Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HOTEL 2........(บทที่ 3 การเดินทาง.) ติดต่อทีมงาน

==============
PSYCHO     HOTEL 2
บทที่ 3.....การเดินทาง
: GTW/PSYCHO MAN
==============


ความเดิม

แพรวดาว ...สาวซิดนีย์ ตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งพร้อมกับข่าวร้าย ยิ่งกว่าเป็นฝันร้าย คลื่นยักษ์กำลังจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มมหานครซิดนีย์ หรืออาจทั้งประเทศ น่าแปลกใจว่าทุกคนอยู่ในอาการสงบไม่ตื่นกลัวอย่างน่าขนลุก มันเป็นความผิดปกติในแบบอย่างไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น และในวันนั้นเอง เธอก็ได้รับลูกกุญแจของ Psycho hotel

ฝันร้ายกลับมาอีกครั้ง...


แอนู NUAOFFYHUB…สาวออฟฟิศ เป็นอีกคนหนึ่งซึ่งพบกับความผิดปกติอันสุดแสนสยองขวัญ คนตายไปแล้วกลับไม่ยอมตาย คงมาอยู่ในสังคมของคนเป็นราวกับเป็นเรื่องปกติ ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างโลกของคนเป็นและโลกของคนตาย ความตายที่ไม่ยอมตาย....และเมื่อเธอเดินทางกลับบ้านโดยรถแท็กซี่ เธอก็พบกับความระทึกจากคนขับแท็กซี่ผู้มีพฤติกรรมประหลาดและไม่น่าไว้วางใจ


อรุสา...เป็นอีกคนซึ่งพบเหตุการณ์อันผิดปกติเมื่อเธอพบว่าตัวเองกำลังถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก เธอไม่สามารถออกมาจากบ้านของตัวเองได้  อุปกรณ์และสิ่งประดิษฐ์ของเธอไม่ทำงาน ราวมีอะไรบางอย่างมากักขังเธอเอาไว้ในบ้านของเธอเอง


จันทร์พันฝัน .....นักเขียนสาวผู้กำลังทุ่มเทกายใจเขียนนิยายแนวกำลังภายในแนวใหม่พบว่าจู่ๆ ตัวเองก็หลุดเข้าไปอยู่ในโลกสองมิติ โดยเธอไปอยู่ในผิวของแก้วน้ำดื่ม อะไรอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์พิสดารอันน่าเหลือเชื่อแบบนี้ และเธอก็ได้รับการสื่อสารจากใครบางคน แนะนำให้เธอกลับไปยัง Psycho hotel


ดินสอสีน้ำ และสาวกาแฟ....... พากันออกมาจับจ่ายซื้อข้าวของตามประสาผู้หญิง แต่แล้วอยู่ดีๆ ก็พบว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปในทางอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวอย่างไม่คุ้นเคย ราวกับหลุดไปอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่ง ทั้งสองคนหาทางกลับบ้านไม่ได้ แถมยังพากันพลัดหลงเข้าไปในอาคารเก่าแก่น่ากลัว พายุกำลังจะมา พวกเธอพากันหลบพายุขึ้นไปยังชั้นสองของตัวอาคาร และเริ่มได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังติดต่อกับพวกเธอ


กีวี่ บราวน์ Kiwi_brown……  กำลังนั่งเล่นอินเตอร์เน็ตและโลกออนไลน์ เธอกำลังประชันบทกลอนกับเพื่อนทางอินเตอร์เน็ต ขณะกำลังสนุกสนานกับเพื่อนทางไกล สิ่งน่าขนลุกก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอพบว่าคอมพิวเตอร์กำลังโต้ตอบกับเธอในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้


ซอย.....คุณชื่อซอย......”

แอนูประกาศเสียงดัง.......

"ผมชื่อ..โส่ย..."

