Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นักรบจันทรา ตอนที่ 6 คู่รักครึ่งเดียว ติดต่อทีมงาน

ไบรอัน

เวลาผ่านไปจนถึงค่ำของวันถัดมา เปลวไฟสีฟ้าที่ห้อมล้อมร่างของผู้กล้าแสงตะวันก็ค่อยๆมอดดับลงไปเอง ไบรอัน บรู๊คคนใหม่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ร่างปวกเปียกทรุดนั่งกับพื้นหอบเหนื่อยเหงื่อกาฬไหลพรากราวกับเพิ่งผ่านการทำงานหนัก ความจริงเปลวไฟสีฟ้าไม่ได้ร้อนแรงเพราะเนื้อหนังกับเสื้อผ้าไม่มีร่องรอยของการแผดเผา ไฟนั่นคือไฟของนกเพลิงฟ้าที่ช่วยทำลายคำสาปให้เขาได้

ในห้องโถงมืดสลัว ทับทิมที่เป็นดวงตาของรูปปั้นส่งแสงเรืองล้อกับแสงสุดท้ายยามอาทิตย์ตกดิน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ถือเป็นเรื่องปกติ คริสทาร่าย่อมรู้ว่าเมื่อเขากลับเป็นปกติจะรีบไปรายงานตัวทันทีเพื่ออธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น ที่น่าสงสัยคืออาหารแห้งที่วางอยู่ใกล้ฝ่าเท้าของเขา มีทั้งขนมปัง น้ำ และเนื้อแห้งที่ไม่มีความน่ากินเหลืออยู่ ใครเป็นคนเอามาวางไว้กัน ความสนใจของเขามุ่งไปทางประตูอีกฟากผ่านแสงสลัวใกล้พลบค่ำ มีใครบางคนถือตะเกียงเดินเข้ามา เป็นใครบางคนที่ดูคุ้นตาเหลือเกิน รูปร่างที่เพรียวลมหางม้าที่สะบัดไปมาอยู่ด้านหลัง และมังกรตัวน้อยที่เดินพันแข้งพันขานางมาตลอดทาง

“กลับสภาพเดิมแล้วหรือ” ซาราห์ โฟรกุสเพื่อนรักของเขาทักขึ้นเสียก่อน ในมือของนางมีอาหารอยู่ด้วยสองชุด นางคงเอามาวางเผื่อเขาตื่นขึ้นแล้วหิว

ความอุ่นวาบแล่นอยู่ในหน้าอกของเขา จากความอุ่นกลับกลายเป็นความร้อนจนแทบทนไม่ไหวเหมือนหน้าอกระเบิดให้หัวใจทะลักออกมา มือข้างหนึ่งยกกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวดส่วนอีกข้างยันพื้นอย่างทุลักทุเลก่อนลงไปนอนหมอบอย่างหมดท่า ทั่วทั้งร่างรู้สึกร้อนเหมือนเลือดกำลังเผาไหม้ตัวเอง กล้ามเนื้อร้อนชาเหมือนจะระเบิด แม้แต่คอก็พองจนออกเสียงไม่ได้

“ก็กลับเป็นปกติแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมเป็นแบบนี้ละ” เพื่อนรักของไบรอันวางสัมภาระลงแล้วเข้าไปเขย่าตัวเพื่อนชาย เขารู้ว่าเกิดอะไรสักอย่างกับตัวเองแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ร่างกายทั้งร้อนและหนักอึ้งแต่สติยังคงอยู่ไม่เลือนหาย

“ฉีก อกเสื้อ” เสียงแหบของเขาทำให้เพื่อนสาวแทบสะดุ้ง นางอัศวินมังกรใช้ความพยายามพลิกร่างเพื่อนชายให้นอนหงายแล้วใช้ดาบตัดออกเสื้อออกดูตามที่บอก วงกลมซับซ้อนกลางหน้าอกตอนนี้ค่อยๆจางลงหายไปทีละวงๆ นางรู้ดีว่าเป็นสัญลักษณ์คำสาปของเพื่อนชาย มันควรจะหายไปเมื่ออาบไฟสีฟ้าครบสามวัน หญิงสาวคงใจหายเพราะคิดว่าคำสาปหายไปเนื่องจากเจ้าของร่างกายกำลังจะตาย

