สรรพ์สีสาดยั่วล้อ เริงตะวัน ปรายปีกกระพือพลัน เพริศพร้อย ชั่วเพียงพริบตาฝัน โลกนิ่ง งันเอย ดุจดั่งมนตร์เสกร้อย ภาพแพร้วพลันสลายฯ
กระหยับปีก กระพือพับ ก็พยับ โพยมพราว ดุจจุ้มประกายดาว กำดัดฟ้า กรรดึกดาล วูบหนึ่ง ณ วิบตา ตระหนักหล้า ตะลึงลาน มนตรา- มายาการ แห่งกีฏะ ประเลงลวงฯ
บทนำ
มัน ค่อยๆบรรจงนำหน้ากากยางสวมไว้เหนือศีรษะแล้วดึงให้ร่นลงมาคลุมปิดอำพรางใบหน้า ทันทีเมื่อก้าวผ่านช่องทางเดินแคบและมืดสลัวด้วยแสงไฟนีออนขนาดเล็กเข้าสู่ภายในบริเวณพื้นที่อันเป็นตำแหน่งหน้าห้องเป้าหมาย เยื้องขึ้นไปด้านบนเพดานเครื่องมือตรวจจับภาพจากกล้องวงจรปิดกำลังทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ในขณะล้วงกุญแจดอกสำคัญที่ได้มาอย่างลำบากยากเย็น บรรจงดึงผ่านจากกระเป๋ากางเกงช้าๆแล้วเสียบไขอย่างนุ่มนวลเข้าไปที่บานประตูกระจกหนาขนาดใหญ่ ด้วยหัวใจอันจดจ่อแทบหยุดนิ่ง นานชั่วขณะ เมื่อเสียง กริ๊กดังขึ้นแผ่วเบาในความสงัด ไม่ต่างกับเสียงระฆังสวรรค์ แล้วประตูทั้งบานก็เลื่อนเปิดกว้างออกจากกันอย่างสวยงาม คล้ายมือที่ผายเชิญอาคันตุกะยามวิกาลให้ก้าวผ่านเข้าไปสู่อาณาจักรด้านในโดยดุษณียภาพ มันแทบจะเผลอหลุดเสียงร้องอย่างดีใจออกมาเมื่อความสำเร็จมาเยือนเร็วเกินคาดหมาย หากก็ยั้งสติเอาไว้ได้ทัน เวลามีไม่มาก ก่อนที่คนอื่นจะรู้ตัวขึ้นมาเสียก่อน ผู้บุกรุกรีบผลุบกายผ่านเข้าสู่ห้องเป้าหมายแห่งนั้น พร้อมดึงประตูให้เลื่อนกลับมาปิดเข้าหากันดังเดิม หน้าห้องซึ่งมีเพียงป้ายสีน้ำเงินขนาดเล็กเขียนติดเอาไว้ว่า พิพิธภัณฑ์แมลง! แสงจากเสาไฟด้านล่างของอาคารขนาดใหญ่สูงถึงห้าชั้นแห่งนี้ ส่องลอดผ่านเข้ามาเพียงสลัวเลือนราง หากด้วยผนังรอบด้านเรียงรายไปด้วยตู้กระจก บรรจุสรรพแมลงนานาชนิดสะท้อนแสงวาบวับ เป็นประกายพราวพรายไปทั่วบริเวณ
ผู้บุกรุกหยุดตั้งหลักอยู่เพียงชั่วขณะก่อนจะเดินดุ่มตรงไปยังด้านในสุดอย่างชำนาญเส้นทาง ในเมื่อมันใช้เวลาศึกษาและหาข้อมูลมาก่อนหน้านี้แล้วจนจดจำได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แผนที่ของอาคารตลอดจนส่วนพิพิธภัณฑ์ที่แยกย่อยออกเป็นส่วนต่างๆมากมายหลายห้อง ล้วนบรรจุอยู่ในมันสมองโดยไม่ผิดพลาด โดยเฉพาะห้องสำคัญที่กำลังจะก้าวผ่านเข้าไปในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้ มีสิ่งล้ำค่ามากกว่าเศษแมลงตายซากเหล่านั้นเหลือคณานับนัก...