คนขับหันมามองแล้วตอบด้วยเสียงสุภาพ

******************


แอนูฟังเสียงคนขับบอกชื่อ แล้วหันไปมองป้ายแสดงชื่อคนขับและเลขทะเบียนรถบริเวณประตูรถอีกครั้ง

‘Mr. Zoi  Psycho Club’

“ซอย....” หญิงสาวค้านอย่างไม่เห็นด้วย

“คุณจะมาเถียงผมทำไม ผมเป็นเจ้าของชื่อ จะมารู้ดีกว่าผมได้อย่างไร”  คนขับแท็กซี่ตอบด้วยน้ำเสียงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และดูเหมือนจะจริงจังกับการตอบแบบมีเหตุผลมากกว่าจะใช้อารมณ์

“คุณเขียน แบบนี้ ก็ต้องอ่านว่า ซอย”  

ผู้โดยสารยังคงตั้งหน้าตั้งตาเถียง คราวนี้ไม่มีเสียงตอบ ท่าทางอาจจะไม่อยากต่อปากต่อคำให้เสียอารมณ์ พออีกฝ่ายเงียบไป หญิงสาวก็หันไปสนใจโลกภายนอก

นอกรถตอนนี้มืดทะมึน จะมีก็แสงสว่างเป็นจุดเล็กๆกระจัดกระจายรายรอบราวดวงดาว แต่เป็นดวงดาวที่ไม่มีการกระพริบวับแวมแม้แต่น้อย แสงสว่างจากข้างถนนอย่างควรจะมีมันหายไปไหน แล้วทำไมไม่มีแสงไฟของรถซึ่งควรจะวิ่งสวนทางมาบ้าง ชะโงกไปมองถนนด้านหน้ารถก็ไม่เห็นมีอะไรนอกจากความมืด ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ารถกำลังจอดอยู่กับที่ หรือว่ากำลังวิ่งตรงไปข้างหน้า ไม่มีอะไรเป็นหลักสังเกตหรือเปรียบเทียบเลยสักนิด ทำเอาแอนูใจเริ่มเสีย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน... ในที่สุดตัดสินใจร้องบอกคนขับด้วยเสียงค่อนข้างดังว่า

“กลับไปที่เก่า ฉันจะกลับไปลงที่เก่า”

“เห็นทีจะไม่ได้หรอกครับ” คนขับตอบเสียงราบเรียบ “เพราะรถคันนี้วิ่งทางเดียว ยังไงก็กลับไปไม่ได้”

“มันจะยากตรงไหน ก็แค่เลี้ยวรถกลับเท่านั้น”

“เลี้ยวตรงไหนหรือครับ”

นั่นสิ...จะเลี้ยวตรงไหน ไนเมื่อไม่เห็นถนนเลยสักสาย นอกจากความมืด ด้านนอกเหมือนไม่มีอะไรเลย  ในรถก็มีเพียงเสียงเครื่องยนต์คำรามกระหึ่มเบาๆสม่ำเสมอ หญิงสาวเพิ่งสังเกตเห็นว่าหน้าปัดรถมันแปลกตา ไม่เหมือนหน้าปัดรถโดยทั่วไป มันเต็มไปด้วยแผงวัดอะไรแปลก ๆ ไม่คุ้นตาเลยสักนิด

“งั้นฉันลงที่นี่”  พยายามทำเสียงแข็งแสดงว่าไม่ได้หวาดกลัวอะไร

“ลงที่นี่ก็ไม่ได้หรอกครับ”

“ทำไมจะลงไม่ได้ แค่จอดรถแล้วเปิดประตูเท่านั้น”

“จอดไม่ได้หรอกครับ เพราะไม่มีถนนให้จอด”

“หมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความว่าด้านนอกไม่มีถนนครับ”

จะบ้า...แอนูบ่นใจใจอย่างเริ่มฉุนเฉียว ทำไมจะไม่มีถนน ถ้าไม่มีถนนแล้วรถจะวิ่งได้อย่างไร คิดพลางจ้องมองไปนอกรถอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกใจหายวาบ

