เพียงเพื่อนใจ (บทที่ 3 ช่อทิพย์)
|
 |
บทที่ 3 ช่อทิพย์
ช่อทิพย์บรรจงเอาผ้าสีขาวผืนสะอาดเช็ดใบตองที่เก็บจากสวนหลังบ้านมาได้หอบใหญ่เพื่อนำไปห่อข้าวต้มสำหรับทำบุญในงานกฐินวันพรุ่งนี้ บ้านไม้หลังเล็กที่โดดเดี่ยวหลังนี้มีเพียงเธอและนายบุญทิมผู้เป็นบิดาอาศัยอยู่เพียงสองคนเท่านั้น หลังจากที่สูญเสียมารดาไปตั้งแต่สิบขวบงานบ้านทุกอย่างช่อทิพย์จึงเป็นคนดูแลทั้งหมด ซ้ำร้ายนายบุญทิมก็มานอนล้มป่วยเพราะหลายโรครุมเร้า เสียงไอโขลกๆ ของบิดายังคงทำให้หญิงสาวนอนไม่หลับเช่นทุกคืน
ท่อนแขนที่เริ่มทุเลาลงทำให้ช่อทิพย์เริ่มเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ หญิงสาวจัดการหาขันใบย่อมพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อมาเช็ดตัวให้คนเป็นบิดาหลังจากจัดการงานบ้านทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผิวกายคร้ามแดดของผู้เป็นพ่อร้อนมากกว่าที่ควรจะเป็น ปวดหัวรึเปล่าพ่อ ? ผู้เป็นลูกสาวเอ่ยถามเสียงเบา นายบุญทิมกระชับผ้าห่มและทำตัวคุดคู้ด้วยความหนาวสั่นเพราะพิษไข้ คืนนั้นช่อทิพย์ต้องคอยเช็ดตัวบิดาทั้งคืนจนไข้ค่อยๆ ทุเลาลงเมื่อย่ำรุ่งสาง พอจัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จสรรพก็รีบตรงดิ่งไปยังบ้านหลังงามของนายตำรวจผู้หนึ่งที่โดดเด่นที่สุดในหมู่บ้านทันที
คุณป้าคะ...ภัทร์ไปเรียนรึยังคะ? เอ่ยถามนางสิริจันทร์หญิงวัยห้าสิบด้วยความนอบน้อมในขณะที่อีกฝ่ายกำลังรดน้ำต้นกล้วยไม้อย่างเพลิดเพลิน
นี่ก็เพิ่งแค่หกโมงกว่าเท่านั้นเอง ไอ้ภัทร์คงยังไม่ตื่นมั้งจ้ะ หญิงเจ้าของบ้านบอกอย่างอารมณ์ดี ว่าแต่...หนูทิพย์มีเรื่องอะไรรึเปล่า?
คือ... ช่อทิพย์ยื่นซองจดหมายสีขาวผ่านทางช่องลูกกรงของรั้วบ้านให้แก่นางสิริจันทร์ ฝากให้ภัทร์เอาใบลาให้อาจารย์หน่อยนะคะ วันนี้พ่อไม่ค่อยสบาย... หญิงสาวบอกเสียงอ่อน
จ้ะ...ว่าแต่ อาการหนักรึเปล่าล่ะ เดี๋ยวติดรถไปกับป้าก็ได้
ไม่เป็นไรค่ะ ทิพย์พาพ่อไปเองดีกว่า บอกก่อนค้อมศีรษะและรีบเดินลาจากไปในที่สุดในขณะที่ลูกชายคนเดียวของบ้านเดินดุ่มๆ ตรงมาหาคนเป็นมารดา
คุยกับใครเหรอแม่ ณภัทร์หยิบเอาอาหารปลาที่อยู่ในอุ้งมือโปรยลงอ่างปลาขนาดกว้างราวสองเมตรพลางเอ่ยถาม
ทิพย์น่ะ...เค้าเอาใบลามาให้ลูกบอกว่าวันนี้จะพาพ่อไปหาหมอ
อ้าวเหรอ?...วันนี้ก็มีสอบวิชาสำคัญเสียด้วยสิ ชายหนุ่มบ่นอุบอิบก่อนรับใบลาจากมือของมารดามา
รีบๆ ไปอาบน้ำจะได้ลงมากินข้าวเห็นว่าพ่อเค้ามีเรื่องจะคุยกับเราแน่ะ พอจบคำผู้เป็นลูกก็ถึงกับตาโต นายภูมิผู้เป็นพ่อมีเรื่องสำคัญจะคุยกับตนงั้นเหรอ? ณภัทร์ขบคิดไปต่างๆ นานาว่าบิดาจะคุยกับตนเรื่องอะไร เพราะพ่อลูกคู่นี้ไม่ค่อยจะได้คุยกันสักเท่าไหร่ ณภัทร์ไม่ชอบการบังคับจิตใจ ความเผด็จการและทำตัวเหนือผู้อื่นเฉกเช่นบิดาตนเป็น ส่วนนายภูมิก็ไม่พอใจกับการทำตัวอ่อนแอไม่สมเป็นลูกชายผู้สืบสกุลของณภัทร์...