ห้องผีเสื้อ!
ประตูกระจกใสและหนา หาใช่ปราการขวางกั้นไม่ ในเมื่อกุญแจทั้งพวงตกอยู่ในกำมือของมันแล้ว แค่การไขอีกเพียงครั้งเดียว ห้องผีเสื้อก็เปิดกว้างออกต้อนรับการเข้ามาเยือนอย่างยินดี ภายในห้องขนาดห้าสิบตารางเมตรเศษ มันกดปุ่มไฟฉายขนาดเล็กที่เตรียมมา แสงไฟลำน้อยฉายกราดออกไปในความมืดและก็แทบจะทำให้มันสะดุ้ง เมื่อมองเห็นดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองตรงมา
เกือบไปแล้ว
เผลอสบถกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา ความตื่นเต้นจนหัวใจระทึกค่อยคลายลงจนเป็นปกติเมื่อประจักษ์ว่า สิ่งที่ประจันอยู่เบื้องหน้าเป็นเพียงปีกผีเสื้อกลางคืนหรือมอธที่ถูกตรึงเอาไว้บนกล่องกระจกนั่นเอง
มอธตานกฮูก
นึกในใจอย่างโล่งอก เคยเห็นซากผีเสื้อราตรีชนิดนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว แม้ว่าขนาดจะเล็กกว่ากันเกือบเท่าตัว ผีเสื้อหรือมอธชนิดนี้มีแผ่นปีกมีขนปกคลุมหนาแน่นเป็นสีน้ำตาล แต่สิ่งที่ทำให้น่าสะพรึงคือจุดแต้มสีดำบนแผ่นปีกคู่หน้า ยามถูกจับตรึงให้แผ่ออกประจันหน้ากับมันเมื่อครู่ แทบจะไม่ต่างกับนัยน์ตาลึกลับเต็มไปด้วยมนต์สะกดที่จ้องสะท้อนกลับมาในความมืดไม่มีผิด!
แสงไฟฉายสาดส่องไปรอบๆอย่างสังเกตตรวจตราอีกครั้ง พยายามหรี่แสงให้น้อยที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้แสงไฟจากภายในห้องที่กำลังบุกรุกเข้ามาสะท้อนผ่านออกไปข้างนอกให้เป็นที่ผิดสังเกต
ผนังรายรอบห้องผีเสื้อแห่งนี้ ยิ่งเต็มไปด้วยตู้กระจกใสแจ๋วบรรจุซากสตัฟฟ์ผีเสื้อนานาชนิดเอาไว้อย่างดี สมกับเป็นคลังแห่งผีเสื้อนานาชนิดเกือบทั่วโลกของดอกเตอร์คาเรน โรมินสกี ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เลยจริงๆ
คาเรน...
