กลับไปก่อนหน้านั้น
บทที่หนึ่ง (จุดเริ่มต้น)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11081879/W11081879.html
บทที่สอง-คำทำนาย
กริ๊ง.........เสียงกริ่ง
เลิกเรียนดังยาว
เป็นสัญญาณบ่งบอกเวลา เหล่าฝูงทโมนทั้งหลาย ได้เวลาปลดปล่อยแล้ว เสียงพูดคุยจอกแจกจอแจ
ดังไปทั่วบริเวณ ผมเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าก่อนจะยกขึ้นสะพาย เพื่อที่จะเตรียมตัวกลับ
ยังไม่มีเป้าหมายจำเพาะเจาะจง แต่ผมตั้งใจว่าจะไปแวะดูหนังสือที่ร้านสักหน่อย แล้วค่อยกลับบ้าน
ครืด.....ประตูสีเทาของห้องเรียนผมถูกเปิดออก พร้อมกับร่างบอบบาง ที่เรียกร้องความสนใจ จากบรรดาผู้ชายในห้องผมได้มากโข ทั้งที่โสดและไม่โสด รอยยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ผม และมีรอยประหม่าในแววตา จากการที่ถูกเพศตรงกันข้าม มองอย่างไม่ละสายตา
ว่าไงน้ำอุ่น
สวัสดีค่ะพี่ดี เธอเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับส่งยิ้มเขินๆมาให้เหมือนทุกครั้ง
วันนี้ พี่ดีว่างไหม "
" พี่ว่างสำหรับน้องสาวพี่เสมอล่ะ " ผมลูบหัวเธออย่างเอ็นดู
"แหวะ....จะอ้วกว่ะ " เสียงยัยแก้ว เพื่อนร่วมโลก ที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกันกับผม ทำท่าผอืดผะอม
ผมหันไปส่งยิ้มให้ จะว่ายิ้มก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ออกทำนองแสยะมากกว่า
" ใครเสกเด็กเข้าท้องหรือไง "
" ไอ้หมา ....แกว่าใครวะ "ยัยแก้วถลกแขนเสื้อทำท่าจะเอาเรื่องผม ยัยทอมเนี่ยไม่รู้เป็นอะไร ชอบมาหาเรื่องผมได้ทุกเวลา ยิ่งหลังๆ ยิ่งถี่และหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้เกลียดอะไรยัยนี่นะ และผมเชื่อว่ายัยนั่นก็เหมือนกัน
เราออกทำนองคู่กัดซะล่ะมากกว่า
"เปล่า แค่เอ่ยลอยๆ ร้อนตัวรึไง " ผมหันไปส่งสัญญาณให้ น้ำอุ่นเดินตามผมมา
หลังเราออกจากห้อง ผมยังได้ยินเสียงของยัยนั่น อาละวาดเป็นระยะๆ สงสัยวันแดงเดือดล่ะมั้ง
" พี่ดี น้ำอุ่นไปทำอะไรให้พี่เค้าไม่พอใจหรือเปล่าคะ " เธอถามผมด้วยสีหน้าเชิงหวาดๆ
ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกแบบนั้น ยัยนั่นน่ะทำท่าไม่พอใจที่เห็นผมอยู่กับน้องผม สงสัยกะจะคั่วยัยนี่แน่ๆเลย
เห็นแววตาแป๋วๆออกแนวใสซื่อ แบบนี้ใครไม่รู้สึกอะไรก็แปลกแล้ว แต่ยัยน้ำอุ่นกลับคิดไปว่า
คุณเธอไม่ชอบหน้าตัวเองซะงั้น
"เปล่าหรอก แค่หมาบ้าน่ะอย่าไปใส่ใจเลย "ผมขยี้หัวเธออย่างหมั่นเขี้ยว
" พี่ดี หัวน้ำอุ่นยุ่งหมดแล้วนะ " เธอเอามือจัดผมเส้นเล็กของเธอให้เรียบร้อย พร้อมกับทำแก้มป่องอย่างงอนๆ
ผมไม่พูดอะไร ได้แต่เพียงส่งแววตาเอ็นดูไปให้เธอ
ทันทีที่สบตากัน สีแก้มของเธอค่อยๆแดงเรื่ออย่างน่าขำ พร้อมกับเสมองไปทางอื่น
" เป็นอะไรแก้มแดงๆนะเราน่ะ ร้อนเหรอ " ผมล้วงเอาสมุดเล่มบางจากในเป้ ขึ้นมาบังแดดให้เธอ
"ปะ....เปล่า....เอ่อ..ใช่ค่ะ ว่าแต่ พี่ดีไปซื้อของเป็นเพื่อนน้ำอุ่นได้ไหมคะ "
เธอเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ทำเอาผมตามแทบไม่ทัน
