Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ใยเสน่หา ตอนอวสาน [โดย.เจ้าจันทร์] ติดต่อทีมงาน

บทที่ 24
                                     
สตรีสูงวัยนั่งอยู่บน เก้าอี้นวมตัวหนาอย่างสงบ
ในมือมีอัลบั้มรูปถ่ายเล่มใหญ่ พลิกผ่านไปอย่างช้าๆ
บางภาพได้สร้างรอยยิ้มเล็กๆให้กับคนดู ..ภาพเกือบหน้าสุดท้าย
ทำให้ดวงหน้านั้น หม่นหมองลง..ภาพงานฉลองสมรสของบุตรชาย
คนเล็กกับคนรัก ซึ่งพบกันระหว่าง ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ..
ในการครองคู่ดำเนินอยู่ไม่ถึงสองปี ทุกอย่างก็ถึงที่สิ้นสุด..
การหย่าร้างของบุตรชายคนเล็ก สร้างความรู้สึกสั่นคลอนในใจ
ให้เธอไม่น้อย ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคนก็จริงอยู่..
หากระหว่างคนสองคนนั้น ยังมีฐานะทางสังคม มีศักดิ์ มีเกียติยศ
ที่ต้องรักษา..แม้นเธอจะแสนเสียดายความเหมาะสม
ระหว่างปูรณ์และพิมนาราเพียงใด สุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับ
‘ความจริงของชีวิต’
หม่อมราชวงศ์เครือมาสปิดอัลบั้มรูปนั้นลง เบือนสายตาออก
นอกหน้าต่าง อย่างอ่อนล้า ร่างสูงล่ำสันของบุตรชายคนเล็ก
กำลังเดินทอดน่องไปยังศาลาไม้สีขาว กลางสวน ภายในศาลา
มีหญิงสาวร่างบอบบางนั่งอยู่อย่างสงบ..เพื่อนเล่นในวัยเยาว์
ของบุตรชาย ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยตั้งป้อม กีดกั้นความสัมพันธ์
ของคนทั้งคู่..เวลาอันเนิ่นนาน สร้างสายใยแห่งความผูกพัน
มันคงเหนียวแน่น เกินจะตัดรอนได้…

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา พร้อมกับร่างของสามี
ที่ก้าวเดินเข้ามา ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้อีกตัว

“ไปทานข้าวเถอะ เด็กตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว คุณจะได้ทานยา”

หม่อมราชวงศ์เครือมาส ถอนสายตาจากภาพเบื้องนอก ดวงหน้า
ที่หันกลับมานั้น ดูครุ่นคิด

“มีอะไรหรือ?”

ด้วยระยะเวลาของการใช้ ‘ชีวิตคู่’ ร่วมกันมายาวนาน
ทำให้อีกฝ่ายอ่านได้ แม้กระทั่ง ‘สีหน้าและแววตา’

“คุณคิดว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันได้เพราะอะไรบ้างคะ?”

ผู้เป็นสามีมิได้ตอบในทันที หากหัวเราะเบาๆ สายตา
มองผ่านออกนอกหน้าต่าง..เขาเข้าใจความคิดของภรรยา
ในตอนนี้

“ความรัก ความเข้าใจ ความห่วงใยกันระหว่างคนสองคน ไงล่ะ..”

“แค่นั้นหรือคะ..”

“แค่ความรักที่มนุษย์เรามีให้กันนั้น มันก็มีอานุภาพเพียงพอ
ที่จะสร้างสรรค์อะไรได้หลายอย่างแล้วนะ ..ถ้าคุณกำลังหมายถึง
ปูรณ์กับใยบัว เด็กสองคนนี้คงเริ่มจากความเอื้ออาทร
เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันมาก่อน อย่าลืมสิ ความรัก
ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นง่ายๆเหรอนะ มันต้องอาศัยเวลา
และปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง ”

ดวงหน้าอันนิ่งสงบของภรรยา มีรอยยิ้มบางเล็กน้อย
ก่อนจะย้อนถามด้วยน้ำเสียงเบา

“อาศัยความเหมาะสมทางสังคมด้วยไม๊คะ”

“นั้นมันเป็นสิ่งที่คนเรากำหนดมันขึ้นมาเอง..สมมุติกันขึ้นมา
ว่าคนนี้เหมาะกับคนนั้น มันก็แค่เปลือกจะแต่งแต้มสี
อะไรลงไปก็ได้ แต่เนื้อแท้ด้านใน อาจคนละจำพวกกันด้วยซ้ำไป.
.ความเหมาะสมที่คุณกังวล ไม่ใช่ตัวชี้วัดความสุขของชีวิต
แต่งงานเลยนะ การเห็นใจ เข้าใจกันต่างหากล่ะ ที่นำพาให้คนเรา
อยู่ร่วมกันได้ ”

“ฉันเอง..ก็ไม่ได้รังเกียจใยบัวมากมาย เสียจนยอมรับ
อะไรไม่ได้หรอกนะคะ แต่ฉันกลัวว่าลูกจะน้อยหน้า
คนในแวดวงของตัวเอง คนเรายังต้องอยู่สังคม ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว..
ฉันกังวลแค่ข้อนี้แหละค่ะ”

คำพูดสะท้อนออกมาพร้อมอาการถอนหายใจ หากฝ่ายสามี
กลับหัวเราะเบาๆ

“คุณลืมไปแล้วหรือ ผมเองก็ไม่ได้มีเชื้อสาย ราชนิกูลเช่นคุณนะ
ผมเป็นลูกสามัญชนคนธรรมดา ที่จับผลัดจับผลูสอบชิงทุน
หลวงเป็นเรียนเมืองนอก เมืองนาได้เท่านั้นเอง”

“มันคนละยุคสมัยกันนี่คะ..”