แค่ชื่อที่นึกถึง ก็ทำให้ความรู้สึกส่วนลึกประดังขึ้นมาจนแทบระงับใจไว้ไม่อยู่ ทั้งฉงนฉงายทั้งสับสนหวั่นไหว และท้ายที่สุดคือความเกลียดชัง! มันพยายามขับอารมณ์เหล่านั้นกลับคืนลงไป เพื่อเร่งปฏิบัติภารกิจให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
สายตารีบตวัดกลับไปยังตำแหน่งกลางสุดของห้องซึ่งเป็นตู้กระจกบรรจุผีเสื้อล้ำค่านานาชนิดจากทั่วโลก ก่อนที่จะเลื่อนมือลงไปสัมผัสกับความเย็นยะเยียบของแผ่นกระจกด้วยความพึงพอใจ
สำหรับสถานศึกษาแห่งนี้ที่มีพิพิธภัณฑ์แมลงเพื่อการศึกษา ย่อมไม่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมากนัก ก็เหมือนกับพิพิธภัณฑ์เอกชนหลายแห่งที่มันเคยไป เยือน มาก่อนหน้านี้แล้ว ภารกิจในคืนนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ยากเกินไปนัก
ยิ่งโดยเฉพาะคืนนี้ ที่ทุกอย่างปลอดโปร่งและเหมือนกับเป็นใจให้
มองทะลุผ่านกระจกแก้วใสลงไป ผ่านเข้าสู่กล่องพลาสติกบรรจุซากผีเสื้อนับสิบชนิดที่กำลังแผ่ปีกอวดสีสันสวยงามภายใต้แสงไฟฉายดวงจ้อย ด้วยความเสน่หา
มิใช่เสน่หาหรือลุ่มหลงในลวดลายสีสันล้ำค่า เพราะลำพังตัวมันเองแล้วไม่เคยสนใจจะสะสมเศษซากแมลงพวกนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่สิ่งสำคัญที่กำลังจะบังเกิดขึ้นจากฝีมืออัจฉริยะเยี่ยมยอดของมันเองในอนาคตนั้นต่างหาก
ที่จะนำพาเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้ไหลพรูเข้าสู่อุ้งมืออย่างไม่มีวันหมดสิ้นไปตลอดทั้งชีวิต และเหนืออื่นใดก็คือการยอมรับ!
ใช่! การยอมรับในความสามารถ จากที่เคยถูกปรามาสเอาไว้ตลอดเวลา
ถึงเวลาสำหรับการพิสูจน์เสียที!
อา... แค่ได้นึกถึง ก็บังเกิดความปลื้มเปรมใจจนแทบระงับเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ได้
คลื่นของความมาดมุ่งพุ่งโพลง และมือก็สั่นระริกระหว่างการไขกุญแจดอกสุดท้ายเพื่อเปิดเอากล่องผีเสื้อกล่องสำคัญกล่องแรกออกมา
สีเขียวเจิดจรัสราวกับเรืองแสงได้ของผีเสื้ออิมพีเรียลตัวผู้ หรือผีเสื้อมรกตผ้าห่มปกอันล้ำค่า บัดนี้กระจ่างจ้าอยู่เบื้องหน้าเต็มนัยน์ตา เคียงข้างกันด้วยซากสตัฟฟ์ของผีเสื้อสมิงเชียงดาวหรือผีเสื้อภูฏานที่สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยแล้วในปัจจุบัน ด้วยขนาดรูปร่างอันเหมาะสมได้สัดส่วนสวยงาม ซากผีเสื้อทั้งสองชนิดนี้น่าจะทำให้มันสามารถเรียกราคาได้สูงมากขึ้นไปอีก
แต่นั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์แท้จริงของมัน การขโมยผีเสื้อหายากสองตัวนั้น จะช่วยเบี่ยงเบนประเด็นของตำรวจต่างหาก...
มันก้าวเดินผ่านลึกเข้าไปยังห้องทำงานด้านในที่จดจำตำแหน่งได้เป็นอย่างดี แน่ใจว่า สิ่งสำคัญจะถูกเก็บเอาไว้ในนั้น
ประตูห้องพักส่วนตัวของคาเรนถูกไขเปิดด้วยกุญแจจากพวงเดียวกันอย่างง่ายดาย มีตู้เรียงรายอยู่หลายสิบตู้ภายในห้องที่ซอยย่อยออกไปอีกสองสามห้อง
สายตาของนักโจรกรรมเลื่อนผ่านไปยังมุมด้านในสุดของตู้ใบหนึ่ง นั่นน่าจะเป็นเป้าหมายที่ต้องการ มันล้วงกุญแจดอกสุดท้ายออกไป แล้วเสียบผ่านรูกุญแจ เสียงกริ๊กดังขึ้น... ดังคาด!
