Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ในฝั่งฝัน (บทที่ 9) ติดต่อทีมงาน

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11064701/W11064701.html 

 

 บทที่ 9

 

 

 ไอรีนฟังคุณรามพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยภาษาที่เธอไม่เข้าใจ ท่าทางทั้งคู่เคร่งเครียดทีเดียว เห็นหล่อนชายตามองมาสองสามครั้ง ใบหน้าสะสวยนั้นดูเย่อหยิ่งและไม่เป็นมิตรเอาเสียเล

 

 เมื่อเห็นใกล้ๆ หล่อนสวยจัดทีเดียว ใบหน้าคมเข้มอย่างผู้หญิงมาเลย์ ตาคมกริบ ผิวที่ออกคล้ำ ยิ่งช่วยเสริมความเข้มนั้น บนศีรษะหล่อน ที่เห็นเมื่อครู่ว่าเหมือนผมยาวประบ่านั้น แท้จริงแล้วเป็นผ้าซึ่งคลุมอยู่รอบศีรษะ เรื่อยลงมาใต้คาง เหลือให้เห็นเพียงดวงหน้าได้รูป

 

 พอเดาได้ว่าหล่อนคงอยู่ในวัยเดียวกับคุณวิไล จะแก่อ่อนกว่ากันก็คงเพียงไม่กี่ปี สังเกตจากท่าทางที่หล่อนพูด พอดูออกว่ามิใช่ต่อว่าคุณราม หากเหมือนตัดพ้อเสียละมากกว่า แม้หล่อนจะพยายามอย่างยิ่งยวดให้สีหน้าดูเคร่งเครียดและเป็นงานเป็นการ แต่แววน้อยใจที่ฉายวาบออกมาทางดวงตานั้นมันปิดกันไม่มิด ในเมื่อเป็นผู้หญิงด้วยกัน ทำไมเธอจะดูไม่ออ

 

 นั่นยิ่งทำให้ไอรีนร้อนรุ่มไปทั้งกายและใจ เชื่อแน่นอนแล้วว่าผู้หญิงคนนี้กับคุณรามมีความสัมพันธ์กันในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง แล้วนี่หล่อนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อยู่ในฐานะอะไร ในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ ผู้หญิงสาวอย่างนี้จะมาอยู่ภายในบ้านผู้ชายในลักษณะไหนได้อีก

 

ทั้งคู่เจรจากันไม่กี่ประโยค คุณรามก็หันมาแตะข้อศอกเธอซึ่งถอยหลบมาเสียข้างหลังเขาให้ขึ้นมายืนเคียง เขาบอกอะไรผู้หญิงคนนั้นอีกสองสามคำ ฟังดูเหมือนเป็นการแนะนำให้รู้จัก 

 

จากนั้นก็หันมาทางเธอ คงไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าสวยคมของคนซึ่งยังยืนคาอยู่ตรงประตู ว่าซีดลงจนเห็นได้ชัด

 

"ไอรีน นี่คุณอัสมา คุณอัสมาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้" เขาบอกเพียงเท่านั้นเอง

 

 นั่นไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไรมากเลย ซ้ำร้าย คำบอกเล่าเพียงสั้นๆ นั้นทำให้คิดไปได้ไกล ในเมื่อหล่อนเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ นี่แสดงว่าคุณรามมาอยู่ที่นี่กับหล่อนอย่างนั้นหรือ

 

 ไอรีนเป็นฝ่ายฝืนยิ้มให้ก่อนอย่างแห้งแล้ง หล่อนยิ้มตอบมาแบบสุดฝืนพอกัน ยิ้มที่มุมปากเพียงนิดเดียว พอเป็นพิธี แล้วหันไปพูดอะไรกับใครบางคนซึ่งยังคงอยู่ภายในบ้าน

 

 ไอรีนเพิ่งเห็นเดี๋ยวนี้เองว่ามีคนอื่นอยู่ในบ้านด้วย คนหนึ่งเป็นผู้ชายร่างเตี้ย ออกล่ำ แต่งตัวเรียบร้อย กางเกงที่สวมมีขายาว เห็นในความมืดสลัวว่าเป็นสีขาวนวล มีผ้าคล้ายโสร่งสีเข้มกว่าสวมทับอีกชั้น เสื้อแขนยาวเป็นสีเดียวกับกางเกง บนศีรษะมีหมวกถักเป็นตาข่ายรูปทรงกลมสวมอยู่ด้วย