“ความรักมันไม่เลือกยุคสมัยหรอกนะคุณ  ไม่เลือกชน
ชั้นวรรณะด้วย ลบเลือน ‘เปลือก’ ที่คุณหรือคนอื่นสมมุติมันขึ้นมา
ออกไปจากใจเสีย มองทุกอย่างด้วยหัวใจของคนเป็นพ่อแม่..
ที่ผ่านมาคุณเองก็รับรู้มิใช่หรือ ว่าลูกเราไม่มีความสุขเลยสักนิด กับ ‘เปลือก’ ที่ใครๆคิดว่าคู่ควรนั้น”

คุณประพันธ์ยื่นมือไปบีบมือของภรรยาเบาๆ ราวจะส่งกระแส
แห่งกำลังใจให้แก่กันและกัน

“ฉันอยากเห็นปูรณ์เขามีความสุข..”

น้ำเสียงของหม่อมราชวงศ์เครือมาส แผ่วเบาละม้าย
จะรำพึงกับตัวเองมากกว่า

“ลูกก็มาปรึกษาผมเหมือนกัน เรื่องแต่งงาน..
เขากังวลกลัวว่าคุณจะไม่อนุญาต ปูรณ์เขาเลือกคู่ชีวิต
ของเขาแล้ว เลือกคนที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุข..
ในความคิดของผมนะ ถ้าคุณอยากให้ลูกมีความสุขจริงๆ
ควรให้เขาเลือกเอง ไม่ชี้นำหนทางอื่น ให้เขาไขว้เขว
เหมือนที่ผ่านมา ผมเชื่อสายตาตัวเอง..
ใยบัวจะทำให้ปูรณ์เป็นสุขได้”

หม่อมราชวงศ์เครือมาส สบสายตากับสามี ..
ดวงหน้าที่เคลือบด้วยริ้วรอยของการครุ่นคิด
วิตกกังวล ดูคลายลง จนนิ่งสงบ..แท้จริงของชีวิตมนุษย์เรานั้น
จะไขว้คว้าหาสิ่งใดได้อีก ที่ดำรงอยู่กับตัวจนวันสุดท้าย
ก่อนแผ่นดินกลบหน้า มิใช่ความสุขหรอกหรือ..
ทรัพย์สมษัติ เงินตรา คือสิ่งภายนอกมีไว้ประดับประดา
สถานะของคนเท่านั้น ..ความสุขและครอบครัว
อันอบอุ่นคือสิ่งล้ำค่า ที่ใครก็ปรารถนา..

“ฉันจะไปคุยกับคุณจรรยาค่ะ เรื่องแต่งงานของตาปูรณ์กับใยบัว”

“ตอนเย็นนี่นะ ”

ฝ่ายสามีร้องถามอย่างแปลกใจ ด้วยการตัดสินใจของภรรยา
นั้นดูแน่วแน่เหลือเกิน

“ค่ะ”

“ไม่ดูฤกษ์ก่อนหรือคุณ”

“ไม่ล่ะค่ะ..ฉันถือฤกษ์สะดวก”

.................................................
นับตั้งแต่วันที่ ‘ท่าน’ เดินเข้ามาสู่ขอใยบัวกับคุณย่า
เรือนไม้สองชั้นหลังนี้ จึงมีบ่าวไพร่เข้าออกบ่อยครั้ง
ด้วยในช่วงค่ำของทุกวันคุณปูรณ์จะ ‘ทานข้าวเย็น’ ที่เรือนแห่งนี้
สำรับอาหารคาวหวานจึงถูกยกมาจาก ‘ตึกใหญ่’
ทำให้แม่ครัวประจำบ้านอย่างป้ากรอง ต้องว่างงานลง

“เย็นนี้ป้าว่าจะทำแกงส้มซักหม้อเล็กๆ กับข้าวที่ตึกใหญ่
รสชาติกลางๆกินติดกันทุกวัน ชักจะแย่เหมือนกันนะบัว”

ป้ากรองบ่นกับหลานสาวเบาๆ เมื่อใยบัวเดินเข้าไปในห้องครัว

“กับข้าวไม่ถูกปาก หรือว่าป้ากรองไม่อยากอยู่เฉยๆกันแน่ค่ะ”

หลานสาวพูดเย้า พร้อมกับหัวเราะเบาๆด้วยรู้ว่า ป้ามิเคยอยู่เฉย
ได้นาน ว่างเว้นจากงานที่โรงพยาบาลเมื่อไหร่ ก็จับโน้นจับนี่
ไม่ได้หยุด

“ก็ทั้งสองอย่างนั้นแหละ กับข้าวชาววังเขาเน้นหวาน
เน้นกระทิ เสียส่วนใหญ่ คุณปูรณ์ก็ไม่ชอบทานเผ็ดเอาเสียเลย”

“เขาไม่ชินนะซิคะ ตั้งแต่เด็กแล้ว เห็นพี่น้อยทำแต่ผัดกับต้มให้ตลอด”

คนพูดสีหน้าดูยิ้มละไม เมื่อนึกถึงเจ้าของชื่อนั้น ‘ชอบหรือไม่ชอบ’
สิ่งใด มันถูกตราจำไว้ในหัวใจนานแล้ว