"ได้สิ..สำหรับ น้องสาว....พี่ทำให้ได้อยู่แล้ว "
" ขอบคุณค่ะ "
แวบหนึ่ง ผมเห็นแววตาหม่นแสงในดวงตาของเธอ แต่ผมคงคิดไปเอง เพราะแววตาที่ร่าเริงกลับมาอีกครั้ง
" งั้นเราไปกันเลยนะคะ " เธอสอดแขนคล้องแขนผมพร้อมกับเดินหน้าอย่างร่าเริง
ไม่น่าเชื่อว่า เด็กสาวที่มีชีวิตชีวาขนาดนี้ จะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ผมไม่เคยอยากเชื่อเลยจริงๆ
แม้ว่า มันจะออกจากปากพี่ชายแท้ๆของเธอ ในวันที่เราพบกัน เมื่อสามเดือนก่อน
สามเดือนก่อนหน้านี้
ผมจำได้ดี แม้ว่าจะผ่านมากว่าสามเดือนแล้วก็ตาม ท้องฟ้าเป็นสีเทาครึ้มด้วยเมฆฝน ลมแรงบ่งบอกว่า ใกล้จะได้เวลาที่หยดน้ำจากท้องฟ้าจะร่วงหล่นลงมาแล้ว ผมที่เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว และกำลังจะกลับบ้าน
ทันทีที่ผมพ้นออกไปนอกตึก ก็พบร่างสูงที่ดูคุ้นตา ใครกันนะ
เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ ก็พบว่า คนนั้นเป็นคนที่ผมรู้จัก
พี่น้ำนิ่ง นี่เอง เขากำลังยืนพิงเสาด้วยท่าทีที่หนักใจในอะไรสักอย่าง
ผมอดเอ่ยปากทักไม่ได้ตามประสาคนรู้จักกัน
" พี่มารับน้ำอุ่นเหรอครับ น้ำอุ่นกลับไปแล้วพี่ ผมเห็นรถที่บ้านมารับไปแล้ว "
พี่น้ำนิ่งตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเอ่ยปาก
" พี่มีเรื่องคุยกับเรานั่นล่ะ "
" ผมเหรอ? " ผมเอามือชี้ตัวเองด้วยความแปลกใจ
"ใช่ ไปกับพี่หน่อยได้มั้ย " พี่น้ำนิ่งพยักหน้าไปทางรถ สีเแดงที่มีรอยชนคันเดิม
ผมเดินตามไปที่รถแทนคำตอบ คงไม่มีอะไรล่ะมั้ง
ใจผมไพล่ไปคิดถึงอุบัติเหตุเมื่อวานนี้ และผมคิดว่าแกคงมาพูดเรื่องนี้ ทันทีที่เจ้ารถสีแดงแสบตาออกตัว
ฝนที่ตั้งเค้าอยู่นานทำท่าจะตก ก็โปรยตัวลงมา ทำเอาอากาศที่เย็นอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มความหนาวเหน็บยิ่งขึ้น
ผมแอบมอง สีหน้าด้านข้างของคนขับ ดูเหมือนว่าจะมีความหนักใจเหลือเกิน
แม้จะถูกปิดบังโดยสีหน้า แต่แววตาก็ยังคงปิดไม่มิด
" ดีสิ่งที่ พี่พูดนี่ไม่ใช่จะดูถูกนะ อย่าเข้าใจผิด " ชายร่างสูงที่นั่งข้างผม เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน
" อะไรครับพี่ "
" เอ่อ.....น้ำอุ่นเป็นไงมั่ง "
ผมอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ด้วยความสงสัย เมื่อสีหน้าและแววตา รวมทั้งคำเกริ่นนำ ไม่ได้บ่งบอกว่าจะเป็นคำถามที่สบายๆ อย่างที่ปากชายคนนี้พูดออกมา
" ก็ดีครับ น้ำอุ่นร่าเริงดีครับ ดูเหมือนว่าน้องเค้าจะเข้ากับเพื่อนได้ดี ออกจะดีเกินไปด้วยซ้ำ "
ผมไพล่ไปคิดถึงวันแรกที่เธอมาเรียน ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นคนดังในชั่วพริบตา ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามและความร่าเริงที่กินใจหลายๆคน และที่สำคัญ ผมพึ่งรู้ว่าธุรกิจที่พ่อและแม่เธอทำอยู่จะเจริญรุ่งเรืองขนาดที่ว่า ปรากฏอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ซึ่งเธอก็รับสถานการณ์นี้ได้ดี โดยการที่เว้นระยะไม่เข้าใกล้ใครเกินไป จนไร้ซึ่งความระแวดระวัง และไม่ห่างเหินจนเรียกได้ว่าถือตัว
