เพียงเพื่อนใจ (บทที่ 1 เทพพิพิธ)
|
 |
บทที่ 1 เทพพิพิธ
ลำแขนแข็งแรงสองข้างดันร่างกำยำของชายหนุ่มขึ้นจากเรือนร่างเนียนสวยเบื้องล่างภายหลังเสียงหอบหายใจถี่ระรัวเมื่อบางอย่างถูกฉีดพล่านออกจากร่างกาย เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น ทุกอย่างก็จบ...
ชายหนุ่มหุ่นนักกีฬา ผิวขาวสะอาด ผมรกปรกถึงต้นคอ นั่งติดเม็ดกระดุมเสื้อนักศึกษาอยู่ปลายเตียงอย่างละเมียดละไม ค่อยๆ บรรจงแต่งกายให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ สายตาที่เมื่อครู่ก่อนนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความโหยหา บัดนี้กลับกลายเป็นเย็นชาไร้ซึ่งเยื่อใยใดๆ อีก
เทพพิพิธหยัดกายลุกขึ้นส่องดูตนเองที่หน้ากระจกเงา โครงหน้าคมเข้มยังคงทำให้ชายหนุ่มมั่นใจได้เหมือนอย่างเคย เขาเป็นสุภาพบุรุษ ที่ดูดี ทั้งหน้าตาและฐานะ...
ขอบใจนะ นี่ค่าตอบแทนของเธอ มือเรียวหากแต่แข็งแรงวางธนบัตรสีเทาสามใบลงบนเตียงนุ่มสีขาวที่มีผ้าปูที่นอนยับย่นห่มทับร่างหญิงสาวที่กำลังลืมตาตื่น
จะไปแล้วเหรอ เธอลากเสียงถามด้วยความอาวรณ์ หมายจะรั้งเค้าให้อยู่ต่ออีกสักนาที แต่กลับได้รับรอยยิ้มเรียบอันเยียบเย็นจากชายหนุ่มกลับมาเท่านั้น
ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามา มยุรีจะเป็นคนชิงตัดเยื่อใยกับชายหนุ่มทุกคนที่เริ่มจะเข้ามาก้าวก่ายชีวิตเธอ แต่ทว่าหากคราวนี้กลับไม่เป็นดังคาด เธอกลับอยากเอาเรียวมือซุกไซ้เนินอกแข็งแกร่งของเทพพิพิธในทุกครั้งที่เธอพึงอยากกระทำ อยากเอามือลูบปลายคางสากๆ นั้น อยากเป็นเจ้าของโครงหน้าคมเข้มที่อยู่ตรงหน้าเธอนี้ทุกวี่วัน แต่หญิงสาวจำต้องยอมรับกฎข้อหนึ่ง เป็นกฎที่เธอเองก็รู้ดี... การมีอะไรกันกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันได้แค่ไม่กี่วัน ไม่อาจจะสานต่อให้กลายเป็นความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ความรัก ได้หรอก เธอเองก็สวย คงจะหาคนที่ดูดีกว่าเขาได้ไม่ยาก
ชายหนุ่มบิดกายหันไปคว้าเอากระเป๋าสะพายสีดำที่ใช้ติดตัว มุ่งหน้าไปที่ประตูห้องเช่าชั่วคราวในม่านรูดที่อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองหลายกิโลฯ ก่อนจะดันมันออกและแทรกกายหายลับออกไป เหลือทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า... กับกลิ่นคาวและหญิงสาวในห้องนั้น...