“นั้นบัวจะทำอะไรล่ะลูก”

คุณป้าถามอย่างสงสัย เมื่อหลานสาว
หยิบส้มเขียวหวานในกระเช้าหวาย ผ่าแบ่งครึ่งซีก

“กำลังจะคั้นน้ำส้มให้คุณปูรณ์ค่ะ หนูจะทำเผื่อคุณย่ากับป้ากรองด้วย”

“โอ๊ย!ไม่ต้องหรอก คุณย่าไม่ชอบดื่มน้ำผลไม้เท่าไร”

“งั้นก็ทำเผื่อป้ากรองเยอะๆค่ะ ไหนๆก็ทำแล้วเหลือก็ใส่ตู้เย็นเก็บไว้
ไปซื้อที่เขาทำขายก็หวานเจี๊ยบ เพราะใส่น้ำตาลเสียครึ่งขวด ”

คนทำจับโน่นจับนี้คล่องแคล่ว เพียงไม่นานน้ำผลไม้สีส้มอ่อนจาง
ก็เต็มเหยือกแก้ว ใยบัวเติมเกลือตัดเปรี้ยวนิดหน่อย

“แช่ให้เย็นเสียหน่อยก็ชื่นใจดีเหมือนกันนะ”

ป้ากรองแนะนำ พลางรับเหยือกน้ำผลไม้จากหลานสาว
วางในตู้เย็น พร้อมกับสำรวจผักที่พอจะปรุงแกงส้มได้บ้าง
เสียงประตูหลังบ้านเปิด พร้อมกับดวงหน้าคล้ำคุ้นเคยก็โผล่เข้ามา

“อาหารเย็นมาแล้วจ๊ะ วันนี้มีแกงโปรดของหนูบัวด้วยนะ”

“แกงอะไรคะพี่น้อย?”

“สายบัวปลาทูจ๊ะ”

พี่เลี้ยงของคุณปูรณ์ สั่งให้เด็กรับใช้ ลำเลียงอาหารเข้ามาวางบนโต๊ะ
ถาดสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ วางถ้วยจานเป็นระเบียบมีผ้าขาวบาง
ปิดกันแมลงและฝุ่นผง

“คุณปูรณ์ ให้หนูบัวไปที่งานก่อสร้างหน่อยค่ะ จะถามเรื่องสีทาห้อง”

“อืม..คุณปูรณ์ตัดสินใจเองก็ได้นี่คะ”

ใยบัวบอก เก็บเปลือกส้มลงถังขยะ

“ไปดูเถอะ.. คุณปูรณ์เขาคงอยากถามความเห็นของบัวนั้นแหละ
ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอนนะลูก เป็นบ้านของเรา
อยากให้ปรับแต่งตรงไหนก็บอกช่างเขาเสียตอนนี้”

ป้ากรองบอกเตือนกับหลานสาว ใยบัวจึงละมือจากงานตรงนั้น
ล้างมือในอ่างล้างจานลวกๆ

“เดี๋ยวหนูมานะคะ ป้ากรอง”

ใยบัวผลักประตูรั้วเล็ก ที่กั้นระหว่างตึกใหญ่ กับเรือนไม้สอง
ไม้สองชั้นเข้าไป เรือนหอที่กำลังเร่งก่อสร้าง บัดนี้เกือบเสร็จสมบูรณ์
แล้ว รูปแบบของบ้านดูโปร่งโล่ง ประตูหน้าต่างสูงกว้าง
เพราะความต้องการที่สอดคล้องกัน ระหว่างเธอและเขา
‘สัมผัสกับธรรมชาติ’ ให้มากที่สุด

“ผมอยากให้บ้านของเรามองเห็นต้นไม้ เห็นท้องฟ้าชัดเจน
บัวเองก็ไม่ได้อยู่ห่างจากน้ากรอง จากคุณย่า เดินเพียงไม่กี่ก้าว
ก็ถึงเรือนไม้แล้วล่ะ”

ใยบัวก้าวเข้าไปในบริเวณก่อสร้าง กรอบประตูหน้าต่างเริ่ม
ติดตั้งเกือบเสร็จแล้ว เหลือเพียงติดกระจกเท่านั้น
หญิงสาวเดินตรงเข้าไปหา คนร่างสูงล่ำสันที่กำลังสนทนา
กับผู้ควบคุมงานก่อสร้าง เมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปใกล้
ปูรณ์จึงหันมามอง การพูดคุยก็เลยยุติลงโดยปริยาย

“ห้องครัวอาจจะดูเล็กไปหน่อยนะบัว แต่ผมจะให้ช่างเขาแขวน
ตู้เก็บของเป็นแนวยาว บัวจะได้ไม่อึดอัดเวลาเข้ามาใช้”

เขาบอกพลางจูงมือหญิงสาว เดินเข้าไปด้านใน ห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้น
มีลักษณะโล่ง โปร่งต่างจากห้องครัวของบ้านสมัยใหม่
ทั่วไปที่เธอเคยเห็น คงเพราะหน้าต่างคู่บานกว้างนั้นกระมัง
เวลาประกอบอาหารไทยเธอสามารถใช้ห้องนี้ได้เลย
โดยไม่ต้องแยกครัวไทย ครัวฝรั่งเหมือนบ้านอื่น

“ห้องโล่งดีค่ะ ติดที่ดูดอากาศ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวน
เวลาทำกับข้าว”