ยกเว้นกับผม เมื่อก่อน เธอยังเป็นน้องสาวตัวน้อยของผมยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
"เหรอ...." พี่น้ำนิ่งหันหัวรถไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ก่อนจะจอดเจ้ารถสีแดงในลานจอดรถใต้ดิน ทันทีที่รถจอดสนิท ทุกสรรพสิ่งต่างเงียบงัน อากาศที่เกิดจากความขมุกขมัวของท้องฟ้า
ไม่ทำให้ในรถสว่างมากนัก ถึงจะพอมองเห็น แต่ทว่าก็ไม่ได้ชัดเจนอย่างที่ใจคิด
พี่น้ำนิ่งล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อออกมา แล้วยื่นส่งมันมาให้ผม มันเป็นกระดาษรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เมื่อผมรับมันมาดู ก็พบว่ามันคือเช็ค สั่งจ่ายในนาม....ถ้าผมอ่านไม่ผิด มันคือชื่อผม จำนวนกว่าห้าล้าน
"นี่มันอะไรครับ พี่น้ำนิ่ง "
"ช่วยทำดีกับน้ำอุ่นได้ไหม " สีหน้าและแววตามันบ่งบอกได้ว่า ถ้าต้องคุกเข่าขอร้อง ชายคนนี้ก็จะไม่ลังเล
"พี่ครับ....ผมก็ทำดีกับเธออยู่แล้วนี่ครับ แล้วอีกอย่าง นี่มันอะไรกันครับ "
" ทำดีกับเธอให้มาก อย่าทิ้งเธอ อย่าทำให้เธอต้องเสียใจ และอย่าจากเธอไปไหนอีก " วลีหลังฟังเหมือนว่าเขาไม่ได้พูดกับผม แต่พูดกับใครอีกคน ใครอีกคนที่สำคัญกับเขาเหลือเกิน
" พี่ครับ พี่ยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะครับ "
ชายร่างสูงกำพวงมาลัยแน่น จนหนังที่หุ้มอยู่ ส่งเสียงเอี๊ยดอาดอย่างประท้วง บ่งบอกว่า สิ่งที่เขากำลังจะพูดมันสร้างความหนักใจให้เขาขนาดไหน ก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงเอาเสียเลย
" น้ำอุ่น......เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว "
"อะไรนะพี่? " ผมทวนคำถามด้วยความไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน
" น้ำอุ่นเป็นโรคหัวใจ หัวใจของเธออ่อนแอมาก หมอบอกว่า กรุ๊บเลือดเธอ เป็นกรุ๊บพิเศษ ที่มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยซะอีก ไม่ต้องพูดถึงการบริจาดหัวใจที่น้อยอยู่แล้ว และหมอบอกว่าถ้าไม่ได้หัวใจใหม่เร็วๆนี้ เธออาจ...."
เสียงของผู้ชายคนข้างๆเงียบเสียงลงไป ด้วยกลัวในสิ่งที่ตนกำลังพูดออกมา
"แต่น้ำอุ่น ก็ดูปกติดีนี่ครับ " ผมเอ่ยแย้งด้วยเมื่อเห็นสภาพของเธอ ที่มองไม่ออกซักนิด ว่าป่วยอยู่
" นั่นเพราะ เธอยังไม่มีอาการ แต่ถ้าเมื่อไหร่ เธอเสียใจหรือตกใจมากๆ เธอก็อาจจะ..... "
ทุกอย่างต่างเงียบงัน เมื่อพี่น้ำนิ่งพูดจบ ชนิดที่ว่าถ้ามีใครซักคนหายใจแรงๆ ก็ยังได้ยิน
" พี่ทำอย่างนี้ เท่ากับว่า พี่ดูถูกนะครับ " ผมมองเช็คจำนวนห้าล้านในมือ เมื่อเข้าใจทุกอย่าง เจ้าสิ่งในมือผม
มันคือค่าจ้าง ในการทำดีกับน้องสาวของเขา
"ดี....พี่ไม่ได้ " คำพูดของเขาหายเข้าไปอยู่ในลำคอ เมื่อเช็คในมือผมถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
" พี่ครับ พี่กำลังดูถูกน้องสาวพี่เองนะครับ พี่กำลังดูถูกหัวใจของน้องพี่ ว่ามีค่าแค่....ห้าล้าน "
" พี่ไม่ได้...."