แสงแดดในยามบ่ายนั้นร้อนแรงแผดเผาทุกชีวิตที่เคลื่อนที่อยู่บนพื้นโลก กิ่งดาวรีบยกสมุดเล่มใหญ่มาบังแดดไว้ทันทีที่ก้าวเดินออกจากที่กำบังในโรงรถของวิทยาลัย หากไม่จำเป็นเธอก็ไม่อยากขับรถไปข้างนอกในเวลาเรียนสักเท่าไหร่ แต่เพราะว่าณภัทร์เพื่อนในกลุ่มอีกคนเกิดลืมรายงานทิ้งไว้ที่ร้านถ่ายเอกสาร ทั้งกลุ่มก็จึงต้องรีบรักษาคะแนนนั้นไว้
เหลืออีกสิบนาทีก็จะถึงคาบอาจารย์บงกชแล้วนะ คนที่จ้ำพรวดอยู่ตรงหน้าพูดอย่างไม่หันมามอง จุดหมายปลายทางคืออาคารหก ชั้นสี่ ห้องสาม คณะวิชาสามัญสัมพันธ์ แผนกวิชาภาษาต่างประเทศเท่านั้น ตลอดทั้งเทอมที่ผ่านมากิ่งดาวไม่เคยสายเลยซักครั้ง และครั้งนี้ก็ต้องไม่สายเหมือนกัน
ก็เพราะไอ้ภัทร์น่ะแหละไม่ยอมสำรวจให้ดีก่อน ลืมนั่นลืมนี่เป็นประจำ ช่อทิพย์ที่ตามตูดเพื่อนสาวต้อยๆ แขวะใส่ อากาศก็ยิ่งร้อนอบอ้าว ไหนจะต้องมาเดินมาราธอนอีกเนี่ย...
ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ คนที่ถูกว่ายกมือขึ้นเหนือหัวขณะจ้ำอ้าวไปไม่ยอมหยุดเช่นกัน
ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เดี๋ยวฉันเคลียร์กับอาจารย์บงกชให้ ผู้ชายคนเดียวในกลุ่มพูดขึ้น ณภัทร์มักไม่เคยกังวลกับอะไรเสมอ รวมทั้งเรื่องคราวนี้ที่เขาเป็นต้นเหตุด้วยกระมัง คนนำหน้าไม่พูดพล่ำทำเพลงอะไรต่อ ยังคงเดินจ้ำอ้าวจนถึงที่หมายในที่สุด
กล่อมแก้วรีบผลักประตูห้องหนาทึบนั้นเข้าไปอย่างรีบร้อนก่อนจะได้พบกับความว่างเปล่า
ทำไมห้องว่างยังงี้ล่ะดาว? หันมาถามเพื่อนสนิทสีหน้าสลด กิ่งดาวจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูอย่างร้อนรน สิ่งที่เห็นมีเพียงโต๊ะและเก้าอี้ว่างๆ ที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ไร้เงานักศึกษาคนอื่นๆ และอาจารย์บงกช
ฉันว่ามันต้องมีเรื่องผิดพลาดอะไรแน่ๆ เลย ช่อทิพย์คาดการณ์ ทั้งกลุ่มจึงหันมามองกันตาปริบๆ คนที่เป็นต้นเหตุได้แต่ทำหน้าเจื่อนเมื่อถูกจ้องจากสามสาว
เฮ้ย... อย่ามองกันอย่างนี้ดิว่ะ อาจารย์แกอาจจะนัดเรียนที่ห้องอื่นก็ได้ ลองโทร.หาแกดูสิ ณภัทร์เสนอขึ้นพร้อมกับพยักเพยิดไปที่กล่อมแก้ว
ของฉันไม่มีเงินอ่ะ ลืมเติม ใบหน้ากลมรีหยีตาเล็กน้อยก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าดังเดิมเมื่อรู้ว่ามันใช้ประโยชน์ไม่ได้ เมื่อเห็นดังนั้นกิ่งดาวจึงได้ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา กดหารายชื่ออาจารย์บงกชอย่างรีบร้อน แต่ยังไม่ทันจะหาเจอก็มีสายเข้าซะก่อน
สงสัยเพื่อนๆ คนอื่นๆ อาจโทร.มาบอกห้องสอนมั้ง ณภัทร์ชะโงกหน้าบอกตาโต กิ่งดาวขมวดคิ้วใส่ทีนึงก่อนกดรับสาย