“อย่าตาย อย่าตายนะไบรอัน” ร่างของหญิงสาวสั่นเทิ้ม น้ำตาที่ไม่เคยไหลมาหลายปีกลับร่วงลงมาเหมือนเขื่อนแตก มือทั้งคู่เอื้อมไปจะสัมผัสหน้าอกของไบรอันหากต้องดึงมือกลับด้วยความร้อนราวร่างเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิง “ได้โปรด” มือเล็กๆหยาบกร้านจับมือของเขาแน่น เขาสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของนางหากยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงหลั่งน้ำตาให้ หัวสมองของเขาสับสนจนคิดอะไรไม่ออก

“ไม่ต้องห่วง” ไบรอันครางเบาๆ ความร้อนเริ่มจางลงเมื่อรอยสักวงกลมวงสุดท้ายหายไป เพียงแต่เขาไม่มีแรงขยับเหมือนทั้งตัวถูกยึดติดกับพื้นหิน “ทุกอย่างจะเหมือนเดิม ข้ายอมให้เจ้าแกล้งต่อก็ได้” เขาพยายามทำให้เพื่อนสาวยิ้มต่อ คำสาปของเขาหายไปจนได้ ส่วนเพื่อนสาวรีบเช็ดน้ำตาแล้วพยุงร่างอุ่นๆของผู้กล้าแสงตะวันขึ้นเพื่อพาไปนอนพักในที่ๆดีกว่านี้

ด้วยความช่วยเหลือจากทหารยาม ร่างแสนปวกเปียกของผู้กล้าแสงตะวันถูกขนย้ายไปยังห้องพักในตึกพักแขกเชื้อพระวงศ์ ความจริงแล้วทหารวางร่างของเขาเอาไว้บนเตียงอย่างลวกๆ แต่ได้เพื่อนสาวช่วยเปลี่ยนเสื้อและห่มผ้าให้ พอจะถามว่าเวลาผ่านไปกี่วันนางกลับเบือนหน้าแล้วรีบออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้เขานอนแหมบอยู่แค่คนเดียวไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ป่านนี้เจ้าการ์จะตื่นจากฝันหรือยัง เมื่อเริ่มขยับตัวได้ความเหนื่อยเพลียก็เข้าครอบงำจนสามารถเอาชนะความสงสัย แล้วผู้กล้าแสงตะวันก็หลับไปในที่สุด...


“ตื่นได้แล้วค่ะครู เที่ยงแล้วนะเจ้าคะ” เสียงร้องเบาๆทำให้ไบรอันตื่นจากการนอนหลับ

ผู้ที่ยืนข้างเตียงคือหญิงสาวผมสีน้ำตาลเหมือนการ์ พระนางคือท่านหญิงเอเลน่า โมรัคแห่งไพน์ พระนางได้รับฉายาว่านักปราชญ์รุ่นที่สองและเป็นฝาแฝดของการ์ ไบรอันคิดว่าแฝดคู่นี้มีสิ่งเหมือนกันน้อยเต็มที สิ่งที่เขาสงสัยคือการที่พระนางเรียกเขาว่าครู ความจริงเขายอมเป็นผู้กล้าแลกกับงานครูสอนดนตรีหลวงตามแบบพ่อเลี้ยงของเขา

“ถูกแล้วเจ้าค่ะ รอให้ข้าดันเรื่องอีกนิดหน่อยท่านก็จะได้ตำแหน่งครูแน่นอน” พระนางหัวเราะในลำคอด้วยความร่าเริง ความร่าเริงเป็นสิ่งหนึ่งที่แฝดคู่นี้มีเหมือนกันนอกจากใบหน้า “นี่คือวันที่สามหลังจากครูมาถึงเมืองนี้ ส่วนท่านพี่ยังไม่ตื่นเลยเจ้าค่ะ ยังอยู่ในการทดสอบของโฟเรีย”

