Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กามสูร ติดต่อทีมงาน

โซอิ ยืนอยู่ใต้จันทร์แรม เหม่อมองแม่น้ำเชี่ยวกราก ที่หลากไหลไปไกลจนสุดสายตา ไม่รู้ว่าที่สุดปลายของสายน้ำนี้จะเป็นเช่นใด บางทีเขาอาจค้นพบมันได้ในไม่ช้า

สายน้ำไหลไปไม่หวนคืน ดุจความรักแหลกสลายไม่หวนกลับ

น้ำตาที่เก็บกักเอาไว้ไหลริน เขาไม่ได้สะอื้นไห้ เพียงหลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน ในสมองมีภาพในอดีตที่จะไม่มีวันหวนคืนมาอีกหมุนเวียนย้อนทวนไปมาอย่างสับสน ในดวงตายังคงพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา เขาพลันก้าวเท้าออกไปสู่สายน้ำที่เยียบเย็นเบื้องหน้า 'จบสิ้นแล้ว'

ทันใดนั้น คล้ายเกิดพายุขึ้นอย่างฉับพลัน ลมแรงหอบร่างของเขาให้ลอยขึ้น ก่อนสายลมที่หอมฟุ้งด้วยกลิ่นกุหลาบจะพัดพาร่างของเขาให้ลอยออกสู่กลางแม่น้ำ เขาเห็นเงาร่างอ้อนแอ้นในชุดสีแดง ใบหน้าที่สดใสงดงามวับแวมในความมืด และผืนน้ำ แต่เพียงชั่วครู่ก็หายวับ

หมอกหนาพลันแผ่ปกคลุมไปทั่ว ทำให้เขาไม่รู้ว่าตนเองตอนนี้อยู่ ณ ที่ใดกันแน่ จะเป็นบนแผ่นดิน เหนือ หรือ ใต้ผืนน้ำ บนโลกมนุษย์ ก้าวเข้าสู่แดนสวรรค์ หรือจมลึกลงสู่ห้วงบาดาล

เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้ว ดังอยู่ข้างกาย บัดเดี๋ยวอยู่ทางซ้าย บัดเดี๋ยวย้ายไปทางขวา ความรู้สึกนุ่มนิ่ม วาบหวาม โอบไล้ไปมาบนร่างของเขา ก่อเกิดเป็นความรู้สึกเย้ายวนปนความลึกลับ ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้เขาตื่นเต้นจนสมองหมุน ความโศกเศร้าเมื่อครู่ไม่ทราบปลิวหายไปอยู่ที่ใดแล้ว

“ทิ้งชีวิตตนเองไปเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก”

เสียงสตรีลึกลับดังคลอเคลียอยู่ข้างหู กลิ่นกุหลาบค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นที่แปลกพิสดาร กระตุ้นความรู้สึกจนร่างกายแทบปริแตกออกจากกัน

“...ท่าน อยู่ที่ใด”

“ข้าอยู่ข้างกายเจ้า”

ความรู้สึกนุ่มนิ่มโอบกอดมาจากทางด้านหลัง กลิ่นหอมจรุงยิ่งรุนแรง ก่อนเสียงกระซิบหวานจะดังแว่วมา

“เจ้าจะยอมยกชีวิตให้ข้าได้หรือไม่”

เขาไม่มีปัญญาจะต้านทานความปรารถนาที่เปี่ยมล้นขึ้นมาได้

“ข้า…ตก...ล...”

