Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สุดท้ายกว่าเราจะ...กัน(บทที่-3 คำทำนาย ) ติดต่อทีมงาน

บททีสอง  (ความกังวล )
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11098703/W11098703.html

บทที่สาม -คำทำนาย

"มีอะไรเหรอพี่ดี " เธอเอ่ยปากถาม เมื่อผมจ้องเจ้าพวกนั้นอย่างไม่วางตา
ผมไม่ได้ตอบเธอ แต่ใช้มือดันให้เธอไปอยู่ด้านหลังผม ทั้งกลุ่มหันมามองและรู้ว่าผมเป็นใคร
ก็บังเกิดความเงียบที่น่าอึดอัด......

"เฮ้ย....ไปกันเถอะ " ใครซักคนในกลุ่มพูดออกมา  ซึ่งดูเหมือนว่าพวกที่เหลือจะเห็นด้วย ต่างเดินจากไป
แปลกๆแฮะ ปกติพวกนั้นไม่เคยเลยที่จะหยุดหาเรื่องผม หรือพวกเพื่อนผม
แต่อาจเป็นเพราะหัวหน้าของพวกมันไม่อยู่ก็เป็นได้ ที่จริงผมก็ไม่ได้เกลียดไอ้พวกนี้หรอก
แต่ไม่ชอบไอ้ตัวหัวหน้าเท่านั้นเอง

ที่จริง มีคนในกลุ่มนั้นเป็นเพื่อนกับรุ่นน้องผม  แต่ว่าขัดใจกันด้วยเรื่องผู้หญิง และลงท้ายด้วยการใช้กำลัง ผมที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้  เลยตั้งใจว่าจะไปห้ามพวกมัน แต่ไอ้แบร์ หัวหน้าพวกมันกลับเห็นด้วยที่จะใช้กำลังตัดสิน
เราเลยเถียงกัน และลงท้ายด้วยการแลกกำปั้น รุ่นน้องของเราที่ผมตั้งใจจะไปห้าม เลยต้องกลายมาเป็นกรรมการห้ามมวยแทน......  ตั้งแต่นั้น ผมกับไอ้เจ้าแบร์จึงประกาศตัวเป็นศัตรูคู่อาฆาต เจอกันที่ไหน
ซัดกันที่นั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ว่าแต่......ทำไมดูเหมือนพวกนั้นจะดูแปลกๆแฮะ เหมือนมันขาดอะไรไปอย่าง
ผมได้แต่แปลกใจในอาการของพวกนั้น

เมื่อผมพาน้ำอุ่นเดินห่างออกมาจากพวกนั้นได้พอสมควร ผมก็ถูกน้ำอุ่นจูงหรือเรียกว่าฉุดก็ได้ เข้าไปที่ร้านแห่งหนึ่ง หน้าร้านมีบ้ายเขียนว่า
ดวงชะตา.....  

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าร้านนี้มันเป็นร้านอะไร หมอดูแน่นอน ในร้านมีผ้าม่านสีม่วงให้ความรู้ขลังๆยังไงก็ไม่รู้
ว่าแต่ ร้านนี้มันจะม่วงไปไหน ผ้าม่านก็ม่วง พรมก็ม่วง อะไรๆก็ม่วง ผมไม่ได้เกลียดสีม่วงนะ แต่ตอนนี้เริ่มเกลียดแล้วล่ะ

ด้านในสุด มีลูกแก้วโต๊ะทำนายหนึ่งตัว  กระดิ่งที่ติดไว้กับผ้าม่าน
มันเป็นอะไร ที่ขัดกับห้างดังย่านใจกลางเมืองสุดๆ นอกจากโต๊ะที่ตั้งอยู่ริมสุดแล้ว
ในตู้โชว์ ยังมีอุปกรณ์เกี่ยวกํบการทำนายอยู่อีก ทั้งไพ่ ทั้งลูกแก้วเยอะแยะไปหมด น้ำอุ่นจูงมือผมไปที่ตู้โชว์ อย่างตื่นเต้น ชอบจริงๆเลยนะเรื่องทำนายทายทักผู้หญิงเนี่ย บรรดาเจ๊ๆทั้งหลายในบ้านก็เหมือนกัน พอกันเลย ชอบสุดๆ  ว่าแต่ทำไมไม่มีใครเลยล่ะ