ไบรอันกวาดสายตามองรอบห้อง แสงสว่างยามเที่ยงทำให้เขาเห็นถึงความหรูหราของห้องพัก ผ้าม่านหนาขลิบทอง แจกันเคลือบสีทองสลับเงินพร้อมดอกไม้เต็มห้อง แม้แต่เตียงยังเป็นเตียงขนเป็ดราคาแพง ตามจริงเขาน่าจะได้พักห้องพักของแขกธรรมดา มีเพียงการ์กับริเรียเท่านั้นที่สมควรได้พักในตึกหลังนี้

“ตามที่ท่านซาราห์เล่า คำสาปของครูหายหมดแล้วหรือเจ้าคะ”

“หายไปแล้ว ระหว่างที่มีเปลวไฟห้อมล้อมข้ารู้สึกว่ายาวนานราวกับผ่านไปหลายวัน จนป่านนี้ก็ยังคิดว่าเวลาผ่านไปห้าวันแล้วด้วยซ้ำ” ไบรอันครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวันก่อน เวลาที่เขารับรู้ได้ตอนถูกเปลวไฟสีฟ้าอาบร่างมันต่างกับเวลาในโลกนี้อย่างเทียบกันไม่ได้ “คงเป็นประสงค์ของจักรพรรดิวิหคเพลิง ท่านคงอยากคลายคำสาปให้ข้าระหว่างที่ทดสอบการ์อยู่”

“ถ้าอย่างนั้นอย่าบอกเรื่องนี้กับคนอื่นนะเจ้าคะ” พระนางเอเลน่าป้องปากพูดด้วยเสียงกระซิบ “มีความเป็นไปได้ว่า หลังจากท่านได้รับตำแหน่งครูสอนดนตรีหลวงแล้วจะถูกมอบตำแหน่งให้ใหม่แล้วจับอภิเษกกับข้า ข้ายังรักชีวิตโสดอยู่นะเจ้าคะ”

“ข้าน้อยก็มิอาจเอื้อมไปอภิเษกกับท่านหญิงเช่นกัน” ไบรอันเพิ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายคือราชนิกุลชั้นสูง “หากท่านการ์ทรงทราบความจริงคงกระทืบข้าน้อยจมดินเป็นแน่”

“ห้ามใช้คำแบบนั้นกับข้านะ” พระนางคำรามเบาๆแล้วทำท่าเหมือนคิดอะไรออก “ข้าต้องรีบไปแล้วเจ้าค่ะครู ประเดี๋ยวต้องหลบคริสทาร่าอีกรอบก่อนชั้นเรียนถักไหมพรม ข้าไม่ชอบเรียนเรื่องพวกนี้จึงต้องเรียนซ้ำมาหลายปี จบจากโทรสมาเป็นมหาอุปราชก็ยังถูกจับเรียนที่นี่ต่ออีก” พูดจบพระนางก็แล่นออกจากห้องอย่างรวดเร็วเหมือนมีฝูงผึ้งไล่ตาม ผู้กล้าแสงตะวันถอนหายใจยาวเหนื่อยใจแทนคริสทาร่าที่ต้องคอยคุมท่านหญิงพระองค์นี้ให้เข้าเรียนวิชาให้ครบ และผ่านตามหลักสูตรชาววังอย่างแท้จริง

เมื่อลุกไปส่องกระจกเขาก็พบกับความแตกต่างหลังการคลายคำสาป ใบหน้าที่ซีดเหลืองกลับมีสีเลือดฝาดดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิม ส่วนเรื่องที่ถูกสาปไม่ให้มันเกิดขึ้นนั้นต้องรอให้แต่งเมียสักคนคงรู้ว่ามันกลับเป็นปกติจริงหรือเปล่า พอคิดถึงเรื่องภรรยาแล้วความทรงจำที่ไม่น่าพิสมัยก็พุ่งขึ้นมาราวกับน้ำพุ ถ้ามีเวลามากกว่านั้นอีกนิดรับรองว่าสามารถถล่มโอ๊คแลนด์ให้พินาศได้อย่างแน่นอน

