Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
...............จ้างเธอให้รัก ตอนที่14 [PART1/2].................. ติดต่อทีมงาน

ลิงค์ของตอนที่ผ่านมานะคะ

บทนำและตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10613052/W10613052.html
ตอนที่2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10644126/W10644126.html
ตอนที่3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10661938/W10661938.html
ตอนที่4
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10682612/W10682612.html
ตอนที่5
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10712662/W10712662.html
ตอนที่6
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10756171/W10756171.html
ตอนที่7
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10770518/W10770518.html
ตอนที่8
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10800113/W10800113.html
ตอนที่9
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10850347/W10850347.html
ตอนที่10
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10875048/W10875048.html
ตอนที่11
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10966374/W10966374.html
ตอนที่12
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10993897/W10993897.html
ตอนที่13
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11029236/W11029236.html


++++++++++++++++++++

บทที่สิบสาม
ดูตัว

“ช่วงนี้พี่รุฬห์มารอใครอยู่ใต้คณะพยาบาลก็ไม่รู้นะ”
“นั่นสิ ... อาจจะเป็นน้องชายคนสนิทของเขาก็ได้”
“ทีคน่ะเหรอ?”
“อื้ม”
“เธอไม่รู้หรือว่าทีคเขามีแฟนใหม่แล้วนะ เป็นเด็กปีสอง เธอชื่อน้องแจ น้องคนนี้สวยมาก ฉันเพิ่งจะรู้ว่าน้องแจตามตื๊อทีคมาสักระยะหนึ่งก่อนที่ทีคจะยอมคบหาด้วยกันกับน้องแจน่ะ ... ช่วงนี้ทีคคงไม่มีเวลาไปเที่ยวหรือเล่นบาสเกตบอลกับพวกพี่ยีน พี่กายหรือพี่รุฬห์หรอก ... ”
“จริงหรือเนี่ย! อืม ถ้าอย่างนั้นบางทีพี่รุฬห์อาจจะแวะมาหาอาจารย์ก็ได้นะ”
“ไม่รู้สินะ คนที่รู้จักพี่รุฬห์ก็มีเกลื่อนทุกคณะ เดินทักทายตลอดทั้งวันก็ไม่มีทางหมด”
นีรนาได้ยินเสียงสนทนากันระหว่างที่เธอรับประทารอาหารเที่ยงร่วมกับเพื่อนๆ หญิงสาวต้องตั้งใจฟังให้ดีๆว่าจะมีชื่อของเธอเล็ดลอดไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ทว่าสุดท้ายก็สรุปได้ว่าข่าวคราวการคบหากันของเธอและปรุฬห์ยังคงไม่เปิดเผยสู่สาธารณะ เธอควรจะระวังตัวมากกว่านี้เพราะนีรนารู้สึกได้ว่าปรุฬห์มีผู้ที่นับถือเขามากและหญิงสาวที่เดินเกี่ยวแขนเขาได้คงต้องมีคนคอยประเมินอยู่ไม่ห่าง
เธอได้รับบทเรียนนั้นมาแล้วครั้งหนึ่งหลังจากคบหาอยู่กับทีคซึ่งสังคมของเขาส่วนใหญ่เป็นนักศึกษารุ่นน้องหรือรุ่นราวคราวเดียวกัน แตกต่างจากปรุฬห์ผู้มีสังคมที่กว้างกว่านั้นมากและบรรดาเจ้าของบริษัทหลายแห่งก็ต้องการตัวเขาไปเป็นลูกเขยหรือทำงานร่วมกันทั้งนั้น
ถ้าหากหน้าที่ของเธอสำเร็จ เธอก็เพียงแค่แสร้งเลิกราจากเขาและรับเงินก้อนใหญ่ไปใช้ในการทำงานของตนเองต่อไป ... ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ซึ่งกันและกันโดยไม่มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องคงทำให้ทั้งสองไม่ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดเหมือนคราวที่เธอเผชิญกับคำพูดหักดิบของคุณนายอรุณาเดชเป็นแน่แท้