ไม่มีถนนจริงๆ นอกจากความมืดและแสงแห่งดวงดาวรายรอบทุกทิศทาง

“นี่มันอะไรกัน” ถามเสียงดังและน้ำเสียงเริ่มสั่นระริก

“ด้านนอกเป็นอวกาศครับ”

“บ้าไปแล้ว”

“เปล่าบ้าครับ” คนขับรถผู้ลึกลับชี้แจงอย่างสุภาพและจริงจัง

“ด้านนอกเป็นอวกาศจริงๆ ตอนนี้เราอยู่ในอวกาศแล้ว ผมพาคุณผ่านกาลอวกาศออกจากจากโลกมนุษย์ และมีทางเลือกทางเดียวคือเดินทางต่อไปเท่านั้นครับ”

“นายเป็นใครกันแน่”

“ผมมิสเตอร์โส่ยครับ”

“ซอย”

“โส่ยครับ กรุณาออกเสียงให้ถูกต้องด้วยครับ”

“โส่ย ก็โส่ย ..จะโส่ยจะซอยอะไรก็ช่างเถอะ...แล้วจะเอายังไงต่อไป”

“เดี๋ยวก็รู้เองครับ”     คนขับรถลึกลับตัดบทแบบไม่ยอมอธิบายอะไรอีก แอนูขยับตัวอย่างอึดอัด ทำไมต้องมาเจอเรื่องบ้าๆทั้งวัน แบบนี้มันต้องเป็นความฝัน ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง ตอนนี้เราคงนอนหลับอยู่บนเตียงและกำลังฝัน ไม่เป็นไร เดี๋ยวคงตื่นจากความฝันบ้าๆนี่เสียที มันช่างเป็นความฝันอันน่ากลัวเหลือเกิน แค่ฝันเกี่ยวกับคนตายที่ออกมาเพ่นพ่านในสังคมก็เหลือทานทนแล้ว

มันก็แค่ความฝัน

แม้จะพยายามบอกกับตัวเองเช่นนั้น ใจหนึ่งก็ค้านว่าความฝันอะไรจะชัดเจนจริงจังขนาดนี้ ความฝันควรจะพร่ามัวเลือนราง ไม่ใช่ชัดเจนและเต็มไปด้วยรายละเอียดต่างๆมากมายแบบนี้

ต่างฝ่ายต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก กระทั่งเริ่มสังเกตเห็นแสงสว่างนขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า ไกลออกไปจนประมาณระยะทางไม่ได้ แต่รู้ว่ามันเคลื่อนใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว จนเห็นอาคารทะมึนสว่างอยู่กลางความมืด หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นอาคารซึ่งเคยผ่านเข้ามาในชีวิตและความทรงจำ....ความทรงจำอันน่ากลัว

ป้ายโรงแรมสว่างอ่านได้ชัดเจนอยู่เบื้องหน้า แสงไฟกระพริบไปมาราวกับแสดงอาการยินดีต้อนรับ

PSYCHO HOTEL

ทำไมจะจดจำโรงแรมนรกแห่งนี้ไม่ได้ เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา โรงแรมนรกแห่งนี้มักจะวนเวียนอยู่ในความคิดเสมอเมื่อมีโอกาส แม้จะว่าพยายามทำเป็นลืมเลือนไปขนาดไหนก็ตาม เหตุการณ์อันยิ่งกว่าฝันร้ายยังอยู่ในความทรงจำเสมอ

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”  หญิงสาวร้องถามเสียงดังกว่าทุกครั้ง

“เรื่อง Psycho hotel ครับ”

“เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว”  แอนูขบกรามกรอด ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัวสับสนปนกันไป อยากจะกระโดดขึ้นมาสกายคิก แต่จนใจว่าทำไม่ได้ในตอนนี้ นอกจากพยายามถามต่อไป

“แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไม มันถูกทำลายไปแล้วไม่ใช่หรือ”

“ไม่หรอกครับ มันไม่ได้ถูกทำลายไปเสียทั้งหมด มันซ่อมแซมตัวของมันเองได้ครับ อย่าลืมว่า Psycho hotel ไม่ใช่โรงแรมธรรมดา”

