Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บ้านอุ่น...ล้อมรั้วรัก บทที่ ๖ เพื่อนกันหรือว่า... ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๕ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11076098/W11076098.html


รถเก๋งสีขาวคันงามที่จอดตรงริมฟุตบาท คงไม่น่าสนใจเท่ากับชายหนุ่มที่ยืนพิงประตูรถ แว่นกันแดดที่ปกคลุมดวงตาของเขาเอาไว้ ทำให้สาวๆ ที่เดินผ่านไปมาหลายคนต้องเหลียวหลัง เพราะสิ่งที่ปกปิดอยู่อาจน่าค้นหา จนทำให้พวกเธอเหลือบมามองแล้วหันไปพูดคุยส่งยิ้มให้แก่กัน ท่าทีของพวกเธอนั้นทำให้คนที่ยืนอยู่ ส่งยิ้มกว้างอวดฟันขาวดูมีเสน่ห์น่าค้นหามากยิ่งขึ้น

“พี่ปูน ยิ้มอะไร ไปกันได้แล้ว”

เสียงใสๆ ที่ดังขึ้นข้างหู ทำให้คนที่ยืนยิ้มภูมิใจในเสน่ห์ของตนเองหันกลับไปหาต้นเสียง เขาถอดแว่นกันแดดแล้วยิ้มน้อยๆ ให้กับน้องสาว ก่อนเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างให้กับน้องๆ ที่มาด้วยกัน อาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของเหล่าสาวน้อยตรงหน้า ทำให้พีรภาสอยากจะยืดอก

“พี่ปูน ไปได้แล้ว ยืนยิ้มอยู่นั่นแหละ ลุงยามจ้องใหญ่แล้วโน่น ไม่รู้หรือไงว่าที่ตรงนี้เขาห้ามจอด!”

ยิ้มกว้างของ ‘พี่ปูน’ หุบฉับพลัน พร้อมใส่แว่นกันแดดกลับคืนในทันที แล้วเดินไปประจำที่พลขับในทันใด ส่วนน้องสาวสุดที่รัก ก็ประจำที่นั่งผู้โดยสารอย่างรู้งาน

ใครจะไปรู้ว่า...ป้ายห้ามจอดที่อยู่ใกล้ๆ น่าสนใจกว่าเห็นๆ


“แหมพี่ปูน นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรเนี่ย ถึงมารับน้องได้ ไหนบอกไม่อยากจีบสาวแล้วไง แต่แอบมาส่องเพื่อนป่อยเนี่ยนะ” พีรณัฐย่นจมูกคาดคั้น

“นี่เพื่อนเราน่ะ ผมยังยาวไม่พ้นคอเลย พี่ยังไม่อยากโดนข้อหาพรากผู้เยาว์” พีรภาสหันไปส่ายหน้า

แม้ปีนี้ยายป่อยของเขาจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เพื่อนของเธอแต่ละคนก็หน้าเดิมทั้งนั้น เรียกได้ว่าตอนมัธยมปลายในกลุ่มมีกี่คน เข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ยังยกโขยงตามกันมายังกับฝูงผึ้งที่เปลี่ยนแหล่งสร้างรังเท่านั้น

“แล้วทำไมถึงมารับป่อย รถตัวเองก็ไม่ใช่ เอามาใช้หลีสาวซะงั้น ไม่ไหวๆ”

“นี่ไอ้ป่อย เจ้าของเค้ายังไม่ว่าอะไรซักคำ ถ้าแกไม่อยากให้มารับก็ลง แล้วกลับรถเมล์เหมือนเดิมไป” พีรภาสหันมาเขกกะโหลกน้องสาวให้หนึ่งที

“มารับแล้ว ก็ส่งให้ถึงบ้านสิ” คนเป็นน้องส่งสายตาอ้อนวอน ก่อนจะพาดพิงไปถึงเจ้าของรถ “ถ้าวันไหนป่อยได้ยินพี่แป้งบ่นหรือด่าใครนะ วันนั้นป่อยจะไปบวชชี”

“จริงสิ เอางั้นเลยเหรอ ต้องทำให้คุณหมอพีรญาโมโหซะแล้ว ทีนี้พี่จะโกนหัวให้เราเป็นคนแรก”

“ถึงพี่ปูนจะทำให้พี่แป้งโมโห พี่ปูนก็จะไม่ได้ยินเสียงพี่แป้งหรอก เพราะคุณพี่แกจะไปเข้ากรรมฐานแทนด่าพี่แน่นอน ป่อยเอาหัวเป็นประกัน”

