 |
10.05 น.
(คำโคลงกล-คนโคลงกรรม)
๏ ขนมาเล่น เม้นต์ล่า ...... สดายุ รำคู่กัน ขั้นกรุ ................ แตกน้ำ คำครูเด่น เข่นดุ ............. ดันใส่ น้ำฉ่ำแหละ แฉะล้ำ ......... เล่นน้ำดีกัน ๚ะ๛ (อิอิ)
10.12 น.
------------------------------------------------------ จากกระทู้ถนนนักเขียน O แด่..เธอผู้พายเรือ...O ... ของคุณ : สดายุ... http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11209004/W11209004.html#8 ------------------------------------------------------ ความคิดเห็นที่ 4
.
มาพ่อนก...เรามาม่วนกันสองคน...55
O ตรู่เช้าเดือน ๑๒...O
O ตรู่เช้าหนึ่ง แสงแรกซึ่งอ่อนโยนเริ่มโชนฉาย เห็นปีกบางโบกพลิ้ว..อวดริ้วลาย อยู่ทักทายลมหนาวของเช้าวัน
O ช่อมาลย์เคยช้อยชู..กลับลู่ล้ม ด้วยแรงลมลูบไล้..จนไหวสั่น- พาน้ำค้างยามเช้าบนเถาวัลย์ เลื่อนลดหลั่นกลิ้งหยด..ลงรดริน
O ปีกเบาบางกางร่อนออดอ้อนลม เหมือนจ่อมจมหอมอยู่ไม่รู้สิ้น จึงเห็นปีกเลื่อมลายค่อยบ่ายบิน ให้รสกลิ่นกำจายเข้ารายล้อม
O ชื่นลมเช้าอ่อยเอื่อย, ปีกเรื่อยเร่- ก็ร่อนรอลมเท..มาเห่กล่อม แสงแรกวัน, หยาดน้ำ, การด่ำดอม- ก็พรั่งพร้อมให้เห็นความเป็นไป
O แผ่วลม..พลิ้วระลอกราวหยอกยั่ว ล้างหมอกมัว..เบิกบททุกบทให้- ค่อยเลื่อนรูปเลาะเลี้ยวผ่านเรียวใบ พร้อมปีกไหวโบกลายกลางสายลม
O คอยไหวโบก..บ่ายบินล้อมถิ่นที่ ปีก-วาดวีตอบตื่นรสรื่นฉม เลื่อนล้อมผ่านมาลย์ช่อ..แอบออ..ชม ด้วยสุดข่มขับหอมที่น้อมรับ
O รูป-รสหวานรับรู้..เมื่อตรู่สาง ปีกบอบบางกลีบพะยอม..ก็พร้อมสรรพ แสงดวงวันไกลลิบระยิบระยับ การขยับการเขยื้อนก็เลื่อนรอ
O กลีบดอกนั้นดอกนี้..ในที่นั้น ค่อยไหวสั่นจนสะท้านทั้งก้านช่อ เกสรรูปกลั่นน้ำ..หวานล้ำพอ การแอบออหวานหอม..ก็ย่อมมี
O เลื่อนผ่านช่อบุปผา..เพ-ลานั้น เมื่อแสงวันโลมสิ้นทั่วถิ่นที่ การสมยอมผ่านช่วงเผยท่วงที เมื่อลมวีวาดผ่าน..ช่อมาลย์นั้น
O รูปปีกบางกางแผ่อยู่แค่เอื้อม แสงเรื่อเหลื่อมรูปลาย..ก็พรายสั่น ให้มองเห็นภาพงามแห่งยามวัน บรรโลมฝันแฝงเร้นไม่เว้นวาย
O ลวดลายปีกคลี่โฉบรอโอบกอด- การพร่ำพลอด..งดงามและความหมาย รสเรณูรื่นฉมเมื่อลมชาย ที่ขวนขวาย..รอหอมหรือยอมร้าง ?