สวัสดีค่ะ... ทักทายตามมารยาทแต่ยังไม่มีเสียงตอบรับ ตาวาวใสจึงกลอกมองเพื่อนสนิททั้งสามที่กำลังรอฟังคำตอบอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
เอ่อ... นี่เบอร์กิ่งดาวรึเปล่าครับ เทพพิพิธพูดตะกุกตะกักเสียจนเพื่อนสนิทที่อยู่รายล้อมอดขำไม่ได้ ทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวเองต้องคุยกับผู้หญิง แปลกหน้า
ค่ะ... ดาวพูดอยู่ค่ะ อีกฝ่ายเน้นเสียงหนัก น้ำเสียงเหมือนรอฟังบางอย่างจากอีกฝ่าย หญิงอาวุโสผู้เป็นอาจารย์จึงสะกิดให้ชายหนุ่มพูดต่อตามจุดประสงค์ที่เธอสั่ง
คือว่า...อาจารย์บงกชให้ผมบอกคุณว่า อาจารย์นัดให้มาที่หอประชุมเล็กนะครับ พอดีอาจารย์แกจะนัดประชุมเรื่องโปรเจคต์และก็พรีเซ็นต์รายงานของแต่ละกลุ่มเลย ครูบงกชพยักหน้าให้เมื่อเทพพิพิธถ่ายทอดคำสั่งเธออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
อ้าว... ก็ไหนอาจารย์นัดที่ห้องนี้แล้วไง จะให้เดินไปหอประชุมเดี๋ยวนี้เหรอ? กิ่งดาวลากเสียงถามอย่างอารมณ์เสีย ก่อนที่ณภัทร์จะแทรกขึ้น
อาจารย์นัดที่หอประชุมเหรอดาว กระซิบถามเพื่อนสาว คนที่คุยโทรศัพท์อยู่พยักหน้าสองสามครั้งเป็นการยืนยัน เพื่อนหนุ่มจึงหันมาเบ้ปากใส่กล่อมแก้วและช่อทิพย์อย่างอารมณ์เสีย
เทพพิพิธทำหน้าเอ๋อก่อนจะตอบกลับไป ทุกคนกำลังรอพวกคุณอยู่ครับ รีบมานะครับ น้ำเสียงหวานตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
ค่ะ... ขอบคุณมากนะคะที่อุตส่าห์โทร.มาบอก ปลายสายขอบคุณเสียงกระแทกหูก่อนจะกดวางสายและรีบนำลูกทีมบึ่งมาที่หอประชุมเล็กที่อยู่อีกฟากของวิทยาลัย
ขอบคุณมากนะจ๊ะเทพพิพิธที่ให้ครูรบกวน ครูบงกชเอามือแตะที่บ่าหนาของลูกศิษย์หนุ่มหนึ่งครั้งหลังจากที่ไหว้วานให้แจ้งข่าวแก่หญิงสาวเมื่อครู่
เทพพิพิธยิ้มตาหวานให้อาจารย์ก่อนตอบอย่างอารมณ์ดี ผมเองก็ต้องขอบคุณอาจารย์ด้วยเหมือนกันล่ะครับที่ให้เบอร์กิ่งดาวกับผมมา ทำท่าทำทางพร่ำเพ้อจนชานนท์และคพเพลิงผู้เป็นเพื่อนสนิทแทบจะอาเจียน
อย่ายุ่งกับกิ่งดาวเชียวนะ เธอเป็นคนดี ปล่อยๆ ไปหน่อยเถอะตาเทพ ค้อนใส่ลูกศิษย์หนุ่ม แม้ว่าเธอจะไม่ใช่อาจารย์ที่ปรึกษาของเด็กกลุ่มนี้แต่เธอก็พอรู้ประวัติของแต่ละคนอยู่บ้าง โดยเฉพาะเทพพิพิธที่เป็นเพื่อนสนิทกับคพเพลิงหลานชายของเธอเอง
ใช่... เผลอๆ เขาอาจจะมีแฟนแล้วก็ได้ ชานนท์ว่าใส่ บางทีก็เบื่อกับนิสัยของเพื่อนสนิทคนนี้ที่เปลี่ยนแฟนบ่อยเป็นว่าเล่น เปลี่ยนเหมือนกับน้ำหอม พอกลิ่นไหนเบื่อแล้วก็ใช้กลิ่นใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ใจหนึ่งเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหากเทพพิพิธได้ผู้หญิงที่ชื่อ กิ่งดาว คนนี้มาครองแล้วเธอจะเอาไอ้เจ้าเทพอยู่หมัดรึเปล่าหรือว่าจะยอมให้มันไปควงหญิงสาวคนอื่นเมื่อเบื่อเธอเข้าสักวัน