อาหารเช้าในวันนี้คือข้าวต้มกุ้งร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นมาแต่ในครัว ณภาผู้มีศักดิ์เป็นพี่สาวคนโตค่อยๆ เทน้ำส่งให้สมาชิกทุกคนในบ้าน ส่วนณพิตรลูกสาวคนที่สองก็กำลังเดินดุ่มๆ ลงมาจากบันไดพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งทั่วร่าง ณภัทร์ตักข้าวต้มร้อนๆ เข้าปากได้สามคำผู้เป็นบิดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะก็เริ่มเรื่อง
ตอนนี้แกเล่นกีฬาอะไรอยู่บ้างภัทร์? ทุกร่างต่างนิ่งเงียบเมื่อนายภูมิเอ่ยขึ้น ท่วงท่าเคร่งขรึมและภูมิฐานสมกับเป็นนายตำรวจสูงวัยทำให้เขาเป็นประมุขของบ้านที่ลูกๆ ทุกคนให้ความเคารพนับถืออย่างมาก
ก็...มีตีแบท ปิงปอง แล้วก็...วอลเล่ย์ครับ ชายหนุ่มตอบอ้อมแอ้ม
ตอนนี้พ่อเป็นสปอนซ์เซอร์ของทีมฟุตบอลทีมนึงอยู่ จะลงแข่งเพื่อคัดตัวแทนจังหวัดปลายเดือนหน้านี่ พ่ออยากให้แกลองไปลงเตะดูบ้าง...เผื่ออาจจะมีแวว
พ่อ...ภัทร์ไม่ชอบเล่นบอล ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีเวลาด้วย คำปฏิเสธของลูกชายทำให้นายภูมิวางช้อนในมือลง ณภาหันไปสบตากับผู้เป็นมารดาก่อนหันไปชำเลืองมองสองพ่อลูกเงียบๆ
มันจะเสียเวลาสักแค่ไหนกันเชียว ทีมนี้เค้าก็ไปซ้อมช่วงหกโมงเย็นที่สนามวิทยาลัยน่ะแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะบอกโค้ชให้ว่าแกจะไป... ณภัทร์กำมือที่วางอยู่บนตักแน่นก่อนสะบัดหน้าหนีไปอีกทางด้วยความโกรธขึ้งแต่กลับทำอะไรไม่ได้ ณพิตรเห็นอาการไม่พอใจของน้องชายก็ยิ้มเย่าะก่อนจะยันกายลุกขึ้น
เดี๋ยวพิตรไปทำงานก่อนนะคะ พอดีวันนี้มีประชุมแต่เช้า พูดจบก็เดินละลิ่วออกจากบ้านไปแต่ก็มิวายหันกลับมาแขวะใส่น้องชาย เดี๋ยวพี่จะไปดูนะภัทร์... แล้วอย่าไปทำให้พ่อเค้าขายหน้าล่ะ เสียงหัวเราะน้อยๆ ที่ดังก้องอยู่นั้นแทบจะทำให้ณภาลุกพรวดขึ้นเอ็ดน้องสาวที่เห็นความทุกข์ของคนอื่นแล้วมีความสุข
โรงพยาบาลในวันนี้ดูแน่นขนัดมากเป็นพิเศษ ช่อทิพย์กลัวว่ากว่าจะถึงคิวตรวจของบิดานายบุญทิมอาจจะไข้ขึ้นมากไปกว่านี้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่า...เธอไม่มีปัญญาพาพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกที่มีค่ารักษาแพงลิบลิ่วได้แน่ เงินก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็ใกล้จะหมดเต็มที...