หญิงสาวชื่นชม

“ไม่แคบไปนะ ถ้าบัวไม่ชอบผมจะให้ช่างเขาทุบ
แล้วต่อเติมออกไปอีกหน่อย”

ชายหนุ่มบอกอย่างกังวล

“อย่าเลยค่ะคุณปูรณ์ บัวชอบห้องประมาณนี้แหละค่ะ
ไม่กว้างจนดูอ้างว้าง แล้วก็ไม่แคบจนอึดอัด บัวชอบค่ะ”

หล่อนเงยหน้าขึ้นมอง ประกายในดวงตาดูเต็มตื้น

“ดีแล้วล่ะ..ที่บัวชอบ เพราะห้องนี้บัวคงเข้ามาใช้บ่อยมากกว่าผม..
ขึ้นไปดูชั้นบนดีกว่า บัวอยากได้สีห้องนอนโทนไหน”

ปูรณ์เอ่ยชวน พลางโอบไหล่คนตัวบางเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
ข้างบนดูเงียบสงบเพราะคนงานจะอยู่ชั้นล่างเสียหมด
เขาพาเดินเข้าไปในห้องใหญ่ทางซ้ายมือจากโถงบันได
โครงหน้าต่างกว้าง มองเห็นสนามหญ้าสีเขียวหน้า
ตึกใหญ่ชัดเจน

“ห้องนี้เป็นห้องนอนของเรา..”

เสียงห้าวดังใกล้หู  พร้อมกับวงแขนแข็งแรง ที่โอบรัดจากด้านหลัง
ลมหายใจอุ่นๆราดรดริมแก้ม

“ถ้ามองจากห้องนอน จะเห็นต้นปีบต้นนั้นชัดเจน
ไม่ว่าจะหลับหรือลืมตา..บัวกับผมก็จะเห็นพร้อมกัน
แล้วถ้ามองไปทางขวามือของตัวบ้าน ก็จะเห็นต้นชมพู่มะเหมี่ยว
ที่เด็กชายปูรณ์ปีนขึ้นไปเก็บ จนทำร่วงใส่หัวเด็กหญิงใยบัว”

คนในอ้อมกอดหลับตานิ่ง ศีรษะเอนซบกับแผ่นอก
ดวงหน้ามีรอยยิ้มละมุน ภาพในวัยเยาว์แจ่มชัดขึ้นมา
เหมือนเพิ่งจะผ่านพ้นไป ไม่กี่วินาทีนี่เอง

“หน้าบ้านผมจะทำระเบียงเล็กๆ ตีไม้ระแนงแทนหลังคา
ปลูกไม้เถา เอาไว้ให้บัวกับผมออกมานั่งรับลมตอนเย็นๆ ดีไม๊
ทำสระบัวด้วย เผื่ออยากจะเลี้ยงปลา”

เสียงห้าวดูแจ่มใสยิ่งนัก

“ดูเยอะแล้วนะคะ” ใยบัวหัวเราะเสียงใส

“ยังมีอีกตั้งหลายอย่างในหัว ที่คิดจะทำให้”

อ้อมกอดกระชับ ด้วยความรู้สึกจากหัวใจอย่างแท้จริงวันวานคือ..
ความฝันของเด็กชายปูรณ์ที่จะพา เด็กหญิงใยบัว..ไปนั่งรถเล่น
ไปภูเขา ไปทะเล หากในวันนี้คือความจริงที่เขาอยากทำให้..
ใยบัว..หัวใจรักของเขาดวงนี้

“ถ้าหมุนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ผมจะให้สัญญากับบัวอีกหนึ่งข้อ”

“อะไรคะ?”

คนในวงแขนขยับตัว แต่คนตัวสูงยังโอบรัดเอาไว้ ดวงหน้าเข้ม
โน้มต่ำลงมา จูบแก้มนวลเนียนอย่างทะนุถนอม..

“ผมจะไม่คิดรักใครอีก..จะรักบัวคนเดียว..ตลอดไป”

ถ้อยคำสัญญานั้นดูหนักแน่นยิ่งนัก ไม่ต่างจากอ้อมกอดในยามนี้
อบอุ่น มั่นคง..

“บัวก็มีคำสัญญาให้คุณปูรณ์เหมือนกันค่ะ..”

“สัญญาว่าอะไรครับ”

“ทวนประโยคของคุณปูรณ์เมื่อกี้หมดเลยค่ะ..”

เสียงนุ่มเจือหัวเราะเบาๆ

“เจ้าเล่ห์นักนะ อย่างนี้ต้องทำโทษ ไม่ให้กลับบ้าน ล๊อกตัว
ไว้อยู่ที่ตึกใหญ่จนถึงวันแต่งงาน”

“แน้! ทำอย่างงั้นได้ยังไงคะ..ตายจริงเกือบลืม บัวคั้นน้ำส้ม
ไว้ให้คุณปูรณ์ด้วยค่ะ แช่ตู้เย็นเอาไว้ป่านนี้เย็นจัดแล้วมั้งคะเนี่ย”

ร่างบางผลักออกจากอ้อมกอด

“ไปทานข้าวเย็นเถอะค่ะ ป่านนี้คุณย่ากับป้ากรองรอแย่แล้ว”

หล่อนก้าวเดินไปทางลงบันได โดยมีร่างสูงก้าวตาม

“ไม่ดูห้องอื่นก่อนหรือ?”