"ขอโทษครับ...มีใครอยู่มั้ย " ผมลองส่งเสียงออกไป

" ค่า...ขอโทษค่า " เสียงเล็กๆฟังดูคุ้นๆหู โผล่ออกมาจากหลังผ้าม่าน

ไม่ทันจะมองได้ถนัด เจ้าของเสียงก็ร้อง " เฮ้ย!!! " แล้วหายไปหลังผ้าม่านใหม่
สักพักหนึ่งก็ออกมา ในชุดผ้าคลุมสีม่วงขลิบทอง....ที่มองไม่เห็นหน้าเลยเห็นแต่ลูกตาสีน้ำตาลที่มองดูคุ้นๆ

"มีอะไรให้ช่วยคะ " เสียงแหบเครือ เหมือนกับคนอายุซักเจ็ดสิบ ดังออกมาจากคนในชุดม่วง
น้ำอุ่นเดินออกมาข้างหน้า พร้อมกับส่งรอยยิ้มเอกลักษณ์ประจำตัว

" คือมาดูหมอน่ะคะ "

"เอ่อ....คือดูคนเดียวหรือเปล่าคะ "

" อ๋อ....ค่ะ "

"งั้นตามมาทางนี้ค่ะ " เธอเดินนำเข้าไปในซุ้มที่ตั้งอยู่ตรงสุดร้าน ผมเดินตามน้องสาวผมเข้าไปด้วย

" หยุดเลยคุณ...ต้องเข้าไปคนเดียว "เธอทำมือปางห้ามญาติใส่ผม

" ทำไมล่ะ " ผมอดเลิกคิ้วอย่างแปลกใจไม่ได้

" คุณไม่เคยไปหาหมอเหรอ เวลาเค้าตรวจ น่ะ เค้าต้องให้ผู้ป่วยเข้าไปคนเดียวเท่านั้นล่ะ "

"แต่...." คือที่ผมจะพูดน่ะคือเธอน่ะเป็นหมอดูนะ

"  ไม่มีแต่ค่ะ ยังไงก็หมอเหมือนกันค่ะ ขอเชิญคุณผู้หญิงค่ะ "
พูดเสร็จเธอก็ดันหลังน้ำอุ่นเข้าไปในซุ้มก่อนจะดึงม่านปิด

อืม....ผมคิดได้อย่างเดียวหลังฟังจบเจ็บสีข้างมั้ยนั่น (สีข้างเข้าแถ)
ผมปล่อยให้น้ำอุ่นเข้าไป ก่อนจะยืนฟังอยู่ด้านนอก ก็เค้าห้ามเข้าไม่ได้ห้ามฟังนี่นา อีกอย่างหมอดูคนนี้มีอะไรแปลกๆ  ตอนแรกก็ฟังเหมือนคำทำนายทั่วๆไปหรอก ประมาณเดือนนี้คุณไม่ควรใช้จ่ายมากนะ เดี๋ยวจะจน   อย่าออกไปข้างนอกตอนฝนตกเดี๋ยวจะเปียก อะไรทำนองนั้น
แต่พอมาถึงเรื่องความรัก

" ผู้ชายคนนั้น ของคุณ มีลักษณะ ...อืม  ค่อนข้าง สูง  ผิวขาว คิ้วเข้มปากแดงผมสีอ่อน มีความเป็นผู้ดูแลค่อนข้างสูง แต่ว่าเค้ากับคุณดวงไม่สมพงค์กันอย่างแรง ราหูจะอมแล้วไม่ยอมคาย  ชีวิตจะยุ่งเหยิง สติจะเปิดเปิง ฯลฯ "
ผมว่าที่สติจะเปิดเปิง น่ะ ยัยหมอดูนี่มากกว่า เดี๋ยวน้ำอุ่นฟังแล้วจะคิดมาก ผมว่าผมเข้าไปขัดซักหน่อยดีกว่า ทันทีที่ ผมเดินเข้าไปในซุ้มดูหมอ ดวงตาของแม่หมอนั่นก็เบิกกว้าง เหมือนตกใจ พอผมจ้องมองก็หลบตา  ยิ่งดู ยิ่งแปลกๆ แฮะ แถมเสียงยังคุ้นๆอีก ไม่น่าไว้ใจอย่างแรง

" น้ำอุ่น เราไปกันเถอะ.. "
ผมฉุดข้อมือน้ำอุ่น ให้ลุกขึ้นเดินออกมา

" พี่ดีมีอะไรคะ " น้ำอุ่นมองผมอย่าง งงๆ
ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร แม่หมอดูนั่นก็ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว ไอ้ท่าแบบนี้มัน.....

