เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเศร้า ตอนที่ ๗ our conceal{แตกประเด็นจาก W11086254}
|
 |
บันทึกวันที่ 4/9/2008
ช่วงเวลาก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 1/4/2007 ฉันก็ยังคุยกับเจสเปอร์เหมือนทุกวัน เราคุยกันตั้งแต่เช้า สาย บ่าย เย็น จนเค้าออกจากที่ทำงาน ถึงบ้าน ก็กลับมาคุยกันต่อ
ตอนนั้นเรายังไม่ได้คุยผ่านทางกล้อง ก็แค่เห็นรูปกัน เสียงก็ยังไม่เคยจะได้ยิน ไม่รู้เหมือนกันว่า อะไรคือสิ่งที่ดึงดูดให้เราใช้เวลาได้มากมายขนาดนั้น
เจส "ไฮ อยู่มั๊ย"
ฉัน "อาฮะ เพิ่งกลับมาหรอ"
เจส "อือ ทำไมคุณไม่ค่อยทักผมเลยละ"
ฉัน "ฉันก็ไม่ชอบทักใครก่อน"
เจส "ไอซี"
ฉัน "คุณก็ทักฉันมาเหมือนเดิมหละ ถ้าฉันอยู่ก็คุยอยู่แล้ว โอเค๊"
เจส "โอเค ผมกลัวรบกวนคุณหนะ"
ฉัน "นั่นมันคำพูดฉันแล้ว อาบน้ำยัง"
เจส "ยังเลย เพิ่งถึงเอง คุณหละ"
ฉัน "ยังเหมือนกัน ๕๕ งั้นค่อยคุยกันนะ เราคุยกันเมื่อไหร่ก็ได้"
เจส "กี่นาที"
ฉัน "๕๕ กี่นาทีหรอ ไม่เคยจับเวลาด้วยสิ ครึ่งชม.ละกัน"
เจส "นานจัง"
ฉัน "จะบ้าหรอ ครึ่งชม.เนี้ยนะ คุณใช้เวลาเท่าไหร่ 5นาทีหรอไง"
เจส "15นาที"
ฉัน "โอเค อีก 15 นาทีคุยกัน"
เจส "เดี๋ยว แล้วคุณจะอาบได้ไงหละ 15นาที"
ฉัน "ฉันทำได้ก็ละกัน ทำไม่ได้เอาไปเลย 1000เหรียญ"
เจส "๕๕ ไม่ต้องรีบหรอก เจอกัน"
สิบกว่านาทีผ่านไป
เจส "มาหละ"
ฉัน "อาฮะ ช้าจัง"
เจส "คุณทำได้ไงอะ"
ฉัน "ก็ยังไม่ได้อาบ ๕๕ จะอาบได้ไง 15นาทีเอง ห้องฉันอยู่ชั้นห้านะ"
เจส "แล้วทำไมไม่บอก"
ฉัน "ก็ไม่อยากให้คุณต้องรอ"
เจส "แล้วคุณรอผม??"
ฉัน "ฉันรอคุณได้ ไม่เป็นไรหรอก"
เจส "คุณไปอาบน้ำเหอะ ผมรอได้"
ฉัน "งั้นหาอะไรทำไปก่อนนะ"
ดูเหมือนว่าฉันจะห่างเค้าไม่ได้เลย ฉันรีบวิ่งไปอาบน้ำแบบลืมตาย โบลท์มาเห็นต้องชวนฉันไปวิ่ง4*100ที่บ้านเกิดแน่ๆ
ฉันรีบอาบแล้วก็หยิบขวดโลชั่นมาทาที่หน้าจอคอมชั้นล่าง กลัวจะไม่ได้คุย
ฉัน "มาหละ"
เจส "เร็วจัง 15นาทีเอง"
ฉัน "ใครจะยอมเสีย 1000เหรียญหละ ฉันไม่ได้รวยเหมือนคุณนะ"
เจส "ผมไม่ได้รวย ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองเลย"
ฉัน "บ้านที่นู่นแพงจะตาย คุณเพิ่งอายุเท่านี้เอง"
เจส "ผมอยากซื้อบ้านใหม่ให้พ่อแม่อยู่"
((โห้ ทำไมเป็นคนน่ารักแบบนี้นะ))
ฉัน "แล้วบ้านที่อยู่เล็กไปหรอ"