หลังจากอาบน้ำเสร็จผู้กล้าแสงตะวันคนใหม่ก็ตรงลิ่วไปยังห้องครัวของตึกทันที ตอนนี้อาจยังมีคนครัวที่มือว่างอยู่ช่วยทำอาหารให้ ท้องไส้ของเขาลั่นโครกครากจนหยุดไม่อยู่ เมื่อกินเสร็จก็ถามข้าหลวงจนได้ความว่าห้องพักของเขาอยู่ระหว่างห้องพักของการ์และซาราห์ ด้วยความเป็นห่วงจึงคิดว่าจะไปแกล้งเพื่อนสาวให้สาสมกับที่ต้องทนอยู่บนหลังมังกรมาหลายวันทั้งที่เขาไม่ถูกกับการบินของมังกร

“ตื่นเที่ยงเชียวนะไบรอัน” ซาราห์ร้องทักเมื่อเขาเปิดประตูเข้ามา เจ้าของห้องกำลังบรรจงขัดถูดาบคู่มือเล่มบางอย่างไม่รีบร้อน “มีธุระอะไรหรือ”

“เห็นว่าอยากรู้ว่าตอนนั้นข้าคุยกับใครก็เลยมาบอก” ไบรอันอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อนึกหน้าเพื่อนสาวหลังจากโดนเอาคืน “เมื่อคืนนั้นเวเบอร์เข้ามานั่งคุยกับข้า เจ้าตัวอมตะตอนนั้นนั่นละ”

เมื่อได้ยินชื่อเวเบอร์ซาราห์พลันแสดงอาการสนใจขึ้นมาทันที นางอยากเจอกับเขาอีกครั้งแล้วประดาบกันให้รู้ดีรู้ชั่วกันไปว่าจะเก่งกว่าคนๆนี้ได้หรือไม่ ไบรอันเล่าให้นางฟังคร่าวๆว่าคุยกันเรื่องฟลอร่าทั้งยังบอกอีกว่าเขากับเวเบอร์เป็นเพื่อนกันแค่หนึ่งคืน เมื่อพบกันอีกครั้งจะไม่มีการรำลึกความหลังตอนนั่งคุยกันแบบคืนนั้นอีก

“แล้วฟลอร่าเป็นอย่างไรบ้าง” นางอัศวินมังกรทำให้เขาแปลกใจ ปกติหากเขาเล่ามาแบบนี้นางจะต้องหาเรื่องขบกัดเขาต่างๆนานาตามประสาเพื่อน เช่นทำไมไม่ลงมือกับอีกฝ่ายตอนเมา หรือไม่ก็วิจารณ์ว่าเขาคงไม่มีทางช่วยฟลอร่าได้ตลอดชีวิต หรือไม่ก็ออกความเห็นว่าฟลอร่าเสร็จเวเบอร์ไปแล้ว หรือไม่ก็บอกว่าเขากำลังกลบเกลื่อนเรื่องจริงว่าเขามีอะไรกับเวเบอร์ในคืนนั้น

“เวเบอร์บอกว่านางสบายดี” ไบรอันมองเพื่อนหญิงอย่างครุ่นคิด นางคงไปหกล้มหัวกระแทกมาหรือไม่ก็มีแผนอยู่ในหัว ม้าดีดกะโหลกอย่างนางอัศวินมังกรซาราห์ไม่มีทางพูดสุภาพแบบนี้กับคนกันเอง ต่อให้ความจำเสื่อมก็เถอะ “ไม่สบายหรือเปล่า”