เห็นแกตามจีบมานานแล้วไม่ใช่เหรอวะ ป่านนี้ยังไม่ได้เบอร์อีกเหรอ คพเพลิงแขวะใส่บ้าง แต่คนถูกว่ากลับยักไหล่
ก็นี่ไง... เพิ่งได้เมื่อกี้นี่เอง เทพพิพิธโชว์มือถือที่บันทึกเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.ออกเมื่อครู่ไว้เรียบร้อย แถมยังบันทึกชื่อว่า แฟนใหม่ อีกต่างหาก ถ้าเจ้าของเบอร์เขามาเห็นจะรู้สึกยังไงเนี่ย
คพเพลิงได้แต่ส่ายหัวกับพฤติกรรมของเพื่อนสนิทหนุ่มอย่างเอือมระอา เมื่อได้เวลากลุ่มแรกจึงเริ่มการนำเสนอรายงานของตนเอง...
ผ่านมาได้ประมาณสองถึงสามกลุ่มเมื่อเสียงปรบมือเงียบลงกอรปกับจังหวะที่ประตูห้องประชุมเล็กที่ถูกผลักออก คนที่โผล่หน้าเข้ามาคนแรกจึงเป็นที่จับตามองของคนทั้งห้องประชุม
ขออนุญาตค่ะ น้ำเสียงนุ่มหากแต่ก้องกังวานทั้งห้องประชุมของกิ่งดาวทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธอเป็นตาเดียว หญิงสาวประหม่าเล็กน้อยแต่ก็เก็บอาการไว้อย่างมิดชิด ค่อยๆ เดินนำหน้าเพื่อนสนิทอีกสามคนไปยังที่นั่งที่ว่างอยู่ซึ่งเหลือเพียงแค่สามที่นั่ง
กิ่งดาวที่เดินนำหน้ามาไม่ทันได้สังเกตจึงหย่อนตัวลงนั่งพร้อมกับวางรายงานเล่มโตบนโต๊ะสีขาวขัดมัน ณภัทร์เองก็รีบทิ้งกายลงบนเก้าอี้พร้อมกับปาดเหงื่อโบกมือพัดแอร์เย็นฉ่ำให้ปะทะใบหน้าก่อนจะยิ้มแหยให้กับอาจารย์บงกช ในขณะที่ช่อทิพย์กำลังจะทรุดลงนั่งแต่ก็ชะงักเสียก่อน ที่นั่งเหลือเพียงหนึ่งที่เท่านั้น
ช่อทิพย์มองหน้ากล่อมแก้วด้วยสายตาลังเล ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันหาที่นั่งใหม่ก็ได้ คนที่อยู่สุดท้ายบอกเสียงค่อยพร้อมกับยิ้มเรียบๆให้เพื่อนสาว กล่อมแก้วหมุนตัวกลับกวาดสายตามองหาที่ว่างในขณะที่ช่อทิพย์ค่อยๆ ทรุดลงนั่งพลางจับสายตาตามร่างกล่อมแก้วอย่างเป็นกังวล
ในที่สุดหญิงสาวก็พบที่ว่าง... เก้าอี้อีกตัวที่ติดกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งนั่นไง... ดวงตากลมโตพลันได้สบเข้ากับสายตาคมคายของเทพพิพิธที่เบนสายตาจากดวงหน้ากิ่งดาวมาพอดี ชายหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะผินหน้ามาทางเก้าอี้ที่ว่างเป็นการเชื้อเชิญ
ใบหน้ากล่อมแก้วแดงซ่าน หัวใจเต้นโครมครามอยู่ในอก รู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวราวกับถูกไฟช็อต... เมื่อกี้ ใช่ เขายิ้มให้เธอ... คนที่เธอคอยแต่เฝ้าแอบมองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันคนนั้น... ผู้ชายคนที่เธอหมายปอง