“แล้วนายเป็นใครกันแน่”

“ผมเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษของโรงแรม ตอนนี้รับหน้าที่พิเศษชั่วคราว พาคุณมาส่งตามหน้าที่ครับ”

“พาฉันมาทำไม”

“เดี๋ยวก็รู้เองครับ ขอโทษครับ ผมไม่มีหน้าที่อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ”

รถแท็กซี่วิ่งไปยังถนนทางเข้าโรงแรมซึ่งเหมือนจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะทางซึ่งใกล้เข้าไปทุกที ตัวโรงแรมทั้งน่ากลัวและน่าเกรงขาม เหมือนหลุดออกมาสู่อีกโลกหนึ่ง ในตัวโรงแรมบางห้องปรากฏแสงไฟสว่างออกมาทางหน้าตา หรือว่ายังมีผู้คนอาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้

หญิงสาวเหมือนตกลงสู่ห้วงฝันร้ายอีกครั้ง


********


อรุสา ยังคงพยายามหาทางออกจากบ้านอย่างไม่ย่อท้อแม้ว่าจะปราศจากผล กระจกหน้าต่างประตู ไม่สามารถทุบหรือทำลายให้แตกออกได้ ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์อะไร ทุบด้วยความรุนแรงขนาดไหนก็ตาม มันกลับกลายเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เธอออกจากบ้านไปได้

ใกล้มืดค่ำเข้าไปทุกที ยังดีว่าระบบไฟฟ้าในบ้านยังคงทำงานเป็นปกติ บางครั้งหญิงสาวสังเกตเห็นเพื่อนบ้านมาด้อมๆมองๆ แถวหน้าบ้านด้วยสีหน้าท่าทางแปลกใจอะไรบางอย่าง เธอพยายามโบกไม้โบกมือทางหน้าต่าง ให้พวกนั้นเห็น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมองเห็นเลย

ทำไมไม่มีใครโผล่เข้ามาในบ้านตอนนี้นะ เพื่อนๆหายไปไหนกันหมด

ถ้าจะมีใครสักคนโผล่เข้ามาตอนนี้ พวกนั้นก็น่าจะสังเกตเห็นเธอว่าติดอยู่ข้างใน และจะต้องหาทางช่วยเหลือ การอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังบางครั้งให้ความรู้สึกเงียบเหงาและอ้างอ้างจนน่าใจหาย

แสงไฟตามถนนเริ่มสว่าง เธอยังมองเห็นผู้คนสัญจรไปมาผ่านหน้าบ้าน คนพวกนั้นอยู่ใกล้แค่นี้เอง บางคนหันมามองด้วยซ้ำ แต่ท่าทางเหมือนไม่เห็นเธอเลยทั้งที่พยายามโบกไม้โบกมือไปมาตัดกับแสงไฟด้านหลัง น่าจะมองเห็นเงาของเธอทาบผ่านหน้าต่างบ้าง ว่ากำลังต้องการความช่วยเหลือ

ร้อนใจจนไม่อยากดื่มอยากกินอะไร คอยมองออกไปทางประตูหน้าต่างตลอดเวลา ด้วยความหวังว่าจะมีใครสักคนเดินผ่านมาและสังเกตเห็น

ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันนะ มายืนมองเข้ามาทางหน้าบ้าน อรุสาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นหรือรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนอย่างแน่นอน แต่ว่าจะเป็นใครตอนนี้ก็ไม่สำคัญ สำคัญว่าเธอกำลังมองเข้ามาอย่างสนใจ

ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนค่อนข้างผอม ผมเริ่มยาวประบ่า สวมเสื้อยืดสีขาวปล่อยชายยาวตามสบายและกางเกงสีดำ มองเห็นใบหน้าไม่ถนัด แต่สังเกตได้ว่ากำลังมองเข้ามาในบ้านอย่างเงียบงัน