เขาเดินเข้าไปใกล้เพื่อนหญิงพร้อมถามตัวเองว่าควรแกล้งนางคืนตามแผนดีหรือไม่ เหตุเพราะหญิงสาวเบื้องหน้ากลับกลายเป็นคนละคน หญิงสาววางดาบเบาๆเสมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าแจ่มใสไม่มีร่องรอยความเจ้าเล่ห์หรือแผนการเหลืออยู่ในดวงตาสีอำพัน เขาจำเรื่องเมื่อเย็นวานได้แค่ครึ่งๆกลางๆเพราะห่วงแต่คำสาป หากเขามีลางสังหรณ์ว่านางเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น

“ข้าคิดไม่ตก ตอนนี้ข้ามีเรื่องให้ไปแกล้งกวนท่านได้เป็นสิบเรื่องแต่ไม่คิดอยากเลยสักเรื่อง” ซาราห์ถอนหายใจเฮือกระบายความกลัดกลุ้ม ไบรอันจ้องเพื่อนสาวตาค้างคิดว่าบางทีเขาอาจกำลังอยู่ในฝัน หากมองไปนอกหน้าต่างเขาอาจเห็นเจ้าการ์กำลังทำการทดสอบของโฟเรียอยู่ บางทีการแกล้งกลับของเขาอาจทำให้นางคืนสติกลับมาเป็นคนเดิมก็ได้

“ซาราห์ ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยสักหน่อย” ไบรอันจับไหล่ทั้งสองของเพื่อนสาวเบาๆด้วยสีหน้าขึงขัง หวังจะได้เห็นสีหน้าประหลาดใจหรือกระวนกระวายของอีกฝ่าย “เจ้าช่วยข้าพิสูจน์ได้ไหมว่าคำสาปคลายแล้วจริงๆ”

มาถึงจุดนี้เขาหวังว่าจะเห็นปฏิกิริยาแบบเดิมๆของเพื่อนหญิง เช่นด่าสวน ต่อยท้อง เตะผ่าหมาก หรือหยิบดาบใกล้มือมาไล่ฟันฐานที่พูดเรื่องลามกต่อหน้านาง เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนหญิงตอนนี้ทำให้เขาไม่กล้ามองซ้ำ ซาราห์ที่เคยเถียงเขาฉอดๆกลับหน้าแดงน้อยๆด้วยความเขินอาย ไม่คิดด่าสวนหรือสนใจหยิบดาบของตนเลย หากบอกว่าความจริงแล้วเป็นคนอื่นเขาคงเชื่อสนิทใจ ผู้หญิงตรงหน้าคงไม่ใช่ซาราห์ โฟรกุสคนนั้นแน่นอน

“บ้าสิ ใครจะอยากเป็นเมียท่านกัน” เพื่อนสาวพูดเบาจนแทบกระซิบ เขามองไปรอบห้องทันควัน บางทีซาราห์ตัวจริงอาจกำลังนั่งดูเขาทำบ้าๆกันตัวปลอมจากที่ไหนสักแห่งแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของเขา

หัวสมองของผู้กล้าแสงตะวันทำงานอย่างรวดเร็วดั่งรถม้าลงเนิน หากนางเป็นตัวจริงการแกล้งคืนครั้งนี้ไม่ถือว่าหนัก ถ้านางเป็นตัวปลอมเขาอาจกลายเป็นเสือผู้หญิงในสายตาคนอื่นไปเลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นตัวปลอมซาราห์ตัวจริงคงกำลังดูอยู่ หากถอยก็เข้าแผนของนางมีแต่ต้องทำตามแผนเดิมของเขาเท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอกซาราห์ อายุเราก็ขึ้นเลขสองกันแล้ว บางคนแต่งงานตอนอายุสิบแปดก็มี” ไบรอันสวมกอดเพื่อนสาวอย่างระแวดระวัง ถึงจุดนี้ซาราห์ต้องระดมปล่อยหมัดและคำสบถใส่เขาอย่างร้อนรน แต่นางกลับทุบหน้าอกเขาเบาๆเพื่อแสดงอาการต่อต้านเท่านั้น ตอนนี้เขาเชื่อแน่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นตัวปลอม ไม่มีทางเป็นซาราห์ โฟรกุสได้แน่นอน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้ารอไปพูดกับตัวจริงก็ได้” ไบรอันปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมกอด คงไม่สนุกสักเท่าไรหากคนที่ถูกแกล้งไม่ใช่ตัวจริง “ให้ตายตัวจริงเขาคงไม่ทำท่าอย่างนี้หรอก อย่างไรข้าก็ไม่คิดทำอะไรอยู่แล้ว”