ประกายสีดำกรีดแหวกม่านหมอกออกจากกัน เปิดเผยให้เห็นผิวน้ำที่พลิ้วเป็นระลอกอยู่เบื้องล่าง สตรีลึกลับร้องอย่างขัดใจ ก่อนปล่อยร่างของเขาทิ้งลงในแม่น้ำอย่างไม่ไยดี แล้วรีบเบี่ยงกายเพื่อหลบหลีกการจู่โจม

“ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้านักพรต”

พอร่างของเขาตกลงไปในสายน้ำที่เย็นเฉียบ เขาก็รีบตะเกียกตะกายเพื่อไม่ให้ตนเองจมลงไป ความคิดอยากตายเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย ความเศร้าโศกเจียนตายจากความรักที่ผิดหวังถูกลืมเลือนไปจนหมดสิ้น เขาได้แต่ส่งเสียงร้องตะโกนขอชีวิต

มีเสียงทอดถอนใจดังขึ้นก่อนที่ร่างของเขาจะลอยเข้าสู่ฝั่ง เมื่อรู้ตัวอีกครั้ง เขาก็ตะกายขึ้นมานอนอยู่ริมตลิ่งแล้ว ข้างกายมีนักพรตชุดเหลืองในมือถือกระบี่ไม้สีดำยืนเหม่อมองจันทร์แรมบนท้องฟ้า

“หนีไปจนได้”

นักพรตก้มลงมอง เขาจ้องหน้าชายหนุ่มที่พึ่งช่วยชีวิตขึ้นมาจากสายน้ำ ก่อนเริ่มใช้ ข้อนิ้ว นิ้วชี้ และฝ่ามือ ในการวัดไปตามอวัยวะบนใบหน้าที่เปียกโชก พร้อมกับส่ายหน้าไปด้วย

“ไม่รู้ว่าข้าจะช่วยเจ้ามาทำไม เจ้ามีใบหน้าชะตาขาด ซ้ำยังอยู่ในช่วงดวงตกถึงที่สุด ถึงยังไงก็คงต้องตายในไม่ช้าอยู่ดี”

“ท่าน...”

“แต่เอาเถอะ”

นักพรตจับแขนซ้ายของชายหนุ่มขึ้นมา

“เมื่อช่วยแล้วก็คงต้องช่วยให้ถึงที่สุด”

พร้อมกันนั้นก็ล้วงเอาด้ายขาวออกมามัดไปบนแขนแล้วขมวดปมจนแน่น ปากพึมพำคาถา พลางดึงกระบี่ไม้ดำออกมาแตะที่ด้ายเส้นดังกล่าว

“ห้ามแกะด้ายเส้นนี้ออกอย่างเด็ดขาด ข้าช่วยได้แค่นี้ ที่เหลือก็แล้วแต่บุญวาสนาของเจ้าแล้ว”

พอกล่าวจบนักพรตก็หันกายเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มพยายามส่งเสียงตะโกนเรียก แต่สุดท้ายเขาก็ถูกทิ้งไว้ที่ริมฝั่งน้ำอย่างเดียวดาย

#####

เช้าวันต่อมาเขาก็กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ หอบฟืนที่เก็บมาไปขายในตลาดเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ แต่ยามใดที่เห็นด้ายสีขาวเส้นนั้น ก็จะหวนนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดในค่ำคืนที่ผ่านมาทุกครั้งไป

“บางที ปีศาจสาวตนนั้นอาจจะเป็น กามสูร ที่ล่ำลือกัน”

คนขายหมูพูดคุยในขณะที่ใช้มีดปังตอขนาดใหญ่แล่หมูอย่างชำนาญ มือข้างหนึ่งเคลื่อนไปตามแนวกระดูก และกล้ามเนื้อ มืออีกข้างเฉือนมีดติดตามไป สายตา และปาก ยังคงสามารถพูดคุย ในขณะที่หมูก็ถูกชำแหละได้อย่างไม่มีผิดพลาด

“ข้าได้ยินมาว่า นางเป็นปีศาจสาวสวยที่ออกล่ากินวิญญาณของผู้ชาย ส่วนนักพรตนั้น อาจบางทีเป็น ท่านไม้ดำ ที่ติดตามล่าตัวนางปีศาจนี้มานานแล้ว”

คนขายหมูตวัดปังตอตัดลงตรงข้อต่อของกระดูกเต็มแรง แยกหมูชิ้นใหญ่ออกจากกันอย่างพอเหมาะ ปากยังคงพร่ำพูดต่อไป

“เจ้าคงดวงตกที่ไปเจอนางปีศาจเข้า แต่ยังโชคดีที่รอดมาได้ ว่าแต่เจ้าไปทำอะไรแถวนั้นในยามค่ำคืนกัน”

“...ข้า...”