และเมื่อเลื่อนลิ้นชักออก สายตาของมันก็แทบจะเบิกถลนด้วยความตื่นเต้น นั่นคือกล่องพิเศษสีเงิน ภายในบรรจุซากผีเสื้อตัวแรกในโลกที่เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ โดยยังมีมีการศึกษาค้นคว้าในรายละเอียดชัดเจนในวงชีวิตของมัน ผีเสื้อสายพันธุ์ใหม่ของโลกที่มีความงดงามประหลาดตาที่สุด
ผีเสื้อหิมะ!
เมื่อกดล็อคเปิดฝาออกจากกัน สายตาของมันก็เจิดจ้าด้วยประกายแห่งความปรารถนา
ปีกสีขาวโพลนดุจโรยทับด้วยแป้งหรือหิมะ สะท้อนแสงไฟฉายเกิดประกายคล้ายเงินยวง ประกอบด้วยเกล็ดเล็กๆเรียงกันตลอดแผงปีกหากปราศจากเม็ดสี ซึ่งปกติแล้วควรจะสะท้อนแสงเกิดเป็นปีกสีเขียวและฟ้าเหมือนเช่นผีเสื้ออื่นทั่วไป ทว่าเม็ดสีบนปีกผีเสื้อชนิดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวราวปุยหิมะอันเป็นชื่อที่ถูกเรียกขานกันในขณะนี้
ผีเสื้อสองชนิดแรก แทบไม่ได้อยู่ในสายตาของมันเลยแม้แต่น้อย
แต่ผีเสื้อชิ้นงามชิ้นที่สามนี่ต่างหาก... ที่มันรอคอยจังหวะเวลาอันเหมาะสมสำหรับการจารกรรมในครั้งนี้ รอคอยด้วยแผนการที่วางเอาไว้อย่างไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด
และวันสำคัญก็มาถึง ในวันนี้เอง!
มันดึงหมวกคลุมขึ้นไปค้างไว้เหนือศีรษะสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเอมอิ่ม โดยไม่จำเป็นต้องกังวลต่อกล้องวงจรปิดด้านนอกอีกต่อไป เพื่อจะสามารถทอดทัศนาภาพสวยงามเบื้องหน้านี้ได้เต็มสายตา เต็มเปี่ยม
มือของนักโจรกรรมสั่นน้อยๆระหว่างการบรรจงหยิบมันออกมาด้วยปลายนิ้วทั้งสอง มองเห็นหมุดโลหะที่ตรึงเอาไว้กลางลำตัวสั่นเล็กน้อยบนพื้นไม้คอร์ก แต่อีกไม่นานนักหรอกที่เจ้าผีเสื้อทั้งหมดนี้จะโบยบินไปไกลแสนไกล... ข้ามไปสู่อีกฟากโลกด้วยราคาอันมหาศาลเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดไปถึง
เงากระจกสะท้อนประกายบางอย่างที่ปรากฏขึ้นด้านหลัง ทำให้ถึงกับหยุดชะงัก และหันขวับกลับไปทันที
นักโจรกรรมถึงกับขยี้นัยน์ตาอีกครั้ง เมื่อความรางเลือนของแสงไฟพร่าจางลง โดยมีร่างของใครคนหนึ่งยืนนิ่งเฉยอยู่ห่างออกไป ไม่ต่างกับรูปปั้นไร้ชีวิต
มันกราดไฟฉายกราดออกไปทันที คิดว่าอาจจะเป็นเพียงเงาตะคุ่มของโครงสร้างอะไรบางอย่าง แต่เรือนกายที่เด่นชัดก็ถึงกับทำให้มันหยุดชะงัก
...ผู้หญิง
ไม่ใช่?? แต่แล้วความรู้สึกอีกอย่างก็แทรกสวนขึ้นมาเกือบจะพร้อมๆกัน เมื่อร่างนั้นหาได้ขยับองคาพยพใดๆไม่ นั่นยิ่งทำให้มันเกิดความอยากรู้อยากเห็นพุ่งขึ้นมามากกว่าความตื่นตระหนกแต่แรก นักโจรกรรมผีเสื้อเผลอสาวเท้าตรงเข้าไปยังตำแหน่งที่สายตามองเห็นช้าๆ แล้วเลื่อนกระบอกไฟฉายขึ้นส่องกระทบ