หาที่นั่งได้รึยังกล่อมแก้ว น้ำเสียงหนักที่ดังก้องของครูบงกชทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง ทำเอาหลายๆ คนหัวเราะน้อยๆ ให้ พอได้สติจึงรีบบึ่งไปที่เก้าอี้ตัวติดกับเทพพิพิธทันที เธอดึงพนักเก้าอี้ออกก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆ ช่วยดันมันออกอีกแรง กล่อมแก้วค้อมศีรษะมนลงเล็กน้อยก่อนที่เทพพิพิธจะยิ้มตอบกลับไป กิ่งดาวรับรู้อยู่ตลอดว่าอีกฝ่ายนั้นเอาแต่จ้องมองเธอตลอดการพรีเซ็นต์ กระทั่งกลับมาทรุดนั่งลงข้างกายณภัทร์และช่อทิพย์เพื่อนสนิท เธอก็มิวายถูกเทพพิพิธจ้องมองด้วยสายตาหวานเยิ้ม มองเธอประหนึ่งนางฟ้าที่แปลงกายลงมายังโลกมนุษย์
หญิงสาวตวัดตาค้อนเข้าใส่พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิด แต่นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายผายยิ้มอย่างร่าเริงที่อย่างน้อยเขาก็เรียกความสนใจจากเธอได้ แม้กระทั่งตอนทำท่าค้อนใส่ก็ยังดูน่ารักเสียไม่มี... แต่เทพพิพิธก็ได้หารู้ไม่ว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกายเขานั้นจับเป้าสายตาของเขาได้ กล่อมแก้วมองตามแววตาหวานๆ ของชายหนุ่มไปยังกิ่งดาวที่ทำทีเป็นฟังกลุ่มต่อไปนำเสนอรายงานแต่ใจนั้นกลับกระวนกระวายกับใบหน้าทะเล้นของเทพพิพิธ
กล่อมแก้วก้มหน้างุดลงมองหนังสือบนตัก สายตาไล่เรียงไปยังมือแข็งแรงของชายหนุ่มที่วางประสานกันอยู่บนโต๊ะ เมื่อไหร่กันหนาที่มือหนาคู่นั้นจะมาเกาะกุมสองมือเธอไว้ พร้อมกับคำสารภาพรักที่เธอเฝ้าฝันว่าซักวันจะได้ยินจากปากผู้ชายที่เธอรัก เธอปรารถนา... หลายต่อหลายครั้งที่เธอไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง แต่ทว่าคนเราแม้จะสามารถโกหกผู้อื่นได้แนบเนียนเพียงไร แต่ก็มิอาจโกหกใจตนเองได้หรอก
กล่อมแก้วสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ หันไปมองเรียวหน้าคมสันที่ยังคมเผยยิ้มหวานๆ ส่งให้กับกิ่งดาวไม่ขาด หวังไว้ว่าซักวันปลายจมูกโด่งอันนั้นจะมาจรดอยู่ที่ปลายหน้าผากมนของเธอ ต่อไปนี้เธอจะไม่โกหกใจตัวเองอีกแล้ว... ใช่...เทพพิพิธคือผู้ชายที่เธอรัก ถ้าวันนั้นกิ่งดาวไม่เข้าไปเจอบันทึกส่วนตัวของกลอยใจผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาว และเธอก็ได้แอบอ่านมันเข้า เธอคงไม่รู้ความในใจของคนเป็นพี่ที่ระบายใส่กระดาษแผ่นสีขาวที่เรียงตัวซ้อนกันอยู่ในสมุดบันทึกเล่มเล็กที่กลอยใจหวงนักหนานั้นหรอก ย้อนไปเมื่อปีที่แล้วราวเดือนพฤษภาคมก่อนที่วิทยาลัยจะเปิดเรียน นักศึกษาปีหนึ่งทุกคณะต่างต้องมาปฐมนิเทศที่วิทยาลัย ซึ่งแน่นอนกลอยใจย่อมจะต้องเป็นหนึ่งในนั้น เธอตื่นเต้นมากที่ได้พบเพื่อนใหม่ๆ สถานที่เรียนแห่งใหม่ ครู-อาจารย์ และ... ได้พบกับชายหนุ่มผู้ที่ติดตรึงตาตรึงใจเธอนับตั้งแต่วันนั้นมา