เจส "ก็เล็กไปจริงๆ ผมอยู่กับพี่น้องมาตั้งแต่เด็ก จนพี่สาวพี่ชายผมแยกออกไปหมดแล้วก็ยังรู้สึกว่าเล็กไปอยู่ดี ผมก็เก็บเงินอยู่"
ฉัน "อืมม บ้านที่นู่นแพงมาก ฉันรู้แค่นี้ คุณก็พยายามให้เต็มที่นะ"
เจส "ขอบคุณนะ"
ฉัน "๕๕ ฉันไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย"
เจส "แล้วคุณหละ อยู่กับที่บ้านใช่มั๊ย"
ฉัน "ใช่แล้ว ก็เรียนจบก็คงทำงานให้ที่บ้านต่อ คงจะไม่ได้ไปไหนหละ ฉันไม่คิดเรื่องแต่งงาน"
เจส "คุณไม่คิดจะแต่งงานหรอ"
ฉัน "ไม่ ไม่คิด ฉันอยากดูแลพ่อแม่มากกว่า แล้วฉันก็ดูแลตัวเองได้ด้วย"
เจส "นั่นก็ดีสำหรับคุณแล้วหละ"
นั่นก็ดีสำหรับฉันงั้นหรอ...หมายความว่ายังไงกันนะ
ฉัน "นิ ได้กลิ่นอะไรมั๊ย"
เจส "๕๕ กลิ่นอะไร ไม่มีนิ"
ฉัน "กลิ่นสตอเบอรี่ไงหละ ลาลาลา หอมที่สุดเลย"
เจส "อะไรของคุณอะ ๕๕"
ฉัน "ไม่มีอะไรหรอก ทาโลชั่นอยู่ หอมไปทั้งห้องเลย"
เจส "หรอ มีอย่างอื่นมั๊ย"
ฉัน "มีสิ มิ้นท์ วานิลลา อ๊า...หมดแล้วอะ มีเงินซื้อแค่นี้หละ"
เจส "ชอบมิ้นท์รึป่าว"
ฉัน "ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกก ฉันติดฟ๊อกซ์มากเลย ต้องมีติดตัวไว้ รู้จักฟ๊อกซ์มั๊ย"
เจส "รู้จักสิ ผมเองก็ชอบมิ้นท์มากๆเหมือนกัน"
ฉัน "หอมเนอะ รู้สึกรีเฟรชดี ฉันชอบหมดหละ วานิลล่าก็ชอบ ลาฟเอนเดอร์ก็ชอบ หอมมมมม"
เจส "are you mint??"
ฉัน "ตอนนี้หรอ โน๊ววว จะเป็นมนุษย์สตอเบอรี่อยู่แล้วหละ"
เจส "๕๕ แต่ผมมิ้นท์อยู่ รู้สึกรีเฟรชมากเลย"
นับตั้งแต่วันนั้นมาคำว่า"mint" ของเราก็กลายเป็นแสลง มีความหมายว่า...อาบน้ำแล้ว ตัวหอมแล้ว ประมาณนั้น
are you mint?? แค่คิดก็ขำแล้วหละ ผู้ชายอะไรปัญญาอ๊อนปัญญาอ่อน
ฉัน "วันนี้รู้สึกเหมือนจะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่ได้ทำ"
เจส "ทำอะไร"
ฉัน "ไม่รู้สิ ทำอะไรนะ คิดไม่ออก"
วันนั้นทั้งวันฉันก็คิดอยู่ว่าจะโกหกเค้าเรื่องอะไรดีให้มันสาสมกับวันพิเศษแบบนี้ แต่ก็ยังคิดไม่ออก ผู้ชายแบบเค้าจะสนใจเรื่องแบบนี้รึป่าวนะ
ฉัน "ถ้าคุณอยู่ตรงนี้ก็คงดี เมื่อไหร่เทคโนโลยี3จี15จีมันจะมาถึงสักทีนะ จะได้กลิ่น หอมมากกกก รู้งี้เอามาทาหน้าจอตั้งนานแล้ว ปรกติทาเสร็จก็นอน ไม่ทันดมเลย"
เจส "ผมก็อยากไปอยู่ตรงนั้นมากเลย"
ฉัน "เห"
เจส "๕๕ ก็อยากเจอคุณ"
ฉัน...เขิน