เข้ามาสิ....เข้ามาอีก

อรุสาร้องเสียงดัง โบกไม้โบกมือ และแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เปิดประตูรั้วเข้ามาจริงๆ อรุสาแน่ใจว่าประตูหน้าบ้านล็อคกุญแจไว้แล้ว แต่เธอคนนั้นกลับเปิดเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

หรือว่าเป็นพวกหัวขโมย

จะเป็นอะไรก็ช่างเถอะ แน่จริงเปิดประตูเข้ามาเลย หญิงสาวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ยังคงพยายามโบกมือต่อไป อย่างน้อยคงไม่ใช่ขโมยหรือโจร เป็นไปได้ว่าเธอคนนั้นมองเห็นเธอ หญิงแปลกหน้าเดินตรงเข้ามาอย่างไม่รีบร้อนราวกับเดินอยู่ในบ้านของตัวเอง ดูเหมือนในมือจะมีลูกกุญแจอยู่ด้วย แบบนี้ก็น่าแปลก แต่อะไรก็ตาม แน่จริงเปิดประตูเข้ามาสิ ฉันจะออกไปให้ดู

หญิงสาวคนนั้นเดินตรงมายังประตูหน้าบ้าน อรุสามองเห็นผู้มาเยือนทางกระจกประตู เห็นเธอกำลังทำท่าเหมือนกำลังไขกุญแจ

ใช่แล้ว....ต้องแบบนั้น!

กริ๊ก!!

ประตูเปิดออกแล้ว อรุสากระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ในที่สุดก็จะหลุดออกไปจากบ้านของตัวเองได้เสียที นอกบ้านถึงจะอันตรายอย่างไรก็ยังมีผู้คนมากมายไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบนี้

หญิงสาวแทบไม่สนใจมองหน้าผู้มาเยือนเลยสักนิด พอประตูเปิดออกก็รีบพุ่งร่างออกไปทันที

+++++++

ดินสอสีน้ำและกาแฟกาแฟเย็นเพิ่มช็อตพากันกุมมือกันด้วยความลังเลใจ ด้านหลังก็มีละอองไอเย็นพวยพุ่งขึ้นมาจากชั้นล่างจนทำให้รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วกายใจ ด้านหน้าเป็นทางเดินแปลกตายาวเหยียดลับหายไปในความมืด เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังกังวานก้องอยู่ในทางเดินเหมือนจะย้ำเตือนให้รีบทำอะไรสักอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่การให้หันหลังกลับลงไปชั้นล่างเด็ดขาด ความเย็นมหาศาลข้างล่างตอนนี้ราวกับมากพอจะแช่แข็งมนุษย์ได้

“เดินต่อไป ตามทางเดิน เรื่อยๆ”

กาแฟพยายามมองหาว่าเสียงนั้นดังมาจากทิศทางใด หรือมาจากไหน แต่ก็ไม่อาจจับทิศทางของเสียงนั้นได้เลย รู้แค่ว่าเป็นเสียงผู้หญิงเท่านั้น

“เอาไงดี”

กาแฟกระซิบปรึกษาสาวรุ่นพี่ ดินสอสีน้ำขมวดคิ้วสีหน้าท่าทางยุ่งยากใจเพราะไม่รู้ว่าจะตัดสินใจแบบไหนเหมือนกัน แต่เมื่ออยู่ในฐานะเป็นรุ่นพี่ ก็จำเป็นต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจ อย่างน้อยก็เป็นการปลุกปลอบใจให้รุ่นน้องไม่ต้องวิตกกังวลมากจนเกินไป โดยเฉพาะในสถานการณ์อันไม่น่าไว้ใจแบบนี้

“เดินต่อไป”  สาวรุ่นพี่บอกเสียงหนักๆ แบบตัดสินใจเด็ดขาด

“จะดีหรือคะ”  สาวรุ่นน้องเป็นฝ่ายลังเลเสียเอง มองหน้ามองหลัง

“ตอนนี้คงไม่มีทางไหนถอยกลับออกไปแล้ว” ดินสอพยักหน้าให้รุ่นน้องพิจารณาดูกลุ่มควันสีขาวซึ่งเริ่มก่อตัวอยู่ทางด้านหลังหนาแน่นเข้มข้นมากขึ้นทุกทีพร้อมกับระดับความหนาวเย็นอันน่าตกใจ