ชานนท์พยุงหญิงชราวัยหกสิบค่อยๆ ทรุดนั่งลงบนที่นั่งริมระเบียงกว้างที่ติดกับสวนดอกไม้ก่อนยื่นขวดน้ำส่งให้อีกฝ่าย ไม่ต้องหรอกตานนท์ ย่ายังไม่หิวน้ำ นางสินีนาฏบอกเสียงพร่าตามสังขารที่ร่วงโรย หลานชายจึงวางขวดน้ำดื่มลงข้างตัว วันนี้ครบกำหนดที่หมอนัดมาตรวจอาการประจำเดือน หญิงวัยหกสิบผู้นี้มีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูงและเบาหวานจึงต้องมารับยาและพบแพทย์ที่โรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ
ช่อทิพย์จูงแขนนายบุญทิมขึ้นเมื่อถึงคิว หลังจากที่ส่งบิดาเข้าห้องตรวจไปแล้วตนเองก็ออกมายืนรอริมระเบียงกว้างที่อยู่ไม่ไกลกันเพื่อสูดอากาศ วันนี้เธอต้องขาดสอบวิชาสำคัญเสียด้วย แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อยเพราะชีวิตของบุพการีนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
คุณ... น้ำเสียงของชายหนุ่มดังพอที่จะกระชากให้ร่างบางหันขวับไปตามเสียงเรียกนั้น ช่อทิพย์สบสายตากับสองเนตรกลมรีของชายหนุ่มผู้มีเชื้อสายจีนคนนั้น...ชานนท์
เพื่อนเหรอ? นางสินีนาฏเอ่ยถามก่อนที่หลานชายจะยิ้มให้และลุกจากเก้าอี้ตรงไปหาหญิงสาวที่ยืนเก้กังรออยู่
คุณไม่สบายเหรอครับ? หรือว่าแผลยังไม่หาย... เขาเอื้อมมองไปยังท่อนแขนซ้ายของอีกฝ่าย
ไม่ค่ะ แขนฉันไม่เป็นไรแล้ว พอดีว่าวันนี้พ่อฉันไม่สบาย... ช่อทิพย์ตอบเสียงเรียบ สายตาสำรวจเครื่องแต่งกายของอีกฝ่ายที่ยังคงเป็นชุดนักศึกษา แล้วคุณ...
อ้อ...พอดีผมพาคุณย่ามาตามหมอนัดน่ะครับ ท่านเป็นความดัน ว่าแต่...พ่อคุณป่วยเป็นอะไรเหรอครับ? ชานนท์ซักถาม ที่เขาเป็นเหตุให้ช่อทิพย์ต้องบาดเจ็บตนก็ยังไม่ได้ชดใช้ คราวนี้ถือเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ไถ่โทษ
ก็โรคประจำตัวน่ะค่ะ เดี๋ยวชั้นต้องขอตัวก่อนนะคะพอดีพ่อออกจากห้องตรวจแล้ว บอกเพียงเท่านั้นร่างบางก็หันขวับไปก่อนเดินดุ่มๆ เข้าไปหน้าห้องตรวจ ประคองชายร่างซูบผอมผู้เป็นบิดาไปนั่งรอรับยาที่อยู่อีกฟากของโรงพยาบาล ช่อทิพย์มองเงินในกระเป๋าสตางค์ที่มีอยู่ หวั่นๆ อยู่ว่ามันจะพอกับค่ายาในวันนี้หรือไม่ จนเมื่อได้ยินเภสัชกรเรียกชื่อผู้เป็นบิดาร่างระหงจึงดีดตัวขึ้นจากที่นี่ตรงเข้าไปรับยาพร้อมกับเตรียมจ่ายเงิน
เภสัชกรอธิบายรายละเอียดของยาแต่ละชนิดก่อนจะตบท้ายว่า ค่ารักษาพยาบาลมีคนเค้าออกให้คุณแล้วนะคะ ไม่ต้องเสียค่ะ
ออกให้...ใครกันคะ? คิ้วสวยเลิกขึ้นสูงก่อนที่เภสัชกรสาวจะยื่นเอกสารแผ่นบางๆ ให้ ในนั้นเขียนรายละเอียดค่ารักษาและค่ายารวมแล้วเป็นจำนวนเงินหลายพันก่อนจะมีชื่อของบุรุษผู้หนึ่งเซ็นต์กำกับไว้...