"เดี๋ยวคุณจะไปไหนฉันยังดูหมอไม่จบเลยนะ ทำอย่างนี้คุณจะโชคร้ายนะ  " แม่หมอดูออกคำสั่งห้ามไม่ให้พาลูกค้าเธอไปไหน โดยอ้างเรื่องโชคลาง

" คงไม่เท่ากับเจอคุณล่ะมั้ง " ผมว่าผมพาน้องสาวให้ไกลออกจากร้านนี้ดีกว่า ก่อนจะวางเงินค่าดูหมอลงบนตู้โชว์

" ไอ้หมา แกว่าใครวะ!!! " เอ๋....ไอ้หมาเหรอ ยิ่งฟังยิ่งใช่เลย ผมหันควับกลับมาทันที

พอเธอเห็นว่า ผม...กลับมาพร้อมด้วยสายตาที่ ใครหลายคน เคยบอกผมว่าเหมือนกำลังจะเอาเลื่อยยนตร์ หั่นใครซักคนเป็นชิ้นๆ คุณเธอก็ก้าวถอยหลัง......ไปเรื่อยๆ
" คุณจะทำอะไรน่ะ "
เธอก้าวถอยหลังจนในที่สุดก็เหยียบชายผ้าตัวเองล้ม........

" ว้าย!!!!"  ตามด้วยเสียงโครมครามอีกพักใหญ่ ก่อนจะโผล่ออกมาในสภาพที่ไร้ผ้าปิดบัง

" ยัยแก้ว.... " ผมเอ่ยอย่างโมโหนิดๆ เมื่อสิ่งที่คิดไว้ถูกต้องแม่นยำ อย่างกับจับวาง

"แฮ่ๆ  ว่าไง มาได้ไงเนี่ย "ยัยนั่นทำหน้าตาแอ๊บแบ๊ว แบบที่ว่าเค้าไม่รู้เรื่องเลยนะตัวเอง

"  เธอมาทำอะไรแถวนี้เนี่ย "

" คือว่า ..."  ไม่ทันที่ยัยนั่นจะตอบว่าอะไร

"อุ๊ย!! "    ทันใดนั้นเองเจ้าบางสิ่งที่เป็นประกายแวววาว ก็หลุดออกมาจากสร้อยคอของคนด้านหลังผม น้ำอุ่นไล่ตระครุบเจ้าสิ่งนั้นที่หลุดออกมาจากคอเธอ  อะไรล่ะเนี่ย ทันทีที่มันหล่นต่อหน้ายัยแก้ว เจ้าตัวปํญหาก็รับมันมาไว้ในอุ้งมือ

"   เจ้านี่มัน...."  ทันที่เธอพูดจบ โครม!! ร่างเธอก็กระตุกอย่างรุนแรงอาการคล้ายกับการคนเป็นลมบ้าหมู   ดวงตาเหลือกขึ้นจนมองเห็นแต่ตาขาว ปากของเธอพึมพำขมุบขมิบฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วทุกอย่างก็สงบลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมได้แต่อึ้งจนทำอะไรไม่ถูก   แต่ว่าน้ำอุ่นกลับสติดีก่อนใครเพื่อน รีบเข้าไปหา ยัยแก้วทันที
แต่แล้ว....
จู่ๆ  ยัยแก้วก็ลุกขึ้นจากท่านอนหันมามองพวกเรา  ดวงตามีแต่ตาขาวไม่มีตาดำเหลืออยู่เลย
ทำเอาพวกเราถอยหลังออกห่างด้วยความตกใจ