ในช่วงสองวันที่ผ่านมานีรนาปฏิเสธให้ชายหนุ่มไปส่งที่หอพัก ปรุฬห์ผู้ซึ่งต้องเอ่ยถามจนทะเลาะกันสุดท้ายจึงยอมไปส่งเธอ ณ คิส คิส คาราโอเกะก่อนจะฝากเธอไว้กับบรรดาเพื่อนๆของเธอให้ดูแลต่อ
ทว่าวันนี้ปรุฬห์ก็ต้องแสดงความไม่ชอบใจอย่างยิ่งต่อความลับเพียงเล็กๆน้อยๆที่เขาควรจะรู้จากเธอ
“ก็ได้ค่ะ ไปส่งถึงบ้านเช่าก็ได้”นีรนาบ่นเธอไม่อยากมีปัญหากับผู้ว่าจ้างอย่างเขาอีก
ชายหนุ่มหันไปมองสาวเจ้าขณะขับรถก่อนจะยิ้มพราย
เมื่อนีรนาบอกเส้นทางมาจนถึงบ้านเช่าของเธอชายหนุ่มก็เบิกตามองดูประตูโทรมๆของห้องแถวและหน้าต่างเก่าๆผุพังสองชั้น “บอกผมทีสิว่าบ้านหลังนี้มีคนอยู่”
นีรนาหันไปมองเขาก่อนจะชี้ที่ตัวเอง เธอใช้กุญแจไขประตูรั้วสนิมขณะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆของปรุฬห์จากนั้นชายหนุ่มก็ยืนพิงรถยนต์คันงามของเขายืนมองเธอเดินเข้าไปในบ้าน
“ขอบคุณค่ะ”นีรนาหันไปบอกให้เขากลับไปได้แล้วทว่าปรุฬห์เดินสวนเข้ามาในบ้านทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามของนีรนาเลยเพียงสักนิดเดียว
“ภายในบ้านก็พอดูได้นะ”ปรุฬห์กวาดสายตามองพื้นสีเข้มๆ ห้องโล่งกว้างทว่าบรรยากาศค่อนข้างอึดอัดเพราะผนังเก่าๆสีลอกเป็นแผ่นแลดูแล้วคล้ายบ้านร้างมานานแรมปีมากกว่าจะมีคนอยู่อาศัย
“ฉันเก็บกวาดไปแล้ว”นีรนารายงานก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำหลังบ้านเพื่อล้างหน้าล้างตาขณะได้ยินเสียงเดินตุบๆขึ้นไปบนบันไดของปรุฬห์ หญิงสาวจึงต้องเอี้ยวตัวออกมามองดู “คุณปรุฬห์” ไม่มีเสียงตอบรับ เธอได้ยินเขาพึมพำบอกว่ามันช่างร้อนอบอ้าวและกำลังสงสัยว่าเธอทนอาศัยอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
“ข้างบนนั่นมันคือห้องนอน”นีรนาชี้แจงเป็นเชิงสั่งให้เขาลงมาข้างล่าง
“รู้ครับรู้”ปรุฬห์บอกก่อนจะเดินมาพร้อมมุ่ยหน้า “อยู่คนเดียวได้ยังไงน่ะ”
นีรนาไม่ได้ตอบคำถาม เธอเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องน้ำส้มคั้นออกมาพลางรินใส่แก้ว
“ผมเป็นแขกนะ รินให้ผมด้วย”ปรุฬห์เตือน
นีรนาหรี่ส่ายตามองเท้าสะเอวพลางกระดกแก้วน้ำดื่มก่อนจะใช้ศอกขยับขึ้นลงไปยังทิศทางของตู้เย็นเป็นเชิงบอกให้ปรุฬห์บริการตัวเอง “ยังเหลืออยู่นิดหน่อย”ว่าจบก็วางแก้วไว้ในอ่างล้างจานก่อนจะเดินออกไปยังห้องโล่งแล้วก็เปิดโทรทัศน์นั่งบนเสื่อเย็นๆไม่สนใจสายตาขุ่นๆของปรุฬห์ซึ่งสบมองกิริยาการกระทำของเธอตลอดเวลา
“นี่แน่ะคุณนีร”ว่าพลางเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ “หอพักที่ดีกว่านี้ก็มีไม่ใช่เหรอ? เงินของผมก็ให้คุณมาแล้วหัดเอาไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นซะบ้าง”
นีรนาเงยหน้าหันไปมองเขา “นั่นคือคำสั่งหรือเปล่า”
“ก็อยากจะสั่งอยู่หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ย้าย ไม่เอาน่ะ ตอนนี้ขี้เกียจย้ายของและห้องพักดีๆก็หายากมากด้วย”คำตอบของนีรนาทำให้ปรุฬห์ต้องขัดใจ “บ้านของคุณก็คงจะแตกต่างจากที่นี่นับเป็นสิบๆเท่าสินะ”
“มากกว่านั้นอีก”ชายหนุ่มเยาะเย้ย “ไม่อยากย้ายเพราะอยากให้แขกของคุณสงสารสภาพของคุณแล้วก็ให้ทิปคุณเยอะกว่าเดิมสินะ”
นีรนาต้องย่นคิ้วปิดโทรทัศน์จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ “ทำไมคุณต้องจินตนาการคิดในสิ่งที่มันฟังดูไม่เข้าท่าทุกครั้งที่ฉันไม่อยากจะพูดถึงนะ”
“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”ปรุฬห์แย้ง
“ความจริงกับคนปากเสียมันต่างกัน”
“อาชีพขายบริการในสถานภาพนักศึกษา ... มันก็สมควรโดนติเตียนบ้างอยู่แล้วนี่”
เพียะ!