ชานนท์... ช่อทิพย์รำพึงเสียงพร่า ริมฝีปากที่เม้มแน่นเพราะความเครียดค่อยๆ คลายออกจากกันจนกลายเป็นรอยยิ้มในที่สุด
รับยาเสร็จแล้วเราไปทานข้าวด้วยกันต่อมั้ยครับ น้ำเสียงของชานนท์ทำให้หญิงสาวต้องรีบสะบัดหน้าไปในทันใด สองตากลมใสเบิกโพลงด้วยความตกใจในขณะที่อีกฝ่ายยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า ข้างๆ เป็นหญิงชราผิวขาวรูปร่างท้วม ใบหน้าบ่งบอกถึงสัญชาติได้อย่างเด่นชัด
ขอบคุณนะคะสำหรับค่ารักษาพยาบาล แต่...
ให้ผมได้ตอบแทนคุณบ้างเถอะครับ คราวก่อนที่ผมทำคุณเจ็บก็ยังไม่ได้ชดใช้เลย ชายหนุ่มว่าก่อนที่นายบุญทิมจะลุกจากเก้าอี้และเดินมาหาบุตรสาว
สวัสดีครับ ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้สูงวัยตรงหน้า อาการเป็นยังไงบ้างครับคุณพ่อ... สีหน้า แววตาและอากัปกิริยาที่นอบน้อมของเขาทำให้หญิงสาวประทับใจจนเผลอคลี่ยิ้มอย่างไม่รู้ ทั้งที่นายบุญทิมแต่งตัวมอซอเป็นแค่ชาวบ้านฐานะยากจน ผิดกับเขาที่เป็นคนมีฐานะ มีหน้ามีตาในสังคม แต่ก็ยัง...
ก็ดีขึ้นแล้วล่ะจ้ะ ว่าแต่พ่อหนุ่มเป็น... นายบุญทิมหันมามองหน้าลูกสาว
ผมเป็นเพื่อนกับช่อทิพย์ครับ ชานนท์บอกเสียงหวาน
ย่าว่าเราไปหาอะไรกินกันดีกว่าลูก ทานในร้านอาหารที่นี่แหละนะ นางสินีนาฏเปรยขึ้นก่อนที่ชายตรงข้ามจะยกมือปฏิเสธ
ผมกับลูกคงไม่สะดวกหรอกนะครับ แค่นี้ก็รบกวนเวลาทิพย์มันมากพอแล้ว
ไม่เป็นไรหรอกครับคุณพ่อ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ ทานเสร็จแล้วผมจะรีบไปส่งคุณพ่อที่บ้านและพาทิพย์มาเข้าเรียนคาบบ่ายให้ทัน ข้อเสนอของเขาทำให้สองพ่อลูกมิอาจโต้แย้งกลับไปได้อีก สุดท้ายทั้งหมดก็ต้องมานั่งทานอาหารด้วยกันในที่สุด ปีนี้นายเจตต์ตั้งใจว่าจะปลูกพริกสักสี่ไร่และหอมกระเทียมอีกอย่างละห้าไร่แต่ทว่าตนก็ต้องเลื่อนเวลาที่จะลงแปลงไปหลายครั้งเพราะขาดคน วันนี้โอกาสเหมาะที่นายเจตต์ได้คนงานจากต่างหมู่บ้านมาสี่ห้าคนซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือสุรเดช ชายหนุ่มคราวลูกที่อาสาพาเพื่อนๆ อีกหลายคนมาช่วยโดยไม่หวังค่าตอบแทน
ไหนนังดาวมันบอกว่าเลิกคบหากับไอ้เดชแล้วไงพี่ ทำไมพี่ถึงปล่อยให้มันมา... นางทับทิมเอ่ยถามผู้เป็นสามีขณะจัดเตรียมสำรับให้กลุ่มคนงานเมื่อพักเที่ยง
เอ็งต้องแยกให้ออกสิทับทิม มันมาช่วยในฐานะที่เป็นคนบ้านเดียวกัน ไม่ใช่ฐานะคนรักของนังดาว นายเจตต์บอกเสียงขรึมก่อนหันไปมองสุรเดชกับเพื่อนที่ช่วยกันทำงานอย่างขมักเขม้น...