ร่างอรชรยืนนิ่งห่อตัวเล็กน้อยในสภาพเปลือยเปล่า เห็นถึงเรือนกายสูงเพรียว สมบูรณ์แบบราวรูปปั้นจากประติมากรเอก มือน้อยๆโอบปิดปทุมถันคู่งาม ระเรื่อยลงมาถึงเอวเรียวคอดกิ่ว เลื่อนลงมาสู่เรียวขาวเพรียวยาว ทั้งเรือนกายของสตรีผู้นี้งดงามด้วยสรีระแห่งเพศหญิงอันพร้อมบริบูรณ์
ที่สำคัญที่สุดคือโครงร่างนั้นราวจำหลักขึ้นด้วยทองคำ!
ทั้งผิวกายและทุกองคาพยพอันก่อกำเนิดขึ้นสะท้อนแสงไฟฉายเลื่อมระยับอย่างน่ามหัศจรรย์...
มีเพียงนัยน์ตาคู่นั้นที่ปิดสนิทเหมือนกับเจ้าตัวกำลังยืนนิทรารมณ์อยู่โดยไม่รู้สึกรู้สมใดๆทั้งสิ้น
อย่างลืมตัวมือของมันยื่นออกไปสัมผัสร่างเปล่าเปลือยเบื้องหน้า คาดว่าจะได้แตะลงบนผิวกายเลื่อมพรายวาววับดังใจปรารถนา หากก็ต้องชะงักงันในทันทีเมื่อสัมผัสถึงเยื่อใสบางจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าขวางกั้นระหว่างตัวมันและร่างน้อยนั้นเอาไว้
คล้ายกับร่างนั้นถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสที่เบาบางจนมองทะลุผ่านไปได้โดยไม่รู้ตัว สัมผัสที่ปลายนิ้วถึงความหยุ่นนิ่มประหลาดและบุ๋มลึกลงไปของพื้นผิว
นี่มันเกิดบ้าอะไรกัน? มันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน นี่ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ได้รับรู้ก่อนการวางแผนเข้ามาในบริเวณแห่งนี้ ผู้บุกรุกดึงนิ้วที่แตะลงไปชักกลับออกมาและทำให้ผิวใสบางราวเนื้อแก้วที่ห่อหุ้มร่างนั้นอยู่ไหวกระเพื่อมติดปลายนิ้วออกมาพร้อมกัน
เฮ้ย!!
เผลออุทานออกมาสุดเสียง เมื่อแผ่นใยแก้วใสบางหากเหนียวแน่นไม่ต่างกับเนื้อกาวติดนิ้วมือตามออกมาด้วยโดยไม่อาจสลัดให้หลุด ร่างเปลือยเปล่าสีทองคำภายในนั้นก็สั่นไหวระรัว เกิดประกายสะท้อนวูบวับไปมาภายในห้องแห่งนั้น และด้วยสภาพเช่นนั้นนั่นเอง ทำให้มันเริ่มรู้สึกถึงลักษณะอันคลับคล้ายของสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ากับอะไรบางอย่าง...
รังดักแด้!!
เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้... นี่ต้องเป็นความฝัน ไม่ใช่ความจริง...
ได้แต่ร้องกู่ตะโกนอยู่ภายในใจด้วยความหวาดหวั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ย่อมเป็นภาพหลอนที่เกิดขึ้นจากจิตไร้สำนึกภายในสมอง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ณ เบื้องหน้า
ภาพหลอน!