คนขายหมูตวัดปังตออีกครั้ง

“คงไม่ใช่เป็นเพราะถูกนางหักอก จนเจ้าคิดจะไปฆ่าตัวตายหรอกนะ”

“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”

“...พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาทันทีเลย”

คนขายหมูพยักเพยิดให้เขามองดูชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเคียงข้างกันมาด้วยใบหน้ามีความสุข ก่อนหน้านั้นคนที่เดินเคียงคู่กับนางยังคงเป็นเขาคนนี้

แต่ในใจของเขากลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่เคยคาดคิด เขากลับนึกถึงกลิ่นกุหลาบ กับความรู้สึกนุ่มนิ่มในค่ำคืนนั้นแทน คนขายหมูมองหน้าชายหนุ่ม และไม่อยากเชื่อว่า เขาจะสามารถลืมเลือนความเศร้าโศกได้ง่ายดายปานนี้ แต่เมื่อเห็นดวงตา กับท่าทีที่เฉยชา ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้โกหก

“ดีแล้ว ข้าก็กลัวว่าเจ้าจะต้องห่อเหี่ยวไปอีกนาน เป็นเช่นนี้ได้ก็ดีแล้ว”

คนขายหมูสับปังตออีกครั้งก่อนส่งเสียงร้องลั่น จนคนแถวนั้นพากันตกใจ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

คนขายหมูยกมือที่เหลือเพียงสี่นิ้วขึ้นมา ก่อนยิ้ม แล้วค่อยๆ ยกนิ้วที่งอซ่อนไว้ออกมา

“ข้าล้อเล่น ข้าหั่นหมูมาตั้งแต่เด็กมีหรือจะพลาดได้”

คนขายหมูส่งเสียงหัวเราะท่ามกลางความหมั่นไส้ของผู้คนที่ขายของอยู่ใกล้เคียง หลายคนภาวนาให้เขาพลาด ตัดนิ้วตัวเองจริงๆ เข้าสักที

#####

ยามค่ำคืนมาถึง หลังจากคิดทบทวนไปมาในหัวอยู่หลายสิบรอบในที่สุด เขาก็เดินทางกลับมายังสถานที่เกิดเหตุของเมื่อคืนก่อนนี้ พร้อมกับภาวนาให้ได้พบเจอกับนางมารแสนสวยผู้นั้นอีกครั้ง

เขายืนเหม่อมองสายน้ำ ก่อนที่หมอกหนาจะค่อยๆ ลอยมาปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ มีกลิ่นกุหลาบจางๆ เจืออยู่ในสายลม แล้วเงาร่างในชุดสีแดงเลือดก็ค่อยๆ เยื้องย่างมาจากทิศทางที่เขามั่นใจว่าเป็นผืนน้ำ ครั้งนี้เขามองเห็นใบหน้างามของนางปีศาจได้อย่างชัดเจน

ดุจจันทร์เพ็ญจับอยู่กลางท้องฟ้า ดุจดาราพราวพร่างระยิบระยับจับใจ
นับเป็นความงามที่เกินเลยจากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว แต่ใบหน้างามนั้นกลับขาดบางสิ่งบางอย่างไป ทำให้ไม่อาจเรียกว่าเป็นความสมบูรณ์แบบได้

“เจ้ายังกล้าย้อนกลับมา”

นางพูดจาคล้ายคำตัดพ้อของคนรัก ยิ่งทำให้จิตใจของเขาวาบหวามกว่าเดิม

“ข้าชื่อ โซอิ ขอทราบนามแม่นางด้วย”

“เจ้ามิได้ทราบอยู่แล้วหรือ ข้าคือกามสูร”

