Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่ 1 หิมะที่ละลายจากยอดเขา ติดต่อทีมงาน

เมื่อนักนาฏกรรมหนุ่มโบกพัดในมืออย่างนุ่มนวล

สายลมที่อ่อนโยนก็แปรเปลี่ยนเป็นกรรโชกรุนแรงอย่างดุดัน

ฉีกร่างของปิศาจร้ายให้กลายเป็นชิ้นตกเกลื่อนรอบต้นซากุระ

โดยที่พวกมันไม่ทันได้แตะองค์หญิงแม้ปลายนิ้ว

*/*/*/*/*

เซ็นซู จอมอสูรจากหิมาลัย


บทที่ 1


หิมะที่ละลายจากยอดเขา

คลื่นทะเลขนาดใหญ่วิ่งม้วนตัวเข้าหาผืนแผ่นดินและถาโถมเข้ากระแทกกับผาหินอย่างรุนแรงส่งเสียงดังสนั่นลั่นครืนราวกับฟ้าร้อง ละอองน้ำอันเกิดจากการปะทะกับก้อนหินแตกกระเซ็นเป็นฝอยกระจายไปทั่ว กลิ่นหอมของไอทะเลถูกกระแสลมพัดพาเข้าสู่ฝั่งสร้างความสดชื่นอย่างประหลาดต่อผู้ที่กำลังยืนอยู่บนหินผา เหนือท้องทะเล

ร่างสูงกำยำงามสง่าราวนักรบยืนมองท้องทะเลกว้างด้วยสายตาเหมือนยินดีที่ได้พบกับสิ่งที่ห่างหายไปนานก่อนจะเลื่อนขึ้นมองหมู่เมฆที่กำลังเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าผ่านผืนน้ำสีฟ้าครามจากนั้นจึงลดลงมามองท้องทะเลอีกครั้งพร้อมกับยกแขนข้างที่มีผืนหนังสัตว์ขนสีขาวสะอาดพันรอบและรัดไว้ด้วยมาล่า ประคำสีเดียวกันขึ้น เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังเอ่ยอย่างอ่อนโยน

“ข้าพาเจ้ามาตามสัญญาแล้ว” เขายื่นแขนข้างนั้นออกไปข้างหน้า กระแสลมพัดผ่านขนสีขาวจะสะบัดพลิ้วไปมา “นี่คือทะเลที่เคยเล่าให้เจ้าฟังไงล่ะ คาร์มู”

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดุจเดียวกับผิวดินฉายความอาวรณ์ขณะที่มองผืนขนสัตว์บนท่อนแขน ภาพหญิงสาววัยแรกรุ่นในเครื่องแต่งกายสีขาวสะอาดผุดขึ้นในความทรงจำ แม้จะเป็นเพียงร่างจำแลงของชนปิศาจเผ่าจามรีแต่ในความรู้สึกของจอมอสูรเช่นเขามันเป็นรูปลักษณ์ที่แสนสะอาด เพราะไม่เพียงแค่งดงาม จิตใจของคาร์มูยังเปี่ยมล้นไปด้วยความซื่อบริสุทธิ์ดุจหิมะบนยอดเขาหิมาลัย

ขณะที่จิตใจกำลังล่องลอยไปกับห้วงความคิดก็มีเสียงฝีเท้าหนักย่ำบนพื้นกรวดดังมาจากทางด้านหลัง กายสูงสง่ายังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ทอประกายกล้าเมื่อได้ยินใครคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงที่ฟังคล้ายการคำราม

“ในที่สุดก็เจอเจ้าเสียที”

บุรุษผู้นั้นลดแขนลงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ตามข้ามาทำไม”

“ไม่น่าถาม เพื่อฆ่าเจ้าน่ะสิ ไพรา”

ผู้มาใหม่กระชากเสียงตอบ ขนสีดำยาวรุงรังของหนังสัตว์ที่เขาสวมใส่พองฟูขึ้นตามแรงโทสะ บุรุษนามไพราหมุนกายหันมาประจันหน้า

“ข้าไม่เคยทำร้ายจามรีในฝูงของเจ้า เหตุใดจึงตามล่ากันไม่เลิกเช่นนี้นัคปู”

“ไม่เคยทำร้าย” ผู้ถูกเรียกว่านัคปูกระแทกเสียงพลางเปิดแผ่นหนังบริเวณอกและใช้กำปั้นทุบลงไปบนรอยรอยแผลเป็นขนาดใหญ่”ลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเคยทำอะไรกับข้า”

“นั่นเกิดจากความเข้าใจผิด” ไพราตอบเสียงเรียบ นัคปูขบกรามแน่นก่อนจะชี้มือไปที่แขนข้างที่มีขนสัตว์สีขาวพันรอบ

