8.
เช้านี้คเชนทร์มาโรงเรียนแต่เช้า เขายืนดูความคืบหน้าของงาน มีสินธพตอบคำถามในจุดที่สงสัย เสาเข็มลงครบแล้ว หลังคาก็ขึ้นโครง กระเบื้องถูกลำเลียงขึ้นไป
“ต่อไป ถ้าผอ.อยากจะต่อเติม รื้อส่วนโค้งออกแล้วต่อขึ้นไปได้เลยครับ”
คนฟังพยักหน้า “หลังคาโค้งนี่สวยมาก ถ้าผมรื้อครึ่งเดียวอาศัยเสาเข็มต้นหลังรับน้ำหนักชั้นสองจะไหวไหม กรณีที่จะต่อเติม”
“ได้เลยครับ ผมออกแบบสำหรับโอกาสนั้นล่ะครับ”
สีหน้าแววตาผู้อำนวยการโรงเรียนค่อนข้างพอใจ วิศวกรหนุ่มชื่นชมตัวเอง เสร็จไปอีกงานที่ไม่ยากนัก แต่...มีงานอีกชิ้นที่ยากกว่าเล็กน้อย เขามองมือข้างซ้ายของชายกลางคน...ว่างเปล่า
ไม่แต่งงาน หรือแต่งแล้วหย่า หรือไม่ชอบสวมแหวน เป็นไปได้ทั้งนั้น
“ผมไปก่อน ฝากด้วยนะ มีอะไรก็โทรมาได้”
“ไม่ค่อยกล้าโทรเลยครับ เห็นผอ.ยุ่ง ๆ”
“เฮ้ย ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องงานคุยกันได้ ขอโทษสินด้วยแล้วกัน ช่วงนี้ผมมีสัมมนาติด ๆ กัน เลยไม่ค่อยได้มาเห็นหน้าเห็นตา”
คนอ่อนวัยพยักหน้า “ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่คิดว่าเวลามีเรื่องด่วนหรือผมอยากฝากเอกสารให้ผอ.กลัวจะช้า”
“ก็ให้ปูนิ่มไง ยังไงผมก็เจอเขาที่บ้านอยู่แล้ว สินบอกผมด้วยแล้วกัน เผื่อเธอลืม”
สินธพฉีกยิ้ม สีหน้าดีใจที่แก้ความกังวลใจได้ คเชนทร์ขอแยกไปทำงานต่อ แต่ชายหนุ่มยืนมองร่างนั้นอยู่หลายนาทีก่อนจะเดินกลับไปดูงานก่อสร้าง
บัณฑิตาเลือกกินมื้อเช้าที่โรงอาหาร แต่อาหารของเธอซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อแถวอพาร์ทเม้นท์นั่นคือกาแฟเย็นกับขนมปัง เพราะไม่แน่ใจว่าในโรงเรียนจะมีหรือเปล่า เธอคิดถูก ร้านเครื่องดื่มไม่มีกาแฟที่ชอบ
มาทำงานได้สองวันแล้ว เรื่องการรับมือความแสบไม่เท่าไหร่ แต่หญิงสาวเป็นกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับวิธีการสอนให้พวกเขาเข้าใจ แต่ละห้องแต่ละคนระดับการรับรู้ต่างกัน ถ้าพูดว่าภาษาอังกฤษยากเพราะเป็นการสื่อสารของคนต่างชาติ ภาษาไทยกลับยากยิ่งกว่าเพราะมันคือการตีความลงไปในรากวัฒนธรรม
บัณฑิตาถอนใจ เพิ่งเริ่มต้นเอง อีกเดี๋ยวก็คงปรับตัวได้ ดูดกาแฟพลางมองไปรอบ ๆ ตอนเช้ามีนักเรียนไม่หนาตา ดีเหมือนกันได้ตื่นเช้ามาเห็นพระอาทิตย์ และหลับก่อนเที่ยงคืนเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
บุคคลคนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงอาหาร หญิงสาวตาโต โบกมือไหว ๆ ยิ้มแฉ่ง
“มาส่งโขงเหรอพี่เข้”
“เออ บอกให้มันมาทักบุ้งก่อน ดันบอกว่าอีกเดี๋ยวก็ได้เจอเอง” เขาพูดพลางส่ายหน้า
“ก็จริง ไม่เจอกันนาน คงโตขึ้นมากแล้วนะ พี่เข้กินอะไรหรือยัง”
“เรียบร้อย แวะมาหาบุ้งโดยเฉพาะ” ชายหนุ่มยื่นถุงเครื่องสำอางค์ที่ซื้อมาให้ คนรับร้องวี้ดว้ายไม่ปิดบัง “ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ครูบุ้ง”
“พี่เข้” บัณฑิตายิ้มเขิน ทำหน้าย่นเสมือนว่าเกรงใจหากแต่มือเปิดถุงด้วยความตื่นเต้น
“ขอบคุณนะคะ แต่...บุ้งไม่ได้ใช้ยี่ห้อนี้ เอามาใหม่เลย”
เขมรัฐโคลงศีรษะ ยอมรับ “ไม่ได้ซื้อเพราะยี่ห้อ...”