“...ข้าคิดว่า...แม่นางน่าจะมีนามที่แท้จริง”

“ได้ ข้าจะยอมให้เจ้าเรียกข้าว่า โซระ แต่เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้าเลย ว่าเจ้าย้อนกลับมาทำไม”

เขาเหม่อมองดูนางอย่างซึมเซา

“นั่นย่อมเป็นเพราะเจ้า ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน แม้พบกันเพียงชั่วครู่ แม้พบเห็นเพียงเลือนลาง แต่ข้าก็ตกหลุมรักอีกครั้งเสียแล้ว”

ทั้งหมดนี้ย่อมอยู่ในความคาดหมายของนาง บุรุษที่ได้พบเห็นนางแม้เพียงชั่วพริบตา จะไม่อาจลืมเลือนนางได้ตลอดกาล นางคือกามสูร อสูรแห่งกามา ปากทางแห่งการล่อลวง จุดกำเนิดของความชั่วร้าย ทันใดนั้นด้ายขาวที่นักพรตไม้ดำผูกไว้พลันส่องแสงสว่างเรืองรองออกมา ทำให้นางไม่อาจเข้าใกล้เขาได้

“...หากเจ้ารักข้าจริง จงทิ้งด้ายนั้นเสีย”

“ปีศาจอย่างเจ้ากล้าพูดถึงเรื่องความรักด้วยหรือ”

สิ้นเสียงตวาด นักพรตไม้ดำค่อยๆ ปรากฏกายออกมา เขาคาดไว้แล้วว่าเรื่องราวต้องเป็นเช่นนี้ เจ้าหนุ่มชะตาขาดต้องไม่สามารถต้านทานแรงดึงดูดของกามสูรได้ เขาจึงมารออยู่ในที่นี้ตั้งแต่แรกแล้ว

กระบี่ไม้ดำที่หนาหนักในมือฟันผ่านอากาศจนเกิดเป็นเสียงดัง เขาตัดสินใจลงมือก่อนเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ เขาเฝ้าติดตามนางมานานมากแล้ว และทราบแก่ใจดีว่า ฝีมือที่แท้จริงของนางนั้นร้ายกาจนัก เพียงแต่นางมักชอบหลีกเลี่ยงจากการปะทะโดยตรง โดยเลือกที่จะหลบหนีแทน

กระบี่ทั้งหนักหน่วง ทั้งรวดเร็ว แต่เงาสีแดงนั้นกลับรวดเร็วกว่า ไม่ว่าประกายกระบี่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ไม่อาจแตะต้องเงาสีแดงนั้นได้เลย

“ข้าเห็นท่านเป็นนักพรตมีคุณธรรมจึงยอมอ่อนข้อมาโดยตลอด เหตุใดจึงตามล้างข้าไม่ยอมลดละเช่นนี้”

นักพรตต้องหยุดหอบหายใจ นางปีศาจนับว่าร้ายกาจเกินไปแล้ว เขาทุ่มเทใช้ท่าไม้ตายออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่อาจสัมผัสถูกร่างของนางได้แม้แต่น้อย

“...เจ้าดูดกินวิญญาณผู้คน จะให้ข้าปล่อยเจ้าไว้ได้อย่างไร”

“ท่านก็รู้ว่าพวกเหล่านั้น ล้วนเป็นคนที่ถึงที่ตายทั้งสิ้น ข้าเพียงเสนอทางเลือกว่าจะตายอย่างทุกข์ทรมาน หรือตายอย่างสุขสำราญเท่านั้น”

“เหลวไหล เจ้าก็รู้ว่าหากถูกปีศาจดูดกินวิญญาณ ต้องวนเวียนทรมานเนิ่นนานกว่าเดิมหลายเท่านัก”

“แต่อย่างน้อยพวกมันล้วนได้รับความสุข ที่ไม่เคยสัมผัสมา และพวกมันต่างเลือกเองทั้งสิ้น”