กลอยใจ เอ็งกลับบ้านไปช่วยกิ่งดาวมันขนสำรับกับข้าวมาเถอะ นี่มันก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว นางทับทิมหันไปหาลูกสาวคนโตที่นั่งอ่านหนังสือบนเสื่อใต้ร่มไม้ใหญ่อย่างสบายใจ
กับข้าวแค่ไม่กี่อย่าง นังดาวมันเอามาได้อยู่หรอกน่าแม่ ชั้นบอกให้แกไป นี่แกเป็นพี่นะ ทำไมไม่รู้จักหัดช่วยน้องบ้าง...รีบไปเร็วเข้า คนเป็นแม่เอ็ดตะโรใส่ก่อนที่กลอยใจจะดีดตัวลุกขึ้น สะบัดตูดสามสี่ครั้งก่อนเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดหลบแดดไว้และขับกลับบ้านไปในที่สุด
กุล...ช่วยไปเตรียมจานกับช้อนให้พี่ทีสิ เอาสักสิบชุดนะ กิ่งดาวสั่งน้องสาวขณะเทแกงจากหม้อใส่ปิ่นโตแต่ทว่าเด็กสาววัยสิบห้ากลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนยังคงนอนดูโทรทัศน์ต่อ
กิ่งดาวถอนใจยาวก่อนเดินเข้ามาหา ยังโกรธพี่อยู่ใช่มั้ย? เอ่ยถามอีกฝ่ายที่ยังคงไม่หันมามอง พี่ขอโทษ... เราเองก็ผิดนะ ถ้าไม่แย่งสมุดบันทึกของพี่ใจไปจากมือพี่ มันก็ไม่เกิดเรื่องหรอก จบคำกอบกุลก็หันขวับมามองตาขวางทันที
แล้วทำไมพี่ดาวต้องเอาสมุดบันทึกพี่ใจมาอ่านด้วยล่ะคะ...
ก็...พอดีพี่จะไปยืมพจนานุกรมในห้องพี่ใจน่ะจ้ะ แต่พอดีไปเจอมันเข้า... กิ่งดาวอ้างเหตุผลที่เพิ่งคิดขึ้นมาได้ กอบกุลก้มหน้างุดไปพักนึงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพี่สาว
นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ทำไมพี่ใจถึงยังไม่มารับสำรับกับข้าวซักทีล่ะเนี่ย... กอบกุลเสทำเป็นถามถึงกลอยใจก่อนที่กิ่งดาวจะผายยิ้มให้น้องสาวอย่างเอ็นดูที่อีกฝ่ายหายเคืองเธอแล้ว
ผ่านไปราวห้านาทีกลอยใจก็มาถึงบ้าน สามพี่น้องจึงช่วยกันนำสำรับกับข้าวตรงดิ่งไปยังสวนที่อยู่ห่างออกไปอีกราวสามกิโลเมตร
สามพี่น้องมาถึงสวนในที่สุด ทันทีที่ได้เห็นร่างบางที่เฝ้าถวิลหาสุรเดชก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ร่างหนารีบเอาผ้าขาวม้าเช็ดเหงื่อ เดินดุ่มๆ มาหลบแดดที่ใต้ร่มไม้ใกล้ๆ กับที่กลุ่มหญิงสาวกำลังจัดเตรียมสำรับช่วยมารดา
ดาว เดี๋ยวไปเรียกคนงานมากินข้าวหน่อยนะลูก แม่จัดใกล้เสร็จแล้ว นางทับทิมเอ่ยสั่งลูกสาวก่อนที่กิ่งดาวจะหันไปเรียกกอบกุลให้ไปเป็นเพื่อน
พักกินข้าวกันก่อนนะคะ... กิ่งดาวตะโกนบอกคนงานในสวนที่นั่งหลบแดดกันใต้ร่มไม้ก่อนสองตากลมใสจะหันไปมองสุรเดชที่นั่งยิ้มอยู่ ร่างหนาดีดตัวลุกขึ้นยืนและตรงเข้ามาหาหญิงสาว