หากในส่วนลึกของจิตที่ยังคุมสัมปชัญญะอันน้อยนิดอยู่ ก็ออกเสียงกระซิบให้ออกแรงวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด ทว่าร่างทั้งร่างกลับเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่โดยไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายเล็บ มีเพียงนัยน์ตาเบิกโพลงที่กำลังจ้องมองไปยังภาพเบื้องหน้าโดยไม่อาจกระพริบและเปิดรับทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อหน้า
ไม่ม์ม์ม์!!
ผนังรังดักแด้ที่ใสแจ๋วราวแก้วผลึกค่อยๆโป่งนูนออกมาช้าๆราวลูกโป่งที่ถูกเป่าเข้าไปจนเต็มปรี่ กลิ่นบางอย่างระเหยโชยผ่านเข้าสู่ฆานประสาท ผสานผสมระหว่างกลิ่นคาวแปลกๆและกลิ่นผุเน่าของเศษใบไม้ที่เหมือนกับผ่านการหมักหมมมานานแสนนาน...
โผละ!
เสียงแตกดังขึ้นเบาๆ หากกังวานอยู่ในสมองของมันจนรวดร้าว และนัยน์ตาก็มิอาจปิดลงได้ กลับยิ่งเบิ่งค้างเหมือนถูกบังคับให้จ้องมองไปข้างหน้าด้วยพลังอำนาจเร้นลับที่มองไม่เห็น
และร่างที่ยืนขดนิ่งอยู่ก็เริ่มขยับไหวช้าๆด้วยชีวิต มันเริ่มต้นด้วยมือสองข้างที่บิดผายออกจากกันจนเห็นโนมเนื้อสีทองอร่ามสะคราญตา เป็นใบหน้าที่คุ้นชินยิ่งนัก แต่...
แต่ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด ในเมื่อทุกอย่าง ถูกจัดการ เอาไว้เรียบร้อยแล้ว??
ร่างโสภาในสภาพเปลือยเปล่าปราศจากอาภรณ์ใดๆ ประดุจทารกที่เพิ่งหลุดออกจากช่องคลอดของผู้เป็นมารดา ก่อให้เกิดความสยดสยองแทนที่จะก่อให้เกิดอารมณ์กระสันสวาทใดๆ เมื่อนัยน์ตาคู่นั้นเบิกขึ้นคล้ายเจ้าหญิงนิทราที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากบรรทมอันยาวนาน
ให้ตายเถอะ! นัยน์ตาแดงก่ำคู่นั้นเหมือนมีเลือดหล่อเลี้ยงและแผ่กระจายซ่านไปทั่วจนมองไม่เห็นสีขาวของนัยน์ตา มันตกตะลึงตัวแข็งทื่อตลอดทั้งร่างจนเรือนกายโสภาเปลือยเปล่าก้าวออกมายืนประจันหน้า พร้อมด้วยรอยยิ้มที่มุมปากหยักขึ้น ได้แต่ยืนอ้าปากค้างโดยไม่รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์
นี่คือ... กี...
ริมฝีปากเอ่ยค้างเหมือนเป็นอัมพาตไปแล้วทั้งตัว
ในทันใดนั้นเองที่หญิงสาวในคราบดักแด้ก็อ้าปากอย่างรวดเร็วแล้วเป่าลมพรวดออกมาละอองบางอย่างปลิวฟุ้งผ่านเข้าปะทะใบหน้า ละอองสีทองเจิดจ้าระยิบระยับราวธุลีดาวกระจายตัวเข้าใส่ จนมันผงะหงาย และนั่นเองที่ทำให้สัมปชัญญะทั้งหมดเริ่มกลับคืนมา ผู้บุกรุกแหกปากร้องออกมาสุดเสียง แต่กลับยิ่งทำให้เศษธุลีเล็กๆปลิวคลุ้งกระจายลงไปในลำคอจนมันสำลักออกมา และเตรียมจะวิ่งหนีออกไปจากสถานที่แห่งนั้น
แต่ก็ยังช้าเกินไป
เรือนกายอรชรอ้อนแอ้นที่มองเห็นแต่แรก เริ่มเข้าสู่กระบวนการกลายสภาพ...