“คนพวกนี้เพียงถูกล่อลวง เพราะความอ่อนแอในใจของพวกมัน มิได้เป็นการตัดสินใจเองแม้แต่น้อย”

“ท่านนักพรต ท่านผิดแล้ว”

โซอิ กล่าวขัดขึ้นมา ทั้งคู่ต่างหันไปมองดูเขา ทำให้เขารู้สึกเกรงๆ ที่จะพูดอะไรออกไป

“เจ้าอยากจะพูดอะไรก็รีบว่ามา”

นักพรตกล่าวออกไปเช่นนั้น แต่ความจริงเขาต้องการถ่วงเวลาเพื่อฟื้นฟูเรี่ยวแรงของตนอีกสักครู่

“...ข้า...ข้าอยากจะบอกว่า ข้าเต็มใจตายยอมตายเพื่อนาง”

นักพรตมองหน้าเขาอย่างระอา

“เจ้านอกจากชะตาขาดแล้ว ยังเกิดอาการเพี้ยนด้วยหรือ”

“ข้า...ข้ารักนาง”

ปีศาจสาวสะดุ้งเมื่อได้ยินคำว่ารัก นักพรตยกมือกุมขมับ

“เจ้าทั้งสองพึ่งพบกันเมื่อวาน เจ้าเพียงแค่ลุ่มหลงในนางปีศาจเท่านั้น มันเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของนาง ขอเพียงเป็นบุรุษเพศไม่ว่าเด็ก หรือคนชราล้วนเป็นเช่นเดียวกัน”

“แต่ท่านนักพรตไม่เห็นเป็นอะไรเลย”

“ข้าถือศีลเคร่งครัด รูปกายภายนอกที่หลอกลวงของนางย่อมไม่อาจทำอะไรข้าได้”

“เมื่อวาน ข้ายังไม่ได้พบเห็นนางอย่างถนัดตา แต่ข้าก็รู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ข้ารักนาง”

“เจ้าจะบอกว่า เพียงแค่พบนางก็บังเกิดเป็นความรักขึ้นแล้วหรือ”

“คนไม่รักกัน แม้แต่งงานกัน เห็นหน้าทุกเช้าค่ำ ยังคงไม่รักกัน คนรักกัน เพียงพบหน้า ก็เพียงพอแล้ว”

นักพรตส่ายหน้า

“เจ้านี่กู่ไม่กลับเสียแล้ว คำก็รัก สองคำก็รัก สามคำก็รัก...”

“...ท่านเป็นนักพรต ตัดขาดทางโลก จะเข้าใจเรื่องรักได้อย่างไรกัน”

นักพรตไม่นึกว่าจะโดนชายหนุ่มย้อนเข้าเช่นนี้ เขาพลันทอดถอนใจ

“ข้าไม่ได้เกิดมาก็เป็นนักพรตเสียหน่อย ข้าเองก็ผ่านเรื่องราวทางโลกมาแล้ว แต่ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่ควรยึดถือ ชีวิตเป็นเพียงมายาภาพ หากไปหลงยึดติดเข้าก็จะไม่อาจหลุดพ้น”

ชายหนุ่มยังพยายามถกเถียงอย่างดื้อด้าน

“ท่านผิดแล้ว ไม่เมื่อโลกนี้เป็นเพียงมายา เราก็ไม่ควรยึดติดกับชีวิต แต่ใส่ใจในความสุขของตัวเราเองไม่ดีกว่าหรือ หากไม่ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ย่อมสมควรกระทำได้”

“ความสุขที่เจ้าว่ามานั้น มันก็ยังเป็นเพียงมายาเช่นกัน”

“...แต่ข้าไม่อาจเข้าใจความสุขอื่นใดอีก ไม่อาจเข้าใจความสุขทางธรรมของพวกท่าน ดังนั้นข้าก็ขอไขว่คว้าสิ่งที่ข้าเข้าใจนี้ไว้ ดีกว่าไล่ไขว่คว้าหมอกควันไปจนตาย”