“คราวหน้าคราวหลัง กรุณาพูดให้เกียรติสตรีบ้างนะ”นีรนาตระเบ็งเสียงใส่
ปรุฬห์เลื่อนมือสัมผัสแก้ม “ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ นิดๆหน่อยๆก็ตบ!”
“ไม่อยากจะคุยด้วย รีบกลับไปได้แล้วนะคุณปรุฬห์”
“อย่าให้ผมโกรธบ้างล่ะแล้วคุณจะรู้สึก”ชายหนุ่มบอกอย่างหงุดหงิด
“คนที่เก่งแต่พูดน่ะมีออกจะเกลื่อน”
“ผมไม่ได้เก่งแต่พูด อยากรู้หรือยังไงว่าเวลาผมโกรธ ผมใช้วิธีไหนตอบโต้แฟน”ปรุฬห์ไม่พูดพล่ามอีกเขารีบดึงตัวของเธอเข้ามาแนบชิดโน้มใบหน้าเข้าใกล้จนทำให้นีรนาตกใจพยายามสะบัดพร้อมเอี้ยวตัวหนี
“พอได้แล้ว”นีรนาบอกไม่ยอมมองใบหน้าระยะใกล้ของเขา
“ผมจ้างคุณนะ ผมมีสิทธิ์จะทำอะไรกับคุณก็ได้ไม่ใช่เหรอ”ปรุฬห์กล่าวอย่างผู้มีชัย “น่าเสียดายที่ผมไม่มีเวลาพอจะอยู่ต่อในห้องนอนจนถึงพรุ่งนี้รุ่งสางกับคุณได้ ขอแค่รอยจูบด้วยความเร่าร้อนสักครั้งให้แก่ผมก็พอแล้ว”พูดจบก็ไม่รอให้นีรนาเถียงอีก เขาเชยคางของเธอพร้อมหลับตาลงขณะหมายจะจูบหญิงสาวก็ต้องอุทานอย่างตกใจ นีรนาพยายามขัดขืนส่งเสียงร้องห้ามโดยไว
ในตอนนั้นเองปรุฬห์ก็เหลือบสายตามองเธอขณะริมฝีปากของเธอห่างจากปลายจมูกของเขาเพียงแค่ข้อนิ้ว เขาเห็นหญิงสาวหลับตาพริ้ม มือหนึ่งดันตัวชายหนุ่มเอาไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมีทว่าเขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย ปรุฬห์ขำขันกับท่าทีของนีรนา เธออยู่ใต้อ้อมแขนของเขาซึ่งไม่มีทางที่เธอจะปฏิเสธเขาได้หรอกหากเขาอยากจะทำร้ายเธอจริงๆ ชายหนุ่มหัวเราะร่าแล้วจึงเขยิบตัวถอยห่าง ลุกขึ้นเดินออกไปยังประตู “แกล้งคุณน่ะมันสนุกดีนะ”
นีรนารู้สึกได้ว่าใจเต้นเร็วแรงเหงื่อแตกพลั่ก เธอสับสนกับความกลัวซึ่งเขามอบให้
“ไอ้คนบ้า”นีรนาต้องหยิบหมอนปาใส่ปรุฬห์ซึ่งรีบเดินออกไปจากบ้านพร้อมกับหัวเราะร่าเริงทิ้งท้ายโดยไม่กล่าวลาเธออีก
ไอ้คุณปรุฬห์ ... นีรนาประเมินความเสี่ยงต่อตัวเขาต่ำไป ผู้ดีมีการศึกษาเขาควรจะให้เกียรติ ไม่ใช่พยายามขืนใจเธอแบบนี้เสียหน่อย ... หญิงสาวใช้นิ้วลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ เมื่อตะกี้นี้เธอรู้สึกตื่นเต้นตกใจและหวาดกลัว หากเธอไม่รู้จักเขาดีพอ เธออาจจะยอมให้เขาจูบเธอโดยไม่ขัดขืนเลยก็ได้ ทว่าความคิดนั้นมันไม่มีอีกแล้ว
เธอรู้สึกเพียงว่าเขาช่างเจ้าเล่ห์และฉวยโอกาส
โรคจิตจริงๆ ... เขาเป็นผู้ชายโรคจิตมากๆด้วย!