************************* โสภณ เพชรช่วง เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยที่มหาวิทยาลัยเพชรพยัต มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้มาหลายปีแล้ว ในคืนวันนี้ ก็เป็นเวรที่ต้องรับผิดชอบดูแลความเรียบร้อยในกะกลางคืนเสียด้วย หนุ่มใหญ่อ้าปากหาวหวอดระหว่างการเปิดกาแฟกระป๋องขึ้นจิบ
ง่วงฉิบห่!
บ่นกับตัวเองเบาๆ นึกถึงอากาศที่ร้อนตับแลบตลอดทั้งวัน ทำให้บ้านเช่าหลังคาปูแผ่นสังกะสีราคาถูกยิ่งเต็มไปด้วยความร้อนอวลระอุแทบไม่ต่างกับเตาอบ และเป็นสาเหตุให้โสภณไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้สนิท เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเย็นก็ยังอ่อนเพลีย เหมือนกับอดหลับอดนอนมาตลอดทั้งวัน
ยิ่งมาเจอลมเย็นๆพัดสบายๆเวลาดึกสงัดอย่างนี้ ยิ่งพาลจะง่วงเอาเสียให้ได้ รปภ.หนุ่มใหญ่ถอนหายใจ พลางเดินลัดเลาะจากป้อมยามไปยังอาคารเรียนขนาดใหญ่ที่สร้างอยู่ใกล้ๆกัน ตัวตึกซีเมนต์ทาสีหม่นทึบ มีเพียงแสงจากเสาไฟฟ้าไม่กี่ต้นภายในรั้วมหาวิทยาลัยส่องสะท้อน ยิ่งทำให้ดูมืดทะมึนมากกว่าเดิม ด้วยงบประมาณที่จำกัดของมหาวิทยาลัยเอกชน จึงจำเป็นต้องจ้าง รปภ. ไม่กี่คน ให้ดูแลรับผิดชอบร่วมกัน การทำงานให้ครอบคลุมทั่วถึงจึงค่อนข้างยาก ซ้ำร้ายเพื่อนของเขาบางคนก็ยังริ อู้งาน กินแรงเพื่อนเอาเสียอีก หนุ่มใหญ่ได้แต่นึกบ่นอยู่ในใจ โดยไม่สามารถทำอะไรได้
ดีเหมือนกันว่ะ ที่พี่เฮงบอกไม่ต้องเข้าไปเดินตรวจข้างใน เห็นเขาบอกว่ามีแต่ซากสัตว์ทั้งนั้น อื๋ยย์ย์ ไม่รู้ว่ามีผีด้วยรึเปล่า
พี่เฮงหรือหัวหน้า รปภ. เอง ป่านนี้ก็คงจะนั่งเอกเขนกดูรายการทีวีอยู่ในตึกกองอาคารด้านในสบายใจเฉิบไปแล้ว โสภณเหลียวมองตึกเบื้องหน้านี้อีกครั้ง ในยามรัตติกาลเย็นยะเยือกเช่นนี้สภาพตึกที่มืดทึบและคำบอกเล่าก่อนหน้า ทำให้อดนึกไปไกลถึงละครผีๆที่เคยดูมาก่อนไม่ได้
หลังจากบ่นกับตัวเองแล้วจึงค่อยปากระป๋องกาแฟทิ้งลงถังขยะข้างสนาม เงาบางอย่างวูบไหวคล้ายอะไรบางอย่างโฉบผ่านจากด้านบน ทำให้รปภ.หนุ่มใหญ่ต้องรีบแหงนขึ้นไปด้านบนโดยไม่เจตนา แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากผืนฟ้าสีคล้ำเข้มและแสงจันทร์ส่องแสงซีดจางจนแทบจะจมหายลงไปในกลุ่มเมฆ บรรยากาศแบบนี้คงไม่มีขโมยที่ไหนพิเรนทร์บุกรุกเข้ามาแน่ๆ
โสภณคิดในใจอย่างเข้าข้างตัวเอง พลางฉายไฟฉายกระบอกใหญ่ที่พกติดตัวมาด้วยออกไปเบื้องหน้า อาคารแห่งนี้เป็นตึกปฏิบัติการของคณะวิทยาศาสตร์