“ดูไอหมอกพวกนั้นสิ...เห็นไหมว่ามันเย็นชนิดแช่แข็งคนเราได้เลย ยังไงก็ลงไปไม่ได้แน่ ต้องเดินหน้าลูกเดียว ไปกันเถอะ”

ว่าพลางดึงแขนสาวรุ่นน้องให้กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไป เพราะกลุ่มไอเย็นจะเข้ามาถึงตัวแล้ว ทั้งสองพากันมุ่งหน้าไปตามทางเดินอย่างรีบร้อน

“ดีมาก”

เสียงผู้หญิงลึกลับบอกอย่างพอใจ แล้วแนะนำต่อไปว่า  “เดินตรงไปเรื่อยๆ ให้สังเกตทางซ้ายมือ หาห้องซึ่งมีหมายเลข 666 ให้เจอแล้วเปิดประตูเข้าไปก่อนจะสายเกินไป”

“เลข 666 บ้าอะไร” สาวกาแฟกระซิบถามอีก

“มันเป็นตัวเลขที่เหลายคนเชื่อกันว่าเป็นตัวเลขแห่งสัญลักษณ์ของปีศาจ...เห็นมีการตีความกันมากมาย  แต่ช่างเถอะ ตอนนี้หาทางรอดก่อนดีกว่า”

“นั่นไง ห้อง 666”  กาแฟร้องพลางชี้มือให้ดู ด้านซ้ายมือมีห้องหมายเลข 666 อยู่จริงๆ

ดินสอสีน้ำไม่รอช้า จับลูกบิดประตูหมุนเปิดเข้าไปทันที

***********

กีวี่ บราวน์ ยังคงนั่งเล่นอินเตอร์เน็ตต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะเริ่มปวดตา แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้ไม่ยอมลุกจากที่ ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่

ใครบางคนส่งกลอนเพี้ยนๆมาจากต่างประเทศ หญิงสาวอ่านดูอย่างสนใจ

ปวดเมื่อยแขนเมื่อยขาลามมานิ้ว
ทำหน้านิ่วติ๋วติ้วติ๊ดติ๊งต่อง (อ่า ... อย่าถามความหมาย)
ไม่ต้องกลัวมัวแต่อายใครจะมอง
ลากเข้าห้องสองเราเฝ้าคลอเคลีย

อ๊ะ...นั่นแน่แล้วแต่ใครจะคิด
จะถูกผิดจิตใครใจละเหี่ย
ไม่ต้องจิ้นไม่ต้องคิดเดี๋ยวจิตเพลีย
ที่คลอเคลียแค่ให้นวดปวดขาเอย


กีวี่อ่านแล้วหัวเราะอยู่คนเดียว พลางนึกถึงว่าตอนคนเขียนกลอนบทนี้ จะทำหน้าตาอารมณ์ไหนนะ กลอนถึงออกมาแบบหลุดโลกขนาดนี้   อ๊ะ....ไม่ได้สิ แบบนี้ต้องโต้กลับบ้าง สมองอันฉับไวของกีวี่ทำงานอย่างรวดเร็วและกับการพร่างพรมปลายนิ้วเรียวลงไปบนแป้นคีย์บอร์ด

นี่ไงห้อง สองห้าแปด แอดมานวด
นวดรวดเดียว อีกเดี๋ยว ก็จะหาย
เริ่มไหล่ขวา ย้ายมา ไหล่ข้างซ้าย
ตามร่างกาย นวดให้หมด ซดแฟกา...
ยังไม่หาย แน่เลย นวดแค่ไหล่
นวดเรื่อยไป ที่แขน และที่ขา
มองสำรวจ โดยรอบ อวบอั๋นนา
แหมเงยหน้า ขึ้นสบตา ขาน้องนู