แล้วคำพูดบางอย่างก็ออกมาจากปากเธอโดยที่เจ้าตัวไม่ได้อ้าปากแม้แต่น้อย

" สามกายจะเหลือเพียงสอง แต่วิญญาณจะเท่าเดิม เมื่อใดสามนงคราญสมหวัง เมื่อนั้น ความทรงจำจะหวนคืน แล้วทุกอย่างจะกลับคืนดังเดิม " พูดเสร็จร่างของเธอก็สั่นอย่างรุนแรงจน ผมกลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป
ไม่ทันที่ผมจะทำอะไรร่างของเธอก็หยุดสั่นแล้วทุกอย่างก็สงบเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ทว่าน้ำอุ่นกลับเป็นคนที่ได้สติก่อนใครเพื่อน เธอเข้าไปจับๆดูเจ้าตัวปํญหาที่นอนแผ่อยู่กับพื้น
ส่วนผมล้วงเอาโทรศัพท์มือถือ เพื่อที่จะโทรเรียกรถพยาบาล ให้ตายสิเบอร์อะไรเนี่ย....เค้าว่าเวลาคนตกใจมักจะลืม อะไรที่เคยจำได้ อย่างง่ายดาย ให้ตายเถอะไม่คิดว่าจะเป็นกับตัวเอง  แต่ทว่าร่างบอบบางที่นอนอยู่กับพื้นเริ่มขยับตัว ผมเลยเก็บโทรศัพท์เอาไว้ก่อน  แล้วช่วยน้ำอุ่นประคองยัยนั่นให้ลุกขึ้นครึ่งตัวก่อนจะถาม

" เป็นไงมั่ง "

" ไม่รู้สิอยู่ดีก็วูบไปเฉยเลย " เธอคลำหัวด้านหลังที่ตอนนี้ผมว่าคงเริ่มโนแล้วล่ะ


“แกเป็นโรคลมบ้าหมูเหรอ “ ผมถามเธอไปอย่างนั้นล่ะ เพราะก็เห็นๆกันอยู่เล่นล้มหงายตึงลงไปแถมพูดอะไรที่ ฟังไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก

“ เปล่าซักหน่อย “ ยัยนั่นทำตาโต ตอบกลับมา

“ อ้าวก็เมื่อกี้แก ล้มลงไปชักดิ้นชักงอ แถมพูด อะไรฟังไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก “ ผมอดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจไม่ได้ ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวเลยแฮะ ไอ้เราก็ไม่เคยเป็นซะด้วย เลยไม่รู้ว่าคนเป็นโรคนี้ ตอนเกิดอาการจะรู้ตัวหรือเปล่า

“ ฉันพูดว่าไงมั่ง “ ยัยแก้วกระชากคอเสื้อผม จนเล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูก และไม่เข้าใจว่า ตอนคนเป็นแบบนั้น ใครก็พูดอะไรมาได้ร้อยแปด จะไปใส่ใจทำไมกันนะ น่าสนใจที่ว่าตัวเองไม่รู้ว่าเป็น โรคลมบ้าหมูมากกว่า ผมหันไปมองหน้าน้ำอุ่น ก็ใครจะจำได้ล่ะครับ ตอนตกใจแบบนั้น ใครจำได้ก็เก่งแล้ว แต่ทว่า

“ พี่พูดว่า.....สามกายจะเหลือเพียงสอง แต่วิญญาณจะเท่าเดิม เมื่อใดสามนงคราญสมหวัง เมื่อนั้น ความทรงจำจะหวนคืน แล้วทุกอย่างจะกลับคืนดังเดิม “ เธอพูดแบบแทบไม่มีติดขัด เล่นเอาผมทึ่งนิดๆ ผู้หญิงเนี่ยความจำดีจริงๆเลย.

“ คำทำนาย...อีกแล้วเหรอ” เธอเงียบไปพักหนึ่งเหมือนจะคิดอะไรอยู่ ก่อนจะพูดต่อ “ ไอ้หมาแกมีกระดาษมั้ย “ ยัยนั่นขยุ้มเสื้อนักเรียนผม ก่อนจะเขย่าอย่างร้อนใจ แล้วเหลือบมองหนังสือที่ผมซื้อมา
ไม่มีทาง ผมเอาหนังสือผมไปไว้ด้านหลังตัวเอง