ในพริบตาที่ไบรอันจะเอ่ยปากขอโทษ มือหยาบกร้านของนางอัศวินมังกรก็เงื้อขึ้นมาตบจนเพื่อนชายหน้าหัน ใบหน้าซีกหนึ่งแสบชาในพริบตาหูลั่นอื้อด้วยความละอายใจ เขาน่าจะเอะใจแล้วเลิกทำตามแผนแต่แรกที่คิดว่านางไม่ใช่ซาราห์ ไม่ว่านางจะเป็นใครแต่คงรีบป่าวประกาศแน่ว่าเขาเป็นศัตรูของผู้หญิง

“เสียมารยาท ข้านี่ละซาราห์” หญิงสาวน้ำตาคลอเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน ไบรอันยิ่งสับสนมากกว่าเก่า ตกลงนางคือซาราห์ตัวจริงหรือ แล้วเหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเล่า “มิราจ ช่วยออกมาสั่งสอนเจ้าคนไร้มารยาทหน่อยสิ”

เพื่อนหญิงของไบรอันกลับมาเป็นคนเดิมแล้วทั้งรัศมีที่เปล่งออกมาจากแววตาและความเฉียบขาดในน้ำเสียง มังกรสามเขาปรากฏตัวขึ้นเมื่อแสงจากแหวนจางลง ร่างเตี้ยๆของมังกรเขียวจ้องมองด้วยแววตาโกรธจัด เขาเชื่อแล้วว่าหญิงผู้นี้คือเพื่อนของเขาจริงเพราะไม่มีใครเรียกมังกรออกมาจากแหวนของคนอื่นได้ ผู้กล้าแสงตะวันกลายเป็นใบ้อย่างปัจจุบันทันด่วนเพราะเพื่อนสาวเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จนเห็นเปลวไฟแพลมออกมาระหว่างเขี้ยวของมังกรจึงรีบเผ่นออกจากห้องก่อนถูกเผา ไบรอันยืนพิงประตูด้วยความสงสัย เหตุใดเพื่อนสาวจึงเปลี่ยนจากม้าดีดกะโหลกเป็นเด็กสาวธรรมดาไปได้ เขาเงี่ยหูแนบประตูหวังจะได้ยินเสียงหัวเราะดังสนั่นแต่เปล่าเลย เสียงแผ่วเบาที่เขาได้ยินคือเสียงร้องไห้ นอกจากเมื่อคืนนี้แล้วเขาเคยเห็นซาราห์ร้องไห้แค่ครั้งเดียวคือตอนพบกันครั้งแรก อาจารย์ของเขาช่วยนางเอาไว้จากสัตว์ร้ายโดยบังเอิญ ตอนนั้นหญิงสาวร้องไห้แทบคลั่งเพราะสูญเสียพ่อกับแม่ไปในคราวเดียว ต้องให้เขาพากลับไปตามหาญาติที่ยังมีชีวิตอยู่จึงหยุดร้อง นับจากคราวนั้นนางก็ทำตัวเหมือนผู้ชายทั้งห่ามและห้าว นางเคยแกล้งกอดเขาหลายครั้งไม่น่าถือสากับการแกล้งกลับแค่นี้