“ไม่ล่ะค่ะ เอาไว้พรุ่งนี้จะดีกว่า เริ่มมืดแล้วนะคะ”

ร่างสูงก้าวยาวลงมาทัน มือแข็งแรงเอื้อมจับมือเรียวไว้มั่น
เสมือนเจ้าตัวจะไม่ให้อีกฝ่าย หนีหายไปไหนอีกแล้ว..  
ทั้งสองก้าวเดินไปด้วยกัน ผ่านพุ่มต้นโมก ที่ปลูกแนบชิดกับรั้วบ้าน
ซึ่งตอนนี้หลงเหลืออยู่เพียงต้นเดียว ดอกเล็กๆสีขาวขึ้นแซม
ตามกิ่งก้าน ส่งกลิ่นหอมโรยรินมากับสายลมยามเย็น..

‘ดวงใจเจ้าเอ๋ย อย่าเลยผ่านไป
ดวงใจอย่าไกล อยู่ครองเป็นขวัญเรือน
ข้าจะมอบทั้งกายใจ ให้เจ้าดวงใจ..เก็บไว้ครอบครอง’  

...............................................

“บัวสวยจริง ชุดไทยจักรีแบบนี้สีทองอ่อน ขับผิวผ่องเชียวนะ”

มณีกานต์เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องแต่งตัวของเจ้าสาว ก่อนจะก้าว
เข้ามายืนใกล้เพื่อนสนิท ซึ่งตอนนี้ช่างแต่งหน้า กำลังตรวจดู
ความเรียบร้อยอีกครั้ง เสื้อไหล่เดี่ยวหุ่มสไบผ้าลูกไม้ทิ้งชายยาวไสว
ผ้านุ่งเป็นผ้าไหมยกดอก ลายดอกพิกุลเล็กๆจับจีบยกหน้านาง
ตรงกลาง ทำให้เจ้าของร่างบางนั้นดูงดงาม อ่อนหวาน
แบบกุลสตรีอย่างแท้จริง

“ต๊าย มณีมานานแล้วเหรอ นี่แต่งตัวมาจากบ้านเลยหรือไง”

ใยบัวถามเพื่อนรัก ดวงหน้ายังมองตรงไปที่กระจกด้วย
ช่างยังแต่งเติมสีแก้มให้อีกเล็กน้อย

“นานแล้วล่ะ เราแต่งตัวที่บ้านโน้นเลย ป้ากรองช่วยดูให้ ”

เพื่อนสนิทหมายถึงเรือนไม้สองชั้นของคุณย่า พิธีต่างๆเริ่มที่เรือนหอ
หลังนี้ เรียบง่าย แขกก็เฉพาะญาติ บุคคลใกล้ชิดและเพื่อนสนิท
เท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ทั้งเธอและคุณปูรณ์ไม่ต้องการ ความใหญ่โต
จนดูวุ่นวาย พิธีทางศาสนาจึงถูดจัดรวบทั้ง ทำบุญขึ้นบ้านใหม่
และแต่งงานพร้อมกัน

“งั้นมณีก็ให้พี่เขาเติมหน้าให้อีกหน่อย เพื่อนเจ้าสาวก็ต้องสวยนะจ๊ะ
เราแต่งตัวเสร็จแล้วล่ะ พระมาแล้วหรือ?”  

“พระยังไม่มาหรอก แต่นายอำเภอมาเป็นแขกคนแรกเลย
เห็นเจ้าหน้าที่เขาจัดโต๊ะสำหรับจดทะเบียนไว้พร้อมแล้วล่ะ
ปูผ้าตาดสีทองระยับสวยเชียว จัดแบบนี้ก็สะดวกดีนะบัว
ให้ออร์แกไนซ์เขาจัดการให้หมด ไม่เหนื่อยเราด้วย”

“เป็นความคิดของคุณปูรณ์น่ะมณี สมัยนี้เขาก็นิยมจัดแบบนี้
กันทั้งนั้น ..มันสะดวก”

ใยบัวดึงแขนเพื่อนรักให้นั่งลงบนเก้าอี้
หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อให้ช่างเสริมสวย แต่งเติมสีสันให้เพื่อนเจ้าสาว

“เป็นโทนส้มทองนะคะ มณีเขาแต่งสีนี้ขึ้น”

หญิงสาวบอก ดวงหน้าระบายยิ้มระรื่น

“เราดีใจด้วยจริงๆนะ เห็นบัวมีความสุขอย่างนี้ก็สบายใจ
บ้านก็สวยน่าอยู่ คุณปูรณ์ก็ดูรักบัวเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อ
ว่าจะเก็บรักบ่มเอาไว้ด้วยกันตั้งแต่เด็ก”

ปลายประโยคมณีกานต์หัวเราะคิก ด้วยหยอกเย้าเพื่อนสนิทได้
เจ้าสาวจึงหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที พึมพำตัดบทกับเพื่อนรักว่า

“ลงไปกันเถอะมณี พระมาแล้วมั้ง”