“ถ้าเรื่องที่ทำกับข้าเป็นการเข้าใจผิด แล้วสิ่งที่เจ้าทำกับคาร์มูล่ะเรียกว่าอะไร”

ไพรายืนนิ่ง ดวงตาเหลือบลงมองหนังสัตว์บนแขนและตวัดกลับไปยังปิศาจตรงหน้า

“ข้าไม่เคยทำร้ายนาง”

คำตอบของจอมอสูรสร้างความเดือดดาลต่อปิศาจจามรีดำจนสุดจะระงับ ดวงตาสีแดงก่ำดุจเปลวไฟจ้องอีกฝ่ายเหมือนจะเผาให้มอดไหม้ในขณะที่เขาพูดเสียงกร้าว

“อย่ามาทำปากแข็ง หากไม่เคยทำร้ายนางแล้วทำไมเจ้าจึงหนีข้ามาจนถึงที่นี่”

“ข้าไม่ได้หนีแต่พาคาร์มูมาดูทะเลตามที่เคยสัญญาไว้ต่างหาก”

“ไม่ต้องมาแก้ตัว”นัคปูคำราม มือทั้งสองข้างยกขึ้นเสมออก “ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อแก้แค้นให้คาร์มู”

แสงสีขาวสว่างวาบระหว่างมือทั้งสองข้างและระเบิดเข้าใส่ไพราอย่างรวดเร็ว จอมอสูรเบี่ยงตัวหลบแต่ไม่ได้ตอบโต้สิ่งใดตอบ เขาเพียงกระโดดไปยืนด้านหลังนัคปูและทำท่าจะเดินจากไป

“ข้าไม่ให้เจ้าหนีอีกแล้ว”

จามรีดำตะโกนก้องพร้อมกับสร้างหอกเพลิงพุ่งใส่ร่างไพราทันที เขาหันกลับมาใช้สันมือปัดออกและมองผู้คิดร้ายด้วยดวงตาเวทนา

“ข้าไม่อยากสู้กับเจ้า”

“ทำไม” นัคปูถามพร้อมกับวิ่งไปดักหน้า เพลิงกลุ่มใหญ่ถูกจุดขึ้นในมือีกครั้งและมอดดับลงเมื่อได้ยินคำตอบของจอมอสูร

“มันเป็นคำขอร้องสุดท้ายของคาร์มู”

นัคปูยืนตัวแข็งค้างนิ่ง ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้างปล่อยให้น้ำอุ่นๆไหลพรากอาบใบหน้าโดยไม่รู้ตัว

“คาร์มู”

เสียงเรียกสตรีที่ตนรักจนสุดหัวใจหลุดรอดริมฝีปากออกมา ภาพงดงามของจามรีขาวยามวิ่งเล่นท่ามกลางหิมะหวนกลับเข้ามาในความทรงจำ ฉับพลันภาพที่แสนสวยก็ผันแปรเป็นความน่าสะพรึงเมื่อผืนหิมะขาวสะอาดถูกย้อมด้วยของเหลวสีแดงเข้ม ของเหลวที่เป็นโลหิตซึ่งกำลังไหลรินออกจากร่างของคาร์มู

ร่างที่ถูกฉีกเป็นชิ้นกระจายบนพื้นหิมะสีขาว เขาคงไม่มีทางล่วงรู้ว่าใครเป็นผู้ลงมือหากไม่พบของสิ่งหนึ่งจมอยู่ในกองเลือด

ซีย์

เครื่องรางสีดำสลักลวดลายตัวอักษร ‘อสูร’ อัญมณีหนึ่งเดียวที่ประดับอยู่บนมาล่าดำ ประคำประจำตัวของไพรา

มือของจามรีดำสั่นระริก เขากลืนความเศร้าโศกกลับลงไปในลำคอ ความอาฆาตแค้นอัดแน่นเต็มทรวงขณะที่มือล้วงลงไปในอกเสื้อและดึงอัญมณี ซีย์ ออกมา

“ข้าพบของสิ่งนี้ในกองเลือดของคาร์มู คิดว่าเจ้าคงรู้ว่ามันคืออะไร”

ไพราจ้องวัตถุสีดำซึ่งมีอักษร อสูร สลักเอาไว้และขบกราม มือทั้งสองข้างกำแน่นโดยไม่รู้ตัว

“ว่าไง” จามรีดำถามย้ำ ดวงตาของจอมอสูรทอประกายขึ้นวูบหนึ่งและดับแสงลงแทบจะทันที

“มันคือเครื่องรางของข้า”

“งั้นช่วยบอกหน่อยว่ามันไปอยู่ในกองเลือดของคาร์มูได้ยังไง” นัคปูถามเสียงเหี้ยม ไพรานิ่งไปเล็กน้อยก่อนตอบ