ในอีกวันถัดมาปรุฬห์ก็รีบโทรศัพท์แจ้งแก่หญิงสาวล่วงหน้าว่าเขาไม่สามารถไปรับเธอได้เพราะครอบครัวของเปมิกามาเยี่ยมที่บ้าน นีรนาต้องนิ่วหน้าแล้วจึงรีบๆตัดสายแลบลิ้นใส่โทรศัพท์ เธอเองก็ไม่อยากเจอเขานักหรอกในวันนี้น่ะ เธอกลัวว่าเขาจะใช้พละกำลังทำร้ายเธอ
ใครบอกว่าเป็นแค่แฟน ... เจตนาของเขามันฟ้องว่าโกหกชัดๆ ...
นีรนาได้โอกาสเดินทางไปหาพี่สาว ณ คิส คิส คาราโอเกะ เธอไม่สามารถเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้แก่พี่สาวฟังได้เลยเพราะเธอรู้สึกอับอายตัวเองที่ปล่อยให้เขาค่อยๆคืบคลานใช้อำนาจเอาแต่ใจฉวยโอกาสกับเธอแม้ว่าเขาแสดงออกเพียงแค่แกล้งให้เธอเจ็บใจเท่านั้นก็ตามที
“นี่แน่ะ คุณนีร คุณอยู่ที่ไหน”ปรุฬห์ก็ยังคงสอบถามว่าเธอกลับถึงหอพักแล้วหรือไม่แม้ว่าเขาไม่สามารถไปส่งเธอได้ในวันนี้ก็ตาม
“กลับห้องแล้ว”นีรนาบอกอย่างระอิดระอา “ฉันอยากนอน ตอนนี้หมดแรง”เธอบอกเป็นเชิงไม่อยากสนทนาด้วย
“ฟังดูโกรธผมมากกว่านะ”ปรุฬห์กล่าว “หึงผมหรือไง วันนี้น้องเปมิกามาที่บ้าน”
“ใครหึง”นีรนาเบ้ปากตอบก่อนจะฟังเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย “คนอย่างคุณน่าหึงด้วยเหรอ”
“ก็มีแต่คุณนั่นล่ะที่บอกปฏิเสธแต่ว่าจริงๆแล้วก็คงเป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจสินะ”
“คุณปรุฬห์ ... เราคบกันได้กี่วันคะ จู่ๆคุณก็พูดแบบนี้เนี่ย”ทำไมเธอเริ่มรู้สึกสับสนกับคำพูดประหลาดๆหวานแปลกๆของเขาซึ่งโดยปกติเขาต้องมีคำจิกเธอให้เจ็บเสมอ
“สักพักยังไงล่ะครับ ไม่ว่าจะกี่วันถ้าหากเป็นแฟนกันเราจะต้องสนใจด้วยหรือว่าเมื่อไหร่จึงจะมีความสัมพันธ์ที่แนบชิดมากกว่านั้นได้”
“แนบชิดอะไรน่ะ”นีรนาหรี่ตา
“แนบชิดทั้งกายและใจระหว่างเราสอง”เขาหัวเราะร่าอยากเบิกบาน
“คนบ้า ... เลิกคิดเสียเถอะ พูดแต่เรื่องแบบนี้อยู่ได้”
“แล้วผมจะพูดเรื่องอื่นกับคุณได้ยังไงในเมื่อคุณชอบ”
“ใครบอกว่าชอบ!”