“เออ พี่ก็ว่างั้นแหละ” พูดเสร็จพีรภาสก็หันไปหัวเราะกับน้องสาว พี่แป้งของพวกเขาเลือกที่เงียบ แทนการโหวกเหวกโวยวาย ยิ่งได้เห็นใบหน้านิ่งเฉยเท่าไหร่ แสดงว่ากำลังเก็บอารมณ์เอาไว้มากเท่านั้น แต่สำหรับน้องๆ ทั้งสามคน ไม่มีใครที่จะใจดีและน่ารักไปกว่าคุณหมอพีรญาของพวกเขาอีกแล้ว

“บอกมาได้ยังพี่ปูน ว่ามารับป่อยทำไม ป่อยไม่เชื่อว่าพี่ปูนใจดีถึงขั้นมาเป็นสารถีให้ป่อยฟรีๆ แน่” คนเป็นน้องกอดอก ส่งสายตาคาดคั้นมาอย่างรู้ทัน

“ก็มารับเรานั่นแหละ แล้วก็จะเลยไปรับพี่แป้งด้วย พอดีตอนเช้ายืมรถพี่แป้งไปทำธุระมา คนหล่อออกจะใจดีขนาดนี้ ยังจะมาจับผิดอีก” พีรภาสหันไปยิ้มให้กับคนด้านซ้าย แต่เขาก็ยังเห็นสายตาคาดคั้นแบบเดิม “โอเคๆ พี่มารับเรา เพราะอยากจะคุยอะไรด้วยหน่อย”

“นั่นไง อ้อมไปอ้อมมาอยู่นั่นแหละ คิดว่าป่อยรู้ไม่ทันหรือไง”

“แหมพี่ก็อยากจะพิสูจน์ความฉลาดของเราหน่อยสิ”

“เรื่องพี่ปายกับพี่ฝัน...” พีรณัฐหันไปหาพลขับ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นพี่ชายพยักหน้า เธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เฮ้อ...อีกแล้วเหรอ”

“แล้วไม่สงสัยบ้างเหรอ ว่าทำไมพี่ปายของเราไม่เคยมีแฟน แล้วทำไมพี่ฝันถึงมาที่บ้านเราบ่อยๆ พี่ว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ เพื่อนกันต้องมาค้างที่บ้านบ่อยๆ เหรอ” พีรภาสตั้งข้อสังเกต

“แล้วพี่ปูนจะไปสนใจพวกพี่เค้าทำไมนักหนา พี่ปายกับพี่ฝันจะเป็นแฟนกัน ป่อยก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับพี่ปูนเลยสักนิด...”

“เกี่ยวสิ” พีรภาสสวนกลับไปทันที ก่อนจะคิดหาเหตุผลว่าทำไมต้องเอาตัวเองไปเกี่ยว “จำที่แม่เคยสอนไว้ไม่ได้เหรอว่า สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก็คือครอบครัว เราเคยเรียนตรรกศาสตร์มาใช่ไหม เรื่องของคนในครอบครัวสำคัญที่สุด พี่ปายของเราเป็นคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นเรื่องที่ปายจะมีแฟนก็ไม่แปลกที่ว่า พี่จะเห็นมัน...เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

พีรณัฐหันขวับไปมองพลขับ จะว่าตัวเองตกวิชาตรรกศาสตร์ก็ไม่ใช่ หรือวิชานี้มันล้ำลึกเกินกว่าเธอจะเข้าใจกันแน่ ดูเหมือนจะสมเหตุสมผล แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลอยู่ดี

พีรภาสหันไปยิ้มให้กับน้องสาว จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยสักเท่าไร แต่การที่น้องชายขอแวะห้างสรรพสินค้า เพื่อทานไอศกรีมกับเพื่อนสนิทด้วยกันเพียงสองต่อสองมันชวนให้เขาต้องสนใจ แม้ลึกๆ แล้วก็ไม่เข้าใจตัวเองนักว่า ทำไมจึงอยากรู้เรื่องราวของภาพฝันนักหนา ยิ่งได้เห็นคนรอบข้างรักเธอกันทุกคน เขาก็ยิ่งอยากจะรู้ว่า เพื่อนของน้องชายคนนี้ มีดีอะไรกัน...

...เผื่อจะได้รักกับเขาบ้าง

“แต่แม่ก็เคยสอนเอาไว้เหมือนกันว่า คนเราต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง ถึงจะรักจะห่วงกันแค่ไหน ก็ควรเว้นระยะห่างให้เขาได้มีเวลาเรียนรู้ตัวเองบ้าง” พีรณัฐสวนกลับ พี่ชายอ้างแม่ เธอก็อ้างแม่ได้เช่นกัน

“ไม่รู้แหละ พี่ว่ามันมีอะไรแปลกๆ” คุณชายเริ่มเอาแต่ใจ

“ถ้าพี่ปูนว่าง มาช่วยป่อยทำรายงานก็ได้นะ แม่ให้ไปดูความคืบหน้ารีสอร์ทที่ปราณฯ ไม่ใช่เหรอ ป่อยไม่เห็นพี่ปูนจะไปสักวัน”