“มันหายไประหว่างที่ข้าสู้กับกันบุ”

“โกหก!” จามรีดำตวาดสวนทันควันและขว้างอัญมณีเม็ดนั้นไปตกแทบเท้าของไพรา “เจ้าทำมันหล่นระหว่างสังหารคาร์มูต่างหาก”

“ข้าไม่ได้สังหารนาง” จอมอสูรยืนยันคำพูดตนเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่นัคปูกลับตะโกนก้อง

“ข้าไม่เชื่อ!” เพลิงกลุ่มใหญ่ระเบิดขึ้นอีกครั้ง”ตายเสียเถิดเจ้าจอมอสูรชั่ว”

เปลวไฟแห่งความแค้นพุ่งเข้าใส่ร่างไพราราวห่าฝน เขาเพียงใช้มือปัดออกและสร้างม่านพลังขึ้นป้องกันเท่านั้น การกระทำที่ดูนิ่งเฉยไร้การตอบโต้ของจอมอสูรจุดเพลิงโทสะของจามรีดำให้ระเบิดจนถึงขีดสุด เขายกมือขึ้นชูเหนือศีรษะและรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดสร้างกลุ่มเพลิงสีดำขนาดมหึมา

“หยุดเดี๋ยวนี้นัคปู หากใช้เพลิงวิญญาณชีวิตของเจ้าก็จะดับสูญไปด้วย”

ไพราร้องเตือนแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะนอกจากจามรีดำจะไม่ฟังแล้วเขายังเพิ่มพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไปในกลุ่มเพลิงอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ขณะที่เขากำลังรวบรวมพลังเฮืกสุดท้ายอยู่นั้นดวงตาของนัคปูก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นจอมอสูรปลดม่านพลังป้องกันและพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว  

“อย่าเข้ามา!”

แขนทั้งสองข้างถูกมือแข็งแกร่งกดบังคับให้ลดลง กลุ่มก้อนเพลิงที่อยู่ด้านบนเมื่อขาดฐานและสิ่งหล่อเลี้ยงจึงเกิดอาการสั่นคลอน ผิวด้านนอกเกิดอาการสั่นกระเพื่อมราวระลอกคลื่น จามรีดำมองกลุ่มพลังที่ตนสร้างขึ้นด้วยความตระหนกก่อนจะลดสายตาลงมองจอมอสูรที่กำลังกอดรัดร่างเขาแน่นและตะโกน

“เจ้าจะทำอะไร”

“ทำตามคำสัญญาให้ไว้กับคาร์มู” ไพราตอบพร้อมกับหลับตาลงและรวบรวมพลังทั้งหมดสลายกลุ่มเพลิงดำพร้อมกับดึงพลังงานบางส่วนกลับเข้าสู่ร่างของนัคปู อีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนจนสุดกำลัง

“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ไพรา”

จามรีหนุ่มปลดปล่อยพลังของตนออกมาอีกครั้ง จอมอสูรนิ่วหน้าพร้อมกับพูดเสียงกร้าว

“หยุดเดี๋ยวนี้นัคปู ไม่อย่างนั้นพลังของเจ้าจะสวนทางกันเอง”

จามรีดำไม่ฟังซ้ำยังเร่งปล่อยพลังให้เร็วยิ่งขึ้น กลุ่มเพลิงสีดำที่เมื่อครู่เริ่มลดขนาดลงกลับขยายตัวใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไพราขบกรามแน่นก่อนตัดสินใจ

“เจ้าบังคับข้าเองนะ จามรีดำ”

ก้อนเพลิงสีดำถูกดึงให้เลื่อนต่ำลง ทันทีที่สัมผัสกับร่างของจอมอสูรมันก็เกิดอาการสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรงและระเบิดเสียงดังสนั่น พลังของมันกระแทกร่างของจามรีดำกับไพราจนกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง เมื่อทุกอย่างสงบลงจอมอสูรจึงลุกยืนขึ้นและมองนัคปูซึ่งยังคงนอนแน่นิ่ง

“เป็นอะไรไป ระเบิดแค่นี้คงไม่ทำให้เจ้าถึงตายหรอกนะ”

ไพราพูดเสียงเรียบ จามรีดำสำลักไอออกมาสองสามครั้งก่อนจะดันตัวลุกขึ้น เขาหันมาจ้องผู้ที่เป็นศัตรูด้วยดวงตาอาฆาต

“ช่วยข้าทำไม”

“อย่างที่บอก ข้าทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคาร์มู”

ไพราตอบพลางใช้มือตบฝุ่นที่เกาะอยู่บนหนังสัตว์สีขาวโดยไม่สนใจบาดแผลทั่วร่างของตน กิริยาของเขาที่มีต่อแผ่นหนังซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของคาร์มูนั้นเต็มไปด้วยความทะนุถนอม สร้างความหงุดหงิดต่อนัคปูจนเขาถึงกับต้องขบกราม