ส่งข้อความแล้วหญิงสาวก็นิ่งยิ้มและหัวเราะคนเดียวอีกครั้ง เออ....ท่าทางเราก็คงเพี้ยนแต่พองามนะ แบบนี้ก็ทำให้อารมณ์แจ่มใสได้เหมือนกัน โดยไม่ต้องไปหาซื้อการ์ตูนขำขันที่ไหนอ่าน เข้ามาอ่านในกระทู้ก็ทำให้ยิ้มและหัวเราะได้แล้ว

“อู้อีกแล้วนะ”

จู่ๆ ข้อความบางอย่างก็ปรากฏขึ้นมาบนจอคอมพิวเตอร์ หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ยิ้มค้าง...อะไรกัน ข้อความแปลกๆ แบบนี้โผล่มาอีกแล้ว
ใครอู้อะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง

“กำลังมีคนจะมาหา”

ข้อความแปลกๆ ปรากฏขึ้นมาอีก

‘คุณสามารถแบ่งปันการมองเห็นให้เขาได้ครั้งละ 20% แต่การมองเห็นของตัวคุณเองต้องลดลงตามอัตราส่วนนั้นด้วย
กด 1 เพื่อยอมรับเงื่อนไข
กด 2 เพื่อปฏิเสธเงื่อนไข’

“คนละเรื่องแล้ว....”

หญิงสาวร้องเสียงหลง มองหน้าจอซึ่งมีข้อความแปลกๆขึ้นมาแบบอ่านแล้วไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร ก็อย่างว่า จะเอาอะไรมากมายกับคอมพิวเตอร์ บางทีพวกมันอาจกำลังพัฒนาและสร้างชีวิตจิตใจของมันเองอยู่ก็เป็นไปได้

ขณะนั่งคิดอะไรเพลินๆ ประตูห้องนอนของกีวี่ ก็ถูกกระชากเปิดออกโดยแรง ทำให้หญิงสาวเจ้าของห้องสะดุ้งสุดตัวหันไปมองด้วยอาการตกใจตื่นตะลึงก่อนลุกขึ้นเผชิญหน้ากับผู้บุกรุกทั้งสอง

“พวกเธอเข้ามาได้ยังไง”

พวกเธอ...หมายถึงสาวหน้าตาสดใส สวมกระโปรงสั้นทะมัดทะแมง อีกคนสวมเสื้อผ้าชุดลายปลายดินสอสีฟ้าละลานตา เป็นสาวกาแฟกับดินสอสีน้ำนั่นเอง

ทั้งสองฝ่ายต่างมองหน้ากันด้วยความงงงันและไม่เข้าใจ

“เธอมาอยู่นี่ได้ไง”  

ดินสอสีน้ำหลุดปากถามด้วยสีหน้าแปลกใจ ไม่คิดว่าในสถานที่น่ากลัวแบบนี้จะมีคนมานั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ได้

“นี่มันบ้านของฉัน”

กีวี่เน้นเสียงหนักแน่น มองหน้าอีกฝ่ายอย่างเตรียมพร้อม ซึ่งก็ไม่รู้จะเตรียมพร้อมอะไร อาวุธอะไรก็ไม่มีสักชิ้น

“บ้านของเธอเหรอ.....”

ดินสอสีน้ำย้อนถามอย่างสงสัย “พวกเราคิดว่าพวกเรากำลังหลบพายุเข้ามาในตึกร้าง หนีขึ้นมาชั้นบนแล้วก็มีเสียงแปลกๆ แว่วมาให้พวกเราเดินมาตามทางเดินและเปิดห้องนี้เข้ามา”

“ตึกร้างอะไรกัน..พูดเรื่องบ้าอะไร”

กีวี่บราวน์เขม้นตามองอย่างไม่พอใจ ทำไมคนบุกรุกสองคนถึงสร้างเรื่องบ้าๆไม่น่าเชื่อแบบนี้ขึ้นมา ก่อนที่จะมีใครตอบ สาวกาแฟหันไปมองนอกห้องแล้วร้องเสียงหลง พลางกระชากประตูปิดโครมพร้อมกับไปเย็นมรณะพุ่งวูบเข้าปะทะบานประตูอย่างจังจนอุณหภูมิในห้องลดต่ำลงอย่างกะทันหัน