“ แค่แผ่นเดียวเอง “ ยัยนั่นทำหน้าแบบอ้อนๆ

“ ไม่ ฟังให้ชัดๆนะ...ไม่ “ ผมเน้นทุกคำพูด

เธอยกมือยอมแพ้ก่อนจะกล่าว
“แล้วชั้นจะไปหากระดาษจากไหนเนี่ย “

“ เฮ้ย.....ลืมไปรึเปล่านี่ มันร้านแกนะ “ ผมพูดอย่างเซ็งๆ

“ เออว่ะลืม “ ยัยรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะหายไปหลังร้านพักหนึ่งก็ออกมาพร้อมกระดาษปากกา
“ พี่พูดว่าไงบ้างนะ “ พอได้สิ่งที่ต้องการแล้วยัยนั่นก็ทำเหมือนผมไม่มีตัวตนอีกต่อไป

“ พี่พูดว่า....” น้ำอุ่นบอกในสิ่งที่เธอพูดออกไปเมื่อครู่ ซึ่งยัยแก้วก็จดลงไปอย่างตั้งใจ

“เฮ้ย...แก้ว แกควรจะไปหาหมอมากกว่ามาจดอะไรก็ไม่รู้แบบนี้นะ “ ผมเอ่ยทักท้วงเมื่อยัยนั่นอ่านทวนสิ่งที่ตัวเองจดแล้วทำท่าครุ่นคิดซึ่งเป็นอะไรที่ ไม่เข้าท่าอย่างแรง


“อะไรไม่รู้เหรอ นี่มันเกี่ยวกับแกโดยตรงเลยนะ “ ยัยนั่นมองผมแบบว่าผม ช่างเป็นเด็กน้อยที่ไม่รู้อะไรบ้างเลย

“อะไรของแก “ผมเอ่ยถามกลับแบบ งงๆ
“ฟังนะไอ้หมา...ฉันรุ้ตัวดีว่าฉันเป็นอะไร เจ้านั่นเรียกว่าเข้าทรงทำนาย และมันไม่เคยผิดพลาดเลย ตระกูลฉันเป็นหมอดูมาหลายชั่วอายุคนแล้วนะ  ฉันมั่นใจ "

ผมให้เวลาสองวิ
“แต่ฉันมั่นใจว่าแกต้องไปหาหมอแล้วล่ะ “...ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ น้ำอุ่นเราไปกันเถอะ “ผมพูดพร้อมกับส่งสายตาว่าเราควรจะไปกันได้แล้ว

“แต่ว่าพี่ดีคะ “

น้ำอุ่นทำท่าอิดออดนิดหน่อย คงเป็นห่วงยัยนั่นล่ะ

เมื่อเรามาถึงหน้าห้างที่แดดร้อนเปรี้ยง ตามปกติของประเทศนี้ แม้ว่าจะเป็นเวลาใกล้ๆจะห้าโมงแล้วก็ตาม ผมเดินข้ามถนนโดยที่น้ำอุ่นเดินตามหลังผมมา ผมหันกลับไปมองว่าทำไมเธอถึงได้ไม่เดินตามผมมา ก็พบว่าน้ำอุ่นกำลังค้นในกระเป๋าตัว อย่างกระวนกระวาย

“ พี่ดีคะ สงสัยน้ำอุ่นลืมสร้อยไว้ที่ร้านนั้นแน่เลย เดี๋ยวน้ำอุ่นกลับไปเอาก่อนนะ “

ผมหันไปบอกเธอว่าผมจะเดินไปด้วย แต่ทว่า...
“ น้ำอุ่น!!!!” รถสีน้ำเงินจู่ๆก็เปลี่ยนเลนพุ่งมาหาน้ำอุ่นที่กำลังจะข้ามถนน

เอี๊ยด!!!!!!! เสียงเบรกดังสนั่น

รถคันนั้นจอดสนิท ก่อนที่คนขับเปิดหน้าต่างหันมาว่าเรา

“ ข้ามถนนดูมั่งสิวะ  เกือบโดนชนตายห่าแล้วไง “

ผมที่คว้าตัวน้ำอุ่นมาไว้ในอ้อมแขนได้ทันหันไปผงกหัวขอโทษคนขับก่อนจะก้มมองยัยตัวยุ่ง
“ ยัยบ๊อง เป็นเด็กรึไง ทำไมข้ามถนนไม่ดู “ แต่ทว่าเธอกลับไม่ตอบผิวหน้าที่เคยขาวตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสีซีด เหงื่อเม็ดโตๆผุดเต็มหน้าผากใส มือเล็กกุมที่หน้าอก.....ข้างซ้าย
“ พี่ดี น้ำอุ่นเจ็บหน้าอก “