O สิ้นแล้วหยดน้ำค้างที่กลางช่อ เหลือแอบออหวานอยู่ไม่รู้ห่าง ลมผ่านไล้แผ่วเบา..ปีกเบาบาง- หรุบรูปค้างคาหอมอย่างยอมตน
O ลมโลกคร่ำครวญสายรำบายล้อม การหลั่งหลอมเติมเต็มก็เข้มข้น สีสันปีกลวดลายยังบ่าย-วน รอหวานปรนเปรออยู่ไม่รู้วาง
O ตามกลิ่นเกสรหอมไม่ยอมล้า ที่เหมือนว่าหอมจรุงแต่รุ่งสาง สีสันปีกผีเสื้อก็เหลือพราง- ลอยเคว้งคว้างล้อแดด..ให้แผดลน
O เหมือนโบกแกว่งรออวด..สี..ลวดลาย เมื่อแดดฉายแสงช่วงจากห้วงหน เรื่อยเร่โลมเลาะกลิ่น..จึงบินวน- เรณูหวานหอมล้น..เฝ้าวนเวียน
O โอ..ปีกสีสวยงาม-แดดวามส่อง โล้ลมล่องลิ่วลอยแล้วค่อยเปลี่ยน- ไปลิ้มเล็มหวานรสเฝ้าบดเบียน- กลีบนุ่มเนียนโกสุม..คอยรุมเร้า
O ลมแผ่วยังโรยตัว..อยู่ทั่วแหล่ง พาไม้แกว่งกวัดเรียวกลางเปลี่ยวเปล่า จนปีกน้อยบินคว้างลับร่างเงา หอมเคยเฝ้าใฝ่อยู่ก็รู้ร้าง
O ปีกลวดลายเคยงามก็ทรามสิ้น เลือนจากกลิ่นหอมไป..จนไกลห่าง คงเหงาเงียบเปล่าเปลี่ยว..ในเที่ยวทาง เมื่อปีกบางเร้นหายจากสายตา
O ภาพงดงามผ่านวาบ..กำซาบรส- การณ์ปรากฏ..คอยหนุนให้คุณค่า ปีกเลื่อมลายสลับสี..พ้องลีลา- ภาพอันเป็นธรรมดา..บรรดามี . . . O ไม่เห็น..ปีกผีเสื้อที่เหนือลม เห็นเพียงปมด้อยหงาย..อวดลาย-สี พร่ำพรรณนางดงาม..คุณความดี ให้โลกนี้ถ้วนถิ่นได้ยิน..ฟัง
O ต้องสายตามองวาบ..กำซาบรส หวานทั่วบทถ้วนนัยก็ไหลหลั่ง ลมโรยสายผ่านแล้ว, ที่แว่วดัง- ล้วนเสียงคลั่งไคล้ชอบ..อยู่รอบตัว
O ปีกลวดลายงอกพลันขึ้นทันใด แล้วกางให้คลี่ออก..ทำหยอก..ยั่ว ลิ่มลมหอมโอบขวัญ..ปีกสั่นรัว- หรุบ..หู..หัวเกลือกหอม..อย่างยอมตาย !
จากคุณ : สดายุ... เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 19:36:02 ถูกใจ : นกโก๊ก
ความคิดเห็นที่ 5
.
O ผู้หลงโลก..? O
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
O รองเรืองเมลืองชุติพิจิตร ก-ละ-พิศพิมานบน โล่งลิบระยิบ, ทิพะสถล- ดุจะหล่น..ละลิ่วรอ
O เจดีย์, พิถีวัตระประพฤติ จิตะยึดและยกยอ โมหันธ์ถวัลยะ ฤ พอ- คณะขอจะอาจขืน ?
O บุญบาปและลาภขณะประนอม- บทะย้อม ฤ อาจยืน- หยัดจิตะคิดพิริยะฝืน- ระอุตื่น ณ ในตน
O เห็นแต่จะแผ่วุฒิวิภาค อติพากยะเพียบพล กล่อมขวัญ, สวรรค์ก็อนุสน- ธิพิกลพิการสอน
O บุญบาปกระหนาบพิษะกระหน่ำ ก็ระส่ำระสายตอน ชาติภพตระหลบอุระสะท้อน ฤ จะผ่อนพลังหลง
O แว่วเสียงก็เพียงจะเยาะจะเย้ย- มรรคะเอย..ฤ แอบองค์ ไป่ทอดตลอดระยะ, บ สง- เคราะหะบงกะชาติบัว
O พรรณนาเหมาะสาวกะจะรู้ ธรรมะตู่..ก็เป็นตัว โอภาสจะพาดภวะสลัว ฤ เยาะยั่วและพร้อมหยัน ?