กินข้าวค่ะ... กิ่งดาวบอกเสียงเรียบเหมือนหน้าตาแต่คนตรงหน้ากลับผายยิ้มกว้าง
วันนี้น้องดาวทำกับข้าวอะไรบ้างจ้ะ... ซักถามขณะเดินตามร่างบางมาติดๆ
ก็มีต้มย้ำปลานิล แกงเผ็ดไก่แล้วก็หมูย่างค่ะ กอบกุลตอบแทนในขณะที่กิ่งดาวเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนปลายเท้าสะดุดเข้ากับหลุมบนผิวดินเข้าให้
โอ้ย... ร่างบางล้มคว่ำลงกับพื้นก่อนที่สุรเดชจะรีบตรงเข้ามาประคองอย่างเป็นห่วงเป็นใย
เป็นอะไรรึเปล่าดาว เจ็บตรงไหน? ชายหนุ่มถามเสียงเครือ กิ่งดาวเอาใช้มือปัดเศษดินบนเข่าออกเบาๆ
ไม่เป็นไร ก็แค่ถลอกนิดหน่อย เธอบอกก่อนยันกายลุกขึ้น
ไหวมั้ย? ชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายถาม หมายจะอ้าวงแขนรับร่างนุ่มนิ่มนั้นทุกเมื่อ
ไหว...ดาวเดินเองได้ กิ่งดาวบอกปัดก่อนเดินไปยังเสื่อผืนยาวใต้ร่มไม้ใหญ่ที่มีสำรับอาหารวางอยู่ตรงกลาง
หลังจากกินข้าวกินปลากันเสร็จเรียบร้อยนายเจตต์ก็ใช้ให้กลอยใจเข้าเมืองเพื่อไปซื้อน้ำมันมาใส่เครื่องสูบน้ำ อีกฝ่ายหน้าหงิกหน้างออยู่พักนึงก่อนจะยอมเข้าเมืองไปตามคำสั่ง แต่เหมือนว่านายเจตต์จะนึกขึ้นได้ว่าตนนัดจ่ายเงินชาวบ้านที่ว่าจ้างให้มาลงแปลงปลูกผักและไถพรวนสวนให้เมื่อวันก่อน ชายสูงวัยจึงได้ใช้ให้กิ่งดาวบุตรสาวคนที่สองเข้าเมืองไปเพื่อทำธุระส่วนนี้ให้
รีบไปรีบกลับล่ะ... คนเป็นบิดายื่นกระเป๋าเงินส่งให้บุตรสาว ภายในนั้นมีเงินจำนวนหนึ่งและบัตรเอทีเอ็มอยู่สองสามใบ
ค่ะ... กิ่งดาวรับคำก่อนจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์มุ่งตรงเข้าเมืองไปโดยมีสุรเดชมองตามหลังจนลับสายตา อาการคุณย่าเป็นยังไงบ้าง... สุทธิดาเอ่ยถามชายหนุ่มที่เดินเคียงข้างกันภายหลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ
ก็เหมือนเดิม... ชานนท์ตอบเสียงเรียบก่อนหันไปยังร้านขายน้ำปั่นที่อยู่หน้าห้างสรรพสินค้า กินน้ำหน่อยมั้ย? ถามสุทธิดาอย่างไม่หันมามอง
อืมม์...ขอกีวี่ปั่นแก้วนึง เธอบอกก่อนเดินมานั่งรอที่ม้านั่ง วันนี้ได้มีโอกาสมาเดินห้างกับชานนท์ถือเป็นเรื่องดีที่เข้ามาตั้งแต่ต้นเดือน ร้อยวันพันปีหนุ่มคนนี้ไม่เคยจะมีเวลาให้เพื่อนสนิทเช่นเธอเลย วันๆ ก็ไปแต่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายจนบางครั้งสุทธิดาก็แอบน้อยใจ