“ข้าไม่ต้องการความเห็นใจจากเจ้า”

“ไม่ได้เห็นใจ แต่ข้าไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้าต้องตาย”

ไพราสวนกลับทันควันพลางลดมือลงและมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาไร้ความรู้สึก จามรีดำขยับตัวไปข้างหน้าแต่อาการเจ็บแปลบตามร่างกายทำให้เขาต้องหยุดแต่ดวงนั้นยังคงจ้องจอมอสุรแน่วนิ่ง

“รู้หรือเปล่าว่าการใช้ปราณสลายพลังทำลายของข้าอาจทำให้เจ้าตายได้”

“แล้วไง ความตายมันก็แค่การพักผ่อนชั่วนิรันดร์ ข้าไม่จำเป็นต้องกลัว”

จอมอสูรตอบอย่างไม่ใส่นักก่อนจะหมุนตัวและทำท่าจะเดินจากไป แต่เพียงขยับเท้าแค่หนึ่งก้าวร่างของไพราก็ถูกพลังลมกระแทกเข้าใส่อย่างรุนแรง ร่างของเขากระเด็นไปกองกับพื้นแทบเท้าของจามรีดำ จอมอสูรรีบลุกขึ้นแทบจะทันทีและจ้องผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาหาด้วยดวงตาวาว

“กุนบุ”

ปิศาจในเครื่องแต่งกายสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะแสยะยิ้ม เขาปัดเส้นผมยาวสยายไปทางด้านหลัง ใบหน้างดงามราวอิสตรีเผยอยิ้ม

“ยังมีแรงลุกขึ้นมาอีกหรือ”

มือผุดผ่องยื่นไปข้างหน้า ผลึกน้ำแข็งคมกริบดุจใบมีดจำนวนมากปรากฏขึ้นและถูกสะบัดเข้าใส่ไพราทันที จอมอสูรกระแทกฝ่ามือไปข้างหน้าสร้างแรงอัดมหาศาลทำลายผลึกน้ำแข็งจนแหลกสลายหายไปแต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบโต้ก็ถูกพลังมหาศาลของกุนบุพุ่งเข้าใส่ซ้ำอีกครั้ง คราวนี้ทั้งรุนแรงและเปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งการทำลายล้างจนสุดที่ไพราจะต้านทานเอาไว้ได้ จอมอสูรยกมือขึ้นป้องใบหน้าและขบกรามแน่นเมื่อถูกแรงกดดันบดขยี้ร่าง พื้นใต้ฝ่าเท้าเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงและแยกตัวออกจากกัน เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินที่อยู่ในอาณาเขตของการทำลายทรุดตัวลงและจมหายไปนท้องทะเลพร้อมกับจามรีดำกับไพรา

“จอมอสูรมีเพียงหนึ่งก็พอแล้ว”

กุนบุพูดอย่างหยิ่งผยองหลังจากยืนมองท้องทะเลที่ปั่นป่วนด้วยคลื่นลมจนแน่ใจว่าปราศจากวี่แววอันเป็นสัญญาณชีวิตของไพรา ปิศาจแห่งฤดูหนาวหันกลับไปมองฝูงบริวาร พวกมันรีบคุกเข่าลงแสดงความเคารพทันที กุนบุเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ

“จงประกาศออกไปว่า นับแต่นี้ต่อไป ข้ากุนบุ จะเป็นจอมอสูรผู้ครอบครองหิมาลัยแต่เพียงผู้เดียว”

เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่ว ร่างของจอมปิศาจลอยสูงขึ้นและเลื่อนหายไปในทิศทางอันเป็นที่ตั้งของเทือกเขาหิมาลัย

*/*/*/*/*

บทที่ 1 ในคราวนี้ต่างจากที่ลงในครั้งแรกค่ะ เพราะข้อกำหนดว่า ต้นฉบับไม่เกิน 200 หน้า มูนนี่จึงต้องปรับแก้พล็อตทั้งหมดและเขียนใหม่ จากนี้จะนำมาลงสลับกับยมทูตนะคะ

อ้อ ขอกระซิบบอกอีกนิด ทางสนพ.แจ้งมาว่าเซ็นซูภาคแรกลงในอีบุคด้วย ดีใจจังเลย ผู้อ่านท่านใดสนใจสามารถเข้าไปชมได้ที่นี่ค่ะ hytexts.com

วันนี้ขอดปิดท้ายด้วยรูปของจอมอสูรไพรานะคะ

 
 

จากคุณ : Moony_Lupin
เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 11:03:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com