O ไตรรัตน์สมรรถพละ ฤ ฉุด นยะพุทธะรัดพัน- จิตสู่ประตูอริยะนั้น ทะนุนันทิรูปนาม
O โดยภาษประกาศพระชินวร ระบุสอนระบิลความ ต้นกลางลุปลาย..วุฒิพิราม ยุติทราม บ สืบสาย
O โอ หนอ ฤ พอจิตะขจัด กิจะวัตระวุ่นวาย ท่วงทีพจีนยะสยาย บุญะถ่ายสิทั่วถึง
O กราบหมอบ ฤ ตอบมุหะจริต มุประดิษฐะเพื่อดึง- สายตาประดา..พิศะจะซึ้ง- บทะซึ่งจะคอยสรรค์
O แบบบุญจะหนุนภพะประสาร- วิญ(ะ)ญาณะค้ำยัน ศรัทธาสถาปนะสวรร- คะถวัลยะในทรวง
O บิดเบือนเขยื้อนมุสะสยาย เกาะอุบายะบำบวง- ศักดิ์สิทธิ์และฤทธิ์อุตริปวง นิระห่วงจะเสียหาย
O บัวต่ำเพราะสัมผัสะกะตม ฤ จะชม..ระลมชาย สบทราบประภาพสุริยะฉาย- รุจิบ่ายประโลมบัว ?
O โดยตรรกและหลักอริยะวาท อธิชาติชมชัว เพื่อตัดขจัดมุหะระรัว- อัตะกลั้ว, ปลาตการณ์
O โดยตรรกและมรรคะปฏิบัติ เหมาะ, สมรรถะดวงมาน เงื่อนเหตุ..กิเลศ..สมะสมาน จะทะยาน - ก็อาจยั้ง
O เดี๋ยวนี้..และที่ขณะระลึก สติตรึกและตรองฟัง โลกนี้..และที่ระยะจะหวัง ทิฐิตั้งประคองตน
O เท่านี้..พิถีจิตะประพฤติ เหมาะจะยึดและตามยล เพียงใด..เพราะใจนะอนุสน- ธิกะลมระลอกสาย
O เพียงนั้น..จะบันดละสมา- ธิสภาวะในกาย เงียบงาม ณ ยาม วตะระบาย สุขะศานติซ่านซ้อน
O ปลงเปลื้องละเมืองก-บิ-ล-พัสดุ์ พระ-เลาะลัดพเนจร ป่นเหตุกิเลศ..ประทุษะถอน- ทุขะรอนปลาตร้าง
O กิ่งโพธิ์เพราะโผ..วตะระลอก- ระดะหยอก-ก็ไกว..กาง ไหวสั่นกระนั้น..เฉพาะจะขวาง- และมล้างพลังลม
O คือใจพิจัยธรรมะสภาพ ระบุทราบกะอารมณ์ รู้ครวญชนวนทุขะระทม พิษะถมกระทบถึง
O ที่ไหน..ไสวเพราะพลุลุแล่น- รุจิแสนยะตราตรึง ที่นั้น..จะฝันสุญะระรึง ขณะหนึ่ง บ พึงหมาย
O ที่ไหน..พิสัยชนะสมา- คมะวาระวุ่นวาย ที่สุด..วิมุติภวะจะหมาย- เฉพาะขายกะหมู่เขลา !
O แว่วดัง..ก็สังคิตะประดิษฐ์ นิรมิตะมอมเมา- จิตหลง..มุสงเคราะหะและเร้า- สติเฝ้าประโลมฝัน
O เสียงซอ..ฤ พอจะเสาะจะสี พิเราะคีตะล้อมพัน- ต้นธาตุ..พระชาติพระอรหันต์ ละสวรรคะรับเสียง !
O เสียงซอ..ฤ พอจะเสาะจะสี เสนาะคีตะคล้อยเคียง- ต้นธรรม..เหมาะสัมผัสะเจรียง- พฤติเบี่ยงประโคมบุญ !
O ซอสี..ก็สีปะเหลาะประโลม ทะนุโสมนัส, จุน- เจือวัตรวิบัติกระแดะและหนุน- ธนะ-ทุน..นะคือ..ธรรม !