ทุกคณะถูกจับไปนั่งรวมกัน ณ ลานซีเมนต์ใต้ต้นจามจุรีต้นใหญ่ มีรุ่นพี่และอาจารย์สองสามคนยืนอยู่ด้านหน้าแถวก่อนจะอธิบายถึงเกมที่จะใช้เล่นในวันปฐมนิเทศนี้ ทุกคนต่างกลัวที่จะถูกคัดเลือกออกไปเต้นท่าแปลกๆ ด้านหน้า แต่ก็เหมือนฟ้าจะลิขิตเอาไว้ กลอยใจถูกเรียกตัวออกไปด้านหน้าคู่กับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาจากแผนกช่างยนต์...
เทพพิพิธครับ เรียกเทพเฉยๆ ก็ได้ เขายักไหล่หนาขึ้นหนึ่งครั้ง พร้อมกับผายยิ้มให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกัน กลอยใจจ้องหน้าเขาอยู่นานก่อนจะบอกชื่อตัวเอง
เอ่อ... ใจค่ะ พูดเสร็จก็รีบก้มหน้างุด ได้ยินแต่เพียงเสียงหัวใจเต้นระรัวอยู่ในอก ผิวเนียนละเอียดพลันได้กลายเป็นสีชมพูระเรื่อปรากฏเห็นจนเด่นชัด
ใบหน้าสะอาดใสของเทพพิพิธในวันนั้นที่กลอยใจได้เห็นถูกบรรยายอย่างละเอียดลออลงบนสมุดบันทึกถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อเขา แต่ติดตรงที่เธอมิกล้าเผยตัวว่าคิดกับเขาเช่นไรและเทพพิพิธก็มีหญิงสาวมากหน้าหลายตามารักมาชอบ เธอเคยรู้สึกทั้งโกรธและเสียใจ แต่เมื่อเห็นเขาไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเลยก็ทำให้หญิงสาวคิดว่ายังมีโอกาส โอกาสที่สักวันหนึ่งเทพพิพิธจะตกหลุมรักเธอ...
ใช่ว่ากิ่งดาวจะไม่สนใจใบหน้ายียวนกวนประสาทและสายตาที่มีเสน่ห์คู่นั้น... เขาดีพร้อมทุกอย่าง แต่เธอไม่อยากเป็นน้องที่ทำร้ายจิตใจพี่สาวอย่างกลอยใจ แค่คิดเธอก็รู้สึกผิดมหันต์แล้ว... ตอนนี้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะหาวิธีไหนเพื่อเข้าหาเธอก็ตาม เธอมั่นใจหนักหนาว่าจะไม่เผลอใจให้เขาไปง่ายๆ อย่างแน่นอน กิ่งดาวยังคงหนักแน่นกับหัวใจของตัวเอง หากแต่ว่าหญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าสักวัน... สักวันเธออาจจะถลำตัวหลงรักเขาเข้า
ขอภาวนาอย่าให้มีวันนั้นเลย... หญิงสาวกระซิบบอกกับตัวเองเบาๆ
ไม่คิดว่าวันนี้กิ่งดาวจะเจอกับเรื่องราวซวยซ้ำซวยซ้อน หลังจากที่เกือบพลาดการนำเสนอรายงานแล้ว พอขากลับขณะกำลังควบมอเตอร์ไซด์คันใหม่ที่คนเป็นพ่อเพิ่งซื้อให้เมื่อปลายปีที่แล้วจู่ๆ มันก็ดับลงกลางทางซะอย่างนั้น ระยะทางจากบ้านถึงวิทยาลัยก็ร่วมหกกิโลฯ ผ่านทั้งย่านผู้คนอาศัยหนาแน่น หมู่บ้านและป่าทึบ ตอนนี้รถของเธอดับลงตรงสถานที่ซึ่งจัดได้ว่าเปลี่ยวที่สุดในละแวกนั้นแล้ว...