“ชู่ว”ปรุฬห์กล่าวแทบจะเป็นเสียงกระซิบ “ครับ น้องเปมิกา ... คือว่าพี่”
“เปมิกาได้ยินที่พี่รุฬห์พูดกับยายนั่นแล้วล่ะค่ะ เธอคือใครคะ เธอคือใครกันน่ะ”หญิงสาวรีบเขย่งปลายเท้าหมายจะแย่งโทรศัพท์จากปรุฬห์
อ้อ ... นีรนาเพิ่งจะเข้าใจในทันทีนั้นเอง เขาคงตั้งใจจะสนทนาให้คู่หมั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเห็นว่าเขากับนีรนามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากแค่ไหนสินะ ... ช่างพูดได้แนบเนียนไหลลื่นเหมือนปลาไหลเลยนะคุณปรุฬห์ ดูเหมือนเขาจะแสดงบทเก่งกว่าเธอเสียอีก
น่าเสียดายที่เธอเผลอคิดว่าเขากล่าวเช่นนั้นกับเธอจริงๆ หญิงสาวไม่แน่ใจว่าควรจะดีใจหรือถอนใจแทน
“ขอโทษนะครับคุณนีร ผมจะโทรกลับไปอีกทีนะ”
“ค่า คุณปรุฬห์”คราวนี้นีรนาส่งเสียงหวานเยิ้มจนปรุฬห์ต้องเป็นฝ่ายนิ่วหน้ากับความแปลกของเธอบ้าง
หากจะลองคิดดูแล้วนีรนาก็ต้องนึกฉงนเมื่อครอบครัวของธนากิจมาเยี่ยมบ้านของปรุฬห์ ซึ่งแสดงว่าวันนี้ปรุฬห์คงจะต้องบอกอีกฝ่ายไม่โดยตรงก็โดยอ้อมว่าเขาคบหาอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งสินะ
ถ้าเป็นแบบนี้แล้วพ่อแม่ของเขาก็คงจะไม่พอใจแน่ๆและการหมั้นหมายก็อาจจะมีปัญหาขึ้นมา แน่นอนว่าไม่มีใครห้ามปรุฬห์ได้ในเมื่อเขาไม่ได้ชอบเปมิกา ทว่าฟังจากน้ำเสียงคู่หมั้นของเขาแบบนี้นีรนาพอจะเดาได้ว่าเปมิกาคงไม่ยอมยกเลิกสัญญาหมั้น และบางทีทั้งสองครอบครัวก็คงไม่ยอมรับแฟนสาวของปรุฬห์ด้วยเช่นกันซึ่งในตอนนี้ก็คือนีรนานั่นเอง
บางทีเธออาจจะต้องเรียนรู้จักปรุฬห์ให้มากกว่านี้และแสดงบทบาทให้แนบเนียนเพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าปรุฬห์มีความสัมพันธ์กับเธอที่ลึกซึ้งจนยากที่ปรุฬห์จะหักห้ามใจตัดขาดจากเธอได้ ... นีรนาเพิ่งจะรู้ตัวเองว่างานที่เธอได้รับไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว
ทว่าจู่ๆในบัดดลนั้นเธอก็นึกถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับทีค เขาพาเธอไปเยี่ยมครอบครัวและถูกแม่ของเขาปฏิเสธ ความรู้สึกเสียใจตามหลอกหลอนเธอมาตลอดนับตั้งแต่นั้น ... เธอไม่อยากถูกปฏิเสธอีกแม้ว่าเธอต้องช่วยเหลือปรุฬห์ทว่าอดีตที่ฝังรากลึกกำลังทำร้ายความมุ่งมั่นของเธอ


หลังจากวันนั้นปรุฬห์ก็ไม่พูดถึงเรื่องการเยี่ยมเยียนของครอบครัวธนากิจอีก เขาสบายใจมากกว่าที่ได้ใช้เวลาเล็กๆน้อยๆอยู่กับนีรนาและเลิกคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นผ่านมา
“ล่าสุดผมมาที่ห้างสรรสินค้าแห่งนี้ด้วยความผิดหวัง”ปรุฬห์บอกระหว่างเดินไปเรื่อยๆดูสินค้าจากนอกร้าน “แม่พามาดูแหวน”
“เมื่อไหร่คะ?”นีรนาถามอย่างสงสัย
“เมื่อต้นปีที่แล้วน่ะ”ปรุฬห์บอกด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย “แม่ตั้งใจจะให้มาดูรูปแบบแหวนแล้วก็สั่งทำแหวนหมั้น”
นีรนาพยักหน้า
