักน่าจะเป็นตัวเจ้าหญิงแห่งเอเลทาร์ที่ถึงแม้จะสวยจนเป็นที่เลื่องลือ แต่ก็รั้นและปฏิเสธการสู่ขอจากเมืองอื่นทุกครั้งไป
“เปลี่ยนเส้นทาง นานๆ ทีจะได้ออกมาเปิดหูเปิดตาข้าก็อยากชมเมืองท่าของเอเลทาร์นานสักหน่อย ไม่เห็นมีความจำเป็นจะต้องรีบขนาดนั้นเลย ยังไงเจ้าหญิงฟาร์เซียก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้วนี่” ...ก็ไม่แน่พ่ะย่ะค่ะ... ราชองครักษ์มิกล้าทูลตามตรงได้แต่ตอบรับแล้วออกนอกกระโจมไปเพื่อแจ้งการเปลี่ยนแผนการเดินทาง รวมทั้งแจ้งกำหนดการใหม่นี้ไปให้ทางเอเลทาร์ทราบอีกด้วย
“เอเลทาร์ ช่างเป็นเมืองที่น่าสนใจนัก ...หวังก็แต่เจ้าหญิงแห่งเอเลทาร์คงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังเช่นกัน” เจ้าชายรำพึงกับตัวเองเมืองอยู่เพียงลำพังในกระโจมใหญ่ สำหรับเขาการแต่งงานไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่ที่รับปากมาก็เพื่อที่จะได้ออกมาผจญภัยสักครั้ง เจ้าชายหนุ่มเช่นเขาย่อมต้องการออกมาเผชิญโลกกว้างและสร้างชื่อเสียงให้ตนเป็นธรรมดา แถมคราวนี้ทางพระราชวังยังได้แอบติดต่อพวกมังกรอย่างลับๆ ตามคำขอของเขาเพื่อให้งานนี้สนุกยิ่งขึ้นไปอีก แต่พวกมังกรมักเลือกงาน ถ้าพอใจก็จะทำ ไม่พอใจก็ปฏิเสธแบบไม่ให้รู้ตัว แถมถ้าอยากทำก็ไม่รู้ว่าต้องรอคิวไปอีกนานแค่ไหน ไม่แน่พออีกฝ่ายคิดจะทำภารกิจให้เขาก็อาจจะอภิเษกกับเจ้าหญิงไปเรียบร้อยแล้วก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดคาดหวังไม่ได้อยู่ดี
“มังกร... ข้าอยากเจอเจ้าเร็วๆ เสียจริง จะแข็งแกร่งได้สักแค่ไหนกันนะ” วินาทีนี้ความสนใจทั้งหมดของเจ้าชายรูปงามแห่งซาเมียร์ทุ่มอยู่กับการจะได้เจอและต่อสู้กับมังกรมากกว่าการได้เจอเจ้าหญิงเสียอีก

จากคุณ : arissina
เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 54 21:12:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com