บนถนนลาดยางในยามเย็นตอนนี้นั้นปลอดคน แสงตะวันลอยโพล้เพล้อยู่ปลายฟ้าทางตะวันตก หลังจากจอดรถไว้ข้างทางเรียบร้อยแล้วกิ่งดาวก็ออกเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีบ้านคนหรือร้านซ่อมรถอยู่แน่... เหลืออีกประมาณสามกิโลฯกว่าจะถึงบ้านแถมโทรศัพท์มือถือก็ดันแบตหมดเอาตอนนี้อีก หญิงสาวถอนหายใจเสียงดังฟุดฟิดอย่างอารมณ์เสีย เรือนหน้าขาวละมุนมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นจนเปียกชุ่ม ปลายสายตางอนตวัดมองรถเจ้ากรรมที่ดับอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ให้ถึงบ้านก่อนค่อยดับไม่ได้เหรอ... บ่นให้กับรถคู่ใจอย่างกับว่าเครื่องยนต์ตรงหน้ามีชีวิต ถ้ามันมีความรู้สึกเธอก็อยากจะพรรณนาถึงเหตุผลหลายสิบข้อที่วันนี้อยากจะกลับถึงบ้านเร็วกว่าทุกๆ วันให้มันฟัง
สายลมแผ่วเบาของปลายฤดูฝนพัดหอบเอาเศษใบไม้จากดงไม้สองข้างทางปลิวว่อน พลันทำให้กิ่งดาวนึกถึงสมุดบันทึกของพี่สาวที่เธอแอบเอามาอ่านแล้วยังไม่ได้นำไปเก็บไว้ยังห้องของเจ้าตัว ถ้ากลอยใจต้องการจะบันทึกเรื่องราวของวันนี้ แล้วไม่พบเจ้าสมุดเล่มนั้น... กลอยใจก็จะต้องออกตามหา แล้วถ้าหากว่าพบมันอยู่ในห้องของเธอล่ะ...
หญิงสาวหันกลับมาที่รถมอเตอรไซด์คู่ใจอีกครั้งหนึ่ง รีบตรงไปที่มันก่อนจะใช้ปลายเท้าเตะขาตั้งขึ้น สองมือจับที่แฮนด์อย่างมั่นคงพร้อมกับออกแรงดันให้ล้อหมุนไปข้างหน้า... ต่อให้ต้องเข็นกลับบ้าน ก็ยังดีกว่าการยืนรออยู่กับที่แบบนี้...