“ตอนนั้นผมเครียดมาก” ปรุฬห์กล่าวพลางพาดถุงกระดาษซึ่งได้จากการซื้อเสื้อผ้าของเขาไว้แนบไหล่ “ไม่รู้จะทำยังไงกับปัญหาที่อาจจะส่งผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของผมในอนาคต”
นีรนาเลื่อนสายตามองมือหยาบกร้านซึ่งเขาจูงเธอเอาไว้และพบว่าไม่มีแหวนสักวงเดียวบนข้อนิ้วของเขา
“คุณไม่อยากแต่งงานหรือ คุณปรุฬห์”
“ใครบอก”ชายหนุ่มฉีกยิ้ม “เราก็ต้องแต่งงานกับคนที่เราเลือกสิจริงไหม ผมไม่เคยรู้สึกว่าการเลือกผู้หญิงเป็นคู่ครองถือเป็นสิ่งสำคัญจนกระทั่งมารู้ตัวอีกทีว่าถูกคลุมถุงชนนี่ล่ะ”
“แล้วตอนนี้คุณไม่สนใจใครบ้างหรือ”
“ไม่มีเป็นพิเศษ”ปรุฬห์กล่าวตามตรง “ผมเพิ่งจะเรียนจบ ป.โท ให้เวลาผมเรียนรู้งานบ้างเถอะ จะรีบแต่งไปทำไม”
ปรุฬห์เป็นคนขยันหรืออาจจะเรียกได้ว่าบ้างานและบ้ากิจกรรมเป็นชีวิตจิตใจตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีปีแรก อันที่จริงเมื่อนีรนาลองคำนวณเวลาเรียนของเขาในใจก็ต้องรู้สึกอึ้งกับอายุที่น้อยแต่มีประสบการณ์ทำงานที่น่าสนใจมาก
“พอมีแฟนก็ต้องใช้เวลาด้วยกันแบบนี้”ชายหนุ่มบอกพลางก้มหน้าลงมองนีรนา “วันดีคืนดีไม่มีเวลาให้ก็งอนง่ายแล้วผมจะเอาเวลาไหนไปง้อจริงไหม”ปรุฬห์เริ่มบ่นด้วยสิ่งที่เขาพบเจอมากับตนเอง
“แล้วถ้าหากฉันงอนบ้างคุณจะทำยังไง”นีรนาลองถามด้วยความอยากรู้ แววตาของเขาเจ้าเล่ห์ไม่เคยเปลี่ยน
ปรุฬห์สบตามองเธอแล้วจึงเหยียดยิ้มส่งเสียงหึๆในลำคอ ขณะที่หญิงสาวกำลังรอคำตอบ เขาก็เลื่อนมือที่กุมมือของเธอเอาไว้ย้ายมาพาดบนไหล่ของนีรนาก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ ได้กลิ่นเส้นผมหอมๆเขาก็อยากแกล้งจูบเธออีก นีรนารู้ทันต้องรีบดึงตัวหนีห่างออกมาจากชายหนุ่มก่อนที่เขาจะหัวเราะชอบใจใหญ่
“ไม่ตลกนะ เราอยู่ในห้าง”นีรนาเตือน เธอเริ่มระแวงเมื่อเขาเดินเข้ามาจูงมือของเธออีกครั้ง
“ก็คุณถามผม ผมก็ตอบไง”
“นี่มันไม่ใช่คำตอบเสียหน่อย”
“ทำไมล่ะ ผมอยากง้อคุณด้วยวิธีนี้มันผิดเหรอ”ปรุฬห์ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ขณะที่นีรนาทำท่าจะเถียงทว่าเธอก็ได้แค่เพียงถอนหายใจยาวๆเดินปึงปังเข้าไปในร้านหนังสือโดยไม่สนใจเขาอีก
หลังจากแวะซื้อของภายในห้างสรรพสินค้าเสร็จเรียบร้อยแล้วปรุฬห์ก็พาหญิงสาวมาส่งที่บ้านเช่า เขาถือวิสาสะเดินเข้าไปมองรอบๆห้องอีกครั้ง ยืนล้วงกระเป๋าและผิวปากยาวๆเมื่อนีรนาหันมาสบตามอง เธอแลบลิ้นใส่เขาก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำไม่สนใจแขกวีไอพีรายนี้เลยด้วยซ้ำไป
ปรุฬห์รอให้หญิงสาวอาบน้ำเสร็จแล้วจึงเลื่อนตัวมานั่งดูโทรทัศน์เพื่อถือโอกาสสนทนาด้วย
“ถามจริงๆเถอะว่าคุณอยากจะย้ายห้องพักบ้างหรือเปล่า”
“ค่ะ แต่ยังหาไม่ได้ ฉันติดต่อไปหลายแห่งแล้วพบว่ามักจะมีปัญหาค่อนข้างเยอะอย่างเช่นว่าห้องพักเต็มหรือราคาแพงเกินไป สภาพห้องไม่น่าอยู่ บ้างก็ไกลจากมหาวิทยาลัยมากทำให้มีปัญหาเรื่องการเดินทาง”
“คุณขับรถยนต์ได้ใช่ไหม”
นีรนาหันไปมองเขาก่อนจะกรอกตาไปรอบๆ “ฉันไม่เคยมีรถยนต์หรอกนะ”
“รถจักรยานยนต์ล่ะ?”