" ไม่ว่าพี่พูด หรือไม่ ผมก็ตั้งใจจะทำอย่างที่พี่พูดอยู่แล้วครับ ผมจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น "
ผมส่งยิ้มเลียนแบบยัยตัวยุ่งน้องสาวของคนข้างหน้า ที่ทำให้คนที่ได้รับมันสบายใจเสมอ
ผมว่าถ้ามีโอกาส ผมว่าจะเขกหัวยัยตัวยุ่งซักหน่อย ข้อหาหมั่นไส้
รอยยิ้มกว้างที่ได้รับกลับมา ทำให้ผมรู้ว่าถึงเมฆข้างนอกจะอึมครึม แต่ท้องฟ้าในใจผู้ชายคนนี้ คงมีแสงสว่างลอดออกมาแม้ว่ามันจะไม่ทั้งหมด แต่อย่างน้อยมันก็ส่วนหนึ่งล่ะ
" ขอบคุณนะ ดี....ขอบคุณมากๆ " พี่น้ำนิ่ง ดึงผมเข้าไปกอด เล่นทำเอาผมเหวอไปเลย
" เอ่อ...พี่ถึงผมยังไม่มีแฟนแต่ว่าผมก็ยังชอบผู้หญิงอยู่นะ "
"ไอ้บ้า..."พี่น้ำนิ่งแทบจะเปลี่ยนจาก กอดเป็นถอดพวงมาลัยมาฟาดแทน
แล้วเสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นในรถคันเล็กๆ
.....................................................
" พี่ดีคะ....พี่ดี ฮัลโหลๆ " มือเล็กโบกไปมาต่อหน้าผม
"อะไร ....." ผมตื่นจากผวังของเรื่องเมื่อสามเดือนก่อน
" พี่จะลงหรือเปล่าคะ " อ้าวตายล่ะนี่ถึงแล้วเหรอเนี่ย เรารีบลงจากแท๊กซี่ที่เรานั่งมา ก่อนที่บิดามารดาของใครซักคนจะสะดุ้ง เพราะถูกด่าเนื่องจากรถที่ติดเป็นแถวข้างหลังเรา ตอนนี้เราอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าที่จอกแจกจอแจ ย่านชานเมือง ผู้คนมากมายต่างมาจับจ่ายใช้สอย หรือเข้ามาหลบไอร้อนที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองนี้ เราตกลงกันว่าจะมาเลือกหาซื้อหนังสือกันที่นี่
" เหม่อ....แบบนี้ใจลอย ถึงใครรึเปล่าเอ่ย..." เธอเอ่ยอย่างล้อๆ
" อืม...ก็นะ หลายคนอยู่ ก็คนมันเสน่ห์แรงช่วยไม่ได้ " ผมเงยหน้าอย่างเชิดนิดๆ
"แหวะ.....ขี้โม้ "
"รู้ได้ไง " ผมเอ่ยอย่างยิ้มๆ
" น้ำอุ่นว่าสาวคนนั้น คงมีปัญหาทางสายตา หรือว่าไม่ก็คง โดนกระแทกที่หัวอะไรประมาณนั้น "
"อยากจะลองดูรึเปล่าล่ะ " ผมลองจ้องมองตาเธอ แบบที่เคยเห็นผ่านตาในละคร ที่อนงค์นางทั้งสามในบ้านชอบดูกันเป็นประจำ ได้ผลหน้าของยัยตัวยุ่งค่อยๆแดงขี้นเรื่อยๆ
"ยัยบ๊องเอ้ย..." ผมอดที่จะโยกหัวเธออย่างเอ็นดูไม่ได้
ปึก!!
เพราะเรามัวแต่คุยกันอยู่ ผมเลยชนไหล่ใครซักคนในกลุ่มที่เดินสวนกัน เมื่อผมหันมาเพื่อที่จะเอ่ยขอโทษ
ก็พบว่ากลุ่มนั้นเป็นคู่อริผมเอง.... พวกนั้นเป็นลูกน้อง เจ้าแบร์ ไอ้คนที่ผมฟาดปากกันไป เมื่อสองสามเดือนก่อน ถึงจะไม่ได้เจอกันอีกนับตั้งแต่นั้นก็เถอะ
ยุ่งล่ะสิ ลำพังตัวผม ไม่มีปัญหาหรอกเอาตัวรอดได้สบายๆ อยู่แล้วแต่ว่าน้ำอุ่นน่ะสิ
"มีอะไรเหรอพี่ดี " เธอเอ่ยปากถาม เมื่อผมจ้องเจ้าพวกนั้นอย่างไม่วางตา
ผมไม่ได้ตอบเธอ แต่ใช้มือดันให้เธอไปอยู่ด้านหลังผม ทั้งกลุ่มหันมามองและรู้ว่าผมเป็นใคร
ก็บังเกิดความเงียบที่น่าอึดอัด......
บทต่อไป
บทที่สาม (คำทำนาย )
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11110579/W11110579.html
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 13:50:36
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 13:44:21
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 13:25:15
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 13:24:33