นางปีศาจส่งเสียงหัวเราะชอบใจ

“เจ้าหนุ่มผู้นี้ฉลาดกว่านักพรตอย่างเจ้าเสียอีก”

ชายหนุ่มหันไปสบตานาง แต่ประกายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของมัน กลับทำให้นางเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างประหลาด นักพรตพลันตวัดกระบี่แทงเข้าใส่นางปีศาจอย่างรวดเร็ว ประกายสีดำพุ่งทะยานทะลุลำตัวของนางไป

“...เจ้านักพรตฉวยโอกาส”

“ลาก่อนนางปีศาจ”

นักพรตหลับตาแล้วเริ่มท่องคาถา ชายหนุ่มพลันตัดสินใจวิ่งเข้าไปกอดร่างของนักพรต เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวเขาจึงทำกระบี่ไม้ดำหลุดมือ ปีศาจสาวจึงเป็นอิสระอีกครั้ง

“เจ้าทำอะไรของเจ้า”

“ข้ารักนาง ท่านนักพรตปล่อยนางไปเถอะ”

“หากนางหนีรอดไปได้ ก็จะมีผู้คนต้องรับเคราะห์อีกมาก เจ้าไม่เข้าใจหรือ”

“ท่านจะไปรู้ได้อย่างไร บางทีผู้คนเหล่านั้นล้วนเป็นเหมือนข้า ล้วนยินยอมตายเพื่อนาง”

“...เจ้า...”

นักพรตถึงกับจนใจกับความดื้อด้านของชายหนุ่มผู้นี้ ปีศาจสาวจึงฉวยโอกาสนี้หลบหนีไป หมอกควัน และกลิ่นกุหลาบล้วนจางหายไปพร้อมกับการจากไปของนาง

นักพรตหยิบกระบี่ไม้ดำขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ และบ่นกับตัวเองเบาๆ 'เราไม่น่าช่วยเจ้าหนุ่มผู้นี้ไว้เลย ปล่อยให้มันตายไปก็ดี' แต่ภายในใจของเขาพลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้น 'ครั้งนี้นางปีศาจกลับล่าถอยไปอย่างไม่น่าเชื่อ' แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อยจากกระบี่ไม้ดำไม่น่าทำให้นางหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้

“โซระ...”

เสียงชายหนุ่มตะโกนเรียกชื่อของนางดังก้องไปทั่วผืนน้ำ 'นางหวาดกลัวสิ่งใดกัน' นักพรตทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้ง 'นางเริ่มหวาดกลัวเมื่อเจ้าโง่ผู้นี้พูดถึงเรื่องหนึ่ง' เรื่องที่กลายเป็นข้อถกเถียงกันในวันนี้ 'ความรัก' นางเป็นกามสูร ปีศาจแห่งกามา แต่ดูเหมือนจะหวาดกลัวต่อความรัก

นักพรตขบคิดเรื่องราวทั้งหมดนี้อีกครั้งในขณะที่เดินจากไป ปล่อยชายหนุ่มไว้เพียงลำพังเหมือนกับเมื่อคืนก่อน แต่พอนักพรตเดินหายลับไป หมอกควันก็กลับมาปกคลุมลำน้ำ ปีศาจสาวย้อนกลับมาอีกครั้ง

“เจ้ายังกล้ายืนยันคำว่ารักอีกหรือไม่”

“แน่นอน”

“เจ้ายอมตายเพื่อข้า เพื่อความรักจริงหรือ”

“แน่นอน”

โซอิดึงด้ายขาวทิ้งไปอย่างไม่ลังเล

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะมอบความตายที่สุขสันต์ให้กับเจ้า”

อ้อมกอดของกุหลาบย่อมเต็มไปด้วยหนามแหลมคม ในความสุขล้วนซ่อนเต็มไปด้วยความทุกข์ และความหวาดกลัว กลัวที่จะสูญเสีย กลัวที่จะไม่สมหวัง กลัวอนาคตที่ยังไปไม่ถึง แต่ความสุขที่ปราศจากอนาคตก็ใช่จะไร้ความกลัว แม้ไม่มีอนาคตภายหลังจากนี้ สุดท้ายแล้วก็ยังคงมีความกลัว และความทุกข์อยู่ดี