เทพพิพิธขอให้คพเพลิงเพื่อนสนิทหนุ่มร่างแผนที่จากวิทยาลัยไปยังบ้านของกิ่งดาวให้อย่างคร่าวๆ เมื่อเสร็จหน้าที่คนที่ถูกรบกวนจึงถามเพื่อนหนุ่มอย่างตรงๆ
นี่เอ็งกะจะบุกถึงบ้านเขาเลยเหรอว่ะไอ้เทพ คพเพลิงหรี่ตารอฟังคำตอบจากคนเป็นเพื่อน เทพพิพิธมองแผนที่ในมือก่อนจะอมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
อยากได้ลูก:-)็ต้องเข้าถ้ำเสือสิว่ะ คนพูดตีคิ้วหนึ่งครั้งอย่างมีชั้นเชิง
ฉันกลัวว่าจะถูกพ่อเค้ายิงไส้แตกกลับมาน่ะสิไม่ว่า คพเพลิงแสยะยิ้มใส่อย่างเอือมระอาก่อนที่เทพพิพิธจะยัดแผนที่ใส่กระเป๋ากางเกง ลุกจากม้านั่งและตบไหล่เพื่อนสนิทหนุ่มเบาๆ
เอ็งคอยดูนะโว้ยเพื่อน ข้านี่แหละจะทำให้ว่าที่พ่อตาเอ็นดูว่าที่ลูกเขยอย่างข้าจนต้องอ้อนวอนให้ข้ายกขันหมากไปสู่ขอลูกสาวให้ได้ คนพูดสูดหายใจลึกพร้อมกับยืดอกอย่างภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีตนที่จะหาผู้ใดเทียบได้ไม่ คพเพลิงเห็นแล้วก็ต้องเบ้ปากเบือนหน้าหนี สุดที่จะรั้งจะห้ามเพื่อนคนนี้ได้ อันที่จริงเขาเองก็เคยคิดจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเทพพิพิธเสียเมื่อไหร่เพียงแต่เห็นว่าครั้งนี้เพื่อนหนุ่มล้ำเส้นที่ตัวเองเคยวางไว้ ตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนมาร่วมสองปี คพเพลิงไม่เคยเห็นเทพพิพิธอยากไปพบหน้าพ่อหรือแม่หรือแม้แต่คนในครอบครัวของหญิงสาวที่เขาเคยควงเป็นแฟนเลยสักคน... แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้คิดอยากจะไปบ้านกิ่งดาวก็สุดที่ใครจะรู้ใจของชายหนุ่มได้ คพเพลิงเบิกตาขึ้นจากการครุ่นคิดชั่วครู่ ทอดมองร่างสูงสมส่วนของเทพพิพิธที่เดินตรงไปยังโรงจอดรถของวิทยาลัยจนลับสายตาในที่สุด
กิ่งดาวหมดแรงในที่สุด เสียงหอบแฮ่กๆ ของหญิงสาวดังขึ้นเมื่อพายานพาหนะคู่ใจมาหยุดอยู่ที่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เสี้ยวสายตามองไปยังหนทางซึ่งก็คือถนนสายหลักที่มุ่งตรงสู่หมู่บ้านของเธอ ในขณะนี้มันถูกปกคลุมด้วยเงามืดของแมกไม้สองข้างทาง เหลือเพียงแต่แสงสว่างโพล้เพล้จากปลายฟ้าที่ส่องลงมาเท่านั้น
หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี ในขณะที่ความคิดกำลังสับสนกระวนกระวายอยู่นั้นซุ่มเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นด้านหลัง
ให้ผมช่วยมั้ยครับ กิ่งดาวรีบหันขวับไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงแหบห้าวของชายหนุ่มที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงรถมอเตอร์ไซด์ซึ่งกำลังตรงเข้ามาใกล้ๆ โครงหน้าหล่อเหลานั้นคลี่ยิ้มกว้างอย่างทะเล้นเมื่อเห็นหยาดเหงื่อเปรอะเปื้อนเรือนหน้าเนียนของอีกฝ่าย
กิ่งดาวไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่แปลกใจเท่านั้นว่าทำไมเขาถึงได้ปรากฎตัวในยามที่เธอต้องการอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเช่นนี้ จากนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเธอจะยอมให้เขาช่วยรึเปล่าเท่านั้นเอง...
เหมือนว่ารถคุณจะมีปัญหานะ เทพพิพิธจอดรถมอเตอร์ไซด์ลงข้างทางพร้อมกับดับเครื่องพลางเดินดุ่มๆ ตรงมายังพาหนะสีน้ำเงินคู่กายของกิ่งดาว
แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 13:55:01
แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 54 16:10:06
จากคุณ |
:
ผีเสื้อสีดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.ย. 54 16:03:55
|
|
|
|