“แหมรู้ดีนักนะ แต่เสียใจด้วยเพราะพี่เพิ่งกลับมาจากปราณฯ ต้องไปถามพี่ปายของเราแล้วล่ะว่าทำไมถึงขอแวะข้างทาง แล้วไปกินไอติมกับพี่ฝันสองต่อสอง” พีรภาสให้เหตุผลอีกครั้งว่าทำไมเขาต้องตั้งข้อสังเกตเรื่องสองคู่หูนั้นนักหนา

อันที่จริงการทานไอศกรีมด้วยกันสองต่อสองก็ไม่เห็นจะแปลก ถ้าเขาไม่เห็นน้องชายตื่นเต้นเป็นกังวลตลอดเวลา ตั้งแต่ตรวจงานด้วยกันที่ปราณบุรีจนถึงห้างสรรพสินค้า

“มีขนมปังชีสเชคอยู่บนเบาะหลัง จะกินก็ไม่ว่านะ แต่ช่วยตอบคำถามระหว่างกินก็แล้วกัน” เมื่อมีของกินมาหลอกล่อ ก็ทำให้พีรณัฐยิ้มแฉ่ง เอื้อมมือไปหยิบขนมด้านหลังทันที

แต่แล้วพีรภาสก็รู้ตัวว่าเขาคิดผิด ที่คิดว่าพีรณัฐจะรู้เรื่องราวของภาพฝันดีพอ แม้ว่าพีรณัฐจะสนิทสนมกับพี่สาวต่างสายเลือดคนนี้ในระดับหนึ่ง แต่เธอก็ไม่เคยซักไซ้ไล่เรียงถึงขั้นทราบเรื่องส่วนตัวเลย อันที่จริงเรื่องที่เคยคุยกันส่วนใหญ่ มักจะเป็นเรื่องของเธอเองเสียมากกว่า

หลังจากแวะรับคุณหมอพีรญาที่โรงพยาบาล หัวข้อการสนทนาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเรื่องรีสอร์ทที่เพิ่งไปตรวจงานมา จนถึงเรื่องการใช้ชีวิตในต่างแดน และสุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องความรักของคุณชาย

พีรภาสไม่อยากจะบอกเลยว่า ผู้ชายที่เคยอกหักซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่ครั้งสุดท้ายเป็นคนบอกเลิกเสียเองนั้น เขาก็ยังไม่เคยมีใครอีกเลย ไม่ใช่เพราะจีบใครไม่ติดเพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นเพราะคำพูดของแม่ ที่ว่าควรรักใครแล้วเริ่มจากศูนย์ แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่ามันจะเริ่มจากตรงไหน สุดท้ายก็กลายเป็นปิดกั้นใจตัวเองไปเสียอีก

ทำไมการเริ่มรักใครจากศูนย์อย่างที่แม่บอก มันยากนัก!

“พี่แป้ง เดี๋ยวปูนขอยืมรถต่อนะ พอดีเพื่อนๆ จะเลี้ยงต้อนรับปูนน่ะ กลับมาอาทิตย์กว่าแล้วยังไม่ได้เจอกันเลย” พีรภาสหันไปบอกคนด้านหลัง เมื่อใกล้ถึงทางเข้าบ้าน

“พี่แป้งอย่าให้นะ วันศุกร์แห่งชาติพี่ปูนเมากลับมาแหงแก๋” ยังไม่ทันที่พีรญาจะได้เอ่ยปาก พีรณัฐก็ได้ทียุพี่สาวเสียก่อน ทั้งที่เธอก็ไม่เคยจะเห็นพี่ชายทั้งสองเมากลับบ้านเลยสักครั้ง

“ปูนไปกินข้าวกับเพื่อนจริงๆ นะพี่แป้ง” พีรภาสหันไปบอกพี่สาว ก่อนหันมาหาคนที่คิดจะตั้งตนเป็นศัตรู “ช่วงนี้เค้างดเหล้าเข้าพรรษากันไม่รู้หรือไง”

พีรณัฐหันขวับไปมองคนที่ทำตัวธรรมะธัมโมขึ้นมาเฉพาะกิจ แล้วก็ยักคิ้วสวนกลับไป “เข้าพรรษาน่ะสามเดือนนะพี่ปูน อย่าให้ป่อยเห็นนะว่าพี่ปูนไปชนแก้วกับใครที่ไหน”

พีรภาสหันมาส่งยิ้มให้กับน้องสาว แต่ยังไม่ทันได้รับปาก รถเก๋งสีขาวก็เข้ามาจอดหน้าบ้านเสียก่อน

จากคุณ : pormare
เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 11:03:33




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com