เสียงพี่น้ำนิ่งดังในหัวผมทันที
น้ำอุ่นเป็นโรคหัวใจ หัวใจของเธออ่อนแอมาก หมอบอกว่า กรุ๊บเลือดเธอ เป็นกรุ๊บพิเศษ ที่มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยซะอีก ไม่ต้องพูดถึงการบริจาดหัวใจที่น้อยอยู่แล้ว และหมอบอกว่าถ้าไม่ได้หัวใจใหม่เร็วๆนี้ เธออาจ....

ไม่นะมันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ

...........................................................................................


บนทางเดินขาวสะอาด กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของโรงพยาบาลให้ตายเถอะผมไม่เคยชอบที่นี่เลย
มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ประตูเหล็กหนาราวกับจะกั้นโลกนี้จากสิ่งภายนอก ป้ายไฟที่ส่องสว่างเหนือประตูบ่งบอกว่ากำลังมีการผ่าตัด นับครั้งไม่ถ้วนที่ผมมองไปยังมัน ตั้งความหวังว่ามันจะดับลง และมีคนออกมาบอกเราว่า คนที่อยู่ด้านในปลอดภัยแล้ว
                  ผมแทบไม่กล้าสบตาคนที่อยู่ด้านข้าง มันเป็นความผิดของผมเองที่ทำให้น้ำอุ่นอยู่ในสภาพนี้ แม้คำปฏิเสธจะออกมาจากปากของพี่ชายของเธอ ส่วนพ่อกับแม่ของเธอ คาดว่าไฟล์เครื่องจากแอตแลนต้า น่าจะมาถึงในคืนนี้ เหงื่อชื้นๆในมือผมออกมามากมายเต็มไปหมด แม้ว่าอุณภูมิในห้องจะค่อนข้างต่ำเนื่องจากเครื่องปรับอากาศของโรงพยาบาล
แรงกดหนักๆ จากมือหนาของพี่น้ำนิ่ง ที่แสดงอยู่บนไหล่ทำให้ผมต้องหันไปมอง
“น้องต้องไม่เป็นอะไรเชื่อพี่สิ “ น้ำคำปลอบใจจากพี่ชายของน้ำอุ่น ทำให้ผมสบายใจขึ้นมานิดหน่อย ทั้งๆที่เจ้าตัว ควรเป็นคนที่ได้รับคำปลอบใจจากผมแท้ๆ

ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรตอบไป ประตูเหล็้กหนาก็เปิดออกชายในชุดเขียวก็ออกมาจากห้อง และพี่น้ำนิ่งเป็นฝ่ายที่ก้าวไปถึงก่อนผม

“หมอครับน้องผมเป็นยังไงบ้างครับ “พี่น้ำนิ่งจับไหล่มหมอ เรียกได้ว่าแทบจะเขย่าเค้นเอาคำตอบ
แม้มีสีหน้าที่เหนื่อยล้าแต่ชายในชุดเขียวยิ้มตอบกลับมาให้เรา
“ ใจเย็นๆครับคนไข้ปลอดภัยแล้ว “

สิ้นคำพี่น้ำนิ่งก็ปล่อยไหล่หมอแล้วทรุดลงไปนั่งซะอย่างนั้น นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกว่าดีใจจนเข่าอ่อน
ผมที่ดีใจไม่แพ้กันก้มลงไปประคองพี่น้ำนิ่ง

“ไอ้หมา “
เสียงผู้ชายที่ฟังดูคุ้นหูเรียกผมยู่ด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปดู
แต่ว่า...ก็ไม่มีใคร เค้าว่าโรงพยาบาลมีคนตายเยอะซะด้วยสิ หรือว่าจะเป็น.....
ซวยแล้วไง


..........................................................

บทต่อไป

บทที่สี่       ( สองวิญญาณ)
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11121930/W11121930.html

แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 54 13:52:57

จากคุณ : sillfai
เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 54 20:06:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com