“ขี่ได้”
“ก็ยังดี”ปรุฬห์เท้าคางพลางครุ่นคิด
“มีอะไรหรือเปล่า”นีรนาสงสัย
“กำลังคิดอยู่”
“คิดอะไร”
ปรุฬห์ไม่ได้ตอบ เขาเลื่อนมือไปลูบศีรษะของเธอจากนั้นจึงกล่าวลา “ผมไม่กวนคุณแล้ว รีบเข้านอนนะ เจอกันพรุ่งนี้ครับ”ทุกครั้งที่เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเริงร่าแล้วทำให้นีรนารู้สึกอบอุ่น ถ้าหากเขาเป็นเช่นนี้บ่อยๆก็คงไม่จำเป็นต้องทำให้เธอกับเขาทะเลาะกันทุกครั้งหรอก

นับตั้งแต่ช่วงเวลาที่ปรุฬห์ต้องแบ่งให้แก่แฟนใหม่ของเขา เขาก็ต้องยอมรับว่ามีปัญหาอีกหนึ่งอย่างวุ่นวายชีวิตของเขานั่นก็คือเสียงโทรศัพท์จากเปมิกาพยายามติดต่อหาเขานับเป็นพันๆครั้งเพื่อติดตามตัวคอยสืบคอยค้นว่าชายหนุ่มกำลังทำอะไรอยู่ รวมทั้งพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็รู้สึกกลัดกลุ้มกับการกระทำของปรุฬห์
คุณชวรินทร์อยากเจอแฟนของปรุฬห์ใจจะขาด เขาอยากรู้ว่าเธอเหมาะสมแค่ไหนและทั้งสองครอบครัวควรจะตกลงยกเลิกเรื่องการหมั้นหมายหรือไม่และแน่นอนว่ามีเพียงเปมิกาเท่านั้นซึ่งไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดและปรุฬห์จะต้องแต่งงานกับเธอด้วย
ชายหนุ่มเลี่ยงที่จะเกิดปัญหาด้วยการบอกพ่อแม่ว่าเขาต้องการความสงบจึงไปพักหลบสายตาของเปมิกาในคอนโดมิเนี่ยมหรูหราซึ่งเขาตกลงซื้อทันทีหลังจากทนเสียงวี้ดว้ายของเปมิกาไม่ได้
“อยู่ที่ไหน”นีรนาต้องถามด้วยความสงสัยขณะที่เขาสนทนากับเธอทางโทรศัพท์
“คอนโดครับ”ปรุฬห์บอกก่อนจะเลื่อนมือถูต้นคอ “มองจากมุมนี้ผมก็เห็นบริเวณที่คุณอยู่ไกลลิบๆแล้วก็มหาลัยทางฝั่งซ้ายมือ ว่างๆผมจะพาคุณมาดู”ชายหนุ่มว่าพลางมองผ่านผนังกระจกสอดส่องสายตามองแสงสีของเมืองในยามค่ำคืน “พอเปมิกาตามหาผมไม่ได้เพราะไม่มีใครรู้แม้แต่พ่อแม่ของผมว่าผมย้ายออกมาจากบ้านแล้วหนีมาพักแถวนี้ เธอก็เลยขู่ว่าจะเดินทางไปหาคุณ เธอคงจะอยากหาเรื่องดีๆทะเลาะกับคุณให้ผมมีปัญหาล่ะมั้ง”
“อะไรนะ”นีรนาต้องนิ่วหน้าอีก “เกี่ยวอะไรกับฉันด้วยน่ะ”
“อ้าว คุณนีร พูดแบบนี้ก็ปัดความรับผิดชอบกันสิครับ ... เราเป็นแฟนกันนะคุณลืมแล้วเหรอ”
นีรนาไม่ได้ตอบ
“น้องเปมิกาอะไรนั่นคงไม่ได้มาหาฉันจริงๆหรอกนะ”เธอกังวลใจ
“เธอก็แค่ขู่น่ะ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณอยู่ที่ไหน”ปรุฬห์อธิบายทำให้หญิงสาวโล่งอก “แต่อีกไม่นานคุณต้องเป็นฝ่ายไปหาเธอ”คราวนี้นีรนาต้องตั้งอกตั้งใจฟัง “พ่อของผมอยากจะเจอคุณ”
“เจอหรือ?”