ห้องรับแขกกว้างขวางเปิดโล่ง ทั้งหน้าต่างและประตูดูสว่างสดใส
สายลมเย็นจากภายนอก พัดเข้ามาจนผ้าม่านพริ้วไหว
พร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้ไทยหลากชนิด ที่โดนเด่นกว่า
ใครเพื่อน คือดอกปีบ แทรกแซมอยู่ทุกมุมของบ้าน
โต๊ะหมู่บูชาอยู่มุมหนึ่งของห้อง ตั๋งรถน้ำสังข์ทองเหลืองนั้น
ก็ดูศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน พานพุ่มรับน้ำจัดประดับประดา
ด้วยดอกบัวหลวงจับจีบงดงาม แต้มดอกปีบทองให้ดูโดดเด่น
ใยบัวคลานเข่าเข้าไปในห้องรับแขก เจ้าบ่าวในชุดพระราชทานสีขาว
นุ่งโจงกระเบนดูงามสง่า หน้าตาดูแจ่มใสกว่าทุกครั้ง แถวข้าง
หลังคือกลุ่มคนสนิททั้งของเธอและคุณปูรณ์เท่านั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาว
จุดธูปเทียนกราบพระพุทธ แล้วนั่งประนมมือไหว้ ฟังพระสวดเงียบๆ
เสียงเจ้าหน้าที่จัดงานเข้ามากระซิบบอกใกล้ๆว่า

“เตรียมจดทะเบียนสมรสได้แล้วค่ะ ระหว่างที่พระกำลังสวดชัยมงคลคาถา”

ทั้งสองขยับตัวลุกขึ้น ไปยังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ นายอำเภอ
ที่ถูกรับเชิญมาในงาน ชี้บอกตำแหน่งลงชื่อบนกระดาษสำคัญนั้น
นับจากนาทีนี้เป็นต้นไปคุณปูรณ์และเธอ ได้เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้อง
ตามกฏหมายแล้ว เมื่อพิธีรถน้ำสังข์เริ่มขึ้น ‘ท่าน’ อวยพรให้บ่าวสาว
ด้วยน้ำเสียงแจ่มใส

“ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมากๆ สามีภรรยาเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว
ต้องอาศัย ความรัก ความเข้าใจให้มาก มีความไว้เนื้อเชื่อใจ
และอภัยให้กันเป็นพื้นฐานนะจ๊ะ วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของชีวิตคู่
หากเวลานับจากนี้ไปคือเครื่องมือพิสูจน์ความอดทน
ความเสียสละของคนสองคน แม่เชื่อว่าสายใยแห่งรัก
ที่ลูกมีให้กัน จะเหนียวแน่นไม่มีวันเสื่อมคลายจ๊ะ”

“หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูก” คุณดนัยอวยพร
ให้บุตรสาวกับบุตรเขย น้ำพุทธมนต์ที่หลั่งรดลงไป
เปรียบดั่งน้ำทิพย์จากดวงใจของบิดาผู้ให้กำเนิด  
คำอวยพรสุดท้ายเป็นของคุณย่า

“ให้เย็นเหมือนฟัก ให้หนักเหมือนแฟง ให้อยู่เรือนเหมือนก้อนเส้า
ให้เฝ้าเรือนเหมือนแมวคราว”

ใยบัวพนมมือไหว้รับพรนั้น ด้วยน้ำตาซึม เพราะสำนึกในความเมตตา
รักใคร่ ที่คุณย่ามีให้มาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ลูกผู้หญิง
เมื่อแต่งงานออกเรือน เสมือนเป็นคนอื่นสำหรับครอบครัวตัวเอง
หากเธอจะไม่ดำรงตนเช่นนั้น คุณย่าและป้ากรองคือบุคคล
ที่เธอยึดเหนี่ยวเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชีวิตตลอดไป..

งานเลี้ยงฉลองสมรสในช่วงบ่ายถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรู
หากแขกเหรื่อที่ถูกรับเชิญมาในงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวลงความเห็น
ร่วมกันว่า ‘คนใกล้ชิดและมีสายสัมพันธ์ในสายงาน’ ก็เพียงพอแล้ว
ทุกอย่างจึงผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย มณีกานต์รับอาสา
ขับรถมาส่งคุณย่ากับป้ากรองที่บ้าน เพื่อนสนิทกระซิบบอกอีกว่า

“ตกลงกับป้ากรองเอาไว้ว่า คืนจะนอนค้างที่นี้ กลัวป้ากรอง
กับคุณย่าจะเหงาวังเวงเสียก่อน มีเรามาอยู่เป็นเพื่อนสักคืนสองคืน
เดี๋ยวต่อไปก็คงชิน”

“โถ..มณี พูดอย่างนี้ทำให้เราคิดถึงคุณย่า”

เจ้าสาวน้ำตาซึมขึ้นมาอีก ก็ตั้งแต่น้อยคุ้มใหญ่ ยังไม่เคย
จากไปไหนไกล

“นี่ โบราณเขาถืออย่ามาร้องไห้วันแต่งงาน บ้านก็อยู่ติดกันแค่นี้เอง
บัวจะเดินไปหาคุณย่าวันละกี่รอบก็ได้ ขึ้นบ้านเถอะ
ได้ฤกษ์ส่งตัวแล้วนะ เราจะนั่งเล่นอยู่ระเบียงหน้าบ้าน
นี่แหละลมเย็นดีจัง.. รอคุณย่ากับป้ากรองกลับลงมา
ค่อยเดินข้ามรั้วไปบ้านโน้น”

ใยบัวพยักหน้ารับแทนการตอบ จับมือเพื่อนรักบีบกระชับแน่น
แทนการขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีให้กันเสมอมา
ยามสุขหรือทุกข์เพื่อนคนนี้มิเคยห่างจากเธอเลย..