คราวนี้เขาลองเข้าไปในห้องการ์บ้างเผื่อเจ้าบื้อนั่นจะตื่นแล้ว ไบรอันยิ่งแน่ใจว่านี่คือความฝันเพราะริเรีย เรแมนนั่งอ่านหนังสือข้างเตียงนอนของการ์ ส่วนเจ้าของห้องนอนหลับตาพริ้มเหมือนกับกำลังหลับลึกแต่ในความฝันคงกำลังดิ้นรนเพื่อผ่านการทดสอบอยู่แน่ ดวงตาสีฟ้าเรืองอำนาจของริเรียจ้องเขม็งมาทางเขา คงอยากถามว่าเข้ามาเพื่ออะไร

“ข้ามาดูว่าการ์ตื่นหรือยัง” ไบรอันยอมสยบต่ออำนาจของผู้หญิงแต่โดยดี ไม่คิดต่อปากต่อคำกับผู้หญิงอีกเป็นครั้งที่สอง “แล้วทำไมไม่ไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องล่ะ”

“ห้องคนนอนหลับเงียบกว่าเป็นกอง” ริเรียก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ไม่สนใจทั้งไบรอันและผู้หลับใหล เขาแอบนินทาในใจว่าโกหก ความจริงนางแอบชอบการ์ต่างหาก เพราะขี้อายและปากแข็งจึงไม่กล้าพูดกับเจ้าตัวเท่าไรนัก ที่หาเรื่องมานั่งข้างเตียงเขาอย่างนี้เพราะอยากมานั่งเฝ้าต่างหาก

ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจตวัดมาทางเขาจนรู้สึกเหมือนกับถูกตัดตัวขาดสองท่อน เป็นครั้งที่สองที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ต่อสตรีโดยดุษณี คนตายด้านอย่างเขาไม่เคยมีความรักอยู่แล้ว ที่มีก็แค่เพื่อนหญิงนิสัยเหมือนชายอย่างซาราห์และเพื่อนชายที่พาเที่ยวหัวหกก้นขวิดเท่านั้น

“คำสาปคลายแล้วแต่ถ้าไม่ทำความเข้าใจผู้หญิงไว้บ้างระวังจะลำบากนะ” ริเรียพูดลอยๆราวกับอ่านใจของเขาได้ “ประเดี๋ยวฟลอร่าก็ถูกเวเบอร์คาบไปรับประทานหรอก”

ไบรอันอยากตอบกลับไปบ้างว่าทีนางยังไม่มีความกล้าที่จะพูดกับคนรักดีๆเลยสักคำ มัวแต่สั่งโน่นใช้งานนี่อย่างทาสสักวันคงมีคนคาบไปแต่งงานก่อนเหมือนกัน กลัวใจนางจะใช้เขาเป็นเป้าทดสอบคาถาจึงยอมถอยทัพออกจากห้องแต่โดยดี

“อ่านหนังสือที่ห้องปลอดภัยกว่าเป็นร้อยเท่า” ไบรอันบ่นอุบแล้วกลับไปหาเพื่อนรักเล่มหนาๆของเขาที่ห้อง...


วันรุ่งขึ้นไบรอันนอนอยู่บนเตียงตลอดทั้งเช้าด้วยความขี้เกียจ หนังสือเล่มเดิมถูกวางไว้อย่างลวกๆบนโต๊ะอ่านหนังสือส่วนเจ้าตัวลืมตาโพลงสมองติดแต่เรื่องของซาราห์ เหตุใดเมื่อวานนางจึงทำตัวแปลกๆอย่างนั้น เหตุใดจึงรู้สึกปวดหัวใจเมื่อคิดถึงน้ำตาของนาง เหตุใดนางจึงไม่ขัดขืน เหตุใดนางต้องร้องไห้ด้วย คำถามนับสิบนับร้อยคอยหล่อเลี้ยงทำให้ไม่รู้สึกหิวหรือง่วง ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดคือภาพซาราห์ทำท่าเขินอายเหมือนเด็กสาววัยรุ่น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมภาพนั้นจึงติดตามาจนป่านนี้

จากคุณ : Lazy return
เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 18:19:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com