คนรับเข้าใจในทันที “เชอะ ท่าทางจะสวยล่ะสิ นึกแล้วเชียว แล้วไง จีบสาวบีเอ ตื่นมาแล้วกลายเป็นคนละคนหรือเปล่าถ้าไม่มีเมคอัพ”
เขมรัฐหรี่ตาอมยิ้ม อีกฝ่ายหยิบขวดครีมมาดู ปากถาม ”แล้วบุ้งเป็นอะไร น้องสาว?”
“อย่าถามมาก จะเอาหรือเปล่า”
บัณฑิตาดึงถุงหนี “เอาสิ ต้องลองใช้ดูก่อน”
เขมรัฐหัวเราะหึหึ “เป็นไงบ้าง สอนหนังสือดีกว่าร้องเพลงไหม”
“มันก็เหนื่อยกันไปคนละอย่าง ร้องเพลงมันก็ดีไม่ต้องคิดอะไร จบงานวันนั้นก็นอนไป แต่โอกาสได้พัฒนาอะไรไม่มีถ้าไม่ได้เป็นนักร้องดังล่ะนะ งานครูมันเครียดแต่ก็มั่นคง” เธอทำหน้าจริงจัง “ปัญหาคือ ทำยังไงให้เด็กฟังเรา”
ชายหนุ่มเอียงคอ “ทำยังไงให้คนฟังเราร้องเพลง”
“เด็กที่ตั้งใจเรียนพอเข้าห้องปุ๊บสอนได้เลย แต่ห้องที่อ่อนหน่อยเขาจะเล่นกันก่อน สอนเลยไม่ได้ต้องหาเรื่องชวนคุย กว่าจะได้สอนหมดไปสิบนาที”
คนฟังหัวเราะ “บุ้งก็รู้อยู่แล้วนี่ มาแค่สองวันแยกปัญหาได้แล้ว เก่งไม่เบา”
“รับรองว่าบุ้งจะไม่ทำให้พี่เข้ผิดหวัง” เธอยิ้มหวาน
“ลองดู” เขาโยกศีรษะเธอ จังหวะนั้นสายตาก็เห็นใครบางคนเดินเข้าโรงอาหาร ตาเขมรัฐเป็นประกาย บัณฑิตามองตาม
“ปูนิ่ม” พอดึงสายตากลับมาเห็นความแพรวพราวบนสีหน้า
“รู้เหรอว่าเขาเป็นใคร”
สาวสวยตอบแบบที่ได้ยินคำบอกเล่า เขมรัฐอ้าปากจะถามคนตรงหน้าว่าเธอเชื่ออย่างที่ใครพูดไหมว่าปุริมาเป็นเมียเด็กผอ.คเชนทร์หากแต่ยั้งไว้
“คราวนี้จะเล่นของสูงเชียวนะ”
“หึงพี่เหรอ”
“เปล่า ทำให้ถูกหึงต่างหาก” พูดพอได้ยิน “ขอบคุณนะคะพี่เข้สำหรับของขวัญ บุ้งไปก่อนนะ” ว่าแล้วก็หอมแก้มเขาแล้วก้าวยาว ๆ ออกไป ชายหนุ่มชะงักพร้อม ๆ กับปุริมาที่มองมาพอดี เธอสะบัดหน้าหนี
เขมรัฐนั่งอยู่กระทั่งหญิงสาวเดินผ่าน รู้ว่าเธอจะต้องออกทางนี้เนื่องจากพื้นที่ส่วนอื่นถูกกันไว้จากงานก่อสร้าง
“ปูนิ่มครับ”
ปุริมาระงับสติด้วยการสูดลมหายใจลึก รำคาญ แต่การเมินเฉยเสียมารยาทมากกว่า ท่องไว้ปูนิ่ม เธอมองโลกในแง่ดี ต้นไม้ สายลม แสงแดด เธอรักโลกใบนี้!