จากคุณ : สดายุ... เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 19:48:39 ถูกใจ : นกโก๊ก
ความคิดเห็นที่ 6
O รอ...?? O
O เหมือนว่าความเงียบงันแห่งวันวาน จะคล้อยผ่านล่วงลับจนดับหาย ลมอ่อยเอื่อย, นกร้อง, วันผ่องพราย แต่งความหมายว่อนวาง..ลงกลางใจ
O จึง-อบอุ่นละมุนอยู่จนรู้สึก ว่าส่วนลึก-อาวรณ์..นั้น-อ่อนไหว- จากเผยความผ่านสู่..ของผู้ใด- โดยพลั้งเผลอเลศนัย...ออกให้รู้
O ยิ้มรับภาพงดงาม..อยู่ท่ามกลาง- การเร้นพรางอาวรณ์..แอบซ่อนอยู่ วันแล้วและวันเล่า-ที่เฝ้าดู- ความนัยชู้..จากชาย..ผู้หมายเชย
O คล้ายว่าแรงสุมซ่อน..อาวรณ์นั้น- จะไหวสั่นรูปรอย..ให้ค่อยเผย- ผ่านแววตาอ่อนละมุน..แสนคุ้นเคย แทนการเอ่ยถ้อยความออกตามใจ
O แววตากอปรคำนึงหวานซึ้งอยู่ ก็ทอดทอนัยสู่..จนรู้ได้- ว่า-วงรอบเสน่หาความอาลัย ค่อยเวียนรอบวนไหว..ที่ใจคน
O ร้างรูปดาวบนฟ้า..กล่อมราตรี เพียงเรื่อยรี้ลมล่วง..โลมห้วงหน เหลือจันทร์แรมลอยเรียว -โดดเดี่ยวบน- ฟ้า, ใจคน..กลับช่วงกว่าดวงวัน
O เหมือนงดงามเรื่อเรื้อง..ที่เบื้องหน้า หยัดหยั่งบางคุณค่า..เบื้องหน้านั่น แล้วยอบทบาทสู่..ให้รู้กัน ลบเงียบงันวันวานให้ผ่านพ้น
O หลัง-ม่านหมอกบังพราง..พ้นสางตรู่ ความนัยชู้ทั้งปวง..ก็-ร่วงหล่น หลัง-วันเลื่อนลอยดวง, ในทรวงคน- ความนัยอบอุ่นล้น..ก็หล่นรอ
O พร้อม-สายลมอุ่นอ้อนแสนอ่อนโยน, ดอกมาลย์โอนหอมยิ่งทุกกิ่งช่อ รูปธรรม..ใจแนบลงแอบ-ออ ก็อยู่ล้ออาลัย..คอยไขว่คว้า
O เตรียบความหมายนัยคำ..หวังทำให้- บางอกใจวนวิ่งเสียยิ่งกว่า- เมื่ออกอุ่นอ้อมแขนห้อมแหนมา เนตรพรายพร่าสั่นไหว..ด้วยนัยนั้น
O รื่นรมย์อยู่ดีไหม..หัวใจเจ้า กับยั่วเย้าอารมณ์ให้ซมสั่น รื่นรมย์ทั้งหัวใจ-ของใครกัน ? กับรำพันเร้ารัว..หยอกยั่วใจ
O เถิด-ให้เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เก็บทุกแววหวานซ่อน..อย่าอ่อนไหว อย่าพลั้งเผยแววตา..ความอาลัย- เผลอออกให้เขาเห็น..ความ เป็น มี
O ให้รับรู้ความนัย..แต่ในฝัน ด้วยว่านั่น-คือหลักแห่งศักดิ์ศรี- ของอาวรณ์เชิงชู้..กุล-ผู้ดี จากใจที่แฝงเร้น..ขีดเส้นทาง
O โอ ลวดลายชาติภพ..บนคบสูง จะเหมือนยูงอกแอ่นรำแพนหาง- อยู่กับฝูง..งดงามอยู่ท่ามกลาง- การลอบเร้นอำพราง..ได้อย่างไร ?