ใยบัวเปิดประตูเข้าไปในบ้าน คุณปูรณ์ในชุดสูทสากลยืนรอ
อยู่ตรงทางขึ้นบันได เขาแตะแขนกลมกลึงนั้นเบาๆ
เมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ พลางเอ่ยถามเสียงอ่อนเบา

“คุยอะไรกับเพื่อนครับ?”

“มณีเขาจะนอนค้างที่บ้านคุณย่าค่ะ ป้ากรองกับคุณย่า
คงจะบ่นเหงา บัวไม่ได้นอนที่บ้านนั้นแล้ว…”

น้ำเสียงในท้ายประโยคดูเครือจัด จนเจ้าของร่างสูงต้องรวบมากอด
ไว้แนบอก จูบที่หน้าผากพลางปลอบโยน

“บ้านอยู่ใกล้กันแค่รั้วกั้นเท่านั้นเอง..บัวได้เจอคุณย่ากับป้ากรอง
ทุกวันอยู่แล้วล่ะ ผมไม่ได้ห้ามนี่ครับ ว่าไม่ให้บัวไปบ้านโน้น..”

อ้อมกอดกระชับมั่น เจ้าของร่างบางเริ่มคลายความกังวลลง
เธอเป็นภรรยาของคุณปูรณ์ตามกฏหมายแล้วไม่ใช่หรือ
ชีวิตจากนี้ไปคือการเคียงคู่..แม้ยามหลับและตื่น
จนกระทั่งเข้ามานั่งในห้องส่งตัว น้ำตากลับซึมเมื่อคุณพ่อ
ของเธอเอ่ยขึ้นว่า

“ผมขอฝากลูกบัวด้วยนะครับ ..”

ใยบัวก้มหน้า เสียงของบิดายังดังสม่ำเสมอ ถ้อยคำเหล่านั้น
เธอจะจำจนขึ้นใจไม่มีวันลืม

“ปูรณ์..ใยบัว ขอให้ดูแลกัน แม้วันนั้นจะเป็นแห่งสุขหรือ
วันแห่งทุกข์นะลูก ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน
เป็นดั่งพลังใจพลังรักให้กัน..พ่อกับแม่ไม่ได้ใครอื่นมาปูที่นอน
ให้ลูกทั้งสองหรอกนะ แต่ช่วยกันปูเพราะมองดูว่า
ไม่มีใครจะหวังดีต่อลูกอย่างจริงใจเท่าพ่อแม่แล้วล่ะ..
ใยบัวต่อไปนี้ หนูไม่ต้องเรียกแม่ว่า ‘ท่าน’ อีกแล้วนะ
ให้เรียกว่า แม่ เพราะหนูก็เป็นลูกของแม่คนหนึ่งเหมือนกัน”

เจ้าบ่าวเจ้าสาวก้มลงกราบบนตัก ด้วยความเคารพยิ่ง
หม่อมราชวงศ์เครือมาส วางมือลงบนศีรษะของคนทั้งสอง
น้ำตารื้นขึ้นมา ด้วยความปลื้มปิติ คุณย่าให้ข้อคิดในการครองคู่สั้นๆ
แต่ก็กินใจใยบัวเหลือเกิน จนหญิงสาวต้องซบหน้าลงบนตัก
นั้นอีกครั้ง น้ำตาซึมด้วยความรักความผูกพันที่คุณย่ามีมาให้

ประตูห้องถูกปิดลงอีกครั้ง บรรยากาศรอบบ้านเงียบสงบ
ม่านสีครีมที่เปิดแง้มเอาไว้ ทำให้มองเห็นท้องฟ้าเบื้องนอก
ดูพริบพรายด้วยดาวดวงน้อยที่ส่องสว่าง ใยบัวมองไปรอบตัว
ห้องนอนกว้างนั้นถูกตกแต่ง เรียบง่ายดูโปร่งตาด้วยโทนสีสุภาพ เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างก็ผสมกลมกลืนกันได้ดี เตียงหนาใหญ่
ตั้งอยู่กลางห้อง โต๊ะเล็กข้างเตียงมีแจกันสีขาวใส่ดอกปีบทอง
วางอยู่ ร่างสูงใกล้ตัวขยับลงขึ้น

“บัวเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ มาผมจะช่วย”

เขาบอกพลางช่วยพยุงหญิงสาวลุกขึ้น ก็ชุดยาวๆแบบนี้
บางครั้งก็รุ่มร่ามเอาการเหมือนกัน ปูรณ์ช่วยปลดตะขอหลัง
ให้อย่างเบามือ แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้าง แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
จนใยบัวอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเนื้อโปร่งบางตัวใหม่
จึงเห็นร่างสูงนั้นยืนอยู่ข้างหน้าต่างเขาเปลี่ยนชุดสากล
นั้นออกไปแล้วเป็นชุดนอนแบบสบายตัว แสงไฟสลัว
ภายในห้องส่องกระทบเรือนร่างที่ดูงดงามนั้น
ทำให้ดวงหน้าเข้มที่หันมามอง มีรอยยิ้มอ่อน
ประกายในดวงตาวาบวาม ไม่ต่างจากดวงดาวนอกหน้าต่าง
เสียงห้าวที่เปล่งออกมาดูอ่อนโยนยิ่งนัก

“มาถึงวันนี้ ผมยังคิดเลยว่าตัวเองฝันไป ไม่อยากเชื่อว่า
เราสองคนจะมีวันนี้ได้..”