ฉันเขิน!! ฉันอายเป็นด้วย!! อ๊ายยยยยยยยยยยย แมนดี้อายเป็นด้วย
ทำไมใจต้องเต้นแบบนี้ ก็แค่บอกว่าอยากเจอเอง คนเราอยากเจอได้ตั้งหลายอย่าง อยากเจอกุ้งมังกร อยากเจอปูอลาสก้า เค้าก็แค่อยากเจอ อย่าคิดไปไกลสิ อย่าเขินนะ ไม่ได้ๆๆๆ
ฉันกดf2แล้วพูดไปหาเค้า "ไหว๊ ก๋องแม้อะ!!"(นิ พูดไรหนะ)
เจส "นั่นเสียงคุณหรอ น่ารักจัง"
ฉัน "เสียงกับหน้าฉันไม่เหมือนกันนะจะบอกให้ หน้าฉันแย่มากๆเลย"
เจส "ผมก็ไม่ได้สนเรื่องนั้นหรอกนะ"
ฉัน "แล้วคุณพูดได้รึป่าว รึว่าเป็นใบ้ ๕๕ ถ้าเป็นใบ้ ฉันก็ไม่ได้สนเรื่องนั้นหรอกนะ"
เจสก็กดf2มาหาฉัน เราก็คุยไปขำไป เสียงเค้าเหมือนกับที่คิดไว้
เค้าไม่เหมือนกับคนกวางตุ้งจริงๆ เสียงเค้าทุ้มต่ำ แล้วเสียงใหญ่ แต่นุ่มมากๆ เหมือนดนตรีโมโนโทน
ฉัน "ชีวิตนี้เคยตะโกนตะคอกใครบ้างรึป่าว เหมือนไม่มีอารมณ์เลย"
เจส "๕๕ ผมก็เสียงแบบนี้หละ ตะโกนหรอ แล้วทำไมผมต้องตะโกนด้วย"
ฉัน "ก็ตะโกนทะเลาะกับฉันไง"
เจส "ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ"
ฉัน "นั่นแปลว่าไม่อยากรู้จักฉันใช่มั๊ย"
เจส "ไม่ใช่ แล้วทำไมเราต้องทะเลาะกันด้วย"
ฉัน "๕๕ นั่นสิ คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้ใช่มั๊ย พูดให้ฟังหน่อยสิ อยากฟัง"
เจสพูดอะไรออกมาไม่รู้ยืดยาว ฉันฟังไม่ออก แต่ก็ไม่ได้ถามคำแปล
ฉัน "คุณน่าจะมีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นนะ เหมาะกันแน่ๆ"
เจส "ความรักมันก็บังคับไม่ได้หรอก"
ใช่ ความรักมันห้ามมันออกแบบไม่ได้ จะบังคับ จะกำหนดอะไรไม่ได้เลย ทำไมฉัน...จะต้องชอบคุณด้วยนะ ภาษาคุณก็ฟังแล้วน่ารำคาญจะตาย โช้งเชงๆ หาความไพเราะแทบไม่เจอ หาความโรแมนติกก็แทบไม่มี
ฉัน "ถ้าคุณชอบใครที่เป็นคนต่างชาติ จะอยากเรียนภาษาเค้ารึป่าว"
เจส "แน่นอน"
ฉัน "ถ้านั่นไม่ภาษาญี่ปุ่นก็สนใจหรอ"
เจส "ใช่ ถ้าเราสนใจใครก็ต้องสนใจสิ่งที่เค้าเป็นด้วย"
ฉัน "ทั้งๆที่สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่คุณสนใจงั้นหรอ"
เจส "ถ้าผมสนใจเค้า นั่นก็กลายเป็นสิ่งที่ผมสนใจไปแล้ว"
ฉันพิมพ์ต่อไม่ออก ตอนนั้นฉันก็สนใจภาษากวางตุ้งไปแล้วจริงๆ ทั้งๆที่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันสนใจแต่แรก เค้าพูดถูกจริงๆด้วย
"ไม่เข้าใจใช่มั๊ย" เจสกดf2แล้วพูดภาษาไทยแปร่งๆออกมา!!