 

 อีกคนเป็นผู้หญิงวัยเพิ่งเข้ารุ่นสาว รูปร่างเล็กๆ นั้นเหมือนจะเล็กบางลงอีกเมื่อเน้นด้วยผ้านุ่งยาวกรอมเท้า เสื้อเป็นผ้าลูกไม้ตัดเข้ารูป

 

 อัสมาส่งตะเกียงให้เด็กสาว ก่อนก้าวพ้นประตูออกมาภายนอก

 

ร่างใหญ่ๆ ของคนเพิ่งมาถึงพร้อมภรรยาหลีกทางให้เกือบพร้อมกัน

ไอรีนแหงนมองสามีเพื่อจะถามว่าเธอควรต้องทำอย่างไรต่อไป ด้วยว่าไปแล้วก็ยังงุนงงกับสภาพรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งุนงงและชาหนึบกับทั้งหมดที่ได้มาเห็น

 

"คอยอยู่ที่นี่แหละ ไอรีน ฉันจะไปส่งคุณอัสมาที่เรือ"

 

เขาก้มลงบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเด็กสาวซึ่งตามหลังนายออกมาภายนอก หล่อนส่งตะเกียงให้ และเขาก็ส่งต่อให้เธอพร้อมด้วยหีบเสื้อผ้าที่เขาหิ้วมาให้

 

"เข้าไปคอยข้างในก่อนนะ ปิดประตูเสียด้วย ฉันไปไม่นานหรอก"

 

ไอรีนจำต้องทำตามแต่โดยดี รับตะเกียงและหีบปัดมาเสีย ยืนมองตามเงาตะคุ่มๆ ของคนสี่คนที่พากันเดินไปทางชายหาด ตรงไปยังบริเวณซึ่งเรือเร็วจอดอยู่ 

 

เธอก้าวเข้าไปภายในบ้านและใช้แขนดันบานประตูให้ปิด เข้ามาแล้วก็ยังยืนงงอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ กวาดสายตาดูสภาพภายในห้องเมื่อจิตใจสงบลงบ้างแล้ว

 

ห้องนี้กว้างขวางทีเดียว อาจเป็นได้ว่าเพราะมีเครื่องเรือนน้อยชิ้น เท่าที่เห็นมีเพียงชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ชุดเดียวเท่านั้น มีหน้าต่างสองด้าน ด้านละสองบาน ทุกบานปิดสนิท นอกจากบานที่หันไปทางทะเลเปิดไว้กว้างเพียงบานเดียว พื้นห้องลาดซีเมนต์ ขัดถูไว้สะอาดสะอ้าน

 

เธอถอดรองเท้าหนังสีดำที่มักใช้สวมไปไหนมาไหนออกทิ้งไว้ข้างประตู ก่อนเดินมานั่งบนเก้าอี้ตัวยาวอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง ความรู้สึกในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังจมดิ่งลงเหวจนต้องไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยว

 

 วางตะเกียงลงบนโต๊ะ วางหีบปัดลงข้างตัวแล้วกอดไว้ด้วยแขนซ้าย

 

 

มิใช่หีบใบนี้หรอกที่เธอพยายามยึดไว้ แต่มันเป็นสมบัติของคุณหญิงละออ...แม่สามีผู้เคยให้ความเอ็นดูเธออย่างจริงใจต่างหาก เธอกำลังยึดเอาความทรงจำของคุณหญิงไว้ เพราะว่าไปแล้วเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กสาวอ่อนวัย และเข้าไปอยู่ในบ้านริมคลองสาทรใหม่ๆ มีเพียงคุณหญิงและคุณกนกเท่านั้นกระมังที่ให้ความเอ็นดูเธออย่างแท้จริง ส่วนคุณรามน่ะหรือ ยิ่งมาเห็นอย่างนี้ ยิ่งทำให้คิดว่าจริงๆ แล้วเขาคงไม่สนใจความรู้สึกของเธอสักเท่าไรนักหรอก ถ้าสนใจ เขาคงไม่ทำร้ายจิตใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ นี่เขาคงคิดไปไม่ถึงว่าเธอจะกล้าตามมาหาเขาถึงลังกาวีท่ามกลางสงคราม เขาจึงทำแบบนี้ได้อีก

 