ฉันโทร.นัดไอ้เทพไว้ ป่านนี้ไม่รู้มันมาถึงรึยัง? ชานนท์บ่นอุบอิบขณะยื่นแก้วน้ำกีวี่ปั่นให้สุทธิดา สายตาก็เอาแต่กวาดมองไปรอบกายเพื่อควานหาร่างของเทพพิพิธผู้เป็นเพื่อนรัก
เดี๋ยวฉันเดินไปทางโน้นนะ เผื่อว่าไอ้เทพอาจรออยู่ตรงนั้น ชานนท์บอกก่อนเดินไปอีกด้านของห้างสรรพสินค้า แม้จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แต่สุทธิดาก็ไม่อาจยื้ออีกฝ่ายไว้ได้ หญิงสาวลุกจากม้านั่งก่อนเดินไปยังร้านขายรองเท้าใกล้ๆ
อุ๊ย...ขอโทษนะคะ คนที่เดินมาชนเธอเข้าอย่างแรงค้อมศีรษะอย่างลนลาน ยังดีที่สุทธิดายังถือน้ำกีวี่ปั่นในมือไว้แน่น
ไม่เป็นไรค่ะ หญิงสาวบอกกลับไปในขณะที่กิ่งดาวได้แต่ยิ้มแหยอย่างสำนึกผิด
ต้องขอโทษจริงๆ นะคะพอดีดิชั้นไม่ทันมอง เอ่ยอีกครั้งก่อนลาจากไปทิ้งให้สุทธิดาต้องมองตามหลัง ดวงหน้าหวานละมุนของหญิงสาวเมื่อครู่คล้ายว่าเคยเห็นที่ไหนสักแห่งแต่พลันนั้นเองวัตถุที่ตกอยู่บนพื้นก็ทำให้สุทธิดาต้องเลิกคิ้วสูง
กระเป๋าเงิน... เธอย่อตัวลงไปเก็บมันขึ้นมา คงเป็นของหญิงสาวคนเมื่อกี้แน่...
กลอยใจแอบดอดมาเดินตากแอร์ในห้างสรรพสินค้าให้หายเหนื่อยก่อนแวะไปซื้อน้ำมันกลับไปยังสวนแต่ทว่าหญิงสาวกลับได้พบกับเทพบุตรหนุ่มผู้ที่หมายปองอย่างไม่คาดหมาย เมื่อเทพพิพิธเห็นอีกฝ่ายก็รีบเดินดุ่มเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย
อ้าวกลอยใจ มาเดินห้างเหมือนกันเหรอ? ชายหนุ่มมาในชุดเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนสีดำเข้มส่วนอีกฝ่ายใส่เพียงเสื้อยืดคอกลมและกางเกงวอร์มตัวเก่า
จ้ะ... กลอยใจตอบเสียงค่อย จ้องมองวงหน้าขาวสะอาดของเทพพิพิธแล้วก็ยิ้มแป้น
แล้วกิ่งดาวล่ะ...มาด้วยกันรึเปล่า? คำถามของเขาทำให้ริมฝีปากที่กำลังฉีกยิ้มต้องเม้มสนิทเข้าหากัน
ไม่จ้ะ...ดาวอยู่บ้าน
แย่จัง... บอกเสียงอ่อยก่อนก้มหน้าและยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู พอดีว่าวันนี้นัดเพื่อนไว้ เดี๋ยวเราไปก่อนนะ เทพพิพิธบอกลากะทันหันไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ ร่างสูงโปร่งก็เร่งฝีเท้าเดินเลี่ยงมาทางเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ตรงสู่ประตูทางออกที่อยู่อีกฝั่งโดยไม่ทันได้รู้ว่ามีใครบางคนยืนดูทั้งคู่อยู่ห่างๆ