เขารู้มาว่าส่วนหนึ่งของอาคารเรียนกำลังจะจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์รวมเอาไว้ด้วย ซึ่งนอกจากเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของบรรดานักศึกษาแล้ว ในอนาคตยังน่าจะทำรายได้จากการเข้าชมของผู้สนใจได้อีกทางหนึ่งเลยทีเดียว ดอกเตอร์พงศ์พิทย์ เพชรพยัต ท่านอธิการบดีและเจ้าของมหาวิทยาลัยจึงสั่งให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดอย่างดีตลอดแนวเส้นทางเดินภายในตึกนี้
ด้วยความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย หนุ่มใหญ่จึงตัดสินใจเดินย้อนกลับขึ้นไปที่ชานชาลาด้านล่าง ประตูกระจกอย่างดีถูกล็อคเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เขาโคลงศีรษะแล้วเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง ตั้งใจว่าจะกลับไปนั่งเล่นที่ป้อมยามที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรข้างหน้า
แต่แล้วเสียงบางอย่างก็ดังมาจากด้านบนนั้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงแผดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีดจนทำให้โสภณต้องวิ่งออกมาที่ลานซีเมนต์หน้าอาคาร เพื่อแหงนหน้าขึ้นไปดูด้านบนด้วยความประหลาดใจ เขากำลังจะหยิบวอล์คกี้-ทอล์คกี้ขึ้นมากดปุ่มเรียก
แต่ก็ยังช้าเกินไป เมื่อเสียงกรีดร้องสุดท้ายดังขึ้นมันลากยาวโหยหวนเหมือนเจ้าของเสียงจะเปล่งมันออกมาจากลมหายใจเฮือกสุดท้ายจากระเบียงชั้นห้า อันเป็นชั้นสูงสุดของตัวอาคาร แล้วจากนั้นเสียงเปรี๊ยะของกระจกก็ดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ร่างๆหนึ่งก็หล่นร่วงลงมาจากด้านบนด้วยความเร็วเกินคาดคิด
สายตาของเขาจับภาพนั้นได้พอดิบพอดี
โพละ!!
เสียงสยดสยองไม่ต่างกับมะพร้าวถูกทุบจนเละ เมื่อเห็นร่างนั้นก็หล่นละลิ่วไม่ต่างกับการเหินร่อนลงมาจากฟากฟ้า พุ่งกระแทกลงโหม่งศีรษะปะทะกับพื้นซีเมนต์ห่างจากร่างของโสภณ ที่มัวแต่ยืนตกตะลึง มือกำวิทยุสื่อสารค้างนิ่งอยู่แทบไม่ถึงเมตร!!
********************* สวัสดีครับเพื่อนนักอ่าน ถนนนักเขียน เรื่องนี้อาจจะยาวหน่อยนะครับ แต่ผมจะพยายามนำลงให้ต่อเนื่องครับ อาจจะมีบางตอนที่มีปัญหาเรื่อง "คำพูด"ของตัวละครที่ทำให้ลงไม่ได้ ถ้าอย่างไร ผมอาจจะลิงก์บทที่มีปัญหาไปที่บล็อกแทนนะครับ ขอบคุณครับผม หมอกมุงเมือง
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ย. 54 20:33:15
|
|
|
|