สาวกีวี่ยืนอ้าปากค้าง  เธอทันพอที่จะมองเห็นไอเย็นวูบหนึ่งก่อนประตูจะปิด

“นี่มันบ้านของฉันนะ” หญิงสาวครวญเสียงแผ่ว ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก

“ท่าทางตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ข้างนอกนั้นไม่เหมือนเป็นบ้านเลยสักนิด ไม่เชื่อออกไปดูก็ได้”

ดินสอสีน้ำบอกพลางหันไปมองประตูเหมือนจะบอกให้เจ้าของห้องลองออกไปดู ถ้าไม่เชื่อ กีวี่กัดริมฝีปากอย่างคนตัดสินใจลำบาก แต่นี่มันบ้านของเธอชัดๆ  นี่เป็นห้องนอน ข้างนอกก็เป็นทางเดินสั้นๆนำลงไปชั้นล่างซึ่งมีห้องครัวห้องน้ำ จะมีอะไรผิดปกติไปได้

ในที่สุดก็ตัดสินใจ เดินอย่างช้าๆ ไปยังประตู สองสาวผู้มาเยือนแบบไม่ได้รับเชิญหลักทางให้ กีวี่สาวคอยๆแง้มประตูออกอย่างช้าๆแบบระมัดระวังตัวสุดขีด เห็นหมอกสีขาวถอยห่างออกไปไกลแล้ว และสภาพภายนอกตอนนี้มันไม่ใช่บ้านของเธอเลยสักนิด ทางเดินซ้ายขวายาวเหยียดหายไปในกลุ่มหมอกสีขาวเหมือนเป็นทางเดินของโรงแรมขนาดใหญ่ ไม่เหมือนสภาพบ้านของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว  ดูเหมือนว่ากลุ่มหมอกจะหันมาสังเกตเห็น มันเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามาราวมีชีวิต ทำเอาคนอยากรู้ปิดประตูแทบไม่ทัน

“มันบ้าอะไรกัน”  หญิงสาวทำท่าเหมือนจะเป็นลม

“พวกเราก็อยากรู้เหมือนกัน” ดินสอสีน้ำมองหน้าเจ้าของห้องอย่างเห็นใจ “เพราะพวกเราก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน ความจริงพวกเราเดินซื้อของอยู่ดีๆแท้ๆ ไม่รู้ว่ามาโผล่แถวนี้ได้ยังไง”

“หรือนี่เป็นความฝัน...ต้องเป็นความฝันแน่เลย”

“ลองหยิกตัวเองดูสิ ว่าจะตื่นไหม”

สาวกาแฟเสนอแนะ ทั้งที่รู้ว่าผลจะออกมาแบบไหน เธอเองแอบหยิกตัวเองหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล นี่มันไม่ใช่ความฝัน เป็นความจริงที่ยิ่งกว่าจริงเสียอีก

“พวกเธอ....”

ฉันชื่อดินสอสีน้ำ..”  สาวรุ่นพี่แนะนำตัวขึ้นก่อนเจ้าของห้องจะพูดจบ “และนั่น กาแฟ.. พวกเราหลงเข้ามาด้วยกัน”

“ฉันกี่วี่”  

“อ้อ...ยาขัดรองเท้า”

“บ้า.....เป็นชื่อผลไม้ต่างหาก”

ทั้งที่หน้าสิ่วหน้าขวานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทุกคนก็อดยิ้มไม่ได้  เจ้าของห้องผายมือเชิญให้แขกผู้ไม่ได้ตั้งใจมาเยือนไปนั่งบนเตียงเพราะไม่มีเก้าอี้รับแขกในห้องนอน เพื่อปรึกษาหารือกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป




.....

แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 54 22:53:38

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 54 22:39:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com