แล้วก็มาถึงเรื่องที่ว่าถ้าคุณรามมีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริง เธอควรทำอย่างไรต่อไป จะให้ทนรับรู้อยู่ที่นี่คงเป็นไปไม่ได้แน่ ในเมื่อจนบัดนี้ก็ยังไม่ลืมความเจ็บช้ำจากครั้งก่อน แม้เรื่องนั้นจะผ่านมากว่าแปดปีแล้วก็ตาม

 

เพียงไม่นานได้ยินเสียงเกาะแกะที่ประตู หากก็อ่อนล้าเกินกว่าจะหันไปมอง ว่าไปตามจริง เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาในเวลานี้สักเท่าไรนัก ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากให้มาใกล้ เธอคงคิดผิดที่ดั้นด้นมาถึงที่นี่ ถ้าอยู่บ้าน แล้วปิดหูปิดตาไม่รู้ไม่เห็นอะไรเสียเลยก็คงแล้วไป

 

 อารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงลิ่วเมื่อเห็นเขาที่บ้านนายสง่า กลับต้องมาตกดิ่งลงจนกระแทกก้นบึ้งเมื่อมาเห็นผู้หญิงคนเมื่อครู่...และเห็นท่าทีที่เขาแสดงออกต่อกัน แม้ดูเผินๆ ออกจะห่างเหิน หากแต่มองออกหรอกว่าคงเป็นเพราะมีคนอื่นอยู่รอบข้าง ทั้งคู่จึงคงไม่กล้าแสดงอะไรออกมาให้เห็น ไอรีนคิดว่าต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน 

 

รามเปิดประตูเข้ามาภายใน ชะงักเมื่อมองฝ่าความมืดเข้ามาเห็นร่างเล็กๆ นั่งเงียบเชียบอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว เธอกำลังหันข้างให้ แขนซ้ายกอดหีบเสื้อแนบไว้ข้างลำตัว แม้จะมีเสียงเปิดปิดประตู ก็ยังไม่ยอมหันมาดู ไม่แสดงท่าทีรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น

 

เห็นภรรยานั่งซึมเหมือนร่างไร้วิญญาณอยู่ในท่านั้น นายพันเอกหนุ่มก็พอเข้าใจ เสียใจมาเสมอว่าเมื่อครั้งที่มีปัญหาเรื่องแว่นแก้ว ตัวไม่เคยพยายามเข้าให้ถึงจิตใจของคนเป็นเมียเลย ครั้งนั้นคิดอยู่แต่เพียงว่าไม่มีทางเลือกอื่น และเธอคงยอมทนจนปัญหาคลี่คลายไปเอง มาเข้าใจก็เมื่อเรื่องผ่านไปได้ระยะหนึ่งและไม่มีทีท่าว่าอะไรจะดีขึ้น ยิ่งเห็นสีหน้าแสดงความปวดร้าวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็ยิ่งตระหนัก ที่หวังว่าในที่สุดแล้วเธอจะเข้าใจได้เองนั้นเป็นความเห็นแก่ตัวเพียงไร จนเมื่อถึงจุดแตกหักและเธอพยายามแยกตัวออกไปนั่นแหละ จึงได้คิดว่าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ต่างอะไรกับการหนีปัญหานั่นเอง

 

ตลอดเวลาที่ถูกคุมขังอยู่ในคุก รามมีเวลาครุ่นคิดและไตร่ตรองการกระทำแต่หนหลังของตัวเอง ความไม่หนักแน่นเพียงพอที่จะทำอะไรลงไปให้เด็ดขาดนั้น ท้ายที่สุดก็กลายเป็นปัญหาทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนเดียวในชีวิตที่ตัวรักและต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้มาเป็นเจ้าของอย่างไร

 

ยิ่งเมื่อรู้ว่าไม่ได้เพียงทำร้ายภรรยาทางจิตใจเท่านั้น ทางร่างกายก็หนักหนาพอกัน จนถึงขนาดที่เธอแท้งและเจ็บหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ก็ยิ่งให้เกลียดตัวเอง เรื่องนั้นไม่ต่างอะไรกับแผลลึกที่เสียดแทงจิตใจเสมอมา รู้ด้วยว่าไม่มีคำขอลุแก่โทษใดๆ จะทดแทนการสูญเสียในครั้งนั้นได้

 

แล้วนี่เธอต้องมาเจอปัญหาใหม่เข้าอีก ความปลื้มปีติที่ได้พบกันยังไม่ทันจางหาย ก็ต้องมาเห็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจผิดเอาได้ง่ายๆ เสียอีก

 

จากคุณ : kdunagin
เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 54 23:00:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com