O ยิ้มรับใจวุ่นวาย..ที่คล้ายว่า- เผลอเผยอาวรณ์นั้น..ด้วยหวั่นไหว รอการแกว่งสั่นรัว..บางหัวใจ- จะแว่วให้รับรู้..ให้ดูแล
O แว่ว..มาเถิดอกใจผู้ใฝ่ฝัน หากมุ่งมั่นร่วมเคียง..อย่าเพียงแค่- เก็บซ่อนไว้ปิดกั้น..ให้ผันแปร- แล้วเฝ้าแต่ซ่อนเร้น..ความเป็นไป
O เพียงเพื่อความเงียบงันแห่งวันวาน จัก-เคลื่อนผ่านหวานหอม..รายล้อมให้- การเผยรูป, สั่นรัวแห่งหัวใจ- ค่อยสั่นไหวเผยรอบ..ให้ปลอบโยน !
O กลางสายลมโผแผ่ว..เหมือน-แว่วดัง- เสียงกดข่ม, เหนี่ยวรั้ง..ค่อยพัง-โค่น รอบอาวรณ์, แหนหวง..ใคร-ช่วงโชน- ก่อน-ถ่ายโอนโอบแน่น..ด้วยแขนเรียว !
จากคุณ : สดายุ... เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 54 20:45:29 ถูกใจ : นกโก๊ก
ความคิดเห็นที่ 7
มนต์พ่อนก เรามาม่วนกันสองครา ... อิอิ
๏ >>> ตรองเช้าเดือน 10 สู้ <<< ๏
08.05 น.
(กลกลอนคำ - กรรมกลอนคน)
๏ มีคู่แหย่ แค่อยู่ดูโลกกว้าง สรรพสัตว์อ้าง สร้างอัฐสมบัติฝัน สัตว์ประเสริฐ เปิดสถาบันดัน ไต่เต้ากัน ตันเกล้าเฝ้าแต่ครวญ
๏ ครางต่างย่ำ ต่ำย่างไฝ่ทางสูง ยามย่ำรุ่ง ยุ่งร่ำทำทางด่วน คู่อยู่กิน ยินกู่คู่ยากยวน เล่นสำนวน สวนนำทางทำกิน
๏ สรวมเสื้องาม ทรามเหงื่อเมื่อผกเผิน ไม่เพลินเงื่อ เพื่อเงินเพลินเล่นลิ้น แลผีเสื้อ เผื่อสีนารีบิน ร่อนไป่สิ้น ปลิ้นใส่ให้ปลอกกัน
๏ อันตราย ตายละวะภูมิพร่อง ไวรัสป้อง ร้องปัดพิฆาตฝัน ตุลาช้ำ รำช้าน้ำมาพลัน น้ำป่าลั่น ปั่นหล้าหนาวมาเยือน
๏ ทะแยงไหม ใยแมงมุมแกว่งกั้น ป้องสวนนั่น สั่นนวลมวนหนอนเกลื่อน แลสารพิษ สิทธิ์ผลาญฝันคลาดเคลื่อน ใช่ตีเพื่อน เตือนพี่มิรู้แคร์
๏ นกเจ้าโลก โจ๊กเหล้ายาเมาแหล ทางที่แก้ แท้กี่ด้านที่แพ้ น้ำไหลท่วม ร่วมไถถมทรายแน น้ำพังแน่ แพนั่งยังรอดตาย ๚ะ๛ (งิงิ)
09.01 น.
จากคุณ : นกโก๊ก เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 09:08:58
ความคิดเห็นที่ 8
๏ >>> โพก... หลงรู้ <<< ๏
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
09.24 น.
๏ หนาวร้อนละอ่อนผิว์จรเร่ง ละเขย่งกระเตงน้ำ ดื่มแก้กระหาย พลกระหน่ำ ธุระกรรม จะทำกิน
๏ เตรียมการสถานะขณะหนึ่ง ผิวซึ้งคะนึงถิ่น กันดารละหาน อุทกริน รึจะสิ้นสะดุดดัน
๏ โพกผ้าขะม้าศิระกระหม่อม มิถนอมจะพร้อมสั่น หนาวร้อนสะท้าน ระอุละอั้น ดุจรั้นทุเรศฤๅ ๚ะ๛ (งิงิ)
10.01 น.
จากคุณ : นกโก๊ก เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 54 10:02:52 ------------------------------------------------------
จากคุณ |
:
นกโก๊ก
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ต.ค. 54 10:14:20
|
|
|
|
 |