“คะ?”
“โอ้ะ วันนี้พูดหวาน”
“จะเอายังไงล่ะ ห้วนก็ว่า หวานก็สงสัย”
“เปล่า แค่ดีใจที่ได้ยิน”
เธอกรอกตา หลบรอยยิ้มเหลือเฟือกับนัยน์ตากรุ้มกริ่ม “เท่านี้ใช่ไหม” ทำท่าจะเดินไป
“จะถามว่าปูนิ่มอยากได้เครื่องสำอางค์แบบบุ้งหรือเปล่า”
“ไม่เห็นอยากได้”
“อิจฉา?”
“เรื่องอะไร อิจฉาที่มาหอมแก้มกันโชว์นักเรียนนะเหรอ อ้อ เตือนไว้อย่าง จะมาหาแฟนไม่ว่า แต่จะจู๋จี๋อะไรกันกรุณาให้เกียรติสถานที่หน่อย อย่าประเจิดประเจ้อ นี่โรงเรียน”
เขมรัฐยกคิ้ว ทำท่าสำนึกผิด รีบก้าวตามหญิงสาวที่จ้ำออกไปแล้ว “ก็แค่แสดงความขอบคุณเท่านั้นเอง ถ้าผมทำจริง ๆ ไม่แค่นี้หรอก”
หญิงสาวตาเขียว “อีกอย่าง บุ้งไม่ใช่แฟนผมนะ”
“แล้วไง ไม่เห็นอยากรู้”
“ก็บอกไว้ เผื่อวันหน้าวันหลังผมซื้ออะไรมาฝากปูนิ่มบ้าง ปูนิ่มจะได้ไม่ต้องเกรงใจ”
เธอจ้องหน้าเขา กระแทกเสียงประชด “ไม่ต้อง ฉันซื้อเองได้ ไม่มีพี่ชาย และไม่อยากเป็นพี่น้องกับใคร”
ชายหนุ่มฉีกยิ้ม ทำทีไม่สนใจแต่ได้ยินทุกคำเลยนะนี่
“ไม่หรอก ถ้าซื้อให้คุณ ผมจะบอกกับพนักงานว่าซื้อให้แฟน”
“นาย!!”
ปุริมาโกรธหน้าแดง วินาทีนั้นไม่รู้จะต่อว่าชายหนุ่มยังไง อายที่ถูกเหมาดื้อ ๆ ทั้งที่ใครต่อใครมองว่าเป็น ‘เด็ก’ ผอ. แต่เขาก็ยังแจกลูกจีบลูกตื้ออย่างไม่เกรงกลัวเลย เธอสูดลมหายใจลึก ปฏิเสธคงง่ายไป มันต้องตอกกลับ
“ฉันว่านะคุณน่ะไม่น่าจะมาเลี้ยงสัตว์เลย น่าจะทำนามากกว่า หว่านเก่งซะขนาดนี้”
แล้วเธอก็ฉวยจังหวะที่เขาอึ้งเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว เขมรัฐนิ่งไปชั่ววินาที ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาราวกับประโยคนั้นคือคำชมที่ถูกใจ
คุณก็น่าจะเป็นมดตะนอยมากกว่านะค้าบ ต่อยได้เจ็บไม่เบาเลย
....ต่อ
จากคุณ |
:
BabyRed
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ย. 54 10:44:15
|
|
|
|