“ใช่ ภายในอาทิตย์หน้านี้ผมจะพาคุณไปที่บ้านคฤษฐานนท์”
“ฉันต้องทำอะไรบ้างหรือเปล่า”
“นอกจากยิ้มโปรยเสน่ห์หวานๆให้พ่อแม่ผมดูแล้วคุณก็ควรจะพูดจาหวานๆใส่ผมด้วย แค่นั้นล่ะ”
นีรนาต้องตีสีหน้าเหยเกรับฟังแม้ไม่เห็นด้วย “ไม่มีปัญหา”
“ผมรู้อยู่แล้ว”ปรุฬห์บอก “คุณช่ำชอง ผมเชื่อใจคุณ”
“ขอบคุณที่ชมค่ะคุณปรุฬห์”เธอรู้ว่าเขากำลังเสียดสีเรื่องที่เขาเข้าใจว่าเธอคือผู้หญิงขายบริการ

ช่วงระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ปรุฬห์กล่าวถึงไม่ได้นานนักหรอกและนั่นก็ทำให้เธอแทบวิตกจริตเมื่อพบว่ามีความกดดันมหาศาลจากเหล่าผู้ดีมีฐานะกำลังรอคอยให้เธอเดินทางไปถึงบ้านของครอบครัวคฤษฐานนท์ในช่วงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์
“ตื่นเต้นหรือเปล่า”
“เปล่า”นีรนาตอบเสียงเข้มขณะสายตามองเส้นทางถนน
“โกหก”ปรุฬห์รู้ในทันที เขาเลื่อนมือไปจับมืออุ่นๆของเธอขณะหยุดรถรอสัญญาณไฟเขียว “แสดงละครให้เหมือนที่คุณแสดงกับผมนะ ตบจูบๆ”
“บ้า”นีรนาหันไปมองดูรอยยิ้มเยาะของอีกฝ่าย
“คุณคงอยากบอกว่าที่จริงแล้วแสดงได้ดีกว่านั้น แสดงได้เร่าร้อนกว่านั้นเยอะสินะ”
“ใช่”นีรนาพยักหน้า “เอ๊ย ไม่ใช่! ทะลึ่ง!”พูดจบก็ต้องตีไหล่ของคนปากดี
“นี่แน่ะ”ปรุฬห์หันมามองอย่างสงสัย “ถามจริงๆเถอะ คุณไม่อยากจูบผมบ้างเหรอ”
นีรนาสบตากับเขาด้วยความตกตะลึงในคำถาม “ทำไมจู่ๆก็พูดถึงเรื่องนี้”
“ปกติคนที่เป็นลูกค้าเขาก็คงจะทำแบบนั้นกับคุณ”ปรุฬห์สงสัย “ถ้าหากคุณเอาอกเอาใจผมมากกว่านี้ ผมอาจจะคิดค่าแรงเพิ่มเป็นเจ็ดพันต่อสัปดาห์ก็ได้จริงไหม ... แต่ดูเหมือนคุณไม่อยากได้สักเท่าไหร่”
“ฉันไม่ใช่คนโลภมาก เท่าที่ได้รับมามันก็มากพออยู่แล้ว”
“คนที่ทำอาชีพขายบริการก็ต้องการเงินจำนวนมากๆเพื่อเลี้ยงตัวเองไม่ใช่หรือไง”ปรุฬห์แย้งโดยไว “แค่เรื่องจูบมันก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคุณอยู่แล้วนี่”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ฉันต้องอยากหรือไม่อยากจูบด้วย”นีรนาไม่เห็นด้วย เธอบ่ายหน้านี้ไม่ยอมสบตากับเขาอีก
“ไม่รู้สิ”ปรุฬห์บอก“ผมก็คงแค่หวังลึกๆก็ได้มั้งว่าผมอาจจะได้จูบคุณจริงๆสักวันโดยที่ผมไม่ต้องบังคับคุณน่ะ”
หญิงสาวเหลือบสายตามองเขาก่อนที่ปรุฬห์จะค่อยๆเหยียบคันเร่งเบาๆปล่อยให้รถวิ่งไปตามเส้นทางถนนอีกครั้ง
จู่ๆใจของเธอก็เต้นอีกแล้ว ... ทำไมต้องเป็นแบบนี้
เธอไม่ชอบเขาไม่ใช่หรืออย่างไร... เธอก็เคยปลื้มเขาเฉยๆ และเมื่อเธอได้สัมผัสความชิดใกล้เช่นนั้นความรู้สึกแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก นีรนาไม่ได้มีความหวังเล็กๆว่าเธอจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขานับจากวินาทีตกลงงานว่าจ้าง ทว่าดูเหมือนเธอจะห้ามใจตัวเองไม่ได้
ทำไมเขาถึงกล้าพูดอย่างเปิดเผยได้มากขนาดนี้ ... แม้แต่เธอเองก็เคยเพียงแค่ลอบมองเขาด้วยความพึงพอใจเท่านั้น
บางทีอาจจะเพราะสถานภาพของเธอในมุมมองของปรุฬห์ซึ่งคิดว่าเธอคือหญิงขายบริการจึงไม่จำเป็นต้องระวังในการใช้คำพูดให้นุ่มนวลหรือสุภาพ เขาคงไม่คิดหรอกว่าเขากำลังทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวราวกับสมองโล่งว่างและไม่ได้ยินเสียงของเขาฮัมเพลงเบาๆขณะขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยสู่บ้านของครอบครัวคฤษฐานนท์

จากคุณ : davidmccartney
เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 54 00:42:44 A:202.12.74.1 X: TicketID:318829




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com