กระบี่ไม้ดำแหวกฝ่าอากาศอย่างไร้เสียง ใบหน้าของนักพรตมีเพียงความว่างเปล่า ปีศาจสาวเผยรอยยิ้มออกมาก่อนผลักร่างของชายหนุ่มออกห่าง พร้อมกับรับกระบี่นี้ไว้อย่างเต็มใจ เรื่องนี้แม้แต่นักพรตก็ยังคาดไม่ถึง เขาแค่คาดเดาว่านางปีศาจต้องย้อนกลับมา เขาจึงวางแผนซ้อนกลนาง

“เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้”

นักพรตถาม แต่มือที่กุมกระบี่ไม้ดำยังคงมั่นคง ไม่แสดงความลังเลออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย

“...เจ้าไม่มีวันเข้าใจ”

“ท่านทำอะไร ท่านทำอะไร โซระ...”

ชายหนุ่มพยายามเข้ามาช่วยอีกครั้ง นางหันมายิ้มให้เขาก่อนที่ร่างจะแตกสลายกลายเป็นหมอกจาง กุหลาบโรยรา กลิ่นหอมจางหาย แต่ความรักจักมลายไปพร้อมกันด้วยหรือ

“โซระ...”

ชายหนุ่มคุกเข่าลงพร้อมตะโกนก้อง น้ำตาไหลเนืองนอง นักพรตปักกระบี่ไม้ดำลงบนพื้นตรงจุดที่ร่างของนางสลายหายไป ก่อนยืนครุ่นคิดจนถึงเวลาเช้า

#####

“หลังจากนั้นเป็นเช่นใด”

“พวกเจ้าต้องช่วยกันซื้อเนื้อหมูข้าก่อน แล้วข้าถึงจะเล่าตอนจบให้ฟัง”

สาวน้อยร่างใหญ่ผู้หนึ่งพูดขึ้น

“เจ้าแต่งเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเองใช่หรือไม่”

คนขายหมูพลันสับปังตอลงบนเขียงสุดแรง

“หากเจ้าคนใดผ่านไปยังริมฝั่งแม่น้ำ จะพบกระบี่ไม้ดำเล่มนั้นปักอยู่”

สาวน้อยร่างใหญ่กรอกตารอบหนึ่งก่อนเสียงอ่อนลง

“เช่นนั้นข้าซื้อตับหมูชั่งหนึ่ง แล้วเจ้ารีบเล่าตอนจบออกมา”

คนขายหมูรอคอยให้อีกหลายคนซื้อของมากอีกหน่อยก่อนเล่าตอนจบออกมา

“พวกเจ้ารับรองนึกไม่ถึง หลังจากค่ำคืนนั้นนักพรตไม้ดำก็กลับกลายเป็นชาวบ้านธรรมดา ถึงกับมีครอบครัวด้วย ส่วนชายหนุ่มกลับกลายเป็นนักพรตออกเดินทางพเนจรไปทั่ว”

“เป็นไปได้ยังไง”

หลายคนพากันส่งเสียงอย่างไม่เชื่อ หญิงร่างบางอีกคนหนึ่งพลันเอ่ยถาม

“แล้วคนขายหมูในเรื่องที่เล่า ใช่ตัวเจ้าเองหรือไม่”

คนขายหมูพลันยกมือขึ้นลูบเคราพร้อมส่งเสียงหัวเราะไม่ยอมตอบ แต่หลายคนในที่นั้นต่างเห็นว่ามือที่มันยกขึ้นมานั้นมีนิ้วขาดหายไปหนึ่ง หลงเหลืออยู่เพียงสี่นิ้วเท่านั้น

แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 07:54:35

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 00:22:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com