กิ่งดาวถอนหายใจ... ใจหนึ่งก็หมั้นไส้กลอยใจที่แอบมาเดินห้างสรรพสินค้าทั้งที่นายเจตต์ผู้เป็นพ่อก็เร่งรีบจะสูบน้ำมารดผัก แต่อีกใจ เธอก็ยินดีกับผู้เป็นพี่ที่ได้พบหน้ากับเทพพิพิธ ไม่แน่...นายนั่นอาจจะชอบพี่กลอยใจขึ้นมาก็ได้
วันนี้กล่อมแก้วอยู่เก็บผักที่สวนจนค่ำมืด เหตุเพราะเธอไม่อยากลุกไปเด็ดยอดผักพวกนั้นตอนตีสามตีสี่ พอรุ่งเช้าก็จะได้ช่วยนางละมุลผู้เป็นมารดานำไปขายที่ตลาดได้ทันที พอตกเย็นหญิงสาวก็นำผักที่เก็บมาได้ไปเร่ขายตามบ้านต่างๆ กระทั่งมาถึงเรือนพักของสุรเดชเป็นหลังสุดท้าย
เอาผักมั้ยจ้ะน้าสุรีย์ มีทั้งกวางตุ้ง ผักกระเฉด ถั่วฝักยาวและถั่วพลู... แม่ค้าสาวเอ่ยถามเจ้าบ้านที่กำลังนั่งทำกับข้าวอยู่ที่ส่วนครัวซึ่งติดกับตัวบ้านและเปิดโล่ง นางสุรีย์เร่งพัดไฟในเตาถ่านจนควันสีขาวลอยโขมงทั่วบ้าน
น้าไม่เอาหรอกแก้วเอ้ย...วันนี้ไอ้เดชมันเก็บผักมาเยอะอยู่ บอกพร้อมกับไอโขลกๆ กล่อมแก้วรีบยกมือขึ้นปิดจมูกรีบเดินออกมาจากบริเวณส่วนครัว
อ้าวแก้ว... เสียงทักของสุรเดชทำให้กล่อมแก้วต้องหันขวับไปด้านหลัง ร่างหนาที่เปลือยอกยืนคลี่ยิ้มอยู่ทางเล้าไก่
ว่าไงเดช...ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นนายได้คุยกับดาวอีกมั้ย? คำถามของกล่อมแก้วทำให้ชายหนุ่มต้องก้มหน้างุด สุรเดชเอาผ้าขาวม้าคาดเอวก่อนเดินไปนั่งที่แคร่ตัวเล็ก ก็นายมันเป็นซะอย่างนี้ จะเอาอะไรไปสู้คนอื่นเค้าได้... คำต่อว่าของอีกฝ่ายทำให้หนุ่มร่างหนาต้องเงยหน้ามองอย่างไม่พอใจ กล่อมแก้วจุดยิ้มมุมปากก่อนเดินเข้าไปใกล้ๆ
นายน่าจะกลับไปเรียนต่อนะ...อย่างน้อยก็จะได้อยู่ใกล้กิ่งดาวมากกว่านี้ สองตาของกล่อมแก้วที่จ้องมองมันเต็มไปด้วยความหวังดีและเกลียดชังจนชายหนุ่มมิอาจคาดเดาได้ว่าในใจแล้วเธอคิดเช่นไรกันแน่
ฉันกลับก่อนนะ จะทำยังไงต่อไปก็แล้วแต่นาย แต่สำหรับชั้น...คิดว่าดาวยังคงรักนายอยู่ ดาวลืมนายไม่ได้หรอก กล่อมแก้วย้ำเสียงหนักแน่น มันยิ่งเป็นเหมือนเชื้อไฟชั้นดีที่ทำให้แรงปรารถนาในใจของสุรเดชลุกโชน ได้ยินกล่อมแก้วยืนยันแบบนี้เขาก็ยิ่งมีกำลังใจ อีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทกิ่งดาวมานานย่อมดูออกแน่นอนว่าเธอยังคงรักเขาอยู่...
แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 54 16:11:39
จากคุณ |
:
ผีเสื้อสีดำ
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ก.ย. 54 14:58:52
|
|
|
|