วงแขนแข็งแรงโอบรัดรอบตัว เสียงพึมพำใกล้หูว่า

“ผมอยากกอดบัว มาตั้งนานแล้วรู้ไม๊.. ตั้งแต่เริ่มเป็นหนุ่ม
เริ่มรู้ว่ารักผู้หญิงเป็นยังไง ก็เก็บบัวเอาไว้ในใจเสมอมา”

“…แล้วไปแต่งงานกับคนอื่นก่อนบัวทำไมคะ?”

เสียงถามอ่อนนุ่ม มิได้แง่งอนแต่อย่างใด หากเจ้าของวงแขน
อันอบอุ่นนั้นกลับถอนหายใจเฮือก

“โธ่..คนดี คนเราก็มีการตัดสินใจพลาดได้เหมือนกันนะ
ไม่เอาห้ามพูดเรื่องอื่น มาพูดเรื่องของเราดีกว่า”

คนพูดอุ้มร่างบางนั้นขึ้นไปวางบนเตียงใหญ่ โคมไฟข้างเตียง
จับต้องเรือนร่างงดงามนั้นแจ่มชัด รอยยิ้มละมุนฉาบขึ้นมา
บนดวงหน้าเข้มของปูรณ์ สายตามองกวาดไปทั่วตัว ดูอ่อนโยน
รักใคร่เหลือล้น เขาทอดกายลงนอนใกล้ ไล้นิ้วไปตาม
ดวงหน้านวลเนียนนั้นอย่างเบามือ ทะนุถนอม

“รักคุณปูรณ์บ้างไม๊?”

“ไม่รักมั้งคะ..”

“ถ้าไม่รัก..จะทำโทษให้หนัก”

รอยจูบประทับลงบนริมฝีปากอิ่ม อ่อนโยน นิ่งนาน ก่อนจะเลื่อนไล้
ไปซุกไซ้ริมข้างแก้ม ลำแขนกลมกลึงจึงยกขึ้น โอบรอบลำคอ..
ในห้วงแห่งความรัก คงไม่มีสิ่งใด อ่อนหวาน..ละมุนละไม
ดุจภาพฝันอันงดงามเช่นนี้อีกแล้ว..ด้วยหัวใจรักของคนสองคนนั้น
พันผูก โยงใยด้วยเสน่หา ที่ฝังรากลึกของกาลเวลาอันเนิ่นนาน

ร่างบางในชุดกระโปรงติดกันสีครีมประดับชายด้วย ดอกไม้เล็กๆสีแดง
ยืนอยู่ริมระเบียงระหว่างโถงบันไดกับห้องนอน หน้าต่างทรงสูง
เปิดรับลมเย็นยามเช้าตรู่ที่พัดโชยเข้ามา เสียงน้ำไหลจากฝักบัวดังแว่ว
ออกมาจากห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่ คุณปูรณ์คงจะตื่นนอนแล้ว
ใยบัวตื่นก่อนเขา หล่อนลงมาเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อน
เตรียมขนมปังกับแยมไว้ให้ ตั้งใจว่าอีกสักพักถึงจะเข้าไปปลุก
‘คนนอนตื่นสาย’  แต่ก็พอมายืนทอดสายตามองสนามหญ้า
หน้าบ้าน ก็เลยคิดอะไรเพลินไปไม่รู้ตัว

“มายืนเหม่ออะไรตรงนี้..”

ร่างสูงล่ำสันของสามีก้าวเข้าใกล้ แขนแข็งแรงโอบกอดคน
ตัวบางเอาไว้ทั้งตัว ศีรษะได้รูปของใยบัวจึงเอนซบอกกว้างนั้น
ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่กับน้ำยาโกนหนวด

“กำลังมองต้นปีบอยู่ค่ะ ออกดอกเต็มต้นไปหมดเลย
ถ้านั่งอยู่ที่ศาลาคงจะหอมชื่นใจไม่น้อย”

“ผมจะให้คนสวนของคุณแม่ หาปีบทองมาลงไว้ใกล้บ้านเราซักต้น “

“หน้าบ้านก็มีแล้วนี่คะ”

“ลงไว้หลายๆต้น เอาไว้ย้ำเตือนใจตัวเอง”

เสียงห้าวเหมือนจะกลั้วหัวเราะ

“ไม่ได้อยู่ที่ต้นปีบสักหน่อยนี่คะ อยู่ที่หัวใจคุณปูรณ์ต่างหาก
ถ้าไม่อ่อนไหวเหมือนสายลม ก็ไม่แปรเปลี่ยนเป็นอื่นได้หรอกคะ”

สามีไม่ได้ตอบหากกระชับอ้อมกอด จูบเบาๆที่แก้มนวล

“บัวไม่สังเกตหรือ..ดอกปีบเวลาร่วงลงพื้น มันไม่เคยปลิวไปไหน
ไกลเลยนะ ยังคงอยู่ใต้ต้นเสมอ เหมือนเป็นสัญญาร่วมกัน..”

นั้นซินะ..สัญญารักระหว่างลำต้นอันสูงตระหง่าน ทรวดทรวงงามสง่า
กับ ดอกดวงสีขาวเล็กๆรูปเรียวยาว กลิ่นหอมเย็นนั้น ดูมั่นคงยิ่งนัก..
แม้เวลาจะล่วงผ่านเพียงใด สัญญาก็ยังคงเป็นสัญญาเสมอ…  

                                                       จบบริบูรณ์

จากคุณ : เอริชา
เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 54 12:39:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com