ฉันบอกไม่ถูกว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง...ก่งก๊งแต่ก็ดีใจไปด้วย อะไรของเค้าหนะ
"ไห่อะ อึมเหม่ง"(ใช่แล้ว ไม่เข้าใจ) ฉันกดf2พูดออกไป
ฉันไม่รู้ว่าเค้าขำอยู่รึป่าว แต่ฉันก็ตลกสิ่งที่เราสองคนทำ เรากำลังทำอะไรกันอยู่
เจสเปอร์ คุณต้องการพูดอะไรออกมาบ้างรึป่าว แล้วฉันก็สับสน...จะต้องการให้เค้าพูดอะไรหละ
ถ้าเกิดเค้าพูดออกมา จะรู้สึกดีงั้นหรอ ตกลงฉันต้องการอะไรกันแน่ ไหนว่าจะไม่ล้ำเส้นไง
ฉัน "เจส"
เจส "หืม"
ฉัน "ป่าว ไม่มีอะไร"
เจส "ไม่มีอะไรหรอ มี แต่ไม่พูดรึป่าว"
ฉัน "ถ้ามีคุณเป็นพี่ชายแบบนี้ตลอดไป ก็ดีสินะ"
เจส "ผมเป็นพี่คุณไม่ไหวหรอก"
ให้ตายสิ ฉันอึดอัดจะตายหน้าจออยู่แล้ว คนที่มีความรักทางอินเตอเน็ตจะต้องรู้สึกแบบนี้กันทุกคนงั้นหรอ จะบ้าอยู่แล้วนะ
เจส "แมนดี้"
ฉัน "หือ"
เจส "ไม่มีอะไรเหมือนกัน"
ฉัน "ไม่มีอะไรใช่มั๊ย งั้นฉันไปนอนหละ"
เจส "แมนดี้"
ฉัน "หือ"
เจส "ผมอยากให้คุณเป็นน้องสาวของผมตลอดไป"
ฉันเหลือบไปมองนาฬิกา ยัง...ยังไม่เลยวันที่1
หันไปมองนาฬิกาบนผนังเพื่อความชัวร์ ยังไม่เลยจริงๆด้วย จะใช่แบบที่ฉันคิดรึป่าวนะ
ฉัน "ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันอยากให้คุณเป็นพี่ชายของฉันตลอดไป"
เจส "คุณเข้าใจผมใช่มั๊ย"
ฉัน "คิดว่านะ ถ้าเราคิดเหมือนกันอยู่"
เจส "ผมไม่เคยชอบคุณ"
ฉัน "ฉันเองก็เหมือนกัน และฉันไม่มีทางชอบคุณ ไม่มีทางคิดถึงคุณ"
เจส "นั่นมันมากไปมั๊ย ๕๕"
ฉัน "ก็ฉันไม่เคยคิดถึงคุณเลยสักวินาที"
ถ้าเค้าคิดเหมือนฉัน...ถ้าเราคิดเหมือนกัน...
ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนว่าเป็นนาทีทองที่จะได้บอกความรู้สึกตัวเองก่อนจะพ้นวันไป หลังจากนี้ฉันอาจจะไม่ได้บอกเค้าอีกแล้วก็ได้
แต่ที่แน่ๆคืนนั้นฉันนอนไม่หลับ...เค้าคิดอะไรอยู่นะ ถ้าเซนซ์ฉันทำงานไม่ผิด แล้วต่อไปเราจะทำยังไงดีหละ...เหมือนระเบิดเวลาเลย
-----------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องราวของวันApril Fool Dayของปีที่แล้ว น่าจะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ฉันแน่ใจว่าเราคงจะลืมกันได้ยาก
ถึงผู้ชายบนโลกนี้จะขี้โกหก แต่ฉันเชื่อว่านั่นไม่ใช่เค้า ฉันอาจจะโง่และเชื่อคนง่าย แต่ก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนใจที่จะเชื่อในตัวผู้ชายคนนี้
เค้าทำให้ฉันเรียนรู้ว่า....การที่เรายังมีชีวิตอยู่โดยได้เชื่อมั่นในอะไรสักอย่าง...มันช่างมีความหมายมากมายจริงๆ
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 54 17:38:05
จากคุณ |
:
KissAhoLicGal
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ย. 54 17:34:30
|
|
|
|